“คุณหนูจะไปไหนขอรับ คุณชายบอกว่าให้บ่าวพาคุณหนูล่วงหน้าไปก่อน”
นี่คือแผนล่อเสือออกจากป่าหรอกหรือ
มั่วเชียนเสวี่ยส่ายหน้า เกรงว่าเฟิงอวี้เฉินผู้นี้จะคำนวณแผนผิดพลาดแล้ว
เท่าที่นางรู้ รอบๆ บ้านหลังนี้มีหน่วยรักษาการณ์ลับซ่อนตัวอยู่อย่างน้อยๆ ก็สิบถึงยี่สิบคนบวกกับอาซานอาอู่ พวกเขาสิบแปดคนคงจัดการไม่ได้ง่ายๆ เป็นแน่
เป็นอย่างที่คาดไว้ ทันทีที่สิ้นเสียงของเฟิงล่วน รอบหลังคาบ้านก็เต็มไปด้วยคน
อาซานกล่าว “ฮูหยินตามชูอีและสืออู่ไปหาเจ้านายเถิด พวกปลาเล็กปลาน้อยที่อยู่ที่นี่มอบให้พวกบ่าวเป็นคนจัดการเอง”
ที่นี่มีคนที่จะลงมือมากมาย หากต่อสู้ขึ้นมา ดาบกระบี่นั้นไร้ตาเกรงว่าจะทำให้ฮูหยินได้รับบาดเจ็บ
ด้วยความช่วยเหลือของชูอีและสืออู่ มั่วเชียนเสวี่ยก็ได้ไปถึงป่าเขาที่อยู่ด้านหลังบ้าน อาซานพูดจบก็เหลือบมองไปที่หมิงเย่ว์กับไฉ่สยา สาวใช้ทั้งสองเดินเข้ามาในบ้านอย่างฉลาด
ต้นไม้ ดอกไม้พฤกษานานาพันธุ์ ถูกพลังฝ่ามือจนร่วงหล่นปลิดปลิวเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในชั่วพริบตาเดียว ท่ามกลางใบไม้ที่ร่วงหล่น คนทั้งสองพัวพันเป็นขึ้นลงเป็นเกลียวคลื่นอยู่กลางอากาศที่มืดมิด ช่างเป็นภาพที่งดงามนัก
หลังจากปะทะฝ่ามือกันใบไม้ก็ปลิดปลิวทั้งสองถอยไปยืนนิ่งอยู่คนละฝั่ง
หนิงเซ่าชิงลูบที่เอวพลางกล่าว “หลายปีมานี้ ผู้ที่สามารถกดดันให้ข้าชักกระบี่ออกมานั้นมีไม่มาก”
ต้องรีบจบการต่อสู้ครั้งนี้โดยเร็ว มิเช่นนั้นพอเชียนเสวี่ยมาถึง คาดว่านางจะปกป้องชีวิตของผู้ที่อยู่เบื้องหน้านี้เป็นแน่ และพิษในตัวเขาก็ใกล้จะกำเริบขึ้นมาแล้ว ไม่อาจจะใช้พลังปราณมากเกินไปได้
ต่อสู้อย่างประมาทเช่นนี้ เป็นการตัดสินใจที่ไม่ฉลาดจริงๆ
เฟิงอวี้เฉินยิ้มเย้ยหยัน “เช่นนั้น ข้าก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง” เขามองออกนานแล้วว่าพลังในร่างกายของหนิงเซ่าชิงนั้นมีมาอย่างไม่ต่อเนื่อง วันนั้นเป็นเพราะเขาประเมินศัตรูต่ำไป วันนี้จะเป็นวันตายของคนผู้นี้
ในเมื่อเขาจะพาเสวี่ยเอ๋อร์ไป แน่นอนว่าเขามิอาจปล่อยให้ชายชู้ของเสวี่ยเอ๋อร์มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้อีก หนิงเซ่าชิงมีสีหน้าที่เย็นชา “สามารถตายใต้กระบี่มายาหยก นับว่าเป็นเกียรติแก่เจ้าจริงๆ” เขาชักกระบี่ที่ซ่อนอยู่ที่เอวออกมา
กระบี่อ่อนพันอยู่ที่เข็มขัดรอบเอวของเขา มิเคยห่างกายเขามาก่อน เมื่อกระบี่อ่อนปรากฏขึ้นเฟิงอวี้เฉินก็หรี่ตาลง ท่าทางเขาดูจริงจังขึ้นมาทันที “กระบี่มายาหยก?”
มือของหนิงเซ่าชิงสั่นเล็กน้อย กระบี่เล่มนั้นที่อ่อนราวกับผ้าได้ปรากฏออกมาแล้ว เขาลูบไปที่กระบี่เบาๆ “ใช่!”
ความประหลาดใจได้ผุดขึ้นในดวงตาของเฟิงอวี้เฉิน “เจ้าคือหนิงเซ่าชิงหรือ”
แน่นอนว่าคำว่า ‘หนิงเซ่าชิง’ นี้ไม่ได้หมายความถึงหนิงเซ่าชิงหนุ่มบ้านนอกแต่หมายถึงคนที่สูงส่งและมีเกียรติที่อยู่ในเมืองหลวงคนนั้น
คนที่ชื่อแซ่เหมือนกันบนโลกใบนี้ก็มีมากมาย
ดังนั้นในตอนที่เฟิงอวี้เฉินได้ยินชื่อของอาจารย์โรงเรียนปฐมวัยครั้งแรกที่มีนามว่าหนิงเซ่าชิง ก็ไม่เคยเอาไปเชื่อมโยงกับหนิงเซ่าชิงคนนั้นที่อยู่ในเมืองหลวงเลย
ตอนนี้กระบี่ปรากฏออกมาแล้ว คนอยู่ตรงหน้า แม้เขาไม่อยากเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ
ในเทียนฉีจะเรียกคนที่เกียรติยศสูงส่งด้วยชื่อที่เป็นทางการ ไม่เรียกชื่อสามัญ
ชื่อทางการของหนิงเซ่าชิงก็คือมิ่นจื่อ ปกติจะเรียกว่ามิ่นจื่อซวง คุณชายมิ่นจื่อ นอกจากนี้ยังสามารถเรียกว่าคุณชายใหญ่ได้อีกด้วย คนที่เรียกว่าหนิงเซ่าชิงมีน้อยมาก ใครจะไปนึกว่าคุณชายใหญ่แห่งตระกูลขุนนางขั้นหนึ่ง ผู้ที่จะได้เป็นเจ้าเรือนในอนาคต จะละทิ้งทรัพย์สมบัติของตระกูล จะมาอยู่อย่างสันโดษในสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักเช่นนี้
คนตระกูลหนิงได้ประกาศสู่ภายนอกว่าคุณชายใหญ่แห่งตระกูลหนิงได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อปีที่แล้ว
ทุกปีมีคนหายสาบสูญไปจากเทียนฉีจำนวนมาก ‘สาบสูญ’ ในสายตาของคนมากมายสองคำนี้นั้นหมายถึงตายไปแล้ว!
หนึ่งปีกว่าๆ มานี้ล้วนหาไม่เจอ อยู่ในตำแหน่งแบบนี้ แน่นอนว่าเป็นลางร้ายมากกว่าลางดี ดังนั้น คนจำนวนมากจึงคิดว่าคุณชายใหญ่ของตระกูลหนิงที่ลึกลับนั่นได้ตายไปแล้ว ล้วนเป็นคุณชายที่อยู่ในจวนหลังใหญ่ทั้งสิ้น ความโหดร้ายภายในตนเองรู้ดี ความชั่วร้ายทุกรูปแบบ กลิ่นคลุ้งคาวเลือดล้วนพบเห็นได้ทั่วไป
หนิงเซ่าชิงแกว่งกระบี่ที่อยู่ในมือ “เดินไม่เปลี่ยนชื่อ นั่งไม่เปลี่ยนแซ่ ใช่ ข้าคือหนิงเซ่าชิง”
“น่านับถือ!” ในเวลานี้เฟิงอวี้เฉินรู้สึกชื่นชมเขาขึ้นมาแล้ว จึงรวบรวมพลังปราณ “สามารถทำให้คุณชายใหญ่ใช้กระบี่หยกนี้ได้นับเป็นโชคของอวี้เฉินแล้ว” นี่เป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากอย่างแน่นอน
กระบี่ที่แหลมคมออกมาจากฝักแล้ว ต้องหลั่งเลือดอย่างแน่นอน!
‘กระบี่มายาหยก’ คนที่เคยเจอกระบี่นี้ ได้ยินมาว่าล้วนตายภายใต้คมกระบี่ของมันทั้งสิ้น
ในตอนนั้นได้ยินมาว่าคุณชายชายใหญ่แห่งตระกูลหนิงเป็นคนที่มีบุคลิกโดดเด่นไม่ธรรมดา วรยุทธ์การต่อสู้เยี่ยมยอด เขาจึงอยากทำความรู้จัก นึกไม่ถึงว่าจะถูกคนหยาบคายมาขัดขวาง
นอกจากคุณชายใหญ่ตระกูลหนิงจะมีชื่อเสียงมาก เขายังเป็นคนที่ถ่อมตนมากอีกด้วย ไม่ค่อยจะปรากฏตัวในที่สาธารณะ เลยไม่มีโอกาสได้เจอเลย
นึกไม่ถึงว่าพอเจอกันก็เป็นศัตรูคู่แค้นกันเลย
ระหว่างที่พูด หนิงเซ่าชิงก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว!
เคลื่อนไหวได้เร็วราวสายฟ้า แต่เห็นประกายแสงจากกระบี่นั้นพุ่งตรงไปที่คอของเฟิงอวี้เฉิน
คนผู้นี้ต้องการจะฉุดภรรยาของเขาไป เขาอดทนมานานแล้ว วิญญูชนต้องรู้ว่าสิ่งใดควรทำสิ่งใดไม่ควรทำ ถึงแม้ว่าเขาจะมีตระกูลเฟิงค้ำจุนอยู่ เขาก็จะไม่ออมมือให้
เฟิงอวี้เฉินก็เคลื่อนไหวในทันทีเช่นกัน ใช้กระบี่ในมือสกัดเอาไว้ กวัดแกร่งกระบี่ต่อสู้กลับไป
ใครจะรู้ การป้องกันของเขาจะร่วงลงสู่อากาศ พลังฝ่ามือนั้นก็พุ่งไปผิดที่ เหมือนโจมตีปุยนุ่นอย่างไรอย่างนั้น หนิงเซ่าชิงพุ่งกระบี่ออกไปและฝีเท้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
เฟิงอวี้เฉินไม่ทันมองให้ดีว่าการก้าวเท้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างไร เพียงรู้สึกว่าร่างของเขาทิศทางฉับพลัน เห็นอยู่ชัดๆ ว่ากระบี่เล่มนั้นพุ่งตรงมาที่หว่างคิ้วของเขา ตอนนี้กลับเปลี่ยนทิศทาง กระบี่เล่มนั้นเหมือนจะโจมตีเขาจากรอบทิศทาง ทำให้เขาแยกไม่ออกว่ากระบี่ไหนจริงกระบี่ไหนปลอม
ตะโกนออกไปเสียงดังหนักแน่น “วิชากระบี่ล้ำเลิศ!”
เฟิงอวี้เฉินกล่าวชม พับแขนเสื้อขึ้นมาอย่างแรง พุ่งเข้าประจันหน้าหนิงเซ่าชิง
วิชากระบี่ลวงตา ขึ้นชื่อเรื่องความรวดเร็ว หากเขาจะต้องการจะต่อสู้กับหนิงเซ่าชิง เป็นการรนหาที่ตายอย่างไม่ต้องสงสัย เขาจำเป็นต้องใช้ความแข็งแกร่งของตนเองนั่นก็คือ กำลังภายใน
พลังอันโหดร้ายรุนแรงไร้เทียมทาน ประโยชน์จากคมกระบี่ ช่วยเหลือหนิงเซ่าชิงได้ดีจริงๆ เป็นกระบี่ลวงตาที่ประหลาดเสียจริง!
แต่ว่า ตราบใดที่หนิงเซ่าชิงกลับมาป้องกัน กระบี่นี้ของเขาก็จะแยกออก
ร่างของหนิงเซ่าชิงบิดไปมา หลบเลี่ยงฝามือวายุ กระบี่ที่อยู่ในมือของเขาที่พุ่งมาค่อยๆ ช้าลง ทิศทางก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง
การเปลี่ยนแปลงของคนอื่น แค่เปลี่ยนตำแหน่งที่จะลงมือเท่านั้น ทว่าพอพลังกระบี่ของหนิงเซ่าชิงเปลี่ยนไป แม้แต่ทิศทางทั้งหมดก็เปลี่ยนไปด้วย เดิมทีกระบี่มุ่งไปทางทิศตะวันออกแต่ดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นทิศตะวันตกในทันที
ความจริง กระบี่ของหนิงเซ่าชิงไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ที่เปลี่ยนไปคือฝีก้าวของเขา
พอได้ยินเสียงดัง ตึก กระบี่ของเฟิงอวี้เฉินที่อยู่เบื้องหน้าก็ร่วง แขนเสื้อก็ถูกตัดขาดไปครึ่งหนึ่ง
เฟิงอวี้เฉินรีบถอย
แสงกระบี่ของหนิงเซ่าชิงกลายเป็นรุ้งทอดยาว คนกับกระบี่รวมกันเป็นหนึ่ง
สายรุ้งยาวทอดข้ามไป คนก็พุ่งมาตามกระบี่
กระบี่นี้ ไม่มีพื้นที่ว่างให้แพ้แต่น้อย
กระบี่นี้ รวดเร็ว แม่นยำ โหดร้าย หลีกเลี่ยงไม่ได้
เฟิงอวี้เฉินที่กำลังสิ้นหวัง หลับตารอความตาย
“ช้าก่อน” ในช่วงเวลาคับขัน ก็มีเสียงตะโกนหนึ่งดังขึ้นมา
ที่มาพร้อมกับเสียงตะโกนนั้น ก็คือร่างสีฟ้าที่พุงเข้ามา ยืนขวางร่างเฟิงอวี้เฉินเอาไว้ กระบี่พุ่งตรงเข้าเสียบร่างสีฟ้านั่นทันที
เรื่องทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเดียว
“คุณหนู…”
“เสวี่ยเอ๋อร์”
“เชียนเสวี่ย…”
“ไม่…”
เสียงตะโกนหลายเสียงดังขึ้นพร้อมๆ กัน
เฟินอวี้เฉินประคองร่างสวมชุดสีฟ้าที่ร่วงลงเบื้องหน้าเขาอย่างแผ่วเบา ทว่ามั่วเชียนเสวี่ยกลับใช้แรงทั้งหมดที่เหลืออยู่ผลักเขาออกไปพลางกล่าว “ท่านยังไม่รีบไปอีกหรือ!”