สีหน้าของผู้คนที่อยู่รอบๆ แตกต่างกันไป สิ่งที่พวกเขาประหลาดใจที่สุดก็คือ เจินหวนที่มั่วเชียนเสวี่ยกล่าวถึงคือใคร
ทางด้านจิ้งฮูหยิน โมโหจนอกแทบจะแตกตายแล้ว! หากปล่อยมั่วเชียนเสวี่ยไปเช่นนี้ วันข้างหน้านางจะกลายเป็นตัวตลกของเหล่าสตรีชั้นสูง
“เจ้า…เจ้า…เจ้า…ทุกคนพูดถูกจริงๆ เจ้าไร้การศึกษา หายตัวไปนานครึ่งปี ใครบ้างจะรู้ว่าระหว่างนี้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น! หัวหน้าตระกูลหนิงของพวกข้ามีคุณธรรม เพื่อสตรีมีมลทินเช่นเจ้า…ทำให้สตรีบริสุทธิ์ดั่งหยกเช่นหันเหล่ยที่ตระกูลเตรียมเอาไว้ตั้งแต่แรกต้องลำบาก เจ้าคอยดูเถอะ…ข้าจะกลับไปฟ้องอดีตหัวหน้าตระกูล ให้อดีตหัวหน้าตระกูลเรียกประชุม ยุติการแต่งงานของพวกเจ้า!”
มั่วเชียนเสวี่ยโมโหแล้ว!
แต่นางไม่ได้หยุดจิ้งฮูหยิน ปล่อยให้จิ้งฮูหยินพูดพล่ามต่อไป!
นางจะให้สตรีคนนี้พูด! พูดสิ่งที่ควรพูดออกมา พูดสิ่งที่หยามเกียรตินางออกมาให้หมด รอจิ้งฮูหยินหมดคำจะพูด นางจะสั่งสอนมนุษย์ป้าสติวิปลาสคนนี้เอง ให้จิ้งฮูหยิน กลืนคำพูดที่เปล่งออกมาเมื่อครู่กลับไป พูดอย่างไรก็กลืนกลับไปเช่นนั้น!
จิ้งฮูหยินพูดจบ เหมยฮูหยินที่อยู่ข้างๆ ก็ไม่ยอมแพ้ พูดพล่ามต่อทันที
“จริงด้วย! สตรีเช่นนั้น ไม่คู่ควรที่จะแต่งเข้าตระกูลหนิงของเราแม้แต่น้อย! เรากลับไปหารือกับท่านพี่ งานแต่งงานนี้ ยุติไปเสีย! วันข้างหน้าตระกูลหนิงของเราจะได้ไม่ต้องอับอายขายหน้า!”
แต่ดูออกว่า เหมยฮูหยินคนนี้มีไหวพริบกว่าจิ้งฮูหยินมาก อย่างน้อยคำพูดบางคำพูด นางก็ไม่ต้องรับผิดชอบ!
“ข้าว่า หันเหล่ยของเรานี่แหละดี! รู้จักเคารพผู้ใหญ่ รักและเคารพผู้อาวุโส อีกเรื่องหนึ่ง หันเหล่ยของเราไม่ว่าจะเป็นกลอนกวี พิณ หมากรุก เขียนพู่กันและวาดรูปล้วนทำได้ดีทุกอย่าง ทั้งยังบริสุทธิ์ดั่งหยก มีเพียงสตรีเช่นนี้เท่านั้นที่คู่ควรกับหัวหน้าตระกูลหนิงของพวกข้า…”
คำพูดของทั้งสองล้วนชี้ให้เห็นว่า มั่วเชียนเสวี่ยไม่ใช่หญิงบริสุทธิ์
พูดจบ ยังยิ้มแล้วดึงตัวอวี่เหวินหันเหล่ยมาตรงหน้าด้วยความภาคภูมิใจ บอกกับทุกคน แสดงให้มั่วเชียนเสวี่ยเห็น ส่วนอวี่เหวินหันเหล่ยผู้โง่เขลาคนนั้น เวลานี้ก็ให้ความร่วมมืออย่างดีโดยการทำทีเขินอาย
มั่วเชียนเสวี่ยมองแล้วท้องไส้ปั่นป่วนจริงๆ!
“พูดจบแล้วหรือ”
ไม่เป็นไปตามที่พวกนางคาดไว้ มั่วเชียนเสวี่ยไม่ได้โมโห ไม่ได้ร้องไห้ แต่มองสตรีสามคนตรงหน้าด้วยสีหน้านิ่งสงบ แววตาของนาง เคล้าไปด้วยความเย้ยหยัน
สิ่งนี้ทำให้สตรีทั้งสามคน รับไม่ได้ขึ้นมาทันที!
ปฏิกิริยาแรกที่มีต่อศัตรู ไม่ได้โมโหและไม่ได้ร้องโอดครวญ แต่ว่าโต้กลับอย่างเหนือความคาดหมาย
ความขุ่นเคืองของมั่วเชียนเสวี่ยถูกข่มลงไปด้วยการหายใจเข้าลึกๆ ของนาง ไม่เพียงแค่นี้ ขณะที่ชูอีและสืออู่ฟังถ้อยคำเหล่านั้นแล้วโมโหจนไม่อาจควบคุมตนเองได้ มั่วเชียนเสวี่ยยังกระตุกแขนเสื้อของพวกนางสองคนด้วยความใจเย็น ทำสัญญาณมือบอกให้พวกนางว่า อย่าขยับ
ชูอีและสืออู่จงรักภักดี คุณหนูไม่ให้พวกนางเคลื่อนไหว แน่นอนว่าพวกนางก็ย่อมไม่เคลื่อนไหว
สืออู่มองโต้กลับไปด้วยแววตาโกรธเคือง
ชูอีมีไหวพริบมากกว่าเล็กน้อย นางนิ่งสงบอย่างมาก เช่นเดียวกับคุณหนูของตน ยืนอยู่ตรงหน้า มองดูแล้วคล้ายกำลังก้มมองจมูกของตนเอง ทว่า แท้จริงแล้วกลับมองดูทุกอย่าง
เห็นทั้งสามคนนิ่งเงียบไม่ตอบคำถาม มั่วเชียนเสวี่ยพูดอีกครั้งด้วยความใจเย็น “เชียนเสวี่ยถามฮูหยินทั้งสองอีกรอบ พวกท่านพูดจบแล้วหรือ”
ท่าทีของมั่วเชียนเสวี่ย ทำเหมือนพวกนางกำลังเล่าเรื่อง ทำเหมือนพวกนางเป็นนักแสดง ส่วนตนเป็นผู้ชมที่สูงศักดิ์ ชมด้วยความเพลิดเพลิน
จิ้งฮูหยินและเหมยฮูหยินมองหน้ากัน ไม่เข้าใจว่ามั่วเชียนเสวี่ยมีแผนการใดซ่อนอยู่ สีหน้านิ่งงันนั้น แววตาลุ่มลึกที่มองไม่เห็นก้นบึ้งนั้น ทำให้พวกนางหวั่นใจเล็กน้อย
ทว่า พวกนางอยู่ในจวนหนิงมานานหลายสิบปีแล้ว ไม่ได้ตกใจเท่าใดนัก หลังจากตั้งสติ เหมยฮูหยินส่งเสียงหัวเราะในลำคอ “พูดจบหรือพูดไม่จบแล้วอย่างไรเล่า หรือว่าสิ่งที่พวกข้าพูดไม่ใช่ความจริงเช่นนั้นหรือ พวกข้าพูดผิดเช่นนั้นหรือ”
“ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ ในเมื่อฮูหยินทั้งสองพูดจบแล้ว เช่นนั้นก็ถึงคราวของเชียนเสวี่ย ใช่หรือไม่เจ้าคะ” มองทั้งสามคน มั่วเชียนเสวี่ยยิ้มบางๆ ท่าทีของนางราวกับผู้น้อยที่น่าเอ็นดู
ทว่าในสายตาของอนุภรรยาทั้งสองคน ท่าทีของมั่วเชียนเสวี่ย ทำให้พวกนางคิดว่ามั่วเชียนเสวี่ยหวาดกลัวแล้ว! ดวงหน้าของทั้งสองเปื้อนยิ้มและฉายความทะนง
รอมั่วเชียนเสวี่ยคุกเข่า คำนับพวกนาง
“ชูอี สืออู่! ตบปากเสีย!”
ทันทีที่มั่วเชียนเสวี่ยพูดจบ อวี่เหวินหันเหล่ยหวาดกลัวเล็กน้อย! ถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
เมื่อครู่สืออู่ตบเพียงหนึ่งฉาดก็ทำให้สาวใช้ฟันร่วง หากมั่วเชียนเสวี่ยอาศัยโอกาสนี้จัดการนาง ตบนางจนฟันร่วง เช่นนั้นวันข้างหน้านางจะเอาอะไรไปสู้
ฮูหยินทั้งสองตกตะลึง ร้องตะโกนเสียงดัง “มั่วเชียนเสวี่ยเจ้ากล้าหรือ!”
ก่อนจะมาสวนร้อยบุปผา เหล่าฮูหยินสืบเรื่องทั้งหมดของมั่วเชียนเสวี่ยอย่างชัดเจนแล้ว! นอกจากเรื่องราวระหว่างที่นางกับหนิงเซ่าชิงหายตัวไปเป็นปริศนาแล้ว เรื่องอื่นพวกนางล้วนกระจ่างชัด!
ตามหลักการแล้ว ตอนที่มั่วเชียนเสวี่ยถูกโจมตีด้วยถ้อยคำเหล่านี้ ควรจะร้องไห้ฟูมฟายและหนีไปนานแล้ว! อย่างแย่ที่สุดก็โวยวาย หลังจากนั้นก็ทะเลาะวิวาทราวกับหญิงบ้า!
พวกนางเตรียมพร้อมแม้กระทั่งสาวใช้ที่คอยคุ้มกันตนแล้ว ทว่าเหตุใดเมื่อครู่จึงไม่เคลื่อนไหว จึงไม่พูด แต่รอพวกนางพูดทั้งหมดนี้ก่อน นางค่อยให้สาวใช้ของนางลงมือ
ไม่ได้พุ่งตัวมาตบตีเหมือนหญิงบ้า แต่ว่าลงโทษโดยการตบปาก
“เชียนเสวี่ยไม่กล้า แต่ว่า ฮูหยินทั้งสองก็ทราบดี ชื่อเสียงของตระกูลหนิง ชื่อเสียงของหัวหน้าตระกูล ชื่อเสียงของฮ่องเต้ คือสิ่งที่พวกท่านสามารถทำลายได้เช่นนั้นหรือ”
มั่วเชียนเสวี่ยก้าวไปด้านหนึ่งก้าว ยกตนขึ้นข่มขู่
“ผลลัพธ์จากการปากเสียคือสิ่งใด! คาดว่าพวกท่านน่าจะรู้ดี ทำให้เหล่าฮูหยินเดือดร้อน ทำให้อดีตหัวหน้าตระกูลเดือดร้อน แม้เชียนเสวี่ยจะยังไม่ได้แต่งเข้าตระกูล แต่ฝ่าบาททรงมีสมรสพระราชทานแล้ว เวลานี้เชียนเสวี่ยถือเป็นคนของตระกูลหนิงครึ่งหนึ่ง วันนี้เพียงสั่งสอนให้พวกท่านรู้จักกฎระเบียบ แทนเหล่าฮูหยินเท่านั้น ชูอีสืออู่ ตบปากพวกนาง!”
ชูอีและสืออู่ ตอนที่ได้ยินสตรีทั้งสองคนกล่าวร้ายคุณหนูของพวกนาง พวกนางแทบจะทนไม่ไหวอยากจะลงมือยิ่งนัก! หากไม่ใช่เพราะคุณหนูห้ามไว้ ตอนนี้พวกนางอาจจะฉีกปากสตรีทั้งสองคนไปนานแล้ว!
ทว่าตอนนี้แตกต่าง! ตอนนี้คุณหนูออกคำสั่งแล้ว ให้พวกนางตบปาก!
ภายในใจของทั้งสอง ข่มความขุ่นเคืองมานานแล้ว เวลานี้ ในที่สุดก็สามารถระบายความขุ่นเคืองได้ ดังนั้น แทบจะตอนที่มั่วเชียนเสวี่ยเพิ่งพูดจบ ทั้งสองก็พุ่งตัวออกไปแล้ว!
“พวกเจ้า…พวกเจ้าอย่าเข้ามา! ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย…”
สาวใช้คนเมื่อครู่ถูกตบจนฟันร่วง! ฮูหยินทั้งสองคนคิดถึงเรื่องนี้ สีหน้าซีดขาว ถ้าวถอยหลังท่ามกลางควาชุลมุน สาวใช้กลุ่มหนึ่งยืนป้องอยู่ด้านหน้าฮูหยินทั้งสองคน
ชั่วขณะหนึ่ง สถานการณ์ครึกครื้นขึ้นมาอีกครั้ง! ชูอีและสืออู่ล้วนเป็นคนมีฝีมือ แน่นอนว่าการรับมือสตรีเรือนหลังเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย! อย่าพูดถึงสตรีสามคน แม้สาวใช้และผอจื่อที่อยู่ด้านหลังพวกนางจะกรูมาพร้อมกัน สำหรับชูอีและสืออู่แล้ว เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น!
แต่คุณหนูให้พวกนางตบปาก ไม่ได้ให้พวกนางทะเลาะวิวาทตบตี หากในวันสำคัญเช่นนี้ ท่ามกลางสายตามากมาย ใช้ความรุนแรงกับสาวใช้เหล่านี้ เกรงว่าชื่อเสียงของคุณหนูต้องป่นปี้อย่างแน่นอน