ชั่วขณะหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน
มั่วเชียนเสวี่ยไม่ได้สนใจ หากสองคนนี้ไม่ได้เตรียมความพร้อมก่อนมา แล้วจะกล้าหาเรื่องนางได้อย่างไร
“ตอนอยู่บนตำหนักจินหลวนเป่า ฮูหยินซานกงเป็นคนตรวจเรือนร่างของเชียนเสวี่ย ฮ่องเต้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้เชียนเสวี่ย ทว่าเหตุใดเมื่อออกมาจากปากของฮูหยินทั้งสองจึงสุดจะทนเช่นนี้ คำพูดของฮ่องเต้คือสิ่งที่พวกท่านเคลือบแคลงสงสัยได้เช่นนั้นหรือ! เชียนเสวี่ยจะตบปากพวกท่าน ไม่ได้ทำเพื่อตนเอง! แต่ทำเพื่อตระกูลหนิง ทำเพื่ออดีตหัวหน้าตระกูล เพื่อให้ฮูหยินผู้อาวุโสใหญ่มอบโอกาสให้พวกท่านลงโทษตนเอง! ให้หัวหน้าตระกูลหนิงมีคำอธิบายต่อฮ่องเต้ และทำให้เหล่าฮูหยินมีคำอธิบายแก่สตรีเรือนหลังของตระกูลหนิง”
เสียงของมั่วเชียนเสวี่ยไม่ดังมาก แต่ทุกคนกลับได้ยินอย่างชัดเจน เข้าใจกระจ่าง!
ชั่วขณะหนึ่ง สีหน้าของทุกคนในเหตุการณ์ แตกต่างกันไป เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง!
เมื่อครู่!
ทุกคนกำลังคิดว่า จะเอาเรื่องที่ฮูหยินทั้งสองพูดในวันนี้ ไปเล่าให้คนอื่นฟังอย่างไร! เพื่อที่ทั่วทั้งเมืองหลวง รวมไปถึงคนทั้งเทียนฉีจะได้หัวเราะเยาะมั่วเชียนเสวี่ย!
ทว่า หลังจากมั่วเชียนเสวี่ยพูดจบ ขณะเดียวกันที่ทุกคนกระวนกระวาย ก็ลอบโล่งอก!
โชคดีที่มั่วเชียนเสวี่ยพูดอย่างมีเหตุผลและเปี่ยมไปด้วยสัจธรรม มิเช่นนั้น วันใดพวกนางเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ผู้อื่นฟังอย่างสนุกปาก เช่นนั้นคนที่สุดท้ายต้องถูกประหารชีวิต จะเป็นพวกนางหรือไม่
มัวแต่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นชั่วขณะ ลืมไปเสียสนิทว่า เมื่อไม่นานมานี้ เพราะเรื่องที่ว่ามั่วเชียนเสวี่ยทอดทิ้งสามีแล้วมาเสวยสุขความมั่งคั่งในเมืองหลวง เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ดังไปถึงตำหนักจินหลวน
ฮูหยินซานกงพิสูจน์แล้ว แม้แต่ฮ่องเต้ก็บอกว่ามั่วเชียนเสวี่ยเป็นหญิงบริสุทธิ์ ทั้งยังพระราชทานสมรส พวกนางมีความกล้ามากเพียงใด ที่จะสามารถเทียบชั้นกับฮ่องเต้ เทียบชั้นกับหัวหน้าตระกูลหนิง…
พวกนาง…ได้ใจจนลืมตัวแล้วจริงๆ ถึงได้ลืมเรื่องนี้เสียสนิท!
มั่วเชียนเสวี่ยพูดจบ กวาดมองทุกคนอย่างแนบเนียน ตอนที่เห็นความหวาดกลัวและความดีใจฉายขึ้นมาจากสายตาของพวกนาง นางค่อยโล่งอกเล็กน้อย!
ดูเหมือนว่า ตบแต่งเข้าตระกูลหนิงไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ ยังไม่ทันตบแต่งเข้าตระกูล ก็มีปัญหาติดต่อกันเช่นนี้แล้ว
นี่เป็นเพียงอนุภรรยาสองคนที่ไม่เป็นที่โปรดปราน นับประสาอะไรกับพวกสตรีที่ได้รับการโปรดปราน รวมถึงภรรยาเอกของผู้อาวุโสและทั้งยังมีบรรดาฮูหยินของผู้ปกครอง ฮูหยินของพวกอาๆ แล้วยังไม่รวมน้องสาวที่เป็นบุตรีอนุภรรยา เกรงว่าล้วนรับมือยาก
สิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ หลังจากเกิดเรื่องในวันนี้ขึ้น นางทำให้ฮูหยินผู้อาวุโสใหญ่ ขุ่นเคืองแล้ว
หลังจากนี้ลำบากทุกย่างก้าว
ซูชียืนอยู่ใต้ต้นไม้ จับพัดในมือเล่นอย่างไม่ใส่ใจ คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
ผู้ใดจะคาดคิด เมื่อครู่ ก่อนหน้านี้ ใบหน้าอ่อนโยนของเขาเปี่ยมไปด้วยไอสังหาร!
ตอนที่ได้ยินอนุภรรยาทั้งสองของตระกูลหนิงพูดจาหยาบคายเหล่านั้น ซูชีโมโหแล้วจริงๆ! ในมือของเขามีพลังปราณก่อตัว รอส่งสตรีชั่วช้าขึ้นสวรรค์ในวินาทีถัดไป!
เขาไม่อาจทำตามอำเภอใจ ไม่อาจนำพาความเดือดร้อนมาสู่มั่วเชียนเสวี่ย
เขาโมโห ปวดใจและโทษตนเอง
ตอนที่ความรู้สึกมากมายปะปนอยู่ด้วยกัน หัวใจของเขาเจ็บปวดเจียนตาย!
โมโหหนิงเซ่าชิงที่ได้ครอบครองนาง เช่นนั้นก็ควรปกป้องนางตลอดเวลา ทำให้นางมีสุขชั่วชีวิต เลี่ยงไม่ให้นางพบเจอความทุกข์ในชีวิต!
แต่ว่าทุกครั้งที่มั่วเชียนเสวี่ยบาดเจ็บ ทุกครั้งที่นางถูกหยามเกียรติ หนิงเซ่าชิงล้วนไม่อยู่! ให้เชียนเสวี่ยเป็นคนแบกรับเรื่องทุกอย่างด้วยตนเอง! หนิงเซ่าชิง… หึ้ย! หนิงเซ่าชิงก็มีความลำบากของเขา เป็นคุณชายในตระกูลใหญ่เหมือนกัน ซูชีพอจะเข้าใจได้
เขาสงสารมั่วเชียนเสวี่ย พบเจอหายนะมากมาย! แต่ไม่มีผู้ใดปกป้อง นางต้องผ่านปัญหาต่างๆ ด้วยตนเองเสมอ
หากนางให้โอกาสเขา เขาจะพานางไปให้ไกล ไปจากความทุกข์ระทมเหล่านี้ แม้จะพบเจออันตราย เขาก็จะยืนเคียงข้างนางและปกป้องนาง…
ขอเพียงมีคนกล้ารังแกนาง เช่นนั้นเขาก็จะสังหารคนเหล่านั้น เขาจะเป็นคนรับผิดชอบสิ่งที่ตามมา เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นอันธพาลคนหนึ่งอยู่แล้ว
แต่เวลานี้ เขากลับไม่อาจออกหน้า หากเขาออกหน้า เช่นนั้นมลทินของมั่วเชียนเสวี่ย เกรงว่าจะเป็นการยืนยันมลทินเหล่านั้นให้เป็นเรื่องจริง…
แม้กระทั่งซูชียังเป็นเช่นนี้ จึงอย่าได้กล่าวถึงเฟิงอวี้เฉิน!
วินาทีนี้ หัวใจของเขา เจ็บแทบเป็นแทบตาย!
โดยเฉพาะตอนที่สตรีทั้งสองพูดถ้อยคำเหล่านั้น เขาก็เริ่มโทษตนเอง
ทุกคนล้วนมีความคิดต่างกัน อย่างน้อยเวลานี้ จิตใจของทุกคนล้วนไม่นิ่งสงบ แต่ยกเว้นคนคนหนึ่ง ซึ่งก็คือมั่วเชียนเสวี่ย
มั่วเชียนเสวี่ยยกมุมปากขึ้นยิ้มบางๆ ดวงตาของนางฉายรอยยิ้ม มองชูอีสืออู่และเผชิญหน้ากับสาวใช้ มองสีหน้าของทั้งสองที่แปรเปลี่ยนจากแดงเป็นเขียว จากเขียวเป็นม่วง…รอฮูหยินทั้งสองคนถูกตบ
นางเชื่อว่า ฮูหยินทั้งสองจะเลือกสิ่งที่ถูกต้อง ให้สาวใช้พวกนี้หลบไป
ญาติผู้น้องตระกูลหนิง อนุภรรยาตระกูลหนิง บางทีในสายตาของผู้อื่นอาจจะต้องประจบและพึ่งพิงอำนาจของพวกนาง แต่ในสายตาของมั่วเชียนเสวี่ย พวกนางไม่มีค่าอะไรทั้งนั้น!
จิ้งฮูหยินและเหมยฮูหยินล้วนคิดไม่ถึงว่ามั่วเชียนเสวี่ยไม่เพียงหน้าด้าน ทั้งยังปราดเปรื่อง เพียงครู่หนึ่งก็อ้างฮ่องเต้ หยิบยกกฎตระกูลของตระกูลหนิงมาจัดการพวกนาง
แต่ว่า หากพวกนางไม่ออกไปมั่วเชียนเสวี่ยจะฝ่าสาวใช้ของพวกนางมาได้จริงๆ หรือ หากนางกล้าทำเช่นนั้นจริงๆ ประตูของตระกูลหนิง นางไม่อาจเข้ามาได้
การทะเลาะตบตีของสตรี ไม่มีวันก่อความวุ่นวายไปถึงหัวหน้าตระกูล
มั่วเชียนเสวี่ยเป็นเพียงหญิงกำพร้า ไม่มีคนคอยช่วย ด้วยตำแหน่งอนุภรยาของพวกนางสองคนในตระกูลหนิง ไม่มีผู้ใดเชื่อว่าคำพูดเพียงไม่กี่คำระหว่างสตรีจะทำผิดต่อตระกูลหนิง นำเรื่องนี้ไปถึงเบื้องหน้าของฝ่าบาท
เมื่อจิ้งฮูหยินและเหมยฮูหยินคิดสองเรื่องนี้จนกระจ่างชัด แผ่นหลังของพวกนางก็เหยียดตรงไปด้วย
เฟิงอวี้เฉินจัดการกับความคิดของตนเองแล้วก้าวออกไป เขาจำเป็นต้องออกไปช่วยมั่วเชียนเสวี่ย
ในเมื่อหนิงเซ่าชิงจะเอาเกี้ยวมารับเสวี่ยเอ๋อร์เข้าตระกูล ในตำแหน่งที่ดีที่สุดกับเสวี่ยเอ๋อร์ เช่นนั้นความคิดของเขา ก็ควรจะปล่อยวางลง
นับจากนี้ เขาคือพี่ใหญ่ของนาง คือพี่ชายแท้ๆ ของนาง
มีอย่างที่ใดน้องสาวถูกรังแก พี่ใหญ่กลับนิ่งเฉย
เมื่อเดินเข้าไป เฟิงอวี้เฉินพูดเสียงดัง “มั่วเชียนเสวี่ยบุตรีเจิ้นกั๋วกงไม่มีบิดามารดา แต่ว่า นางไม่ได้ไร้ที่พึ่งพิง ทั้งยังใช่ว่าไม่มีคนคอยสนับสนุน ญาติผู้น้องเชียนเสวี่ยยังมีตระกูลเฟิงของข้าคอยสนับสนุน บิดาของข้าเห็นญาติผู้น้องคนนี้เป็นเหมือนบุตรีของตนเอง ข้าเองก็เห็นญาติผู้น้องเชียนเสวี่ยเป็นน้องสาวแท้ๆ คำพูดเมื่อครู่ของพวกท่าน เป็นการก้าวล่วงอำนาจของฝ่าบาท ทำลายชื่อเสียงของตระกูลหนิง ข้าย่อมจะบอกหัวหน้าตระกูลหนิงอย่างละเอียด ให้หัวหน้าตระกูลหนิงอธิบายแก่ตระกูลเฟิง มีคำอธิบายให้จวนกั๋วกง ทั้งยังจะรายงานฝ่าบาท ให้ฝ่าบาทมีคำอธิบายแก่ตระกูลเฟิง”
คุณชายตระกูลชั้นสูง ความน่าเกรงขามของว่าที่หัวหน้าตระกูลขุนนางอันดับหนึ่งแผ่ซ่าน
ทุกอย่างเงียบสงัด ทั้งยังน่ากระอักกระอ่วนยิ่งนัก
คำพูดของเฟิงอวี้เฉิน คือฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้จิ้งฮูหยินและเหมยฮูหยินแพ้พ่าย มีเฟิงอวี้เฉินออกหน้าให้กับมั่วเชียนเสวี่ย พวกนางยากที่จะจัดการแล้ว