ชั่วขณะหนึ่ง ก้อนหินขนาดใหญ่ กดทับหัวใจจนทำให้เขาหายใจไม่ออก
ขณะที่ท่านผู้เฒ่าสวี่กำลังรอมั่วเชียนเสวี่ยออกคำสั่งด้วยความหวาดกลัว หรือรอฟังคำร้องขอเกินจริง มั่วเชียนเสวี่ยเพียงแค่ยิ้มแล้วให้ท่านผู้เฒ่าสวี่เดินนำทาง
นางดูแผนที่แล้วเลือกที่ดินแปลงหนึ่ง ที่ดินแปลงนั้นไม่ห่างจากทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวเท่าใดนัก ทั้งยังสะดวกต่อการไปเมืองอวิ๋นฉี่
การที่อยู่ไม่ห่างจากทะเลสาบ ทำให้สะดวกในการผลิต ไม่ห่างจากเมืองอวิ๋นฉี่ ทำให้สะดวกในการขนส่ง ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
เมืองอวิ๋นฉี่คือป้อมการขนส่งสำคัญของเทียนฉี ท่าเรือที่นั่น ไม่ได้มีเพียงแม่น้ำตงจิงเพียงสายเดียว
ท่าเรือที่นั่นมีแม่น้ำหลายสายรวมอยู่ด้วยกัน นอกจากแม่น้ำตงจิงแล้ว ยังมีท่าเรือแม่น้ำสู่ซึ่งไหลผ่านครึ่งแคว้นเทียนฉี
ท่าเรือแม่น้ำสู่ ไหลไปทางทิศตะวันตก ไม่เพียงไปถึงชายแดนตะวันตก ได้ยินว่ายังไปถึงแคว้นชัง
ในเมื่อจะไปดูที่ดิน เช่นนั้นเท่ากับยอมรับการขอโทษของเขาแล้ว เรื่องนี้ถือว่าจบลงแล้ว
ภายใต้ความตกตะลึงของท่านผู้เฒ่าสวี่ ในที่สุดเขาก็ยกภูเขาออกจากอก
อย่างทันทีทันใด เขาให้บ่าวรับใช้เดินเปิดทางด้านหน้า ส่วนเขาก็คอยนำทาง พร้อมกับอธิบายที่ดินแปลงที่มั่วเชียนเสวี่ยชื่นชอบ
หลังจากดูที่ดิน พูดคุยราคา ก็ลงลายลักษณ์อักษรทำสัญญากัน
มั่วเชียนเสวี่ยพอใจอย่างมาก ท่านผู้เฒ่าสวี่ก็โล่งอก
ในเมืองหลวงมีผู้ใดบ้างที่ไม่รู้ว่า ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวแห่งนี้ทิวทัศน์งดงาม ที่ใดมีน้ำ ที่นั่นย่อมทำนาได้ดี ที่ดินแปลงที่ท่านผู้เฒ่าสวี่วงไว้เหล่านี้ ทุกแปลงราคามากกว่าสามแสนตำลึงเงิน
ทว่า เวลานี้ กลับขายในราคาสองแสนตำลึงเงิน เท่ากับว่ามั่วเชียนเสวี่ยประหยัดไปหนึ่งแสนตำลึงเงิน
สองแสนตำลึงเงิน สำหรับจวนกั๋วกงแล้ว ไม่มีเงินทองมากมายขนาดนั้น
แต่ว่า ตั๋วเงินห้าแสนตำลึงเงินที่หนิงเซ่าชิงเคยเห็นมั่วเชียนเสวี่ยในอดีต นางยังใช้ไม่หมด ในที่สุดเวลานี้ก็ได้นำมาใช้แล้ว
มั่วเชียนเสวี่ยลงลายมือชื่อและทำสัญญาเสร็จ นางมองด้วยความพอใจ จากนั้นเอาสัญญาให้ชูอีที่อยู่ข้างๆ นางพูดคุยกับท่านผู้เฒ่าสวี่เล็กน้อย เพราะถึงอย่างไร ตระกูลของเขาก็อยู่ที่นี่มาหลายชั่วอายุคนแล้ว ฝังรากลึกที่นี่ วันข้างหน้าสร้างโรงงานนางไม่คาดหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากเขา แต่ก็ไม่อยากให้มีคนมาคอยขัดขวาง
เรื่องบางอย่างเงินทองและอำนาจไม่อาจแก้ปัญหาได้
ขณะที่กำลังพูดคุยกันนั้น มั่วเชียนเสวี่ยไม่ลืมที่จะถามถึงบุตรีของเขา เมื่อใดจะแต่งงาน
นางไม่อยากให้คราวหน้าตอนที่หนิงเซ่าชิงมา มีเสียงสะอื้นของบุตรีผู้เฒ่าสวี่ร้องเรียกเขาว่าสามี มาขอให้ผู้อื่นโยนตนลงไปในน้ำ ละครบางเรื่องดูรอบหนึ่งให้ความรู้สึกสนุกสนาน แต่เมื่อดูรอบที่สองก็จะสร้างปัญหา
ความเป็นจริง สิ่งที่นางเป็นกังวลอย่างแท้จริงคือ…
หากว่า หญิงวิปลาสร้องเรียกเช่นนี้ ผู้อื่นหลงเชื่อคิดว่าเป็นความจริง เข้าใจว่าหนิงเซ่าชิงกับนางมีอะไรกันจริงๆ…กลัวว่าคำพูดเหล่านั้นจะไปถึงหูพวกคนที่มีเจตนาร้าย เพื่อทำร้ายนาง มีคนยัดเยียดหญิงวิปลาสคนนี้ไปเป็นอนุภรรยาของหนิงเซ่าชิง นางต้องจบเห่แน่นอน
อย่าตำหนิที่นางคิดมากจนเกินไป เพราะโลกใบนี้มีเรื่องน้ำเน่ามากมายยิ่งนัก
เมื่อท่านผู้เฒ่าสวี่ได้ยินคำพูดนี้ เขาย่อมเข้าใจความหมายของมั่วเชียนเสวี่ย อ้าปากแล้วตอบทันที บอกว่าบุตรีของเขามีบุรุษที่ชมชอบอยากจะให้เป็นสามีแต่งเข้าตระกูลแล้ว รอเดือนหน้านางเข้าพิธีปักปิ่นเสร็จ บุรุษคนนั้นก็แต่งเข้าตระกูลได้แล้ว
แน่นอน เรื่องนี้ยังไม่ใช่ความจริง แต่ว่า หลังจากเกิดเรื่องเมื่อวานขึ้น ท่านผู้เฒ่าสวี่ก็ขอร้องแม่สื่อที่ดีที่สุดในละแวกนี้ ด้วยความร่ำรวยของตระกูลเขา เกรงว่าไม่ถึงสามวัน คนที่อยากจะเป็นลูกเขยแต่งเข้าตระกูลของเขา คงจะเหยียบย่างธรณีประตูของตระกูลแล้ว
เมื่อทำสัญญาลงลายลักษณ์อักษรแล้ว ก็ไปทำขั้นตอนต่างๆ ณ ที่ว่าการอำเภอจนแล้วเสร็จ ยามนั้นท้องฟ้าก็มืดแล้ว
ตลอดหนึ่งวันที่ผ่านมานี้ ทั้งดูที่ดิน ทั้งเร่งเดินทาง กล่าวได้ว่าเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก ทว่า มั่วเชียนเสวี่ยไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเท่าใด
มั่วเชียนเสวี่ยที่ฝึกวรยุทธ์เสร็จ นอนอยู่บนเตียง ดวงหน้าของนางเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
ในที่สุดการครอบครองทรัพย์สินก็มีวี่แววแล้ว แล้วจะไม่ให้นางมีความสุขได้อย่างไร
อาหารถือเป็นสวรรค์ของผู้คน ไม่เพียงสามารถขายเครื่องปรุงไปทั่วทั้งเทียนฉี วันหนึ่งยังจะสามารถขายไปยังแคว้นอื่นๆ บนผืนแผ่นดินนี้ได้
อย่าดูแคลนเครื่องปรุงเล็กๆ นี้ หากทุกครัวเรือนต่างใช้ขึ้นมา เช่นนั้นก็จะเป็นความร่ำรวยมหาศาล
เครื่องปรุงนี้ ไม่ใช่แค่ซีอิ๋วและน้ำส้มสายชูเท่านั้น วันข้างหน้านางจะพัฒนาเครื่องปรุงอื่นๆ ให้มากขึ้น หากบริหารเป็นอย่างดี แค่ด้านนี้ ก็ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยยืนหยัดอยู่ในแวดวงการค้าของเทียนฉีได้แล้ว
เวลานี้ภัตตาคารอวี่จี้มีร้านเดียวในเมืองหลวง ลูกค้าเต็มทุกวัน นี่คือสิ่งที่นางคาดการณ์เอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว อาหารในภัตตาคารอวี่จี้ โดยมากนางเป็นผู้สอน อาหารส่วนมากคืออาหารจำพวกตุ๋น เทียบกับร้านค้าดั้งเดิมที่ขายอาหารรสจืดนั้น ย่อมอร่อยกว่ามาก
แน่นอนว่าอาหารจำพวกตุ๋นย่อมใช้ซีอี๋วดำที่ทำจากเห็ดฟางซึ่งเป็นส่วนผสมของซีอิ๋วเซียนมั่ว
โรงงานเครื่องปรุงเซียนมั่วไม่เพียงผลิตน้ำส้มสายชูหลากหลายชนิด แม้กระทั่งซีอิ๋วก็มีสองชนิด ชนิดแรกคือซีอิ๋วขาว อีกชนิดคือซีอิ๋วดำ ซีอิ๋วขาวให้ความสดใหม่ ซีอิ๋วดำเพิ่มความหอม…
นางไม่ได้เห็นเป็นของล้ำค่าแล้วเก็บงำเป็นความลับ ไม่เปิดเผยเมนูอาหาร แต่นางทำตรงกันข้าม นางป่าวประกาศเคล็ดลับในการทำอาหารให้กับสายอาชีพเดียวกัน ขอเพียงเป็นภัตตาคารที่ไม่อยากล้มละลาย รู้จักเครื่องปรุงเหล่านี้ มีหรือที่จะไม่หวั่นใจ ย่อมมีการสั่งจองอยู่ตลอดเวลา
พรุ่งนี้ต้องไปดูที่บ้านไร่ให้ได้ ดูการทำนา ทำหลายอย่างจึงจะยืนหยัดอย่างแข็งแรง ไม่ล้มง่ายๆ…นี่คือความคิดสุดท้ายก่อนนอนของมั่วเชียนเสวี่ย
เที่ยงวันของวันรุ่งขึ้น มั่วเชียนเสวี่ยยืนอยู่บนบ้านไร่ของนางแล้ว
เฟิงชิงอวี่ในอดีตมีสินออกเรือนเป็นบ้านไร่สามหลัง บ้านไร่หลังนี้มีขนาดใหญ่ที่สุด อีกสองอันรวมกันยังไม่ใหญ่เท่าบ้านไร่นี้
แม้บ้านไร่นี้จะไม่ใหญ่เท่าที่ดินแปลงที่ติดกับแม่น้ำพระจันทร์เสี้ยวที่ท่านผู้เฒ่าสวี่ขายให้นาง ทั้งยังไม่ติดทะเลสาบ ทว่า นอกจากอาณาเขตกว้างใหญ่แล้ว ก็มีทิวทัศน์งดงามเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง
บ้านไร่นี้เป็นเนินเขาเล็กๆ ในป่า เนินเขาหลายลูกห้องล้อมพื้นดินกว้างใหญ่ผืนนี้
เวลานี้บนเนินเขาดอกไม้กำลังผลิบาน แม้ใต้เนินเขาจะเต็มไปด้วยวัชพืช มองดูวัชพืชที่สูงใหญ่ ทำให้รู้ว่าดินที่นี่อุดมสมบูรณ์อย่างมาก
ไม่แปลกเลยจริงๆ ที่หวังเทียนซงบอกว่าหากดูแลที่ดินผืนนี้ให้ดี สามารถเลี้ยงดูคนทั้งหมู่บ้านหวังจยาได้
เนินเขาแต่ละลูกล้วนเต็มไปด้วยผลไม้ มีต้นผิงกั่วหนึ่งเนินเขา มีต้นส้มครึ่งเนินเขา ต้นสาลี่ครึ่งเนินเขา ทั้งยังมีต้นท้อ ต้นพุทราและต้นพลับ
ไม่ต้องมีคนคอยดูแล ในหนึ่งปีเพียงรอเก็บเกี่ยวผลไม้ ก็เก็บได้มากแล้ว
นาที่ล้อมรอบเนินเขา หากดูแลให้ดี ย่อมเก็บเกี่ยวได้มาก
ภายใต้การส่งคนมาช่วยเหลือของพ่อบ้านมั่ว หวังเทียนซงรับหน้าที่ดูแลบ้านไร่นี้แล้ว
มั่วเชียนเสวี่ยจะมาตรวจตรา เขาไม่เพียงให้ความร่วมมือทุกอย่าง ทั้งยังตามชายชราหนวดยาวเฟื้อยที่ทำงานอยู่ในบ้านไร่มาโดยตลอดมาด้วย
หวังเทียนซงเป็นคนฉลาด หลังจากได้ยินฐานันดรศักดิ์ของมั่วเชียนเสวี่ยและหนิงเซ่าชิง ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปแล้ว ท่ามกลางความเคารพยังเคล้าไปด้วยความจงรักภักดี
จากการสนทนาโต้ตอบของชายชราหนวดยาว มั่วเชียนเสวี่ยพอจะรู้สถานการณ์คร่าวๆ ของบ้านไร่นี้แล้ว
เมื่อปีก่อนประสบพบเจอกับภัยแล้ง แต่ก็ไม่ถึงขั้นว่าไม่มีอะไรให้เก็บเกี่ยว เริ่มตั้งแต่เมื่อปีกลายทั่วทั้งบ้านไร่ก็แห้งแล้งไปหมดแล้ว
ชายชราหนวดยาวยังบอกอีกว่า ที่ดินที่ล้อมรอบเนินเขา เมื่อก่อนให้ผู้เช่ามาปลูก ทว่าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดตั้งแต่เมื่อปีกลาย ก็ไม่ให้คนเช่าแล้ว คนดูแลไม่เพียงไม่ให้คนเช่า ทั้งยังไม่ให้คนในบ้านไร่และคนงานเพาะปลูก