รอให้เขาควบคุมตระกูลหนิง ฮ่องเต้ย่อมประจบตระกูลเซี่ยของเขา รักและโปรดปรานสตรีตระกูลเซี่ยอีกครั้ง
คล้ายฮองเฮาจะเข้าใจบางอย่าง แต่นางก็ไถ่ถามด้วยความไม่มั่นใจ “แม้ข้าจะตั้งครรภ์ แต่ก็ใช่ว่าฝ่าบาทจะปล่อยให้ข้าคลอดลูกอย่างปลอดภัย อีกทั้งแม้คลอดออกมา ก็ต้องเป็นองค์หญิงอย่างแน่นอน…”
ใบหน้าของหัวหน้าตระกูลเซี่ยฉายความเจ้าเล่ห์และเหี้ยมโหด “ขอเพียงฮองเฮาตั้งครรภ์ ข้ารับประกันว่าเด็กในครรภ์ต้องคลอดออกมาอย่างแน่นอน…ไม่ว่าทารกในครรภ์ของฮองเฮาจะเป็นชายหรือหญิง เมื่อคลอดแล้วย่อมเป็นองค์ชาย”
ยังจะมีสิ่งใด บอกใบ้ได้ชัดเจนกว่าคำพูดนี้อีกหรือไม่
หมัวมัวตกใจ ทว่าฮองเฮากลับยิ้ม ควรจะเป็นเช่นนี้มานานแล้ว
ขณะลำพองใจ ฮองเฮาเปี่ยมไปด้วยความหวัง “หัวหน้าตระกูลเซี่ยพูดถูก ขอเพียงข้าตั้งครรภ์ ทารกที่คลอดออกมาต้องเป็นองค์ชายอย่างแน่นอน”
“ฮองเฮาคิดได้ก็ดีแล้ว ขอเพียงฮองเฮาจำไว้ว่ามีตระกูลเซี่ยคอยสนับสนุนเสมอก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องหงุดหงิดใจเพราะหมากตัวเล็กๆ ตัวหนึ่ง…”
……
ณ โถงร้อยบุปผา สวนร้อยบุปผาของตระกูลหลัน
ทั้งสองประจันหน้ากัน
บรรยากาศในโถงค่อนข้างอึมครึม
มั่วเชียนเสวี่ยยกมุมปากขึ้น นางยังคงมองกุ้ยเสี่ยวซีด้วยรอยยิ้ม
มนุษย์ ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง ผลลัพธ์จะเป็นน้ำผึ้งหวาน หรือว่าจะเป็นยาเบื่อ ล้วนต้องกลืนกินด้วยตนเอง
แววตาของกุ้ยเสี่ยวซีที่มองไปทางมั่วเชียนเสวี่ยมีความตกตะลึงเล็กน้อย!
เดิมทีคิดว่าเป็นเรื่องที่ทำเสร็จอย่างแน่นอน ทว่าสุดท้ายคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้!
นางหลับตา แววตาของนางที่มองไปยังน้ำต้มสมุนไพรในมือมั่วเชียนเสวี่ย เย็นยะเยือก เหน็บหนาว
ทำความผิดใดก็แบกรับความผิดนั้นด้วยตนเอง ที่แท้ในที่สุดนางกุ้ยเสี่ยวซีก็มีโอกาสได้ลิ้มรสถ้อยคำนี้!
นางสามารถแกล้งทำน้ำต้มสมุนไพรในถ้วยหกได้ แล้วปฏิเสธไม่ดื่ม
ทว่า นางในตอนนี้กลับเหนื่อยแล้ว ราวกับตระหนักบางอย่างขึ้นมากะทันหันอย่างไรอย่างนั้น จู่ๆ นางก็ไม่อยากดิ้นรนแล้ว
มั่วเชียนเสวี่ยมองกุ้ยเสี่ยวซีอย่างพิจารณา คิ้วของนางฉายความกังวลเล็กน้อย ขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความฉงน
สตรีคนนี้นิ่งสงบเกินไปแล้ว! ไม่โมโห ไม่รีบปฏิเสธ ทั้งยังไม่รีบร้อนที่จะทำลายหลักฐาน ทั้งหมดนี้…อยู่เหนือความคาดหมายของนาง
เหตุใดสตรีต้องทำร้ายสตรีด้วยกัน!
มั่วเชียนเสวี่ยใจอ่อนเล็กน้อยแล้ว
ยานี้มีพิษร้ายแรง เมื่อเข้าไปในท้องของสตรีคนใด ล้วนทำลายทั้งชีวิต
แม้กุ้ยเสี่ยวซีคนนี้จะทำเรื่องชั่วร้าย แต่คนที่ลงโทษนางได้ มีเพียงตระกูลหนิงเท่านั้น นางเป็นเพียงภรรยาที่ยังไม่ได้ตบแต่งเข้าตระกูล เรื่องบางเรื่องทำแล้ว เกินหน้าที่จริงๆ
มั่วเชียนเสวี่ยไม่อยากถือสาสตรีคนนี้ นางเตรียมที่จะวางถ้วยในมือลง
ไม่ใช่ว่านางจิตใจโอบอ้อมอารีเพียงใด อยากจะทำให้ตนกลายเป็นดอกบัวขาว แต่นางคิดว่า การฟาดฟันกันด้วยแผนการเช่นนี้ ช่างเหนื่อยยิ่งนัก!
ทำลายสตรีคนหนึ่งกับมือเช่นนี้ จะทำให้นางมีปมในใจ
ว่ากันว่าสตรีสามคนอยู่ด้วยกันคือการแสดง ในโถงนี้ไม่ได้มีสตรีเพียงสามคน
ละครฉากใหญ่นี้ สัญชาตญาณของมั่วเชียนเสวี่ยไม่อาจรับได้
มือที่จับน้ำต้มสมุนไพร เอนเอียงเล็กน้อย
แม้จะไม่ทำร้ายสตรีเหี้ยมโหดกุ้ยเสี่ยวซีด้วยมือตนเอง แต่นางก็ไม่วันปล่อยกุ้ยเสี่ยวซีไป
นางเอนเอียงน้ำต้มสมุนไพรในมือ แกล้งทำตกแตกบนพื้นด้วยความไม่ระมัดระวัง ค่อยสั่งให้คนมาเก็บกวาดถ้วย ให้คนเก็บถ้วยเห็นยาในน้ำต้มสมุนไพร ทำให้กุ้ยเสี่ยวซีเสียหน้าก่อนค่อยว่ากัน
เมื่อถึงเวลานั้น ไม่ว่ากุ้ยเสี่ยวซีจะพูดเช่นไร ล้วนน่าสงสัย กลิ่นคาวติดเต็มตัว
ทว่า ตอนที่มั่วเชียนเสวี่ยกำลังจะถอนมือกลับ ทำถ้วยน้ำต้มสมุนไพรหลุดมือ กลับมีมือหนึ่งมาจับถ้วยนั้นแน่นๆ
มือนั้น อ่อนนุ่มราวกับไม่มีกระดูก คือมือของกุ้ยเสี่ยวซี
มั่วเชียนเสวี่ยหรี่ตาลง มองกุ้ยเสี่ยวซีด้วยความฉงน
หรือว่า นางคิดอยากจะดื่มน้ำต้มสมุนไพรนี้จริงๆ เช่นนั้นหรือ
เมื่อครู่ที่นางยกถ้วยขึ้นแล้ววางไว้ใกล้ริมฝีปากอยู่นาน นางไม่ได้อยากจะดื่มจริงๆ ทั้งยังไม่ได้แค่อยากจะแสดงละคร กลั่นแกล้งทุกคนเท่านั้น
แต่ว่า นางต้องการจะมั่นใจว่า น้ำต้มสมุนไพรนี้ มียาที่เขียนในกระบอกไม้ไผ่จริงหรือไม่
ยาที่เขียนในจดหมาย คือยาพิษร้ายแรง มีฤทธิ์รุนแรงยิ่งนัก ขอเพียงสตรีดื่มกิน ชีวิตนี้ไม่อาจมีทายาทได้อีก
เมื่อครู่นางเอาน้ำต้มสมุนไพรไว้ใกล้ริมฝีปาก สูดดมอยู่นาน นางมั่นใจว่าในน้ำต้มสมุนไพรถ้วยนี้ อย่างน้อยต้องมียาสมุนไพรจีนที่ทำให้ไม่อาจตั้งครรภ์เช่น…หญ้าฝรั่น
“ฮูหยินรอง…”
“คุณหนูใหญ่มั่วมีใจแล้ว หากข้าปฏิเสธจะเป็นการไม่เคารพคุณหนูใหญ่มั่ว”
เป็นเช่นนี้ มั่วเชียนเสวี่ยยืนมองกุ้ยเสี่ยวซีแย่งยาไปจากมือของตน หลังจากนั้น ดื่มจนหมดต่อหน้านาง!
“เจ้า…” กุ้ยเสี่ยวซีที่เป็นเช่นนี้ ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยไม่รู้จะพูดอย่างไร
กุ้ยเสี่ยวซีดื่มด้วยความรีบร้อน ดื่มหมดในคราวเดียว น้ำต้มสมุนไพรหนึ่งถ้วยเข้าไปในลำคอ ไม่เหลือแม้แต่ซาก
สีหน้าสิ้นหวังแต่หนักแน่นนั้น ไม่เหมือนว่าทำเพื่อพิสูจน์สิ่งใด
หากไม่ได้ทดสอบด้วยตนเอง มั่วเชียนเสวี่ยคงจะเข้าใจว่าในน้ำต้มสมุนไพรไม่มียาพิษใดจริงๆ
หรือว่ากุ้ยเสี่ยวซีไม่ได้เป็นคนวางยานี้เอง หรือว่านางไม่รู้ หรือว่า…
มั่วเชียนเสวี่ยเงยหน้าขึ้น แววตาคมเฉียบมองไปที่กุ้ยเสี่ยวซี ภายในใจของนางมีอีกความคิดหนึ่ง
สตรีคนนี้ดูเหมือน…ดูเหมือนกำลังทำลายความกังวลในอนาคต!
ถุย…สตรีคนใดจะเหี้ยมโหดกับตนเองเช่นนี้ ทั้งยังเป็นภรรยาเอก มั่วเชียนเสวี่ยตัดความคิดนี้ทิ้ง
คนในโถงหลัก มองทั้งสองคนด้วยสีหน้าแตกต่างกันไป
มีคนคิดว่ามั่วเชียนเสวี่ยไม่เจียมตัว! กุ้ยเสี่ยวซีเป็นถึงบุตรีสายตรงตระกูลกุ้ย ฮูหยินรองของตระกูลหนิง ปฏิบัติต่อนางด้วยความอ่อนโยนเช่นนี้ ให้ความเคารพนาง แต่นางกลับเคลือบแคลงสงสัย
บางคนกลับคิดว่า มั่วเชียนเสวี่ยฉลาดหลักแหลม แม้จะผิดใจกับภรรยาของน้องสามีในอนาคต ก็ไม่อาจกินของที่ผู้อื่นยกมาให้เรื่อยเปื่อย
แน่นอนว่าคนที่คิดเช่นนี้ มีน้อยยิ่งนัก
ซูชี เฟิงอวี้เฉิน ซูซูและพวกหลันรั่วเมิ่ง โล่งอกโดยไม่แสดงท่าทีออกมา!
กล่าวตามความจริง พวกนางกลัวเหลือเกินว่ามั่วเชียนเสวี่ยจะโมโหแล้วดื่มน้ำต้มสมุนไพรนั้น!
ไม่พูดถึงเรื่องที่ว่ากุ้ยเสี่ยวซีคนดีหรือไม่ดี แค่พวกคนที่เดินออกมาจากจวนหนิง ล้วนไม่มีคนใดเป็นคนดี! ขับไล่ไปคนหนึ่งก็มาอีกคนหนึ่ง ให้ตายสิคนหนึ่งหายไปอีกคนก็มาแทนที่!
ต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งเพียงใด จึงจะเอาชนะคู่ต่อสู้ที่เหี้ยมโหดเหล่านี้ได้!
มั่วเชียนเสวี่ยคืนกลับน้ำต้มสมุนไพร พวกเขาไม่คิดว่าทั้งหมดนี้มีความผิดปกติใด!
ในตระกูลใหญ่ ผู้ใดบ้างที่จะไม่รู้ความสกปรกโสมม ผู้ใดบ้างที่จะกล้ารับประกันว่าตนคือคนบริสุทธิ์
เหมือนกับตอนนี้ มีคนเข้ามาตีสนิทกับมั่วเชียนเสวี่ยด้วยวิธีประจบสอพลอโดยไม่มีต้นสายปลายเหตุ เอาน้ำต้มสมุนไพรให้นางดื่ม นอกจากคนโง่บรมเท่านั้นที่จะยอมดื่ม! มิเช่นนั้นผู้ใดบ้างที่จะดื่มโดยไม่คิดพิจารณา
อย่ามองว่าตอนนี้พวกซูซูมีเหตุผลและพูดด้วยวาจาที่เปี่ยมล้นด้วยสัจธรรม เมื่อครู่ตอนที่มั่วเชียนเสวี่ยแกล้งทำเป็นจะดื่มน้ำต้มสมุนไพรนั้น พวกนางหัวใจบีบรัด! แทบอยากจะเข้าไปหยุด!
หลังจากกุ้ยเสี่ยวซีดื่มน้ำต้มสมุนไพรเข้าไป เพียงครู่หนึ่งนางก็รู้สึกผ่อนคลายลงมาก