“เป็นเรื่องจริง!” ฮองเฮาหน้าเปลี่ยนสี ไม่ให้โอกาสนางในการพูดต่อ “หากเป็นความจริงข้าจะมอบผ้าขาวสามไม้บรรทัด[1]ให้เจ้า เพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของเจ้า และถือเป็นการตอบแทนความเป็นพี่น้องของข้าและมารดาของเจ้า”
มอบผ้าขาว! อยากให้นางฆ่าตัวตายเช่นนั้นหรือ ตอบแทนความเป็นพี่น้องอะไรกัน…
มั่วเชียนเสวี่ยหัวเราะเยือกเย็นในใจ ไม่ฟังนางอธิบาย ก็ประณามความผิดของนาง ลงโทษนางถึงตาย
นี่เป็นพี่น้องอย่างไรกัน ความแค้นใหญ่หลวง? หึ ก็เป็นเพียงเท่านี้!
แววตาของฮองเฮากลับมาอ่อนโยนอย่างสง่างาม คล้ายว่าสิ่งที่ฮองเฮาพระราชทานให้มั่วเชียนเสวี่ยเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวง ไม่ใช่ผ้าขาวสามไม้บรรทัดนั่น “มาถึงขั้นนี้ ข้าก็ทำใจที่จะทำไม่ได้เช่นเดียวกัน แต่จะทำอย่างไรได้ พี่ชิงอวี่ฝากฝังให้ข้าดูแลเจ้าให้ดี”
ฮองเฮาพูดไปด้วย พร้อมกับจ้องมองนางด้วยแววตาเจ็บปวด “พี่ชิงอวี่เป็นดั่งน้ำแข็งใสสะอาดและคล้ายหยกบริสุทธิ์[2]บุตรีของนาง ก็ควรจะเป็นดั่งน้ำแข็งใสสะอาดและคล้ายหยกบริสุทธิ์เช่นเดียวกัน ผ้าขาวสามไม้บรรทัดนี้สามารถชำระล้างมลทินบนตัวเจ้าได้ ไม่มีผู้ใดบนโลกรับรู้เรื่องนี้อีก การรักษาความบริสุทธิ์ของเจ้าได้ ถือเป็นการรักษาชื่อเสียงของพี่ชิงอวี่และบิดาของเจ้า” สตรีในวังหลวง ล้วนแสดงละครเก่งกันทุกคนจริงๆ!
มั่วเชียนเสวี่ยยังไม่ทันตอบ ก็มีหมัวมัวเดินเอาผ้าขาวสามไม้บรรทัดมายื่นให้ตรงหน้า
ของที่ฮองเฮาทรงพระราชทาน ไม่อาจปฏิเสธ เพราะจะเป็นการดูหมิ่นพระมหากรุณาธิคุณ การขัดราชโองการถือเป็นการไม่ให้ความเคารพ
มั่วเชียนเสวี่ยจับจ้องผ้าขาว เงียบอยู่นาน นางโน้มตัวลงขอบคุณในพระมหากรุณาธิคุณ “ขอบพระทัยเหนียงเหนียงสำหรับของพระราชทานเพคะ”
เมื่อมีแผนการในใจ หลังจากกล่าวขอบคุณ นางเหยียดตัวตรง รับผ้าขาวสามไม้บรรทัดมาจากกงหมัวมัว
แววตายากจะทำใจที่ฮองเฮาแสร้งแสดงออกมานั้น เวลานี้ทอประกายรอยยิ้ม
สีหน้าของหมัวมัวทั้งเหี้ยมและโหด หากนางไม่รับผ้าขาว เกรงว่าหมัวมัวจะยัดเยียดให้นางอย่างแน่นอน
เห็นมั่วเชียนเสวี่ยกล่าวขอบคุณและรับผ้าขาว ฮองเฮาและกงหมัวมัวมองตากันด้วยความพอใจที่เรื่องเป็นไปตามความปรารถนาของพวกนาง “กงหมัวมัว พาคุณหนูไป๋ออกไป ส่งคุณหนูไปให้ดี”
เรื่องถูกตัดสินแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยอ่อนแอและขวัญอ่อนมาโดยตลอด แต่เพราะกลัวจะเกิดข้อผิดพลาด จึงให้หมัวมัวคอย ‘ช่วย’ อยู่ข้างๆ คาดว่านางจะจากไปอย่าง ‘สงบ’
“เพคะ” กงหมัวมัวทำความเคารพแล้วมองไปทางมั่วเชียนเสวี่ย “คุณหนูมั่ว เชิญ!” ที่นี่คือตำหนักในวังหลวง แน่นอนว่าไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะแก่การผูกคอฆ่าตัวตาย
กวาดตามองดวงหน้าของฮองเฮา ชำเลืองมองสีหน้าเหี้ยมโหดของหมัวมัว มั่วเชียนเสวี่ยพูดเสียงสูงด้วยสีหน้าเย็นชา “ไม่กล้ารบกวนหมัวมัว เชียนเสวี่ยจัดการเองได้เจ้าค่ะ”
ภายใต้ความแปลกใจของฮองเฮาและกงหมัวมัว มั่วเชียนเสวี่ยสะบัดผ้าขาวด้วยความนิ่งเฉย แล้วเอาผ้าขาวคลุมตัว
นับตั้งแต่วันนี้ รายชื่อศัตรูของมั่วเชียนเสวี่ยมีตระกูลมั่ว มีสองแม่ลูกชั่วช้า มีคนบงการนักฆ่ากลุ่มสุดท้ายที่ลอบทำร้ายพวกนาง ตอนนี้มีอีกชื่อหนึ่งเพิ่มขึ้นมาซึ่งก็คือ…ฮองเฮา
เมื่อคลุมเรือนร่างด้วยผ้าขาว ความเย็นที่ทรงพลังแผ่ซ่าน ชั่วขณะหนึ่งขับให้มั่วเชียนเสวี่ยสูงสง่า ดั่งน้ำแข็งใสสะอาดและคล้ายหยกบริสุทธิ์ ไม่อาจล่วงเกิน
ฮองเฮาและหมัวมัวมองหน้ากัน ไม่รู้ว่ามั่วเชียนเสวี่ยจะมาไม้ไหน
คลุมผ้าขาว สีหน้าของมั่วเชียนเสวี่ยฉายความเศร้าหมอง “เหนียงเหนียงรอบคอบจริงๆ เพคะ หม่อมฉันเพิ่งกลับจวน ยังไม่ทันได้สวมชุดไว้อาลัยให้ท่านแม่ ผ้าขาวผืนนี้เหมาะแก่การตัดชุดไว้อาลัยเหลือเกิน ได้โปรดกรุณาให้หม่อมฉันคลุมผ้าขาวกลับจวนด้วยเถอะเพคะ หม่อมฉันจะตัดชุดไว้อาลัยให้เสร็จในค่ำคืนนี้ให้ได้ ประจวบเหมาะหม่อมฉันจะได้แสดงความกตัญญู หม่อมฉันไม่มีทางทำลายความหวังดีของเหนียงเหนียงแน่นอนเพคะ”
ฮองเฮาพูดคำว่า ‘บริสุทธิ์’ สามพยางค์นี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เมื่อหลุดจากปากมั่วเชียนเสวี่ยกลับกลายเป็นความกตัญญูกตเวที
ฮองเฮางงงวย และรู้ว่าแผนการของนางล้มเหลว ชั่วขณะหนึ่งโมโหจนหมดคำจะพูด ขณะที่นางพยายามระงับความโกรธเคืองดวงตาทั้งสองข้างของนางก็แดงก่ำ สูญเสียความสง่างาม
มั่วเชียนเสวี่ยที่คลุมเรือนร่างด้วยผ้าขาว ขับให้นางดูทระนงตนยิ่งขึ้น แม้นางจะย่นคิ้วลงต่ำและดวงตาทั้งคู่ฉายความเชื่อฟัง ทว่ากลับเหยียดตัวตรง “กราบทูลฮองเฮา เมื่อครู่หม่อมฉันไม่ทันได้กล่าวเพคะ หม่อมฉันเพียงแค่ถูกเขาช่วยชีวิต แต่ความเป็นจริงยังเป็นหญิงพรหมจรรย์เพคะ”
ตอนที่ฮองเฮากำลังจะพระราชทานผ้าขาวให้นาง มั่วเชียนเสวี่ยคิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แม้นางไม่ใช่หญิงพรหมจรรย์ อย่างมากฮองเฮาก็ทำได้เพียงหนังสือสอนหญิงมาจัดการนาง ไม่มีวันกล้าประหารนางอย่างเปิดเผย
ตอนนี้นางพูดเสริมถ้อยคำนี้ เพียงเพื่อเตือนฮองเฮา อย่าเอาเรื่องความบริสุทธิ์มาอ้างอีก
บิดาของนางทำคุณความดีมากมาย อีกทั้งนางยังมีฐานันดรศักดิ์สูงส่ง หากไม่มีราชโองการจากฮ่องเต้ เมื่อนางไม่ฆ่าตัวตาย แม้จะเป็นฮองเฮาผู้สูงศักดิ์ ก็ไม่อาจทำอะไรนางได้
ฮองเฮากล้าพูดเพียงพระราชทานผ้าขาว ไม่กล้ารับสั่งให้…สังหาร
สิ่งนี้พิสูจน์ว่าฮองเฮาหวาดกลัว นางกลัวว่าหน้าต่างมีหูประตูมีช่อง ทั้งยังกลัวจะถูกผู้อื่นติฉินนินทา
คำพูดคุณธรรมที่บริสุทธิ์เหล่านั้น ฮองเฮาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทุกถ้อยคำล้วนมีราคา เพียงเพราะต้องการให้นางอับอายขายหน้า คิดสั้นฆ่าตัวตายด้วยอารมณ์ชั่ววูบ
หลังจากนั้น ฮองเฮาค่อยบอกกับทุกคนว่านางทำผิดขนบธรรมเนียม จึงวอนขอผ้าขาวด้วยตนเอง
ส่วนฮองเฮา มารดาแห่งแผ่นดิน เพื่อความเป็นพี่น้อง เพื่อสตรีต้นแบบของใต้หล้า จึงทำได้เพียงทำตามความปรารถนาของมั่วเชียนเสวี่ย
เมื่อถึงเวลาจะสาดน้ำโคลนถังใหญ่ลงบนตัวนาง…ทำผิดขนบธรรมเนียม ทำตัวขายหน้า เกรงกลัวความผิดจึงฆ่าตัวตาย!
เข้าใกล้ ขู่เข็ญ เกลี้ยกล่อมและโน้มน้าม วางแผนทุกอย่าง เพื่อให้นางเอาผ้าขาวมาผูกไว้บนคอ
ช่างเป็นแผนการที่อำมหิตยิ่งนัก!
หากนางคือเสวี่ยเอ๋อร์ตัวจริง ต้องเดินตามแผนการที่ฮองเฮาวางไว้อย่างแน่นอน เพราะถึงอย่างไรในสมัยโบราณหญิงที่ยังไม่ออกเรือนให้ความสำคัญกับความบริสุทธิ์ยิ่งชีพ ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของบิดามารดาเหนือทุกสิ่ง…
เมื่อถึงเวลา มั่วเชียนสวี่ยผูกคอฆ่าตัวตายจริงๆ นางสิ้นใจแล้ว ไร้ญาติไร้มิตร ไม่มีผู้ใดจะร้องขอความเป็นธรรมให้นาง
ส่วนฮองเฮา สตรรีผู้สูงศักดิ์ที่สุดในใต้หล้า ไม่มีผู้ใดกล้าแคลงใจ ไม่มีผู้ใดกล้าสงสัยในคำพูดของนาง
มั่วเชียนเสวี่ยคาดเดาถูก ฮองเฮาเปลี่ยนบทสนทนา คล้อยตามคำพูดของนาง “เจ้ารู้ตัวก็ดีแล้ว กลับไปต้องไว้อาลัยพี่ชิงอวี่และท่านกั๋วกงให้ดี”
ฮองเฮาหมุนตัวหันหลัง สั่งกงหมัวมัว “เจ้าไปพิสูจน์ดูสิว่าคุณหนูมั่วเป็นหญิงพรหมจรรย์หรือไม่”
ให้หมัวมัวคนหนึ่งมาพิสูจน์เรือนร่างของนาง แม้ว่านางจะเป็นหญิงบริสุทธิ์ วันข้างหน้ายากที่จะลบล้างชื่อที่ถูกสงสัยในความบริสุทธิ์ นับจากนี้ยากจะสู้หน้าคน นางต้องรักษาชื่อเสียงดีงามเอาไว้ รอเกี้ยวตระกูลหนิงมารับเข้าตระกูล
มั่วเชียนเสวี่ยโมโหจนสีหน้าซีดขาว ทว่าท่าทีของนางสูงสง่ายิ่งนัก “หากเหนียงเหนียงจะบังคับพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของหม่อมฉัน เช่นนั้นหม่อมฉันจะเอาหัวชนเสา ให้คนทั่วหล้าได้เห็นว่า ฝ่าบาทปฏิบัติอย่างไรต่อลูกหลานของขุนนางที่สร้างคุณงามความดี และฮองเฮาให้ความสำคัญกับความเป็นพี่น้องอย่างไร”
ความเป็นพี่น้อง? นางจะหยิบยกเรื่องนี้มาพูด ในเมื่อฮองเฮาได้ชื่อเสียงจากเรื่องนี้ เช่นนั้นนางจะใช้เรื่องนี้คืนสนองฮองเฮา
ฮองเอาอยากให้นางตาย แต่ไม่กล้าสังหารนางอย่างเปิดเผย หากนางเอาหัวชนเสาแล้วตายที่นี่จริงๆ เช่นนั้นฮองเฮาจะกลายเป็นฮองเฮาผู้บีบให้ทายาทขุนนางฆ่าตัวตาย
ชื่อเสียงอัปยศนี้ ฮองเฮาไม่อาจรับได้ ไม่แม้แต่จะกล้าลอง
ฮองเฮาหันขวับกลับมากะทันหัน จ้องมั่วเชียนเสวี่ยเขม็ง ความโกรธเคืองพลุ่งพล่าน “เป็นจริงตามที่คิดหญิงชั่วช้าให้กำเนิดทายาทที่ชั่วช้า!”
ในที่สุดก็ทนไม่ไหว เผยธาตุแท้ออกมาแล้ว!
แม้เฟิงชิงอวี่ไม่ใช่มารดาในโลกยุคปัจจุบันที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูนาง แต่ก็เป็นมารดาของร่างนี้ นางไม่มีวันยอมให้ผู้ใดไม่เคารพท่าน แม้คนคนนี้จะเป็นฮองเฮา ก็ไม่มีข้อยกเว้น
ถึงอย่างไรก็ร้าวฉานกันแล้ว เช่นนั้นก็ไม่มีสิ่งให้ให้ต้องหวาดกลัว
มั่วเชียนเสวี่ยมองฮองเฮาด้วยแววตาดูแคลน “ฮองเฮาว่าผู้ใดเป็นหญิงชั้นต่ำเพคะ มารดาของหม่อมฉันคือพี่ชิงอวี่ที่ฮองเฮาเรียกซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากท่านเป็นหญิงชั้นต่ำ เช่นนั้นมิทราบว่าฮองเฮาเป็นคนประเภทใดเพคะ” ชั้นต่ำยิ่งกว่าคนต่ำช้า?
ไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใด แม้ต้องตายก็กล้าที่จะทำ! ยิ่งไปกว่านั้น มั่วเชียนเสวี่ยไม่กลัวนาง อำนาจของฮองเฮาจะมากเพียงใด ก็ใหญ่แค่ในวังหลวงเท่านั้น
[1] ผ้าขาวสามไม้บรรทัด หมายถึง ผ้าสีขาวที่ใช้เพื่อผูกคอฆ่าตัวตาย
[2] ดั่งน้ำแข็งใสสะอาดและคล้ายหยกบริสุทธิ์ หมายถึง คำที่ใช้เปรียบเปรยผู้หญิงที่บริสุทธิ์ทั้งกายและใจ