กุ่ยซารับกระบอกไม้ไผ่ไป “ส่งมาให้ข้า เรื่องทุกอย่างข้ากุ่ยซาเป็นคนรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว”
องครักษ์ทั้งสองคนก้มหน้าลง “เช่นนั้น…”
กุ่ยซาตะคอก “เช่นนั้นอะไร ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”
องครักษ์ทั้งสองคนมองตากันครู่หนึ่ง แล้วเดินถอยออกไป
อดีตหัวหน้าตระกูลหนิงเดินออกมาจากโถงบรรพบุรุษ พ่อบ้านหนิงเดินมาต้อนรับ หลังจากโน้มตัวลงทำความเคารพนายท่านแล้ว สีหน้าของเขาซับซ้อน หลังจากได้รับอนุญาตจากนายท่าน พ่อบ้านจึงพูดกระซิบกระซาบข้างหูอดีตหัวหน้าตระกูลหนิง
หลังจากอดีตหัวหน้าตระกูลหนิงฟังรายงานจากพ่อบ้านจบ สีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย รูม่านตาหดเล็ก ออกคำสั่งเสียงเหี้ยม “เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เจ้าบอกทุกคน เรื่องที่เกี่ยวข้องกับสตรีคนนั้น ห้ามทุกคนพูดถึงเด็ดขาด ทุกอย่างรอวันพรุ่งนี้เซ่าชิงรับตำแหน่งหัวหน้าตระกูลก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
พ่อบ้านหนิงพูดด้วยความลังเล “หากว่า…”
“ไม่มีหากว่าอะไรทั้งนั้น! สตรีหนึ่งคน สำคัญยิ่งกว่าตำแหน่งหัวหน้าตระกูลเช่นนั้นหรือ”
“แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่ว่า! เขาหายตัวไปครั้งหนึ่งแล้ว ตำแหน่งคุณชายอันดับหนึ่งถูกยกเลิกไปครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งนี้ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะกลับมา หลังจากผ่านการต่อรองและยืนกรานของข้าว่าเซ่าชิงสร้างความดีความชอบ จึงทำให้ชายชราพวกนั้นไม่อาจโต้เถียง ไม่พูดถึงเรื่องที่เซ่าชิงหายสาบสูญไปนานกว่าหนึ่งปี หากเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นก่อนเข้ารับตำแหน่ง แล้วหนิงเซ่าชิงไม่สนใจ เพิกเฉยต่อตระกูลหนิงครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้อีก สุดท้ายเกรงว่าเขาจะไม่มีวาสนาต่อตำแหน่งหัวหน้าตระกูล”
“ขอรับ”
……
ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด ดวงจันทร์ทอประกายดวงดาวเปล่งแสงระยิบระยับ ลมพัดมาแผ่วเบา
กำแพงคุกหลวงสูงตระหง่าน มีทหารเดินลาดตระเวนตลอดเวลา
ในคุกหลวง กักขังนักโทษมากมาย แต่กลับเงียบสงัดอย่างยิ่ง มีนักโทษที่หมดสติเพราะถูกลงโทษอย่างหนัก มีนักโทษที่มองประตูคุกหลวงด้วยแววตาเหม่อลอย มีนักโทษนอนหลับอยู่บนเตียง ไม่มีเสียงกรีดร้องและโอดครวญดังที่มั่วเชียนเสวี่ยคิดแม้แต่น้อย
มั่วเชียนเสวี่ยถูกผู้บัญชาจางและผู้คุมเดินนำเข้าไปยังห้องรับรองที่อยู่ด้านบนสุด
ด้านในไม่สกปรกเท่าใดนัก เตียงและผ้าห่มในคุกถือว่าสะอาด นอกจากนี้ด้านในยังมีกำยาน เห็นชัดว่าคนที่ถูกคุมขังเมื่อคราวก่อน มีฐานันดรศักดิ์ไม่ธรรมดา
ห้องรับรองนี้แตกต่างจากห้องคุมขังอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง ด้านนอกมีประตูเหล็ก บนประตูเหล็กมีหน้าต่างเล็กๆ เอาไว้ตรวจดูกิริยาท่าทางของนักโทษ ถือว่าค่อนข้างให้เกียรติและมีความเป็นส่วนตัว หากไม่มองผ่านหน้าต่าง ไม่อาจเห็นว่าด้านในเป็นเช่นไร
ลงกุญแจประตูห้องคุมขัง ผู้คุมเดินออกไป เดินไปส่งผู้บัญชาจางคนนั้น มั่วเหนียงพยุงมั่วเชียนเสวี่ยนั่งลง พูดด้วยความปวดใจ “เหตุใดคุณหนูจึงต้องเชื่อฟังรับสั่งขององค์หญิงอวี้เหอ ยอมมาอยู่ในคุกหลวงด้วยเจ้าคะ”
ต้องรู้ว่าคุณหนูกั๋วกงมียศถาบรรดาศักดิ์ ฐานันดรศักดิ์สูงส่ง แม้องค์หญิงอวี้เหอจะเป็นธิดาของฮองเฮา ฐานันดรศักดิ์สูงส่ง แต่ไม่อาจสงสัยว่าคุณหนูมีความผิดฐานหลอกลวงจักรพรรดิ เพียงเพราะคำกล่าวโทษของบัณฑิตไม่มีหัวนอนปลายเท้าที่โผล่มากะทันหัน แล้วจับกุมคุณหนูเข้ามาสอบสวนในคุกหลวงได้
หากเวลานั้นคุณหนูพูดอะไรเล็กน้อย โต้เถียงเสียหน่อย ต่อหน้าสตรีชั้นสูงและเหล่าบัณฑิต แม้นางจะเป็นองค์หญิงผู้สูงส่ง ก็ไม่กล้าทำเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่องค์หญิงบอกว่าจะจับคุณหนูเข้าคุกหลวง ท่ามกลางรถม้ามากมายนางได้ยินเสียงกระแอมไอดังขึ้นจากหนึ่งในรถม้าเหล่านั้น
รถม้าคันนั้นผู้อื่นไม่รู้ว่าเป็นของใคร แต่นางรู้ดี หลังจากผู้ติดตามของบัณฑิตจย่ามาส่งเทียบเชิญให้นาง ก็ขึ้นไปบนรถม้าคันนั้น
เสียงกระแอมไอนี้ดังขึ้นทันเวลา เห็นชัดว่าต้องการช่วยคุณหนู…
มั่วเชียนเสวี่ยปรับท่านั่งให้สบาย “หรือว่าหมัวมัวดูไม่ออกเช่นนั้นหรือ พวกนางวางแผนเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว หากข้ามีความผิดฐานหลอกลวงจักรพรรดิจริงๆ เช่นนั้นสั่งประหารข้าก็ไม่ได้ทำเกินไป แม้ฝ่าบาทจะเห็นแก่คุณงามความดีของท่านพ่อแล้วเกิดเมตตา ก็ไม่มีวันปล่อยข้าไปง่ายๆ เมื่อถึงเวลานั้น ทุกอย่างที่พวกนางทำล้วนสมเหตุสมผล ถือเป็นการมองการณ์ไกล ผู้ใดจะสนใจเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ เดิมที องค์หญิงอวี้เหออยากจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของข้าที่นั่น พิสูจน์ให้เห็นว่าข้าไม่บริสุทธิ์ที่นั่น แล้วสั่งจับข้าเข้าคุกหลวงก็ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่ข้ากลับไม่ยอมให้นางสมปรารถนา ไม่ได้รีบร้อนพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง แต่กลับหยิบยกกฎระเบียบขึ้นมาพูด หากวันนี้องค์หญิงปล่อยข้าไป เมื่อเรื่องทุกอย่างพลิกผัน ข้าสังเกตเห็นเงื่อนงำ คิดหาวิธีมารับมือ เช่นนั้นสิ่งที่พวกนางทำก่อนหน้านี้ก็จะสูญเปล่า ดังนั้นพวกนางจึงไม่มีวันปล่อยข้ากลับจวนเด็ดขาด ด้วยเหตุนี้…จึงวางแผนเช่นนี้”
มั่วเหนียงหัวเราะเยือกเย็น “ไม่ว่าอย่างไรพวกนางก็คิดไม่ถึงว่าคุณหนู…”
ขณะพูด หมัวเหนียมองซ้ายมองขวา แล้วหยุดพูดด้วยความระมัดระวัง ท่าทีของมั่วเหนียงทำให้มั่วเชียนเสวี่ยหัวเราะ “คุกหลวงนี้นางสั่งให้ข้าเข้าอย่างง่ายดาย แต่ให้ข้าออกไป…หึๆ…”
มั่วเหนียงไม่รู้ว่ามั่วเชียนเสวี่ยครอบครองป้ายไม้ดำที่ฮ่องเต้อยากจะได้มาโดยตลอด จึงกังวลอย่างมาก ทว่าไม่รู้จะเกลี้ยกล่อมอย่างไร จึงทำได้เพียงเอ่ยปากเรียก “คุณหนู…”
มั่วเชียนเสวี่ยพูดขัดมั่วเหนียง “มั่วเหนียงไม่ต้องกังวล อยู่ในนี้ข้าสบายใจกว่า ให้พวกนางลำพองใจไปก่อนหนึ่งวัน”
มั่วเหนียงจนปัญญา เห็นรอยยิ้มของมั่วเชียนเสวี่ยคล้ายชัยชนะอยู่ในมือ จึงทำได้เพียงมองมั่วเชียนเสวี่ยด้วยความเอ็นดูและเป็นห่วง มั่วเชียนเสวี่ยเปลี่ยนบทสนทนา “ประจวบเหมาะวันนี้มีเวลาว่าง มั่วเหนียงเล่าเรื่องท่านพ่อและท่านแม่ให้ข้าฟังที ข้าชอบฟัง”
ในโลกใบนี้ หากบุรุษแข็งแกร่งและตำแหน่งใหญ่เช่นมั่วเทียนฟาง ยืนกรานไม่มีอนุภรรยาเพื่อสตรีที่ไม่อาจมีบุตรชายให้ตนได้… เพื่อให้สตรีสบายใจ ถึงขั้นกล้าขอในสิ่งที่ไม่ควรทูลขอให้บุตรีของตนสืบทอดตำแหน่งในท้องพระโรง…
ไม่ว่าจะเป็นการที่เขาไต่เต้าขึ้นมาจากทหารยศเล็กๆ หรือว่าความรักระหว่างเขากับเฟิงชิงอวี่…
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวในอดีตของมั่วเทียนฟ่างที่มั่วเหนียงเล่าให้ฟังนั้นล้วนทำให้มั่วเชียนเสวี่ยประทับใจอย่างยิ่ง
ด้านนอก ผู้คุมมองส่งผู้บัญชาจางออกไปจากชั้นในของคุกหลวง แล้วเปลี่ยนให้ผู้คุมอีกคนหนึ่งส่งผู้บัญชาจางออกไป ส่วนตนเดินกลับไปยังเก้าอี้ หยิบจอกสุราขึ้นมาจากเอว ดื่มเป็นครั้งคราวอยู่ไกลๆ เพื่อให้ตนมีสติในการเฝ้ายาม
ห้องรับรองทั้งหลายในคุกหลวงถูกออกแบบขึ้นเป็นพิเศษ ปกติไม่มีคน ก็จะไม่มีคนเฝ้า วันนี้มีสตรีชั้นสูงเข้ามา แน่นอนว่าหัวหน้าผู้คุมต้องมาเฝ้าด้วยตนเอง
ผู้คุมคิ้วดกคนหนึ่งเดินมาจากด้านนอกแล้วเลิกคิ้วดกดำของเขาขึ้น “หัวหน้า นักโทษเมื่อวานช่างไม่ได้เรื่องเหลือเกินขอรับ ลงโทษเพียงเล็กน้อยก็หมดสติเสียแล้ว”
“ผู้ใดให้คุกหลวงส่วนนี้ของเราเต็มไปด้วยพวกคนชั้นสูงเล่า แต่ละคนที่เข้ามาล้วนมีฐานันดรศักดิ์ไม่ธรรมดา เมื่อก่อนพวกเขาล้วนใช้ชีวิตสุขสบาย จะเทียบกับนักโทษทั่วไปได้อย่างไร!” หัวหน้าผู้คุมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
ผู้คุมมองไปยังห้องรับรองที่อยู่ด้านในสุดของคุกหลวง หัวเราะอย่างไม่เกรงกลัว “ได้ยินว่าเมื่อครู่หัวหน้าทหารเพิ่งส่งตัวสตรีชั้นสูงมาจากสวนดอกท้อ เปี่ยมไปด้วยสง่าราศี ผิวเรียบเนียนรูปโฉมงดงามอย่างยิ่ง…”
ขอเพียงเข้ามาอยู่ในคุกหลวง คนที่มีชีวิตรอดออกไปมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น แม้จะอยู่ในห้องรับรองแล้วจะเป็นเช่นไร! นางที่เป็นเพียงสตรีคนหนึ่งถูกจับมาที่นี่ ต้องไม่มีคนคอยช่วยเหลืออย่างแน่นอน มิเช่นนั้น ขอเพียงไม่ใช่โทษสังหาร โดยทั่วไปแล้วโทษของสตรีชั้นสูงก็คือกักบริเวณในเรือนของตนเท่านั้น ขอเพียงมีผู้อาวุโสคอยดูแลและลงโทษก็พอ
หัวหน้าผู้คุมดื่มสุราแล้วคลี่ยิ้มบางๆ ไม่พูดสิ่งใด ผู้คุมอีกคนหนึ่งเดินไปสี่ห้าก้าว เปิดหน้าต่างที่อยู่ด้านบนของประตูเหล็ก
มองผ่านหน้าต่างสี่เหลี่ยมของประตูเหล็ก มองเข้าไปด้านใน เห็นหญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีฟ้าครามนอนอยู่บนเตียง ข้างกายของนางมีสตรีวัยกลางคนคอยดูแล พวกนางกำลังพูดคุยกระซิบกระซาบ