ผู้ปกครองใหญ่ที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือของหัวหน้าตระกูลพูดขึ้น “ความผิดที่ผู้อาวุโสแปดกระทำมีหลักฐานยืนยันชัดเจน ผู้อาวุโสทุกท่านมีข้อโต้แย้งอื่นๆ หรือไม่”
ตระกูลหนิงคือตระกูลที่มีขนาดใหญ่มาก ดังนั้นผู้สูงวัยและมีศักดิ์สูงของตระกูลจึงมีมากกว่าตระกูลทั่วไป พวกเขานั่งขนาบสองข้าง แน่นอนว่าย่อมแบ่งเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเรียกว่าผู้ปกครอง อีกฝ่ายหนึ่งเรียกว่าผู้อาวุโส
ผู้ปกครองมีเพียงบุตรสายตรงเท่านั้นที่จะได้เป็น ทว่าผู้อาวุโสคือผู้มีคุณธรรมและบารมีสูงส่งที่เลือกมาจากตระกูลหนิง เป็นผู้ที่เสียสละเพื่อตระกูลหนิง
ทว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้ปกครอง หรือว่าผู้อาวุโส มีทั้งหมดแปดคนเท่านั้น คนตระกูลหนิงมีนับร้อยนับพัน การมานั่งที่ตำแหน่งนี้ได้ย่อมไม่ง่าย มีตำแหน่งสูงมากๆ ในตระกูล ผู้อาวุโสแปดคือคนแรกที่เสนอให้คุณชายรองหนิงเซ่าอวี่ขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูลในอนาคต
หนิงเซ่าอวี่เห็นว่ามีหลักฐานมัดตัวแน่นหนา ไม่อาจพลิกคดี จึงทำได้เพียงพูดอ้อนวอน “ผู้อาวุโสแปดอุทิศตนทำเพื่อตระกูลหนิงไม่น้อย อาจจะเพียงหน้ามืดชั่วคราวเท่านั้น…” หากไม่อาจรักษาผู้อาวุโสแปดเอาไว้ได้ เขาจะเสียปีกซ้ายคนสำคัญ ทั้งยังทำให้บรรดาผู้อาวุโสที่ก่อนหน้านี้ตัดสินใจไปแล้วหวั่นไหวได้
อีกทั้งหากไม่อาจรักษาผู้อาวุโสแปดเอาไว้ได้ เป็นการยากที่จะเลี่ยงไม่ให้เขาสาวมาถึงตน
“หน้ามืด? เจ้า หรือว่าเขา”
หนิงเซ่าชิงถามเสียงเบา ทว่า สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก แววตาของเขาดั่งลำแสงหนาวเหน็บที่ทอประกายบนดาบ มีไอสังหารแผ่ซ่านออกมาอย่างแปลกพิลึก อย่างฉับพลัน หนิงเซ่าอวี่อดไม่ได้ที่จะหนาวสั่น
เวลาเพียงครึ่งวัน เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า การกลับมาครั้งนี้ของหนิงเซ่าชิง บุคลิกของเขาเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
ความเป็นจริง วันนี้ตอนที่หนิงเซ่าอวี่เดินเข้ามาในห้องหารือภายในศาลบรรพชน เขาก็รู้สึกท่าไม่ดีแล้ว ไม่เพียงแค่เขา ผู้อาวุโสทั้งหลายที่เอนเอียงมาสนับสนุนเขาก็มีสีหน้าย่ำแย่เช่นเดียวกัน
หลังวันขึ้นปีใหม่ ชายชราอ้างว่าล้มป่วยจากนั้นก็ไม่ก้าวเท้าออกมาจากห้องของเขาอีกเลย เมื่อหลายวันก่อนไอแทบเป็นแทบตาย บอกว่าพิษนั่นไม่มียาถอนพิษไม่ใช่หรือ อย่างมากก็มีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงไม่กี่วันไม่ใช่หรือ
เหตุใดเวลานี้จึงนั่งอยู่บนที่นั่งหลัก อย่างมีกำลัง ไม่ไอและไม่หายใจหืดหอบ ใบหน้าเลือดฝาด…อธิบายได้เพียงอย่างเดียวว่าชายชราได้เบาะแสบางอย่างแล้ว ตั้งใจวางแผนหลอกลวง
หนิงเซ่าอวี่ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกปวดใจ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ ด้วยเหตุนี้ จึงยิ่งไม่อาจปล่อยให้ผู้อาวุโสแปดพ่ายแพ้ หากผู้อาวุโสแปดทนไม่ไหวแล้วสาวมาถึงตน เขาจะทำเช่นไร
เขาไม่เคยติดต่อกับฝ่ายนั้นโดยตรงมาก่อน ทั้งหมดล้วนผ่านการจัดการของผู้อาวุโสแปด ขอเพียงผู้อาวุโสแปดไม่พูด เช่นนั้นก็ไม่มีผู้ใดทำอะไรเขาได้
หัวหน้าตระกูลหนิงมองไปทางผู้อาวุโสแปดที่คุกเข่าอยู่บนพื้น “ผู้อาวุโสแปด มีอะไรอยากจะพูดหรือไม่”
ทว่าผู้อาวุโสแปดดูนิ่งงันยิ่งนัก คล้ายคาดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าต้องมีวันนี้ เขามองตาหัวหน้าตระกูล “เรื่องมาถึงขั้นนี้ ข้าไม่มีอะไรจะพูด” แม้เขาจะคุกเข่า ทว่าท่าทีของเขาไม่ถ่อมตนและไม่โอหัง พูดเสียงดังฟังชัดอย่างยิ่ง
ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างคาดไม่ถึง ท่าทีของเขาเป็นการทำให้ผู้ปกครองใหญ่โมโหอย่างเห็นได้ชัด เขาพูดด้วยความโมโห “เจ้ามันคนทรยศ เวลานี้ยังไม่สำนึกผิดอีก! หากเจ้ายอมรับความผิด เช่นนั้นก็จงบอกมาว่าคนที่อยู่เบื้องหลังผู้ร่วมมือกับเจ้าและคนทรยศคนอื่นๆ ในตระกูลมีใครบ้าง แม้ไม่อาจเลี่ยงโทษตายได้ แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องทรมาน”
ผู้อาวุโสทุกคนล้วนมานั่งบนตำแหน่งนี้ด้วยความสามารถของตนเอง โดยปกติแล้วผู้อาวุโสใหญ่สนิทสนมกับผู้อาวุโสแปดที่สุด ด้วยเหตุนี้จึงพูดด้วยความจริงใจและแฝงความหมายลึกซึ้ง “ผู้อาวุโสแปด ตระกูลหนิงปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดี เหตุใดเจ้าจึงร่วมมือกับคนนอกมาทำร้ายคนในตระกูลตนเอง”
ผู้อาวุโสแปดไม่ตอบ เพียงกัดฟัน แล้วยิ้มร้ายกาจ
หางตาของหนิงเซ่าชิงมองไปที่เขา มุมปากเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน พุ่งตัวไป จับคางของเขา ทว่า สายไปเสียแล้ว พิษเข้าไปในร่างกาย ผู้อาวุโสแปดคอพับ หมดลมหายใจ
ผู้ที่สามารถนั่งอยู่ในห้องหารือนี้ ทุกคนล้วนเก่งทั้งบุ๋นและบู๊ ตอนหนิงเซ่าชิงเคลื่อนตัวไปนั้น คนอื่นๆ ก็เห็นเค้าเงื่อนบางอย่าง รีบเคลื่อนตัวไปเช่นเดียวกัน
แน่นอนว่าหลิงเซ่าอวี่ก็เห็นเค้าเงื่อนบางอย่างเช่นเดียวกัน เมื่อเห็นผู้อาวุโสแปดสิ้นใจ เขาก็โล่งอก
ผู้อาวุโสใหญ่เห็นผู้อาวุโสแปดสิ้นใจ ถึงอย่างไรทั้งสองก็สนิทสนมกัน จึงทอดถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “เป็นผู้ใดที่ควรค่าให้เจ้าปกป้องเช่นนี้…”
หลังจากทอดถอนหายใจ ผู้อาวุโสใหญ่หันกลับไปแล้วยกมือขึ้นเคารพหัวหน้าตระกูลหนิง “ท่านหัวหน้าตระกูล ข้าขอร้อง ผู้อาวุโสแปดปลิดชีพตนเป็นการไถ่โทษแล้ว ก่อนหน้านี้เขาก็ได้อุทิศตนทำเพื่อตระกูลหนิง ท่านหัวหน้าตระกูลได้โปรดเมตตา ปล่อยคนในครอบครัวเขาได้หรือไม่”
การตายของผู้อาวุโสแปดเกิดขึ้นกะทันหัน เหนือความคาดหมายของหัวหน้าตระกูลหนิง ทว่าคำขอร้องของผู้อาวุโสใหญ่อยู่ในความคาดหมายของเขา คล้ายหัวหน้าตระกูลหนิงรู้สึกลำบากใจ ทว่ากลับพูดด้วยสีหน้าเยือกเย็น “คาดว่าผู้อาวุโสใหญ่น่าจะทราบดี โทษทรยศตระกูลนั้นเป็นโทษร้ายแรง ไม่เพียงต้องถูกสังหาร อีกทั้งที่นาและทรัพย์สินทุกอย่างของครอบครัวต้องถูกยึดคืนแล้วขับไล่ออกจากตระกูล! ข้าจะไม่อยากเมตตาได้อย่างไร แต่หากข้าเมตตา ให้เรื่องนี้กลายเป็นข้อยกเว้น แล้วจะเอากฎระเบียบของตระกูลไปไว้ที่ใด เอาบรรพพชนไปไว้หนใด”
เมื่อไม่มีกฎก็ไร้ซึ่งระเบียบ ในเมื่อหยิบยกกฎระเบียบของตระกูลมาพูดแล้ว แน่นอนว่าไม่มีหนทางใดแล้ว ผู้อาวุโสใหญ่ทอดถอนหายใจ “ข้าทำให้ท่านหัวหน้าตระกูลต้องลำบากใจแล้ว”
ขณะที่พวกเขาพูดคุยกันอยู่นั้น หัวหน้าตระกูลหนิงเพียงผายมือ ก็มีคนสนิทนำร่างผู้อาวุโสแปดออกไป
“เค้นตัวคนทรยศของตระกูลออกมาได้แล้ว คนในครอบครัวที่เหลือมอบหมายให้ผู้อาวุโสใหญ่จัดการ เรื่องนี้จบลงเพียงแค่นี้ หัวหน้าตระกูลหนิงไอเล็กน้อย “เปิดศาลบรรพชนในครั้งนี้ไม่เพียงกวาดล้างคนทรยศของตระกูลหนิง แต่ยังมีเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่ง ที่ต้องการหารือกับทุกท่าน”
หลังจากผู้ปกครองและผู้อาวุโสมองหน้ากัน ก็พูดอย่างพร้อมเพรียง “ท่านหัวหน้าตระกูลเชิญพูด” หัวหน้าตระกูลหนิงพูด “ข้าอายุมากแล้ว ทั้งยังมีโรครุมเร้า คิดว่าตนไม่สมควรดูแลงานในตระกูลหนิงอีก จะยกตำแหน่งหัวหน้าตระกูลให้กับเซ่าชิง คุณชายอันดับหนึ่งของตระกูลหนิง” หัวหน้าตระกูลไม่ได้บอกว่าจะยกตำแหน่งให้ลูกชายของเขาหนิงเซ่าชิง แต่บอกว่ายกตำแหน่งให้คุณชายอันดับหนึ่ง ที่ผ่านมา ขอเพียงเป็นคุณชายอันดับหนึ่งที่ได้รับการยอมรับ ก็จะกลายเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าตระกูล
เมื่อได้ฟัง ไอเย็นยะเยือกฉายออกมาจากส่วนลึกในแววตาของหนิงเซ่าอวี่ ในสายตาของชายชรามีหนิงเซ่าชิงเพียงคนเดียวมาโดยตลอด ไม่เคยมีเขา ไม่เคยคิดถึงเขา…
ผู้อาวุโสและผู้ปกครองต่างพูดคุยหารือกัน
“ท่านหัวหน้าตระกูลพูดเช่นนี้ได้อย่างไร”
“ข้าไม่รู้สึกว่าหัวหน้าตระกูลเจ็บป่วยตรงไหน อีกทั้งภายใต้การดูแลของท่านหัวหน้าตระกูล ตระกูลหนิงเรียบร้อยดีทุกอย่าง”
“ข้าเองก็รู้สึกว่าท่านหัวหน้าตระกูลอยู่ในวัยแห่งความรุ่งโรจน์ เรื่องการคัดเลือกหัวหน้าตระกูล เลื่อนไปอีกสามสี่ปีก็ยังไม่สาย”
ทุกคนต่างพูดถึงเรื่องสุขภาพของหัวหน้าตระกูล ไม่มีผู้ใดพูดถึงเรื่องที่ว่าหนิงเซ่าชิงยังเป็นคุณชายอันดับหนึ่งของตระกูลหนิงอยู่หรือไม่
หัวหน้าตระกูลหนิงทำราวกับไม่เข้าใจความหมายที่ซ่อนเร้นในคำพูดเหล่านี้ ทั้งยังไม่รีบร้อน เขาเพียงทอดถอนหายใจเบาๆ “สุขภาพร่างกายของข้ามองจากภายนอกไม่มีสิ่งใดผิดปกติ แต่ภายในเสียหายมากเท่าใดข้าย่อมรู้ดี ถึงอย่างไรภายในก็ได้รับความเสียหาย สำหรับงานในตระกูลมีใจอยากสานต่อแต่ร่างกายนี้ไร้เรี่ยวแรง” พูดถึงขั้นนี้ ต้องการที่จะลงจากตำแหน่งหัวหน้าตระกูลแล้วจริงๆ
แน่นอนว่าทุกคนย่อมลุกขึ้นปลอบ มีคนบอกวิธีการรักษาอาการไอตามตำรายาสมุนไพรพื้นเมือง ทั้งยังมีคนบอกว่าหมอหลวงคนใดรักษาเก่ง มากไปกว่านั้นมีคนบอกให้เชิญหมอประหลาดมารักษา
หัวหน้าตระกูลหนิงเพียงโบกมือ “เรื่องสุขภาพร่างกายของข้าไว้ค่อยว่ากัน มีเรื่องมากมายเช่นนี้ สิ่งที่ตระกูลหนิงของเราต้องการคือผู้ที่มีความกล้าหาญและมีความสามารถ นำพาตระกูลให้รอดพ้นจากสถานการณ์เลวร้าย ไม่ใช่หัวหน้าตระกูลที่ถือครองอำนาจโดยไม่ทำการใด เป็นชายชราที่ต้องรักษาตัวในทุกๆ วัน”
เสียงของเขาไม่ได้ดัง ทว่ามีความน่าเกรงขาม ชั่วขณะหนึ่งไม่มีผู้ใดโต้เถียง