นางนึกไม่ถึงว่าเรื่องราวจะพัฒนามาถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้ เกรงว่าหากเฟิงอวี้เฉินยังไม่จากไปอีก หนิงเซ่าชิงคงจะสังหารเขาต่อหน้าต่อตานางแน่นอน ถึงแม้ว่านางจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่ก็รู้จักสำนึกบุญคุณและอยากจะตอบแทน นางใช้ร่างกายของเสวี่ยเอ๋อร์ ถึงทำให้ได้พบเจอกับหนิงเซ่าชิง นี่คือความจริงที่มิอาจปฏิเสธได้
หากไม่ใช่เพราะเสวี่ยเอ๋อร์เรียกตัวนางมา ชั่วชีวิตนี้ของนางก็คงมิรู้ว่าสิ่งใดที่เรียกว่าความรัก สิ่งใดที่เรียกว่าอยู่หรือตายมิคลายจาก และสิ่งใดที่เรียกว่าช่วยเหลือเกื้อกูลกันในยามที่ยากลำบาก
การมีชีวิตอยู่เช่นนั้น ก็แค่ผ่านความลำบากไปวันๆ ไม่แตกต่างอะไรกับการรอคอยความตาย
ยิ่งไปกว่านั้น นางได้รับปากเสวี่ยเอ๋อร์ไว้แล้ว
เฟิงอวี้เฉินที่ถูกมั่วเชียนเสวี่ยผลักออกไป มองดูหยาดเลือดแดงฉานราวดอกไม้สีแดงที่เปรอะเปื้อนมือขณะที่เขาโอบนางไว้ ใจเจ็บปวดดั่งถูกมีดเฉือดเฉือน
ในใจนางยังคงมีเขาอยู่ มิเช่นนั้นคงมิใช้ร่างกายมารับคมดาบนั่นแทนเขา
ต้องโทษที่วันนั้นตนเองติดงานจนมิอาจไปคุ้มกันการเดินทางของนางด้วยตนเอง ทำให้ต้องนางตกอยู่ในอันตราย
ได้แต่เกลียดที่มีหนิงเซ่าชิงผู้โดดเด่นและสง่างามอยู่บนใบโลกนี้
ได้แต่โทษคนตระกูลมั่วพวกนั้นที่จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต…
นางปฏิเสธตนเองก็เพราะเป็นข้อควรปฏิบัติและคุณธรรมของสตรี เป็นเพราะตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหนิงเซ่าชิง และเป็นเพราะ…
ชั่วพริบตาเดียว เขาหาข้ออ้างจำนวนนับไม่ถ้วนมาอธิบายว่าทำไมมั่วเชียนเสวี่ยถึงได้ปฏิเสธเขา
เขามิอาจทำให้ความหวังดีของนางสูญเปล่า เขาจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป เฟิงอวี้เฉินได้กระโจนออกจากป่านี้ไปด้วยฝีเท้าที่แผ่วเบาแล้ว เพียงแต่ใจของเขานั้นกลับทิ้งเอาไว้ในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในป่าแห่งนี้ตลอดไป
เสียงคร่ำครวญร่ำไห้ ดังเป็นระยะๆ ไปตลอดทาง ซึ่งมันก็เป็นข้อพิสูจน์เรื่องนี้ได้ดีที่สุด
หนิงเซ่าชิงเก็บดาบ แล้วกระโจนเข้าไปรับร่างของมั่วเชียนเสวี่ย
สีหน้าของมั่วเชียนเสวี่ยซีดขาว หายใจลำบาก ชุดสีฟ้าอ่อนได้เปลี่ยนเป็นสีแดงฉานแผ่ซ่านเต็มกาย
ชูอีและสืออู่ตกใจกลัวกับสถานการณ์เบื้องหน้าที่ได้เห็น ครั้งที่แล้วกูเหยียของพวกนางขับไล่ศัตรูออกไปได้ เพราะมีองครักษ์ลับคอยช่วยเหลือ ครั้งนี้ เดิมทีพวกนางคิดว่าหากคุณชายเฉินใช้พลังทั้งหมดที่มี คนที่ได้รับบาดเจ็บก็น่าจะเป็นกูเหยีย พวกนางยังคิดเลยว่าต้องช่วยเขา
ทั้งสองคนเห็นว่าทั้งเนื้อทั้งตัวของมั่วเชียนเสวี่ยเต็มไปด้วยเลือด จึงจะเข้าไปช่วยพยุง ทว่ากลับถูกประกายดาบในแววตาของหนิงเซ่าชิงหยุดเอาไว้ ทำได้เพียงคุกเข่าลงหลั่งน้ำตาต่อหน้าพวกเขา
เป็นเพราะพวกนางไม่ได้ดูคุณหนูให้ดี
พวกนางจะไปคาดคิดได้อย่างไรว่าคุณหนูจะพุ่งเข้าไปโดยไม่เกรงกลัวอันตรายเลย
คุณหนูลืมอดีตไปหมดสิ้นแล้วมิใช่หรือ ลืมคุณชายเฉินไปแล้วนี่ แล้วเหตุใดถึงต้องพุ่งเข้าไปขวางทางดาบด้วยเล่า
ชูอีไม่เข้าใจ สืออู่ก็ยิ่งไม่เข้าใจมากกว่า
ดวงตาของหนิงเซ่าชิงแดงก่ำ น้ำไหลออกมาจากดวงตานั่น ในใจอัดแน่นไปด้วยไฟแห่งโทสะ มองดูมั่วเชียนเสวี่ยที่ตัวขาวซีด ไฟนั่นก็มอดลง น้ำเสียงสั่นเครือ “เจ้า…ทำไมกัน”
นางเพิ่งจะพูดกับเขาว่าชั่วชีวิตนี้จะไม่มีวันพรากจากกัน ในชั่วพริบตาเดียวกลับรับดาบแทนชายอื่น จะไม่ให้เขาเจ็บปวดหัวใจเหมือนโดนมีดกรีดได้อย่างไร
หากบอกว่าไม่มีความสเน่หาแม้แต่น้อย เขาเองก็ไม่เชื่อแล้ว
มั่วเชียนเสวี่ยหายใจแผ่วเบา พูดติดๆ ขัดๆ “วันนี้…เป็นการขอโทษเขา ข้า…ตอบแทนเขาสามครั้ง ครั้งนี้ คือครั้งที่…หนึ่ง” ที่แท้ นางแบกสถานะของเสวี่ยเอ๋อร์เอาไว้ ไม่ใช่มั่วเชียนเสวี่ยธรรมดาๆ อีกต่อไปแล้ว
ความรู้สึกของเสวี่ยเอ๋อร์ นางแบกรับไว้ไม่ไหว แต่ว่าน้ำใจ นางต้องตอบแทน
ไมตรีจิตของพี่ชายคนนั้น ตอบแทนเขาสามครั้งก็น่าจะเพียงพอแล้ว…
กระแสความคิดพลุ่งพล่านในร่างกายหนิงเซ่าชิง เพียงรู้สึกถึงความหวานในลำคอ จึงกลืนความหวานนี้ลงไปแล้วกล่าวอย่าชัดถ้อยชัดคำ “เหลืออีกสองครั้ง ให้ข้าใช้คืน”
หนี้รักที่นางติดค้างเขา ปล่อยให้เขาใช้คืนเอง!
แปดคำนี้ ดังก้องกังวานและทรงพลัง ดังชัดทุกถ้อยคำ ดุจคีรีดั่งภูผาสูงชันที่ไม่เพียงกดทับไปยังชูอีและสืออู่ แต่ยังกดทับป่าเขาลำเนาไพรแห่งนี้อีกด้วย
เขาไม่อยากให้นางกับคนผู้นั้นมีสิ่งใดเกี่ยวพันกันอีก
มั่วเชียนเสวี่ยหลั่งน้ำตาในทันที
เดิมทีนางก็บอกกับเขาไปแล้วว่าจะอยู่กับเขาตลอดไป แต่นางกลับทำทำเรื่องโง่ๆ เสียได้
มั่วเชียนเสวี่ยยื่นมือออกไป ลูบที่ใบหน้าของหนิงเซ่าชิง สะอื้นไห้กล่าว “ข้า…หัวใจของข้า…ไม่เคยมีเขาอยู่ในนั้นเลย…” ไม่รู้ด้วยเหตุใด จู่ๆ นางก็นึกถึงเพลงเก่านั่นขึ้้นมา ใจของข้านั้นมีเพียงท่านไม่มีเขา
นางอยากร้องให้เขาฟัง แต่กลับไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว”
ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว!
หนิงเซ่าชิงปิดปากของมั่วเชียนเสวี่ย ระงับกระแสความคิดในร่างกายนั้นเอาไว้ และใช้พลังปราณปกป้องเส้นลมปราณของมั่วเชียนเสวี่ยในทันที เพื่อหยุดเลือดให้นาง
พอทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ มั่วเชียนเสวี่ยก็สิ้นสติไปเพราะความเจ็บปวด ใบหน้าของหนิงเซ่าชิงซีดขาว ร่างกายก็สั่นไหว
มีความเย็นนึงจู่โจมเข้าใส่ร่างกายโดยไม่ทันตั้งตัว เขาหลังแข็งทื่อ ท่าไม่ดีแล้ว ทันใดนั้นเขาก็หันไปอุ้มมั่วเชียนเสวี่ยแล้วพามุ่งไปยังหมู่บ้านหวังจยา
เมื่อกลับมาถึงลานกว้างของบ้านสกุลหนิง พวกชายชุดดำที่อยู่ในลานบ้านก็จากไปหมดแล้ว อาซานและอาอู่พาคนชุดดำสองสามคนมาเก็บกวาดที่เกิดเหตุ หนิงเซ่าชิงส่งมั่วเชียนเสวี่ยให้ชูอีโอบเอาไว้ พลางเหลือบมองอาซานและอาอู่ แล้วเดินเข้าห้องตำราไป
ชูอีและสืออู่รีบอุ้มมั่วเชียนเสวี่ยเข้ามาในห้อง และตรวจสอบอาการบาดเจ็บ จะไปมีกะจิตกะใจคาดเดาความคิดกูเหยียของพวกนางได้อย่างไร เพียงคิดว่ากูเหยียกำลังโกรธอยู่เท่านั้น
ไม่ว่าบุรุษผู้ใดที่พานพบเหตุการณ์เช่นนี้ ก็คงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไปสองสามวัน
……
เสียงตะโกนของเฒ่าประหลาดดังมาจากด้านนอกของบ้านตระกูลถง ท่านผู้เฒ่าถงเห็นท่าไม่ดีแล้ว จึงได้โบกมือให้คนผู้นั้นที่เพิ่งจะเข้ามารายงานเรื่องการทำลายยาออกไปก่อน จากนั้นก็ให้องครักษ์ของเรือนที่ขวางทางเฒ่าประหลาดไว้อยู่ปล่อยเขาเข้ามา
เดิมทีเขากะว่าจะเชิญเฒ่าประหลาดมาพูดคุยกันดีๆ ในห้องตำรา แต่เฒ่าประหลาดผู้นั้นกลับไม่ยินดีจะเข้ามา
ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวน มีเสียงตะโกนขึ้นมาอีก “ตาเฒ่าถง เจ้าพูดมาให้ชัดแจ้ง เหตุใดถึงต้องทำลายยาของข้าด้วย หากเจ้าพูดไม่กระจ่าง เรื่องนี้ข้าไม่จบง่ายๆ แน่”
ท่านผู้เฒ่าถงไม่รู้จะทำอย่างไร ทำเพียงโบกมือให้องครักษ์ถอยไปข้างๆ ก่อน มีบางอย่างที่จำเป็นต้องพูด “ข้าไม่ได้ต้องการทำลายยาของเจ้า ทว่าอยากทำลายยาของสามีหนิงเหนียงจื่อ”
กับคนอื่นเขามีวิธีจัดการ ทว่ากับเฒ่าประหลาดผู้นี้กลับทำให้เขาปวดหัวมากจริงๆ ในชีวิตของเฒ่าประหลาดสิ่งที่ชอบมากที่สุดก็คือยา วันนี้คนของตนเองได้ไปทำลายยาต่อหน้าต่อตาเขา จะให้เขาระงับความโกรธนี้ลงได้อย่างไร
เฒ่าประหลาดโกรธจนเส้นเลือดขึ้นหน้า หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาคงจะก้าวเข้าไปหาแล้วทำให้คนผู้นั้นรู้ซึ้งถึงฝีมือของตนเองแล้ว ว่าหมอประหลาดไม่ใช่เป็นเพียงหมอรักษาคนเท่านั้น แต่ยังเป็นหมอที่ฆ่าคนได้ด้วย
“กล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร”
เฒ่าประหลาดดับไฟโทสะที่สุมอยู่ในใจ จากนั้นก็รับฟังคำอธิบายของสหายเก่า
ยานี้เขาจะเอาไปใช้ช่วยชีวิตสามีของหนิงเหนียงจื่อ ชีวิตนี้ของหนิงเซ่าชิง เดิมทีเขาจะช่วยได้อยู่แล้ว ในที่นี้มีน้ำใจของคุณชายหลู มีน้ำใจของเจี่ยนเหล่าไท่จวิน ทั้งยังมีน้ำใจของถงจื่อจิ้งอยู่ด้วย
เขากับท่านผู้เฒ่าถงก็เป็นสหายกันมาสามสิบปีแล้ว เขาเฝ้าดูถงจื่อจิ้งเติบโตเป็นผู้ใหญ่ จึงได้เอ็นดูเขามาก
นายท่านผู้เฒ่าหรี่ตาลงเล็กน้อย เผยความชั่วร้ายออกมาทางสีหน้า “ข้าไม่อยากให้สามีของหนิงเหนียงจื่อหายดี”
“เพราะอะไร” เฒ่าประหลาดยิ้มเหยียดหยัน “หนิงเซ่าชิงเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลถงของเจ้า เจ้าต้องการตอบแทนความเมตตาของเขาด้วยความเกลียดชังเช่นนั้นหรือ
“เพราะว่าจื่อจิ้งชอบหนิงเหนียงจื่อ”ผู้ เฒ่าถงไม่ได้คิดจะพูดอ้อมค้อมกับเขา
“เจ้า…” เฒ่าประหลาดโมโหมาก “…มีอย่างที่ไหน!” นึกไม่ถึงเลยว่านางช่วยชีวิตของบุตรชายของเขาเอาไว้ เขากลับวางแผนจะเอาชีวิตของสามีนาง
“เพื่อจื่อจิ้ง เพื่อตระกูลถงแล้ว ข้าไม่ลังเลอะไรทั้้งนั้น “เขากล่าวเสียงดังก้องกังวาน ราวกับว่าเขาได้ทำความสำเร็จอันยิ่งใหญ่แล้ว