แม้ว่าหนิงเซ่าชิงจะไม่กล่าวความต้องการออกมา หรือว่าเขาจะมีความต้องการอะไร นางจะไม่รับปากได้อย่างไร
นี่ก็เป็นแค่เรื่องล้อเล่นระหว่างคนรักกันเท่านั้นเอง
หนิงเซ่าชิงมองเงาร่างที่วิ่งไปไกลแล้วของมั่วเชียนเสวี่ย มุมปากก็โค้งเป็นรอยยิ้มจางๆ “อย่างนั้นเชียนเสวี่ยต้องจำเอาไว้ด้วยล่ะ!”
ทว่า บนโลกใบนี้ดูเหมือนว่าจะหยุดชะงักไป
หนิงเซ่าชิงขยับร่าง แต่กลับไม่ได้ตามมั่วเชียนเสวี่ยไป ทว่าบีบอัดลมปราณให้แข็งตัวแทน…
ด้านหลังมีคนร้องว่าสวยมาก!
มั่วเชียนเสวี่ยหยุดวิ่งหันไปมอง ภาพที่พิรุณบุปผาเต็มผืนฟ้าเข้าสู่ครรลองตา
นางยื่นมือออกไปรับกลีบหนึ่งในบรรดาทั้งหมดอย่างอดไม่อยู่ พลางเอ่ยเสียงเบาว่า “งามมาก…”
หนิงเซ่าชิงขยับร่าง ระหว่างที่ฝ่ามือขยับพลิกไปมา มั่วเชียนเสวี่ยก็เห็นกลีบดอกไม้สีแดง สีเหลือง สีชมพู และอื่นๆ ทั้งหมดวนอยู่รอบมือเขา อยู่กับเขา ราวกับมีชีวิตและความคิด พร้อมกับขี่ลมมาเยือนและหยุดอยู่ข้างกายตนเอง
มั่วเชียนเสวี่ยตะลึงมองสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นจากหนิงเซ่าชิง โดยที่ไม่กะพริบตาแม้แต่น้อย
“เชียนเสวี่ย แบบนี้ เจ้ามีความสุขไหม” สิ้นเสียง มือหนิงเซ่าชิงก็ชูขึ้นเล็กน้อย กลีบดอกไม้ที่ติดตามเขาเหล่านั้น ตอนนี้ก็ร่วงหล่นรอบกายนางทั้งหมดอย่างไม่ขาดสาย
มั่วเชียนเสวี่ยมองกลีบดอกไม้รอบด้านที่ร่ายรำอยู่รอบตัวนางและหนิงเซ่าชิงอย่างพริ้วไหวแล้ว มุมปากก็แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มอย่างควบคุมไม่ได้!
“เซ่าชิง ความรู้สึกนี้ราวกับฝันอยู่เลย!”
ใช่แล้ว เหมือนกับกำลังฝันอยู่!
ชาตินี้หรือชาติที่แล้วๆ มา นางก็แค่เคยผ่านประสบการณ์ความโรเเมนติกที่จดจำไว้ในใจได้ไม่ลืมเลือน แต่กลับมากพอจะทำให้นางจารึกไว้ในความทรงจำได้ตลอดชีวิต
“ไม่ได้ฝัน!” หนิงเซ่าชิงก้าวเข้ามากุมมือนางอีกครั้ง และมองพิรุณบุปผาที่เต็มท้องนภาด้วยกันกับนาง น้ำเสียงและสีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยความรัก
เขากระซิบข้างหู “ข้า หนิงเซ่าชิงขอสาบานต่อสวรรค์ว่า ชีวิตนี้จะขอรักเพียงแค่มั่วเชียนเสวี่ยเพียงคนเดียว ชีวิตนี้จะครองคู่กันจนแก่เฒ่ากับนางผู้เดียว และเคียงคู่กับนางทุกชาติไป”
ถ้าหากไม่ใช่ว่าสถานที่ไม่ถูกต้อง มั่วเชียนเสวี่ยคงจะโผเข้าใส่ร่างเขาด้วยความตื้นตันใจไปแล้วจริงๆ พร้อมกับขบกัดเขาคำโต จุมพิตเขาอย่างบ้าคลั่งเพื่อถือโอกาสนี้แสดงความตื้นตันใจในใจนาง!
ครองคู่กันทุกชาติไปพูดนั้นสบายมาก แต่คนที่สามารถทำได้จริงๆ นั้นจะมีสักกี่คนกัน
ในยุคปัจจุบันที่สังคมมีสามีภรรยาคนเดียว ความรักก็ยังไม่สามารถประคองให้หวานชื่นตลอดไปได้ นับประสาอะไรกับยุคโบราณที่มีกฎระบุเป็นลายลักษณ์อักษรว่ามีสามภรรยาสี่อนุได้กัน
แต่บนโลกใบนี้ยังคงมีคนเช่นนี้อยู่คนหนึ่ง เขามีนามว่าหนิงเซ่าชิง เป็นคนพิเศษ เป็นหัวหน้าตระกูลขุนนางเก่าแก่ คนที่มีฐานะสูงส่งเช่นนี้คนหนึ่ง กลับยินยอมที่จะละทิ้งสตรีรูปโฉมงดงามทั้งหมด ปล่อยวางความหยิ่งผยองลงในเรื่องของความรัก เพียงแค่ปรารถนาที่จะครองคู่กับนางตลอดไป
มั่วเชียนเสวี่ยหน่วยตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ส่วนลึกในใจบอกกับตัวเองเงียบๆ แม้ว่าในภายภาคหน้า หนิงเซ่าชิงจะทำให้นางผิดหวัง แต่นางจะยังคงจำเหตุการณ์ในวันนี้เอาไว้ในใจ และไม่มีวันลืมตลอดไป!
ในที่ไกลๆ คนกลุ่มหนึ่งตะลึงค้างไปแล้ว!
“คุณหนู ท่านดูสิเจ้าคะ สวยจริงๆ…” สาวใช้คนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังสตรีตรงหน้า แววตาเป็นประกายตกหลุมรัก หลงใหลเคลิบเคลิ้มอย่างที่สุด
และคุณหนูที่นางเรียกขานท่านนี้ก็มีอาการเหมือนกันพอสมควร สีหน้าท่าทางอิจฉาเช่นนี้ เกือบจะทำน้ำลายหยดใส่บนเสื้อผ้า
“สวยมาก…สวยมากจริงๆ บุรุษเช่นนี้ บุรุษที่หน่วยก้านดี มากความสามารถจนไม่มีใครในยุคนี้เทียบเทียมได้เช่นนี้ จะต้องไปทำความรู้จัก เขาเป็น…” เอ่ยจบ คุณหนูผู้นี้ก็พุ่งตัวไปทางหนิงเซ่าชิงกับมั่วเชียนเสวี่ยทันควัน
เหล่าสาวใช้และบ่าวไพร่ก็รีบตามไปทันที
พวกเขาไม่ได้ไปห้ามทัพหรืออะไร แต่ไปเสริมกำลังให้กับคุณหนูของพวกเขา
เรื่องเช่นนี้ พวกเขาเห็นจนเป็นเรื่องปกติ เมื่อเวลาผ่านไปนาน พวกเขาที่เป็นข้ารับใช้ ก็คุ้นเคยกับการอาศัยบารมีของผู้เป็นนายในการรังแกชาวบ้าน ใช้อำนาจบาตรใหญ่อย่างกำเริบเสิบสานแล้ว!
เป็นเพราะว่ากลัวจะทำลายอารมณ์สุนทรีย์ของนายท่านและคุณหนู ชูอี สืออู่ กุ่ยซา กับเตาหนู และคนอื่นๆ จึงหลบอยู่ในที่ไกลๆ
ดังนั้น แม้ว่ามั่วเชียนเสวี่ยกับหนิงเซ่าชิงจะสวมอาภรณ์หรูหรา ลักษณะท่าทางไม่ธรรมดา ทว่า เมื่อยืนอยู่ริมทะเลสาบ และมองไปในตอนนี้ก็ดูเหมือนกับบุรุษสตรีในครอบครัวชาวบ้านธรรมดาแอบนัดพบกัน
ความเข้าใจเช่นนี้ ยิ่งทำให้คุณหนูที่จ้องตาเป็นมันมีความกล้ามากขึ้น ยังไม่ทันจะเดินเข้าไปใกล้มั่วเชียนเสวี่ยกับหนิงเซ่าชิง ก็ตะโกนอ้าปากด่ากราดแล้ว!
“สตรีสารเลว! เจ้าปล่อยสามีของข้าเดี๋ยวนี้นะ!”
ผู้คนรอบๆ ล้วนกำลังจมอยู่กับทิวทัศน์อันงดงามเมื่อครู่นี้ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงคนด่ากราด เมื่อปรากฏเสียงที่ไม่เข้ากับบรรยากาศขึ้นมา ทุกคนก็พากันขมวดคิ้วทันที
โมโหคนทำลายบรรยากาศที่ไม่รู้ความ แต่สายตากลับมองหาที่มาของเสียง และดูเรื่องซุบซิบนินทาด้วยความตื่นเต้น…
ประโยคนี้ หนิงเซ่าชิงกับมั่วเชียนเสวี่ยย่อมได้ยินเช่นกัน เพียงแต่คนทั้งคู่เพิ่งจะแสดงความรักต่อกันไป ตอนนี้จึงอารมณ์ดีมากๆ ย่อมไม่อยากจะถือสาหาความกับคนที่ไม่รู้เรื่องราวอันใด
ทั้งสองคนไม่ใช่คนชื่นชอบเรื่องซุบซิบ จึงยังคงสบตากันเงียบๆ โดยไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจ และปราศจากสีหน้าโมโห ก็แค่สตรีสติวิปลาสคนหนึ่งเท่านั้นเอง! ไม่แน่ว่าจะพุ่งเป้ามาทางพวกเขา หนิงเซ่าชิงกับมั่วเชียนเสวี่ยกระชับมือที่จับกันเอาไว้ และเตรียมตัวจูงมือกันจากไป
“สตรีที่น่ารังเกียจคนนั้นน่ะ! บอกให้เจ้าปล่อยสามีข้า เจ้าไม่ได้ยินหรือ” เสียงดังจากที่ห่างไกลและใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนดังขึ้นข้างหูของทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว
มั่วเชียนเสวี่ยประหลาดใจ หันไปมองดู ก็เห็นวัตถุบางอย่างกำลังพุ่งตรงมาทางนาง มั่วเชียนเสวี่ยยื่นมือออกมาทันควันตามสัญชาตญาณ แต่กลับไม่รอให้ตนเองออกแรง วัตถุนั้นก็ไม่อยู่แล้ว…
หลังจากนั้น…
“กรี้ดดด…เจ้ากล้าตบข้า?”
ที่แท้ วัตถุที่มองเห็นไม่ชัดเมื่อครู่นี้ก็คือมือของสตรีที่ล้มลงไปนั่งกับพื้นในตอนนี้!
มั่วเชียนเสวี่ยแสดงสีหน้าท่าทางประหลาดใจ หรือว่าตนเองจะเคยล่วงเกินนาง จึงมองไปทางหนิงเซ่าชิง ใช้สายตาสอบถาม ‘ท่านล่วงเกินผู้อื่นหรือ’ หรือว่าไปติดค้างความสัมพันธ์ที่ข้องเกี่ยวอะไรในอดีต
ตอนนี้หนิงเซ่าชิงกำลังกราดเกรี้ยว!
เขาไม่กล้าคิดเลยว่า หากเมื่อครู่มือตัวเองช้ากว่านี้ไปนิดหนึ่ง มั่วเชียนเสวี่ยจะถูกคนบ้าที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ตบเข้าให้ใช่หรือไม่
เขาไม่สามารถอดทนให้ผู้ใดรังแกมั่วเชียนเสวี่ยได้ ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลัง!
สำหรับคำถามของมั่วเชียนเสวี่ย หนิงเซ่าชิงเก็บความเย็นชาเอาไว้ และลูบปอยผมนางอย่างอ่อนโยน พลางส่ายหน้าน้อยๆ
เขาไม่เคยพบสตรีวิปลาสคนนี้เลยด้วยซ้ำ จะเอาอะไรมาล่วงเกิน
หลังจากมั่วเชียนเสวี่ยเข้าใจแล้วก็รู้สึกขบขัน คนคนนี้โผล่ออกมาจากที่ไหนกัน วิ่งมากล่าววาจาประหลาดนั้นไม่กล่าวถึง ยังคิดจะตบตนเองอีก?
“เจ้าเป็นใคร”
“เจ้าจะสนใจทำไมว่าข้าเป็นใคร! รีบปล่อยมือของเจ้าออกจากสามีข้าเดี๋ยวนี้!” น้ำเสียงเต็มไปด้วยพลัง มองไม่ออกถึงท่าทางที่ถูกผลักให้ล้มเมื่อครู่นี้แม้แต่น้อย
มั่วเชียนเสวี่ยมองหนิงเซ่าชิงอย่างแปลกใจเล็กน้อย ตอนที่เห็นแววตาสงสัยเหมือนกันของเขา ก็ยิ่งรู้สึกสับสนวุ่นวายขึ้นมาทันที
สวรรค์ ใครจะสามารถบอกนางได้ว่า เรื่องทั้งหมดนี่มันยังไงกันแน่!
สตรีผู้นี้หลุดออกมาจากบ้านพักคนชราที่ไหน รีบส่งคนมารับกลับไปเถอะ…
“สามีของเจ้า? เจ้า…มั่นใจ?”