กุ่ยซาหรี่ตา “เจ้าอะไร เจ้ามีวิธีแก้ไขหรือไม่”
สำหรับสตรีนิสัยแย่ผู้นี้ พวกเขาสองคนไม่สะดวกลงมือจัดการเองจริงๆ
ถ้าหากต้องการแค่ชีวิตน้อยๆ ของนาง พวกเขาสองคนคงไม่ส่งนางกลับมา
พวกเขายังต้องสร้างความดีความชอบชดใช้ความผิด
ไม่ว่าจะชดใช้ได้หรือไม่ ก็ต้องโอบกอดความหวังสุดท้ายเอาไว้ แล้วลองทำดูสักครา
“ไม่…”
“ไม่ เจ้ายังเอ่ยข้า ข้าอยู่ตรงนั้นทำอะไร พวกเราสองพี่น้องว่างมากหรือ”
เตาหนูเขย่าดาบในมือ
คราวนี้นายท่านสวี่ไม่ได้แค่เหงื่อเย็นชุ่มตัว แต่เป็นการทำสงครามเย็นแล้ว
เขารีบสะบัดมือไปมา เอ่ยอย่างไม่เป็นประโยค
“ไม่…”
“ไม่อันใด ไม่ยอมรับว่าสิ่งที่ข้าเอ่ยเมื่อครู่นี้พวกนั้นไม่ใช่บุตรีของเจ้ากระทำหรือ”
นายท่านสวี่อยากจะร้องไห้แล้ว
สองคนนี้หมายความว่าอะไรกันแน่ ไม่ยอมให้ตนเองเอ่ย ทั้งยังบิดเบือนความหมายของตนเอง พวกเขาจะทำอะไรกันแน่ หมายความว่าอะไรกันแน่
กุ่ยซาหยอกคนจนวิงเวียนศีรษะเรียบร้อย ก็ไม่ล้อเล่นอีกแล้ว
แต่…
เขาสบตากับเตาหนูอีกครั้งหนึ่ง พวกเขาคิดวิธีที่ดีมาก ยอดเยี่ยมมากได้วิธีหนึ่งนานแล้ว!
และวิธีนี้จะต้องทำให้หัวหน้าตระกูลอารมณ์ดี คุณหนูใหญ่ตระกูลมั่วดีใจ และนายท่านสวี่ท่านนี้ดีใจแน่นอน!
เตาหนูเข้าใจ เมื่อเห็นสายตาของกุ่ยซาที่เป็นประกายเหมือนกัน!
“ก็ได้! หัวหน้าตระกูลพวกเราก็ไม่ใช่คนขี้เหนียวขนาดนั้น จะสังหารคนปิดปากเพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ ท่านสามารถทำเช่นนี้ได้…”
…
ภายในโรงเตี๊ยม หลังจากการร่วมรักกันไปรอบหนึ่ง…
อ่อ ไม่สิ! หลังจากร่วมรักกันไปหลายคราจนหยุดลง ฟ้าก็มืดเล็กน้อยแล้ว
หลังจากมั่วเชียนเสวี่ยถูกหนิงเซ่าชิงดูแลอย่างดี…อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย… ทั้งร่างก็สะท้อนวาจาที่ว่าคนบอบบางยิ่งกว่าดอกท้อออกมา
จึงถูกหนิงเซ่าชิงรวบเข้าไปให้อ้อมแขนอย่างเกียจคร้าน ลมหายใจยังไม่สม่ำเสมอ จึงลงมือหยิกเอวหนิงเซ่าชิงอย่างแรง โดยไม่กล่าววาจาใดไปครั้งหนึ่ง!
“ฮิฮิ…” ไม่ได้ร้องเจ็บอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ กลับทำให้หนิงเซ่าชิงหัวเราะแทน
หลังสุขสมอารมณ์หมายก็มีเสียงแหบพร่าตามปกติ ทำให้เสียงหัวเราะเบาๆ ของหนิงเซ่าชิง ฟังดูแล้วเย้ายวนใจ และน่าหลงใหลเป็นพิเศษ
“หรือเสวี่ยเสวี่ยกำลังประท้วงที่สามีไม่ได้ปรนนิบัติให้ดี” จับมือเล็กๆ ของนางที่ยังหยิกอยู่ที่เอวตนเองขึ้นมาแนบลงบนริมฝีปาก จุมพิตเบาๆ
“ถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ สามีสามารถพยายามได้อีก!” เอ่ยเสร็จ ก็โน้มตัวอยู่เหนือร่างมั่วเชียนเสวี่ย
คล้ายกับว่า รอได้ประโยคยืนยันจากมั่วเชียนเสวี่ย ก็จะลงมือกระทำเรื่องนั้นอีกทันที
“ไม่เอา!” มั่วเชียนเสวี่ยรีบเอ่ยปากห้าม!
นางกลัวกำลังกายที่พากเพียรบากบั่นของหนิงเซ่าชิงจริงๆ!
แต่ก่อนอ่านนิยายทะลุมิติ เห็นพระเอกบางคน สุดท้ายก็หนีไม่พ้นที่จะทำให้นางเอกสลบคาเตียงถึงจะเลิกรา
สำหรับเรื่องนี้ แต่ก่อนมั่วเชียนเสวี่ยรู้สึกเหยียดหยาม!
จะมีคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้เสียที่ไหน
แต่ตอนนี้นางล้มล้างความคิดเก่าๆ พวกนั้นไปแล้วจริงๆ!
ยอมเลยจริงๆ!
พากเพียรบากบั่นคำนี้ เป็นคำประเมินสูงสุดสำหรับหนิงเซ่าชิงจริงๆ!
นางไม่คิดว่าหนิงเซ่าชิงกำลังล้อนางเล่นสนุกๆ!
ถ้าหากตนเองพยักหน้าจริงๆ คิดว่าหนิงเซ่าชิงจะต้องทำทั้งคืนแน่นอน!
ตอนนี้นางเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว!
“หนิงเซ่าชิง ท่านมันคนชั่วร้าย! รู้จักแต่รังแกข้า!” ไม่ใช่น้ำเสียงโมโห แต่เป็นเง้างอน
คิดถึงสีหน้าท่าทางที่เสวี่ยเสวี่ยเผยท่าทีเง้างอนที่มีต่อเขามาก หนิงเซ่าชิงในตอนนี้ใจอ่อนอย่างอดไม่ได้ พลิกร่างลงไปโอบมั่วเชียนเสวี่ยเข้ามาในอ้อมแขน พลางจุมพิตหน้าผากนางแผ่วเบา
“อืม รังแกแค่เจ้า”
ชั่วชีวิตนี้จะรังแกแค่เจ้า ชั่วชีวิตนี้จะรังแกเจ้าแค่คนเดียวเท่านั้น
มั่วเชียนเสวี่ยรู้สึกหวานซึ้งในใจ ยิ้มบางๆ แอบอิงอยู่บนแผงอกของบุรุษร่างสูงใหญ่ ฟังเสียงลมหายใจ และเสียงเต้นของหัวใจเขาเงียบๆ
ตอนนี้ รู้สึกสงบเงียบอย่างยิ่ง
ทันใดนั้น! มั่วเชียนเสวี่ยก็เหมือนจะคิดเรื่องอะไรได้ จึงมองหนิงเซ่าชิงด้วยสีหน้าตื่นตะลึง!
“ทำไมหรือ” ถูกมั่วเชียนเสวี่ยมองเช่นนี้ หนิงเซ่าชิงจึงมีสีหน้าสงสัย เสวี่ยเสวี่ยของเขาเป็นอะไรไป?
“เซ่าชิง…”
มั่วเชียนเสวี่ยเพียงแค่นึกว่าความคิดที่อยู่ในใจนั้นเป็นเรื่องจริง นางก็มีสีหน้ารังเกียจอย่างอดไม่อยู่! รู้สึกว่าการที่พวกเขาทะเลาะกันหนึ่งวันหนึ่งคืนนั้นเสียเวลาเปล่าจริงๆ!
“หืม?”
“ที่ท่านเอ่ยว่าริษยาก่อนหน้านี้…คงไม่ได้เป็นเพราะถงจื่อจิ้งหรอกนะ?”
ก่อนที่ทั้งสองจะคืนดีหลังจากทะเลาะกัน มั่วเชียนเสวี่ยถามหนิงเซ่าชิงว่า ก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ห้ามตนเองสร้างโรงเรือนเพาะปลูกพืชผัก แต่ไม่กี่ชั่วยามจากนั้น กลับไม่เห็นด้วย อีกทั้งน้ำเสียงก็ยังไม่ดีขนาดนั้นด้วย!
คำอธิบายที่เขาให้ตอนนั้น มีเพียงแค่ริษยา
ตนเองซักถาม ก็ถูกเขาจุมพิตจนเวียนหัว สุดท้ายทั้งสองคนกลิ้งมาทำเรื่องเหลวไหลกันในโรงเตี๊ยม
เมื่อครู่นางลองคิดให้ละเอียดแล้วว่าเพราะเหตุใดถึงเกิดเรื่องนี้ขึ้นกันแน่ คำว่าริษยาของหนิงเซ่าชิงนั้นเป็นเพราะเหตุใด ก็พลันเข้าใจขึ้นมา!
เป็นเพราะถงจื่อจิ้งมาหา และยังสนับสนุนตนเอง ให้กำลังใจตนเอง บอกกับตนเองถึงวิธีใช้กระจกทำโรงเรือนเพาะปลูก หนิงเซ่าชิงถึงได้ริษยา หึงหวง และเอ่ยวาจาพล่อยๆ ออกมาแบบนั้นแน่นอน!
คิดได้แล้ว มั่วเชียนเสวี่ยก็รู้สึกตะลึงราวกับฟ้าผ่าใส่จริงๆ!
หนิงเซ่าชิงคนก่อนที่เผชิญหน้ากับเหตุการณ์ใดๆ ล้วนไม่ใส่ใจคนนั้นไปไหนแล้ว คนที่แต่ก่อนไม่แยแสสิ่งใดไปไหนกัน?
“แค่ก…ฮ่าๆ…หนิงเซ่าชิง ท่านมันคนใจแคบ…ฮ่าๆ…”
มั่วเชียนเสวี่ยกลั้นหัวเราะไม่อยู่จริงๆ!
นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า เรื่องทั้งหมดนี้ จะมีสาเหตุมาจากความริษยา!
อีกอย่างนางกับถงจื่อจิ้งสองคน…
“มั่วเชียนเสวี่ย! ข้าว่าข้ารักและทะนุถนอมเจ้าเกินไป ถึงได้ทำให้ตอนนี้เจ้ายังมีแรงไปคิดถึงเรื่องวุ่นวายไร้สาระพวกนั้น!”
หนิงเซ่ามีสีหน้าทะมึนทันที!
เดิมนี่เป็นเรื่องน่าอายที่แม้กระทั่งตัวหนิงเซ่าชิงเองก็ไม่ยินยอมเอ่ยถึง ตอนนี้ถูกมั่วเชียนเสวี่ยเอ่ยออกมา เขารู้สึกว่าตนเองอับอายขายขี้หน้ามาก!
ความอับอายกลายเป็นความโมโห!
รวบเอาสตรีที่หัวเราะมีความสุขนางนี้เข้ามาในอ้อมแขน ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยขยับตัวไม่ได้ในทันที!
“คุณ…คุณชายใหญ่หนิง…พี่หนิง…คุณชายหนิง…ใจเย็น! ใจเย็นๆ! หุนหันพลันแล่นคือปีศาจนะ! เป็นปีศาจ!”
มั่วเชียนเสวี่ยรู้สึกหวาดกลัววิธีการลงโทษทางกายแบบนี้จริงๆ!
แต่ในเมื่อนางทำให้หนิงเซ่าชิงโมโห เช่นนั้นย่อมต้องจ่ายค่าตอบแทน!
“หนิงอะไรก็ไม่มีประโยชน์! เสวี่ยเสวี่ย เพื่อไม่ให้เจ้ามีสมาธิไปคิดเรื่องวุ่นวายไร้สาระพวกนั้นอีก ดูท่าสามีทำได้เพียงแค่ยอมเหนื่อยอีกสักหน่อย!”
“อ๊ะ…ไม่นะ!”
ช่วงเวลาพลบค่ำ ถงจื่อจิ้งยังคงรออยู่ในเรือนเสวี่ยหว่าน