“ทำไมข้าต้องไป ท่านยังไม่มีคำอธิบายให้ข้าเลย! สองคนนี้ถึงกับกล้าปฏิบัติตัวเช่นนั้นกับข้า วันนี้ข้าจะสังหารพวกเขาระบายความโมโห! ถ้าท่านไม่ทำตาม ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะไม่นับถือท่านเป็นบิดาอีกแล้ว!”
ท่าทางเช่นนี้ของสวี่หยวนหยวน แสดงออกชัดเจนว่าต้องการจัดการกุ่ยซากับเตาหนู!
กุ่ยซาสบตากับเตาหนูสองคนแวบหนึ่ง
ล้วนเห็นแววตา “สตรีนางนี้ท่าจะประสาทสินะ?” จากนัยน์ตาของอีกฝ่าย
โรคประสาทประเภทนี้ เป็นอาการป่วย ต้องรักษา!
แต่…ดูเหมือนว่า…จะไม่มียาใดรักษาได้อยู่บ้าง
สองคนพากันส่ายหน้า
จัดการพวกเขา? ต้องดูว่าคฤหาสน์สวี่ของพวกเจ้ามีความสามารถมากพอหรือไม่!
“นายท่านสวี่ พวกข้าสองพี่น้องยังมีเรื่องเร่งด่วน ทางที่ดีจัดการเรื่องในครอบครัวท่านให้เรียบร้อย หากไม่ทำตามที่พวกข้าเรียกร้อง…”
เตาหนูแค่นเสียงเย็น เงยหน้าขึ้นมองประตูบานใหญ่ของคฤหาสน์สวี่ด้วยสายตาเย็นเยียบ
คล้ายกับกำลังสังเกตว่า จะเริ่มลงมือรื้อคฤหาสน์สวี่จากตรงไหนในวันพรุ่งนี้ถึงจะดี…
นายท่านสวี่อกสั่นขวัญแขวน ลนลานขึ้นมาทันที!
นี่…ทำไมได้เด็ดขาดนะ!
เขาไม่ได้กลัวว่าทรัพย์สมบัติมหาศาลของตระกูลจะหมดสิ้น เพียงแต่กลัวว่าถ้าใช้ทรัพย์สมบัติมหาศาลของตระกูลหมดไปแล้ว เขาจะใช้อะไรเลี้ยงบุตรีของตนเอง!
บุตรีคนนี้ของเขา…
เฮ้อ!
น่าสงสารหัวอกคนเป็นบิดามารดา!
นายท่านสวี่ปฏิบัติต่อบุตรีของเขาถึงขนาดนี้ ก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นบิดาที่ดีเยี่ยมคนหนึ่ง แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า จะได้พบกับบุตรีที่มักจะก่อปัญหาให้เขาคนหนึ่ง
อีกทั้งสวี่หยวนหยวนผู้นี้ก็เหลวไหลเพ้อเจ้อ ซวยตลอดปี
ถ้าหากนางไปแทะโลมบุรุษตระกูลอื่น แม้ว่าจะลักพาตัวกลับมาที่คฤหาสน์ ก็อาจจะไม่มีใครเอ่ยอันใด
แต่…น่าเสียดาย…น่าเวทนาที่นางเลือกหนิงเซ่าชิง
ฃ!
อีกอย่าง หนิงเซ่าชิงก็มีคนในใจอยู่แล้ว ท่าทางที่ชั่วชีวิตนี้จะมีแค่คนคนเดียว จะมาสนใจสวี่หยวนหยวนที่แม้จะรูปโฉมงดงามหลายส่วน แต่ความจริงแล้วข้างในกลับเป็นสตรีหยาบคายอย่างยิ่งได้เช่นไร?
ได้รับผลกรรมเช่นนี้ ก็กล่าวได้เพียงว่านางทำตนเอง
ไม่หาเรื่องใส่ตัว ก็ไม่ต้องเจอสถานการณ์ที่ยากลำบาก
ประโยคนี้เป็นสัจธรรมจริงๆ
“พวก…พวกเจ้า! รีบคุมตัวคุณหนูเข้าไปเร็วเข้า คุมเข้าไป!”
ครั้งนี้ นายท่านสวี่ตัดสินใจอย่างโหดร้ายจริงๆ ถ้ายังไม่ใช้แผนการปกตินิดหน่อย บุตรีผู้นี้ และชะตาของคฤหาสน์สวี่ล้วนมีการเปลี่ยนแปลงแน่นอน!
ข้ารับใช้ได้ยินนายท่านสวี่เอ่ยวาจาที่เจือความน่าเกรงขาม ก็ไม่กล้าสอดแทรกมุกตลกอีก
คนกลุ่มหนึ่งรีบก้าวขึ้นไป ที่จับแขนก็จับแขน กดขาก็กดขา แบกคนเข้าไปในคฤหาสน์ ขณะที่สวี่หยวนหยวนสาปแช่ง!
ข้ารับใช้เหล่านี้ล้วนฉลาดทันคน พวกเขามองออกแล้วว่า สองคนที่ยืนอยู่นอกประตูมีฐานะไม่ธรรมดาแน่นอน! ไม่อย่างนั้นเหล่าเหยียของพวกเขาจะเชื่อฟังวาจาของพวกเขาได้อย่างไร
คุณหนูใหญ่โง่ แต่พวกเขาไม่ได้โง่ด้วย
รอจนหลังจากที่สวี่หยวนหยวนถูกคุมตัวไปในที่สุด นายท่านสวี่ถึงได้รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา ซับเหงื่อเย็นๆ บนหน้าผากที่เต็มใบหน้า โดยไม่กล้ามองใบหน้าเตาหนูกับกุ่ยซาเลยจริงๆ!
อันตราย…อันตรายมากๆ…
“สองท่าน…เชิญผู้กล้าทั้งสองท่านเข้ามาดื่มชาในคฤหาสน์ก่อนขอรับ…”
หลังจากเข้าไปในคฤหาสน์ เขาให้เงินนิดหน่อย จากนั้นก็หาสาวงามมาให้พวกเขาเพลิดเพลินสำราญใจสักหน่อย เรื่องนี้ก็น่าจะแล้วกันไปได้พอดี
เรื่องนี้ แต่ก่อนเขาทำไปไม่น้อย จัดการได้ง่ายดายมาก
แต่ เห็นได้ชัดว่าเขาประเมินความสุขุมและความจริงใจที่มีต่อผู้เป็นนายของเตาหนูกับกุ่ยซาต่ำไป
หรือจะกล่าวว่า เขาประเมินความเข้มงวดของกฏประจำตระกูลหนิงต่ำเกินไป
นอกจากนี้ แม้จะไม่มีข้อจำกัดเหล่านี้ แต่ในใจของทั้งสองคนก็มีสาวงามแสนอ่อนโยนอยู่แล้ว จะไปสนใจสาวงามที่ไม่ได้เรื่องพวกนั้นเสียที่ไหนกัน
ทรัพย์สินเงินทอง? น่าขันยิ่งกว่า!
ตระกูลหนิงควบคุมเส้นทางทรัพย์สินเงินทองทุกเส้นทางในใต้หล้า สามารถกล่าวได้อย่างไม่เกินจริงเลยว่า เงินของตระกูลหนิง มีเหลือใช้มากมายยิ่งกว่าคลังหลวงเสียอีก
และพวกเขาที่มีฐานะเป็นผู้ช่วยที่มากความสามารถข้างกายหัวหน้าตระกูล สำหรับพวกเขา ทรัพย์สินเงินทอง ก็เป็นเพียงแค่ความแตกต่างระหว่างคนคนนั้นมีอำนาจมาก คนคนนั้นมีอำนาจน้อยเท่านั้นเอง
ดังนั้น การดีดลูกคิดรางแก้ว คำนวณส่วนได้ส่วนเสียของนายท่านสวี่ถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่าต้องไม่เป็นไปตามที่คิด
“ไม่จำเป็น!” ได้ยินเช่นนั้น เตาหนูก็รีบโบกมือ!
“ที่มาครั้งที่แล้ว พวกเราเคยบอกกับนายท่านสวี่ไว้แล้วว่า ดูแลคุณหนูตระกูลท่านให้มากหน่อย! แต่เห็นได้ชัดว่านายท่านสวี่ฟังวาจานั้นไม่เข้าหู!”
เตาหนูมองนายท่านสวี่แวบหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจ ทำให้นายท่านสวี่เหงื่อชุ่มทันที
“ข้าน้อยผิดไปแล้ว วันหน้าข้าน้อยจะต้องดูแลให้เข้มงวดกว่าเดิม…”
“วันหน้า? เจ้ารู้ไหมว่า วันนี้คุณหนูสวี่ บุตรีคนสำคัญของเจ้าทำอันใด”
“อัน…อันใดขอรับ…”
นายท่านสวี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
ความจริงแล้ว ไม่ต้องให้เตาหนูเอ่ย นายท่านสวี่ก็เดาได้ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง!
“บุตรีคนนั้นของเขา ล้วนไม่มีปัญหาอื่นๆ เพียงแต่ว่าเมื่อเจอบุรุษรูปงามก็ขาอ่อนเสียแล้ว!
ก่อนหน้านึกว่าเรื่องแบบนี้ เขาก็ตามล้างตามเช็ดให้บุตรีไปไม่น้อย คนที่บุตรีใช้กำลังแย่งชิงล้วนเป็นคนที่ตระกูลไม่มีภูมิหลัง ดังนั้นจึงอยู่อย่างสงบสุข ไร้เหตุให้ทะเลาะเบาะแว้งมาตลอดจนถึงตอนนี้
แต่ไฉนเลยจะคิดว่า เรื่องที่ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวในครั้งที่แล้ว บุตรีถึงกับบังเอิญใช้กำลังแย่งชิงหัวหน้าตระกูลหนิง!
นี่ไม่ใช่ว่าเป็นการล้วงคองูเห่า รนหาที่ตายหรือ
คาดว่า ครั้งนี้ก็ต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่นอน
กุ่ยซาเห็นท่าทางของนายท่านสวี่แล้ว ก็รู้ว่าเขาเข้าใจว่าบุตรีนิสัยเสียคนนั้นของเขาจะต้องกระทำเรื่องอะไรที่ยอดแย่ยิ่งกว่าแน่นอน
ครั้งนี้ ไม่รอให้เตาหนูเอ่ยปาก กุ่ยซาก็เอ่ยออกมาเสียแล้ว
“คุณหนูใหญ่ตระกูลท่านนี่เยี่ยมจริงๆ ตะโกนเรียกหัวหน้าตระกูลของข้าว่าสามี และถือโอกาสที่หัวหน้าตระกูลข้าไม่ได้เตรียมตัว กอดหมับเข้าที่หัวหน้าตระกูล ต่อหน้าฝูงชนที่เดินไปเดินมาบนท้องถนน ทำให้คู่หมั้นของหัวหน้าตระกูลพวกเราสะบัดแขนเสื้อจากไป บัญชีนี้…ท่านว่าพวกเราควรจะคิดกับท่านอย่างไร”
ตะ…ตะโกนเรียกว่าสามี? กอด…กอดเอาไว้?
นายท่านสวี่ถูกสองคำนี้ทำให้นิ่งค้างไปแล้ว!
แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่ได้หาเรื่องกลับ ให้หัวหน้าตระกูลหนิงรับผิดชอบอย่างค่อนข้างรู้ตนเองดี
เหลวไหล ล่วงเกินผู้อื่นขนาดนี้แล้ว ถ้าผู้อื่นมีเมตตาให้ตนเองมีหนทางในการมีชีวิตเล็กน้อย ถ้าหากว่าไม่สามารถ…พวกเขาจะต้องตายไปอย่างยิ่งใหญ่มากและน่าสยดสยองมากแน่นอน…
“ข้า…ข้า…” คิดถึงภาพที่ยิ่งใหญ่และสยดสยองแล้ว สมองนายท่านสวี่ก็หยุดแล่นไปนานแล้ว
นิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น “ข้า” อยู่นานก็ยังเอ่ยว่าข้าทำไมไม่ออก
ทำอย่างไรดี ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาจะทำอย่างไรดี!