กุ้ยเสี่ยวซียังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกมั่วเชียนเสวี่ยยิ้มขึ้นแล้วพูดขัด
“มีคนมากมายกำลังดูอยู่ เชียนเสวี่ยจะกล้าโอหังได้อย่างไร หากวันนี้เชียนเสวี่ยดื่มน้ำต้มสมุนไพรนี้ เช่นนั้นวันข้างหน้าผู้คนจะนินทาเชียนเสวี่ยอย่างไร ยังไม่ทันแต่งเข้าตระกูลก็ข่มภรรยาน้องสามีแล้ว”
ขณะพูด แม้มั่วเชียนเสวี่ยยิ้มบางๆ ทว่าแก้มของนางแดงระเรื่อเล็กน้อย ดวงหน้าฉายความเขินอาย ราวกับสตรีทั่วไปกำลังพูดคุยเรื่องในตระกูลสามี
“เชียนเสวี่ยยังไม่ทันตบแต่งเข้าตระกูล ไม่อาจรับน้ำต้มสมุนไพรจากฮูหยินรองได้จริงๆ เวลานี้ ถูกฮูหยินรองชี้แนะ ทำได้เพียงยืมดอกไม้ถวายพระ เคารพด้วยน้ำต้มสมุนไพรถ้วยนี้ หวังว่าฮูหยินรองจะไม่รังเกียจ ให้เกียรติเชียนเสวี่ย ดื่มน้ำต้มสมุนไพรถ้วยนี้…”
ตั้งแต่ต้นจนจบมั่วเชียนเสวี่ยยิ้มบางๆ ตลอดเวลา ท่ามกลางสายตาของทุกคน ยกมือขวาขึ้นสูงเล็กน้อย ย่อตัวลง ยื่นถ้วยน้ำต้มสมุนไพรไปตรงหน้ากุ้ยเสี่ยวซี ท่าทีเปี่ยมไปด้วยความเคารพ
…….
ณ สวนฉือหย่างของเหล่าฮูหยิน จวนตระกูลหนิง
อวี่เสวียนรายงานเรื่องที่ชูอีบอกอย่างละเอียด โดยมีหมัวมัวของตระกูลหลันเป็นพยาน เล่าเรื่องโดยไม่แฝงอคติ จิ้งฮูหยินและเหมยฮูหยินไม่อาจโต้เถียงได้ แน่นอนว่าเหล่าฮูหยินไม่อาจไม่ให้คำอธิบาย
ท่ามกลางความขุ่นเคือง ให้จิ้งฮูหยินและเหมยฮูหยินคุกเข่าลงบนพื้น ตบปากตนเองยี่สิบครั้ง
ตบปากตนเอง ถึงอย่างไรก็ดีกว่าให้พวกสาวใช้ตบ ดวงหน้าซีดขาวของจิ้งฮูหยินและเหมยฮูหยิน ในที่สุดก็ฟื้นกลับมาเล็กน้อย
แต่ หลังจากตบครบยี่สิบครั้งแล้ว ใบหน้าก็ถูกตนตบจนบวม
เหล่าฮูหยินของตระกูลหนิง เป็นย่าแท้ๆ ของหัวหน้าตระกูลหนิง มารดาแท้ๆ ของอดีตหัวหน้าตระกูลหนิง นางฐานันดรศักดิ์สูงส่ง ตำแหน่งสูงศักดิ์ ท่ามกลางสตรีในเทียนฉี นอกจากไทเฮาและฮองเฮาแล้ว ไม่มีผู้ใดสูงศักดิ์ไปกว่านาง
ไทเฮาสวดมนต์กินเจในตำหนักฉือหนิงไม่ออกมาหลายปีแล้ว ทางด้านฮองเฮาก็ไม่เป็นที่โปรดปราน ในวังหลวงยังมีอวี้กุ้ยเฟยอีกคนหนึ่งที่ครองอำนาจวังหลังไปครึ่งหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้ กล่าวถึงอำนาจของสตรี ในเทียนฉี นอกจากเหล่าฮูหยินตระกูลหนิงแล้ว ไม่มีสตรีคนที่สองเทียบกับเหล่าฮูหยินได้
สำหรับเรื่องนี้ แม้นางจะขุ่นเคืองจิ้งฮูหยินและเหมยฮูหยิน ทว่า สำหรับอวี่เสวียนที่มั่วเชียนเสวี่ยส่งไป รวมถึงหมัวมัวของตระกูลหลัน สีหน้าของเหล่าฮูหยินไม่เคยฉายความดูแคลนแม้แต่น้อย คำพูดและการกระทำก็เมตตายิ่งนัก ไม่แสดงสีหน้าขุ่นเคืองต่อมั่วเชียนเสวี่ยและตระกูลหลัน
หลังจากฮูหยินทั้งสองตบหน้าตนเองเสร็จ คุกเข่าอยู่ตรงนั้นไม่กล้าส่งเสียง
เหล่าฮูหยินลงโทษคนของตนเอง ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว ก็ให้อวี่เสวียนไปบอกมั่วเชียนเสวี่ย ไปบอกตระกูลหลัน
ว่าเรื่องนี้ เป็นเพราะปกตินางใจดีเกินไป นางจะเพิ่มความเข้มงวดในการสั่งสอน ทั้งยังชื่นชมมั่วเชียนเสวี่ยว่าจัดการปัญหาได้ดี แล้วยังกล่าวขอโทษตระกูลหลัน ที่ทำให้เกิดความวุ่นวายในสวนร้อยบุปผา
แม้กระทั่งหลันหมัวมัว หมัวมัวที่เคยเจองานใหญ่ก็เคารพนับถือเหล่าฮูหยินยิ่งนัก ตอบกลับว่าไม่กล้าๆ จึงอย่าได้พูดถึงอวี่เสวียน
อวี่เสวียนมีไหวพริบ หลันหมัวมัวตอบกลับว่าไม่กล้า นางก็รีบบอกว่าคุณหนูใหญ่อายุยังน้อย ไม่รู้ความทำให้ต้องรบกวนเหล่าฮูหยินเช่นนี้ พร้อมกับคุกเข่าขอโทษแทนคุณหนูใหญ่
เหล่าฮูหยินยังยอมรับความผิดได้ นางที่เป็นเพียงองครักษ์คุกเข่าขอโทษแทนนายเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย
เหล่าฮูหยินพอใจกับท่าทีของพวกนาง หลังจากลงโทษเสร็จก็โบกมือบอกให้พวกนางกลับไปรายงานนายของตน
หลันหมัวมัวและอวี่เสวียนเพิ่งเดินออกไป จิ้งฮูหยินและเหมยฮูหยินคุกเข่ากอดขาเหล่าฮูหยินแล้วร้องไห้ฟูมฟาย
อวี่เหวินหันเหล่ยก็พูดอยู่ข้างๆ
สีหน้าของเหล่าฮูหยินเคร่งขรึม พูดตำหนิ “พวกเจ้าไม่ได้เรื่องจริงๆ เรื่องเล็กเพียงแค่นี้ยังทำพลาดได้ ยังจะมีหน้ามาร้องไห้เช่นนั้นหรือ”
ฮูหยินหน้าบวมเป่ง พูดทั้งน้ำ “ไม่อาจทำงานที่เหล่าฮูหยินสั่งให้สำเร็จ จิ้งเอ๋อร์ไม่เอาไหนจริงๆ เจ้าค่ะ มั่วเชียนเสวี่ยคนนั้นร้ายกาจเกินไปจริงๆ…”
ถึงแม้พวกนางจะถูกเรียกว่าฮูหยิน แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ภรรยาเอก ไม่มีสิทธิ์เรียกเหล่าฮูหยินว่าท่านแม่ ถึงแม้จะเป็นอาหลาน แต่เมื่อเข้าตระกูลหนิงแล้ว ก็ไม่อาจเรียกว่าท่านอาตามสัมพันธ์ในตระกูลอวี่เหวินได้ ทำได้เพียงร้องเรียกว่าเหล่าฮูหยินตามกฎระเบียบของตระกูลหนิง
เหมยฮูหยินพูดต่อ “เหล่าฮูหยินโปรดสืบให้กระจ่างชัด สตรีคนนั้นไม่เพียงร้ายกาจแต่ยังเจ้าแผนการยิ่งนัก…”
อวี่เหวินหันเหล่ยพูดคล้อยตาม “…นางไร้ยางอายด้วยเจ้าค่ะ…”
เหล่าฮูหยินหัวเราะในลำคอ มองด้วยความดูแคลน “ตนเองไร้ความสามารถ อย่าโอดครวญว่าผู้อื่นฝีมือ ‘ดี’!”
ขณะพูด อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า “ช่างเถอะ เดิมทีก็ไม่คิดว่าพวกเจ้าจะทำสำเร็จ หากมั่วเชียนเสวี่ยจัดการได้ง่ายๆ เช่นนี้ มีหรือที่ชิงเอ๋อร์จะมองนาง ปกป้องนาง”
“พวกเจ้าคิดง่ายเกินไปแล้ว”
พวกนางรู้จักนิสัยของเหล่าฮูหยินเป็นอย่างดี รู้ว่าแก้ตัวต่อไปก็ไร้ประโยชน์ เวลานี้ทำได้เพียงฟังเหล่าฮูหยินอบรมสั่งสอนเงียบๆ แบกรับความขุ่นเคืองของเหล่าฮูหยิน
เห็นดวงหน้าบวมเป่งของพวกนาง เหล่าฮูหยินโมโหขึ้นมาทันที
ชี้ไปยังจิ้งฮูหยินและเหมยฮูหยิน โมโหที่พวกนางไม่ได้ดั่งใจ “พวกเจ้าสองคนช่างไม่เอาไหนจริงๆ มีข้าคอยให้ท้ายพวกเจ้า อยู่เรือนหลังของตระกูลหนิงมานานหลายปีเช่นนี้ กลับไม่มีความสามารถแม้แต่น้อย คนหนึ่งตั้งครรภ์ แต่กลับแท้งได้ ทำให้ร่างกายเสียหาย ผ่านมาหลายปีแล้วแต่ก็ยังไม่ตั้งครรภ์ คนหนึ่งถือว่าดีเล็กน้อย ให้กำเนิดบุตรี แต่ว่า ไม่อาจคว้าใจปั๋วเทาได้ ไม่ตั้งครรภ์อีกเลย พวกเจ้าว่าปั๋วเทาไม่ได้ไปเรือนของพวกเจ้ามานานเพียงใดแล้ว…”
คนในเรือนล้วนเป็นคนสนิทของเหล่าฮูหยิน ด้วยเหตุนี้คำพูดเช่นนี้ของเหล่าฮูหยิน พวกนางฟังจนชินแล้ว ต่างทำได้เพียงก้มหน้าลงตามองจมูก จมูกมองหัวใจ
ภายในใจของจิ้งฮูหยินและเหมยฮูหยินไม่สบอารมณ์ แต่ไม่กล้าพูดออกมาแม้แต่คำเดียว
เหล่าฮูหยินตำหนิทั้งสองเสร็จ เงยหน้าขึ้นทอดถอนหายใจ “ข้าแต่งเข้าตระกูลหนิง ดูแลเรือนในมานานสามสิบกว่าปี มีคำอธิบายให้ตระกูลอวี่เหวินนานแล้ว แต่ตอนนี้ข้าเป็นคนชราใกล้ตาย หากตระกูลอวี่เหวินไม่อยากตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลหนิง ต้องพึงพิงพวกเจ้าแล้ว…”
สูดลมหายใจเข้าออก เหล่าฮูหยินหันไปมองอวี่เหวินหันเหล่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ
“เหล่ยเอ๋อร์ เจ้าวางใจเถอะ รอมั่วเชียนเสวี่ยแต่งเข้าตระกูล ย่าย่อมให้ชิงเอ๋อร์ยกเจ้าขึ้นเป็นกุ้ยเชี่ย แต่ว่า เจ้าต้องสู้ ต้องมีลูกชาย คว้าใจชิงเอ๋อร์ให้ได้ อย่าโง่เขลาเหมือนพวกนางสองคน…”
อวี่เหวินหันเหล่ยได้รับคำยืนยันเช่นนี้ สีหน้าฉายความดีใจ “ท่านย่าวางใจเถอะ เหล่ยเอ๋อร์จะไม่ทำให้ท่านย่าผิดหวัง”
พูดกำชับอีกเล็กน้อย เหล่าฮูหยินเหนื่อยแล้ว โบกมือให้พวกนางออกไป
หลังจากทุกคนเดินออกไป เหล่าฮูหยินไม่ได้เข้าไปพักผ่อนด้านใน นางขมวดคิ้วเป็นปม คิดเรื่องต่างๆ
ตอนนั้น มารดาของชิงเอ๋อร์เป็นคนเก่งจริงๆ แต่งเข้าตระกูลไม่นาน ก็ได้ใจปั่วเทาไปครอง ให้นางคอยดูแลเรื่องในเรือน แม้ว่านางจะมีชิงเอ๋อร์ ก็ไม่ให้อนุภรรยาและสาวใช้ห้องข้างดื่มยาคุมกำเนิด
น่าเสียดาย สุขภาพร่างกายของนางไม่ดี อายุสั้น หลังจากมีชิงเอ๋อร์ไม่นาน ก็ล้มป่วยแล้วตายจากไป
เซี่ยซื่อที่ตบแต่งเข้ามาในตอนหลัง มีความสามารถเล็กน้อย แต่กลับเหี้ยมโหด ไม่อาจครองใจปั๋วเทาได้ ด้วยเหตุนี้การดูแลเรือนหลังจึงอยู่ในอำนาจของตนมาโดยตลอด ไม่ได้ยกให้เซี่ยซื่อ จิ้งเอ๋อร์ เหมยเอ๋อร์และบรรดาสตรีเรืองหลังจึงตั้งครรภ์และมีบุตร
เวลานี้ ชิงเอ๋อร์ให้ความสำคัญกับสตรีตระกูลมั่ว…จากการลองเชิงในวันนี้ สตรีคนนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ เกรงว่าความฉลาดหลักแหลมของเหล่ยเอ๋อร์ไม่อาจเทียบนางได้ รอนางแต่งเข้าตระกูล ต้องเปลี่ยนผู้ดูแลเรือนหลังของตระกูลหนิงอย่างแน่นอน