มั่วเชียนเสวี่ยพิจารณามองชูอีขึ้นๆ ลงๆ แวบหนึ่ง
ชูอีโตกว่านางหนึ่งถึงสองปี สตรีอายุสิบหกสิบเจ็ด เป็นวัยแรกแย้มผลิบานที่เพิ่งจะเข้าใจเรื่องความรัก
คงไม่ใช่ว่า…คิดถึงบุรุษที่ไหนหรอกนะ?
เมื่อมองไปที่ชูอีอีกรอบ ดวงหน้าบาน จมูกโด่ง ผิวขาว ดวงตาเรียวเล็ก รูปโฉมค่อนข้างงามอยู่หลายส่วนจริงๆ
มั่วเชียนเสวี่ยพยักหน้าคล้ายกับว่าเข้าใจ
พรึบ!
ชูอีหน้าบาง จึงหน้าแดงด้วยความเขินอายทันที!
มั่วเชียนเสวี่ยเห็นท่าทางเช่นนี้ของชูอีแล้ว จะยังมีสิ่งใดที่ไม่เข้าใจอีก
ยิ้มเข้าใจ แต่กลับครุ่นคิดในใจว่า คนที่ทำให้ชูอีชอบได้จะเป็นใครกัน
อาซาน อาอู่? เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ ชูอีไม่ได้ปฏิบัติต่อพวกเขาเป็นพิเศษเลยสักนิดเดียว เช่นนั้นภายในเรือนแห่งนี้ยังมีใครอยู่อีก
มั่วเชียนเสวี่ยคิดอยู่นานสองนาน ชูอีก็ยืนกังวลใจอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานานสองนานเช่นกัน
นางไม่กล้าคิดเลยว่า คุณหนูจะสังเกตเห็นสิ่งใดหรือไม่ คุณหนูจะไม่เห็นด้วยใช่หรือไม่ คุณหนูจะห้ามหรือไม่…
ทันใดนั้น มั่วเชียนเสวี่ยก็มีสีหน้าชะงัก ใบหน้าที่เดิมผ่อนคลายก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที!
เป็นเพราะนางรู้แล้วว่าคนคนนั้นคือใคร!
“เป็นกุ่ยซาใช่ไหม”
ปึก!
“คุณหนู…พวกเราไม่ได้…ไม่ได้ทำเรื่อง…เรื่องอะไรนะเจ้าคะ!”
“หืม?” หางเสียงลากยาวเป็นพิเศษ คล้ายกับไม่เชื่อ และมีแววข่มขู่
“ไม่มีจริงๆ เจ้าค่ะ!”
ชูอีตกใจจนคุกเข่า
มั่วเชียนเสวี่ยหัวเราะในใจ แต่บนใบหน้ากลับไม่แสดงออกมา
ดรุณีน้อยผู้นี้เพิ่งจะถึงวัยแรกแย้ม
นางเพียงแค่ขู่ชูอี เพราะอยากจะฟังความจริงมากกว่านี้เท่านั้นเอง
ชูอีไม่เข้าใจท่าทีของคุณหนู จึงคุกเข่าอยู่ตรงนั้น ไม่กล้าขยับเขยื้อน
แม้ว่านางจะถูกสายตาอ่อนโยน อบอุ่นจนร้อนของกุ่ยซาที่มองตนเองเมื่อครู่ทำให้หวั่นไหวอย่างรุนแรง หวั่นไหวจนลูกกวางที่อยู่ในหัวใจกระโดดโลดเต้นไปทั่ว แต่ถ้าหากคุณหนูไม่ชอบ นางจะไม่ยอมข้องเกี่ยวกับกุ่ยซาแม้แต่น้อย!
สำหรับเรื่องนี้ มั่วเชียนเสวี่ยก็แค่ส่ายหน้าเท่านั้น
ร้อนรนไปทำไม นางไม่ได้บอกว่าไม่เห็นด้วยสักหน่อย
กลับกัน นางรู้สึกว่าทำแบบนี้ดีมาก!
อย่างไรเสีย กุ่ยซาก็เป็นคนของหนิงเซ่าชิง แบบนี้แม้ว่าในภายหน้าชูอีจะแต่งงานกับกุ่ยซาแล้ว ก็ยังคงอยู่กับนางเหมือนเดิม
“ลุกขึ้นเถอะ ข้ายังไม่ได้เอ่ยอะไร ก็ทำให้เจ้าตกใจจนมีสภาพแบบนี้แล้ว ถ้ากุ่ยซาเห็นเข้า ไม่แน่ว่าจะร้อนใจ กุ่ยซา…ใช่หรือไม่”
ชูอีได้ยินก็รีบเงยหน้าขึ้น และมองตามสายตามั่วเชียนเสวี่ยไป ก็เห็นกุ่ยซาที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่นอกหน้าต่างห้องมั่วเชียนเสวี่ยตั้งแต่เมื่อใด ภายใต้แสงไฟสลัวคือเงาร่างเลือนร่างทว่าหนักแน่นของกุ่ยซา
“กุ่ยซามิกล้าขอรับ”
กุ่ยซาคุ้นชินกับการปฏิบัติตนตามระเบียบแบบแผน แม้จะรู้ว่ามั่วเชียนเสวี่ยกำลังล้อเล่นกับเขา แต่กลับไม่รู้ว่าจะตอบรับเช่นไร จึงทำได้เพียงแค่เอ่ยวาจาแข็งทื่อออกมา
“น่าเบื่อ…” มั่วเชียนเสวี่ยมองเงาร่างที่สะท้อนอยู่บนหน้าต่างของกุ่ยซา แล้วกลอกตามองบน
คนของหนิงเซ่าชิงนั้นเก่งกาจ น้ำปุ๋ยที่อุดมสมบูรณ์อย่าปล่อยให้ไหลเข้านาคนอื่น เก็บของดีมีประโยชน์ไว้กับตัว ไม่ปล่อยให้หลุดไปถึงมือคนภายนอก ถูกผู้ช่วยที่มีประสิทธิภาพที่สุดของนางจับเอาไว้ได้เสียแล้ว
มากน้อยอย่างไร มั่วเชียนเสวี่ยก็ยังคงรู้สึกหดหู่ใจอยู่บ้าง
เมื่อคิดถึงหนิงเซ่าชิง และมองซ้ายมองขวาดูบุรุษกับสตรีที่มีความรักลึกซึ้งให้กัน แต่ไม่ได้รับการเติมเต็ม เพราะถูกหน้าต่างกั้นอยู่คู่นี้ มีหน้าต่างกั้นอยู่ก็ยังมองกันและกัน มั่วเชียนเสวี่ยรู้สึกได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง
หนิงเซ่าชิงสมควรตาย หนิงเซ่าชิงคนงี่เง่า ถึงกับไม่สนใจนาง!
นางเอ่ยขึ้นว่า “ชูอี เจ้าออกไปเถอะ ข้าจะพักผ่อนแล้ว”
…
คฤหาสน์ซิน อำเภอเทียนเซียง
เจี่ยนชิงโยวนั่งเย็บอาภรณ์ชุดใหม่ให้กับซินอี้หมิงอยู่ในห้อง มุมปากอมยิ้ม ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข
นางกับซินอี้หมิงแต่งงานกันได้สองเดือนแล้ว เป็นช่วงเวลาที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันมากพอดี
ซินอี้หมิงคล้อยตามนางทุกเรื่อง ปฏิบัติต่อนางด้วยความเป็นห่วงและเอาใจใส่
คิดถึงเรื่องดีๆ ของซินอี้หมิงแล้ว ริมฝีปากของเจี่ยนชิงโยวก็โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มงดงามอย่างอดไม่อยู่
ทว่า ตอนนี้ริมฝีปากโค้งขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบ กลับหวนนึกถึงวันนั้นขึ้นมา
หากไม่ใช่ว่าวันนั้นมีความเห็นเชียนเสวี่ย เกรงว่าตนเองคงถูกแต่งไปยังตระกูลวั่นแห่งชังโยว และร่ำไห้ด้วยความโศกเศร้า เพราะไม่มีวันได้พบกับหน้าซินอี้หมิงอีกไปแล้ว
ไม่รู้ว่าตอนนี้เชียนเสวี่ย…น้องสาวคนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง
คิดไปคิดมา เจี่ยนชิงโยวก็วางงานในมือลง เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
ซินอี้หมิงยุ่งวุ่นวายมาทั้งวัน เมื่อกลับมาถึงห้อง ก็เห็นภรรยาของตนเองเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
สองคนใจสื่อถึงกัน เขาจะไม่รู้เรื่องความกังวลใจของนางได้เช่นไร
“นึกถึงมั่วเชียนเสวี่ยหรือ” ซินอี้หมิงก้าวเข้ามา โอบเจี่ยนชิงโยวเข้ามาในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยน และก้มหน้าลงจุมพิตเบาๆ ที่แก้มของนาง
ซินอี้หมิงเข้ามากะทันหัน แต่เสียงของเขาเบามาก การกระทำก็อ่อนโยนมาก ไม่ได้ทำให้เจี่ยนชิงโยวตกใจ
เจี่ยนชิงโยวถือโอกาสพิงร่างในอ้อมแขนอบอุ่นที่กอดนาง
ซินอี้หมิงมักจะสร้างความประหลาดใจเล็กๆ น้อยๆ ให้นางบ่อยๆ ในใจจึงเต็มไปด้วยความสุข
ในใจยิ่งรู้สึกหวานซึ้ง และยิ่งคิดถึงมั่วเชียนเสวี่ยมากขึ้น
“ไม่รู้ว่าตอนนี้นางเป็นอย่างไรบ้าง ข้าเป็นห่วงนางมาก”
เอ่ยถึงตรงนี้ เจี่ยนชิงโยวก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว จับมือของซินอี้หมิงเอาไว้ แล้วหันกลับไปมองเขา
นางเป็นเพียงสตรีคนหนึ่ง ทั้งยังไร้ความกล้าหาญเฉกเช่นมั่วเชียนเสวี่ย ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นห่วงมั่วเชียนเสวี่ยมาก แต่กลับไม่สามารถส่งจดหมายให้นางเป็นการส่วนตัวตามใจชอบได้
อย่างไรเสียตอนนี้จวนกั๋วกงก็เป็นที่กล่าวถึงไปทั่ว ส่วนท่านพ่อสามีของนางก็ได้รับการเสนอชื่อจากตระกูลเซี่ยถึงได้เป็นขุนนาง ตอนนี้สามีนางก็ไม่ได้ตัวเปล่า กล่าวอย่างจริงจัง ก็เป็นขุนนางทางฝ่ายตระกูลเซี่ย
ตระกูลขุนนางเก่าทั้งสามแสดงออกว่าปรองดองกัน แต่ความจริงภายในกลับระแวดระวังซึ่งกันและกัน เจี่ยนชิงโยวเติบโตในตระกูลขุนนาง จะไม่เข้าใจเหตุผลนี้ได้เช่นไร
แต่ คราแรกที่ไปสู่ขอที่ตระกูลเจี่ยน เพื่อไม่ให้ถูกตระกูลเจี่ยนรังเกียจอีก จึงทำได้แค่บริจาคเงินแลกกับตำแหน่งขุนนาง ว่ากันตามเหตุผล ท่านพ่อสามีจึงเป็นคนของตระกูลเซี่ย ตำแหน่งขุนนางของสามีได้มาเพราะการบริจาคเงิน ย่อมต้องเกี่ยวข้องกับตระกูลเซี่ยอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อมีความเกี่ยวข้องนี้อยู่ เจี่ยนชิงโยวก็ทำได้แค่ฝากความหวังไว้กับซินอี้หมิง!
ยามที่ซินอี้หมิงเห็นความวิตกกังวลในนัยน์ตานาง หัวใจก็ละลายกลายเป็นน้ำแอ่งหนึ่ง
“ชิงโยว เจ้าวางใจเถอะ จดหมายที่ส่งไปหลายวันก่อน ตอนนี้น่าจะถึงเมืองหลวงแล้ว บางทีอาจจะถึงมือมั่วเชียนเสวี่ยแล้ว และบางทีนางคงตอบจดหมายพวกเราแล้ว กำลังอยู่ระหว่างทางกลับมาก็ได้ เจ้าว่าใช่หรือไม่”
หลายวันก่อน ทางเมืองหลวงส่งเรื่องที่เกิดขึ้นกับจวนกั๋วกงทั้งหมดมา เจี่ยนชิงโยวก็หมดสติไป ณ ตรงนั้น!
หลังจากฟื้นขึ้นมา ก็จะให้เขาส่งจดหมายไปเมืองหลวงฉบับหนึ่ง ถึงจะยอมเลิกรา
ต่างคนต่างมีเส้นทางที่ไม่เหมือนกัน แม้ว่าจะยืนอยู่คนละฝ่าย แต่การแอบส่งจดหมายเล็กน้อยพวกนี้ ซินอี้หมิงยังพอทำได้
ซินอี้หมิงกอดเจี่ยนชิงโยวด้วยความเอ็นดู ในใจเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจ
ความจริงเขารู้สึกขอบคุณมั่วเชียนเสวี่ย ถ้าหากคราแรกไม่ได้มั่วเชียนเสวี่ยให้การสนับสนุนพวกเขาสุดกำลัง ถ้าหากไม่ได้มั่วเชียนเสวี่ยสร้างโอกาสเหล่านั้นให้พวกเขา ตอนนี้พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันได้อย่างไร
อีกอย่าง มั่วเชียนเสวี่ยก็เป็นสตรีที่ทำให้รู้สึกชื่นชมเป็นอย่างมาก ยิ่งกว่านั้นก็เป็นหุ้นส่วนทางการค้าของเขาด้วย