เถ้าแก่ทั้งหลายยังใคร่อยากจะส่งเสียง แต่เมื่อเห็นลำแสงกระบี่ที่เจิดจ้า พวกเขาปิดปากเงียบอย่างรู้ตัว ไม่จำเป็นต้องทิ้งชีวิตเพราะสงครามน้ำลาย มั่วเชียนเสวี่ยจิบน้ำชา แลดูเกียจคร้านทว่าสง่างาม หัวเราะในใจว่าเฟิงต๋าคนนี้ช่างไม่กลัวตายจริงๆ
หากเขาไม่พูดถึงฮูหยินก็ช่างประไร ทว่าเมื่อเอ่ยถึงฮูหยิน ทั้งยังพูดโกหกว่าตนจงรักภักดี มั่วเหนียงต้องจัดการเขาแน่นอน
เป็นไปตามคาด มั่วเหนียงไม่รอเฟิงต๋าพูดพบ ทำสีหน้าเคร่งขรึม ไม่พูดกล่าวสิ่งใด ฟาดกระบี่ไปที่เขา กระบี่ฟันเส้นผมเหนือศีรษะของเขา แล้วฟันอีกครั้ง กระบี่จ่อไปที่คอหอยของเขา
“หากเจ้าปรารถนาที่จะตาย เช่นนั้นข้ามั่วเหนียงยินดีจะทำให้เจ้าสมหวัง เมื่อถึงเวลา ก็บอกว่าพวกเจ้าคดโกงเงินของจวนกั๋วกง ทั้งยังอยากทำร้ายคุณหนู ฆ่าทิ้งก็สิ้นเรื่อง เป็นเพียงชาวบ้านไม่รู้มารยาทแต่กลับกล้าล่วงเกินสตรีชั้นสูง…หากต้องชดใช้ด้วยชีวิตเช่นนั้นก็เอาชีวิตของข้ามั่วเหนียงไป ไม่เกี่ยวข้องกับคุณหนูแต่อย่างใด…”
มั่วเหนียงยังพูดไม่จบ บรรดาเถ้าแก่ก็รีบพุ่งตัวมาราวกับฝูงผึ้ง ดึงตัวเฟิงต๋าที่ตกใจจนนิ่งงันให้ถอยหลัง
พวกเขาเข้าใจแล้ว เมื่อครู่มั่วเหนียงชักกระบี่ออกมา คุณหนูใหญ่ไม่แม้แต่จะกะพริบตา ไม่แน่ คุณหนูใหญ่อาจจะสังหารคนจริงๆ ก็ได้!
ชาวบ้านล่วงเกินสตรีชั้นสูง! แม้โทษไม่ถึงตาย แต่ก็เป็นโทษหนักที่ไม่อาจอภัย! จากท่าทีของฮ่องเต้เมื่อคราวก่อน ครั้งนี้หากมั่วเชียนเสวี่ยยอมให้สตรีโหดอย่างมั่วเหนียงฆ่าพวกเขา ไม่แน่ว่าฮ่องเต้อาจจะยอมให้สตรีโหดคนนี้รับโทษแทน สำหรับคุณหนูใหญ่ อย่างมากก็แค่ไม่ดูแลบริวารของตนให้ดี ถูกกักบริเวณเพิ่มขึ้นเท่านั้น
นั่นคือศีรษะของมนุษย์ คือชีวิตของพวกเขา พวกเขาไม่อาจเดิมพัน!
อันที่จริงแม้พวกเขาไม่ดึงตัวเฟิงต๋า เฟิงต๋าก็ไม่กล้าเดินขึ้นหน้าอีกต่อไปแล้ว กระบี่เมื่อครู่ ทำให้แผ่นหลังของเขามีเหงื่อเย็นแตกพลั่ก กระบี่เล่มนั้นฟันผ่านศีรษะ ทั้งเย็นและเหน็บหนาว…
เวลานี้ เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อย!
เดิมทีเขาเตรียมสมุดบัญชีไว้สองชุด หากมั่วเชียนเสวี่ยตายจริงๆ คนของตระกูลมั่วมารับช่วงต่อ เช่นนั้นเขาจะเอาสมุดบัญชีชุดแรกให้ แต่หากมั่วเชียนเสวี่ยกลับมา เขาจะเอาสมุดบัญชีชุดที่สองให้
แม้สมุดบัญชีชุดแรกจะไม่ใช่สมุดบัญชีตัวจริง แต่ในสมุดบัญชีมีเงินประมาณหนึ่งถึงสองแสนอีแปะ สำหรับพวกคนตระกูลมั่วที่มองการณ์สั้น แค่นี้ก็เพียงพอที่จะอธิบายให้พวกเขาฟังได้แล้ว
สมุดบัญชีชุดที่สองคือชุดที่เขาเอาให้มั่วเชียนเสวี่ย ในบัญชีไม่มีเงินแม้แต่น้อย มากพอที่จะทำให้คุณหนูขวัญอ่อนที่ไม่เคยเห็นโลกตกใจ และไม่กล้าทำสิ่งใดกับเขา มีแต่จะปล่อยให้ถูกควบคุม แล้วขายร้านค้าเหล่านั้น ทางด้านหัวหน้าตระกูลมั่วฆ่าคนตาไม่กะพริบ ยากจะหลอกลวง ต้องเก็บของดีๆ ไว้ในบัญชีบ้าง
ทว่าคิดไม่ถึง หญิงสาวขวัญอ่อนคนนี้ภายใต้การเลี้ยงดูและพร่ำสอนของหญิงโหดเยี่ยงมั่วเหนียง กลายเป็นคนฆ่าคนตาไม่กะพริบเช่นเดียวกัน
ทว่า เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่อาจถอยหลัง ถึงอย่างไรนางก็ไม่อาจสืบเจอสิ่งใด อย่างมากก็ส่งไปให้ทางการ เขาค่อยจ่ายเงินจบเรื่องนี้ก็พอแล้ว…
ไม่รอให้เขาคิดไตร่ตรอง มั่วเชียนเสวี่ยก็พูดขึ้น “ได้ เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าตายโดยไม่มีสิ่งใดติดค้างในใจ” เสียงนี้หนักแน่นยิ่งนัก คล้ายในสายตาของนาง ชีวิตคนเป็นเพียงมดใต้ฝ่าเท้า ทำให้เขารู้สึกว่าตนเป็นเหมือนตัวตลก
“พ่อบ้าน ไปหยิบสมุดบัญชีมา ข้าจะบอกเขาเอง ว่าเขาทำบัญชีปลอมอย่างไร ดูสิว่าเขาแปลงเงินของจวนกั๋วกงไปเป็นของตนด้วยความ ‘จงรักภักดีอย่างไร’”
พ่อบ้านยืนอยู่ข้างประตูมาโดยตลอด ทันทีที่มั่วเชียนเสวี่ยมีคำสั่ง เขาก็โบกมือให้คนที่อยู่ด้านนอก จากนั้นบ่าวรับใช้สองคนก็ยกสมุดบัญชีหลายร้อยเล่มเข้ามาในห้องโถง
มั่วเชียนเสวี่ยหยิบสมุดบัญชีขึ้นมาหนึ่งเล่ม “เทียนเซิ่งเซวียน รัชศกเทียนฉีปีที่ 315 เงินห้าพันตำลึงซื้อแจกันหยกมาจากด้านนอก รัชศกเทียนฉีปีที่ 318 ขายออกไปสี่พันตำลึง รายการหนึ่งใช้เวลาขายถึงสามปี แล้วยังขาดทุนหนึ่งพันตำลึง…”
“เหตุเพราะขายไม่ออกถึงสองปี จึงลดราคาแล้วขายออกไป มิเช่นนั้นเงินติดงักอยู่เช่นนี้ จะทำการค้าอย่างไร รายการนี้ข้าน้อยเป็นคนอนุญาตให้ขายขอรับ”
“เช่นนั้นหรือ? แต่ว่า ช่างบังเอิญยิ่งนัก ข้าได้ยินว่าผู้ซื้อแจกันหยกนี้คือคุณชายสามแห่งตระกูลวั่น แจกันหยกนี้ซื้อเพื่ออวยพรให้ฮูหยินผู้เฒ่าแห่งตระกูลวั่นอายุยืน เพื่อความเป็นสิริมงคล คุณชายสามซื้อด้วยราคาเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าตำลึง…”
มั่วเชียนเสวี่ยพูดอย่างไม่รีบร้อน ทว่าสีหน้าของเถ้าแก่จางซีดเผือดจนไร้เลือดฝาดแล้ว
“อีกทั้ง ฮูหยินผู้เฒ่าวั่นอายุครบหกสิบปีในรัชศกเทียนฉีปีที่ 315 ซึ่งก็หมายความว่า แจกันที่ซื้อในปีนั้น ขายออกไปในปีเดียวกัน ทั้งยังได้กำไรถึงสี่พันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าตำลึง…รายการเช่นนี้ มีนับไม่ถ้วน ยังต้องให้ข้าพูดทีละรายการหรือไม่” หลังจากพูดจบ มั่วเชียนเสวี่ยโยนสมุดบัญชีไปให้เถ้าแก่จางที่อยู่ด้านข้าง เถ้าแก่จางคุกเข่ากับพื้นทันที
มั่วเชียนเสวี่ยหยิบขึ้นมาอีกหนึ่งเล่ม “เล่มนี้คือภัตตาคารอวี่จี้…”
“เล่มนี้คือ…”
มั่วเชียนเสวี่ยใช้วิธีเดียวกันกับเถ้าแก่ทั้งแปดคน ทันใดนั้นเอง เถ้าแก่ทั้งหลายที่เมื่อครู่วางมาดโอ้อวดต่างคุกเข่าด้วยสีหน้าซีดเผือด บัญชีเหล่านี้ พวกเขาล้วนดูมาหมดแล้ว บัญชีปกติดี แต่ตัวเลขด้านในล้วนเท็จ
ยกตัวอย่างเช่นแจกันที่ซื้อเข้าร้านด้วยราคาห้าพันตำลึง ขายออกในราคาสี่พันตำลึง รายการในบัญชีห่างกันสองสามปี ไม่ได้อยู่ในบัญชีเล่มเดียวกัน ยากจะหาทั้งสองรายการมาเทียบกันได้ แม้จะพบเห็นความผิดปกติแต่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ รายการหนึ่งขายไม่ออกหลายปี ย่อมต้องลดราคาขายเป็นธรรมดา ทว่าคุณหนูใหญ่กลับรู้แม้กระทั่งคนขายและคนซื้อ พวกเขาไม่อาจปฏิเสธต่อไปได้
เฟิงต๋าเห็นสถานการณ์ไม่ดี พูดจาไม่รู้ความ ท่าทีบ้าคลั่ง “เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้ บัญชีเล่มนี้ต้องเป็นของปลอมแน่นอน” แม้แต่เทพเซียนก็ไม่อาจใช้เวลาไม่ถึงเจ็ดวันในการทำความเข้าใจบัญชีเหล่านี้จนกระจ่างชัด
บัญชีหลายร้อยเล่มนี้ คือบัญชีห้าปีกับแปดเดือนของร้านค้าหลายร้านค้า…
ล้วนเป็นบัญชีที่เขาจ่ายเงินมหาศาลในการจ้างวานคนทำ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่เห็นถึงความผิดปกติของบัญชี
หลังจากมั่วเชียนเสวี่ยจัดการเถ้าแก่แต่ละคน พ่อบ้านหยิบสมุดบัญชีขึ้นมาจากพื้นทีละเล่มๆ “ตาสุนัขเยี่ยงเจ้ามองดูเถิด ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นบัญชีที่เจ้านำมาในวันนั้น หากเป็นของปลอม ข้าก็ไม่รู้แล้วว่าเวลานี้บัญชีเล่มจริงอยู่ที่ใด”
มั่วเชียนเสวี่ยหมุนตัวด้วยความสง่างาม กลับไปนั่งบนที่นั่งหลักอีกครั้ง พูดด้วยความดูแคลน “หรือจะบอกว่า บัญชีเหล่านี้ล้วนไม่ใช่ของจริง อันที่จริงพ่อบ้านเฟิงยังมีบัญชีอื่นเก็บไว้? บัญชีจริงหนึ่งชุด บัญชีลับหนึ่งชุด…”
เฟิงต๋ามีความกล้าที่จะคดโกง กล้าทำบัญชีปลอมขึ้นมาหลอกลวง เช่นนั้นย่อมไม่ใช่คนธรรมดา เมื่อหายจากอาการสติแตก เขาน้ำตาไหลพราก “ทั้งที่มีบัญชีเพียงหนึ่งชุด คุณหนูกลับบอกว่ามีบัญชีสองชุด แม้เฟิงต๋ามีร้อยปากก็ไม่อาจโต้เถียงได้ เฟิงต๋าทำงานรับใช้ฮูหยิน รับใช้มานานหลายสิบปี อดทนและไม่เกรงกลัวต่อความยากลำบากมาโดยตลอด…เวลานี้ฮูหยินจากไปแล้ว คุณหนูใหญ่กลับป้ายสีเฟิงต๋าเช่นนี้ ในใจของคุณหนูเคยมีฮูหยินหรือไม่ขอรับ ความกตัญญู…”
เอ่ยถึงฮูหยินอีกแล้ว? เขาไม่คู่ควร! ทันทีที่มั่วเหนียงได้ยินเขาพูดถึงฮูหยิน ก็ปวดหัวยิ่งนัก ชักกระบี่ขึ้นมาอีกครั้ง เฟิงต๋าเห็นเช่นนั้นรีบเปลี่ยนคำพูดทันที
“ทั้งที่บัญชีเหล่านี้มีหลักฐานทุกอย่าง แต่คุณหนูใหญ่กลับพยายามหาข้อผิดพลาด เป็นความจริงที่ว่าคุณชายสามแห่งตระกูลวั่นซื้อแจกันหยกใบนั้นในราคาเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าตำลึง แต่เรื่องที่เทียนเซิ่งเซวียนขายแจกันหยกสี่พันตำลึงก็เป็นความจริงเช่นเดียวกัน หรือว่าเวลาสามปี จะไม่มีการขายแจกันหยกสองใบเช่นนั้นหรือ เฟิงต๋าไม่ยอม เฟิงต๋อขอขึ้นศาลขอรับ”
ขอเพียงได้ขึ้นศาล เก็บสมุดบัญชี เช่นนั้นเขาจึงจะมีโอกาสอีกครั้ง
เขาอยากจะขึ้นศาล อยากจะใช้วิธีสกปรก
มั่วเชียนเสวี่ยรอเขาตกหลุมพรางตั้งแต่แรกแล้ว นางคลี่ยิ้มบางๆ “ก่อนขึ้นศาล พ่อบ้านเฟิงได้โปรดให้ข้าจัดการบ่าวรับใช้ในจวนก่อน พ่อบ้าน เอาสัญญาซื้อขายทาสของบิดามารดาเฟิงต๋ามาให้ข้า ให้มั่วเฉียงส่งคนไปจับตัวบิดามารดาของเฟิงต๋าและตงเหนียงมาพร้อมกันให้หมด วันนี้ข้าจะจัดการบ่าวรับใช้ที่มีใจคิดทรยศ…โบยหรือตี หรือจะขาย ล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ของข้า”