ถงจื่อจิ้งกำลังรอพี่เชียนเสวี่ยของเขาให้กลับมาเร็วหน่อย!
มือที่จับมีดเล็กใช้แกะสลักนั้น กำเอาไว้แน่น!
ตอนนี้เขากำลังคิดว่า ถ้าอีกครู่หนึ่ง พี่เชียนเสวี่ยกลับมา ขอเพียงแค่เขาเห็นว่าบนร่างพี่เชียนเสวี่ยมีบาดแผลหรือไม่สบายเล็กน้อย เขาจะต้องแทงมีดเล็กที่อยู่ในมือลงบนหน้าอกหนิงเซ่าชิงอย่างแรงแน่นอน!
ก่อนหน้านี้เขาเคยบอกไว้ว่า ผู้ที่กล้าทำร้ายพี่เชียนเสวี่ยของเขา สังหารทิ้งอย่างเดียว โดยไม่มีการให้อภัย!
เขาไม่สนใจว่าคนคนนั้นจะเป็นใคร! มีความเป็นมาเช่นไร! และยิ่งไม่สนว่าเขาเป็นคู่ต่อสู้ของคนคนนั้นหรือไม่
ในใจถงจื่อจิ้ง พี่สาวใหญ่ที่สุด!
พี่เชียนเสวี่ยอยู่เหนือทุกสิ่ง เป็นคนสำคัญที่หนึ่งในใจของเขา!
แต่คืนวันนี้กำหนดเอาไว้ให้ถงจื่อจิ้งผิดหวัง
เพราะพี่เชียนเสวี่ยของเขา ตอนนี้กำลังรับโทษทางกายที่เจ็บปวดแต่อ่อนโยนและหอมหวานอยู่!
ชูอีกับสืออู่ที่ยืนอยู่นอกประตูเรือนเสวี่ยหว่านตลอด ก็รอคอยด้วยความวิตกกังวลเช่นกัน
อวี่เสวียนออกไปสืบข่าวคราวแล้ว
แม้ในใจพวกนางล้วนรู้ดีว่า ในเมื่อกูเหยียไปกับคุณหนู เช่นนั้นจะต้องไม่มีอันตรายใดๆ แน่นอน
แต่ในใจกลับวิตกกังวลอย่างอดไม่อยู่!
พวกนางควรจะออกไปกับคุณหนูด้วย ถงจื่อจิ้งที่น่าชิงชัง นิสัยประหลาดอะไรก็ไม่มี แต่ดันไม่สามารถให้สตรีเข้าใกล้เขาในระยะสามฉื่อ!
ชูอีด่าถงจื่อจิ้งไป พลางเป็นห่วงผู้เป็นนายตนเองไป
เห็นได้ชัดว่าคุณหนูกำลังโมโห ส่วนกูเหยียก็เป็นบุคคลที่เป็นบุตรชายคนโปรดของสวรรค์ ถ้าหากสองคนเจรจากันไม่ลงตัวเพราะเรื่องเล็กน้อยอะไร…
แค่คิดก็ไม่กล้าคิดแล้ว!
ที่เกินกว่านั้นก็คือ…
พวกนางในตอนนี้ มีบ้านแต่กลับไม่ได้!
ถงจื่อจิ้งยังอยู่ในห้อง พวกนางไม่กล้าเข้าไปนี่!
บุรุษผู้นี้เป็นโรคจิตเภทหนึ่ง นอกจากคุณหนู เห็นสตรีทั้งหมดแล้วล้วนเป็นบ้า ชูอีนึกถึงการถูกโยนที่เคยประสบมา ดังนั้นจึงไม่กล้าก้าวข้ามไป
ส่วนสืออู่ แม้จะไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้ แต่ก็เคยเห็นชูอีถูกถงจื่อจิ้งโยนออกมากับตาตนเอง ในใจจึงหวาดกลัวตามไปด้วย
ดังนั้น พวกนางสองคนจึงยินยอมเป็นเทพประจำประตูด้วยตนเอง และไม่มีทางเข้าไปหาเรื่องอสูรร้ายตนนั้นสักนิดเด็ดขาด!
รอกุ่ยซากับเตาหนูกลับมาคฤหาสน์ หลังจัดการเรื่องราวทั้งหมดเรียบร้อย ตอนที่มาถึงหน้าประตูเรือนเสวี่ยหว่าน เห็นสภาพการณ์เช่นนี้
ก็โมโหแทบตาย!
นี่เป็นยอดดวงใจของพวกเขาสองคนเลยนะ!
ถึงกับถึงบ้านแล้วแต่ไม่สามารถกลับไปได้ ทำได้เพียงแค่เฝ้าอยู่หน้าประตูด้วยสภาพที่น่าเวทนา เสี้ยวพริบตา ทั้งสองคนพลันโมโห! จะต้องทวงคืนความยุติธรรมให้สตรีในดวงใจของตนเองให้ได้!
หลังจากทั้งสองคนสบตากัน ก็ไม่กล่าวอันใด แต่เหินกายพุ่งไปทางถงจื่อจิ้งที่อยู่ในห้องทันที!
พวกเขาตัดสินใจใช้อำนาจที่หนิงเซ่าชิงมอบให้! นั่นก็คือโยนถงจื่อจิ้งออกไป!
แต่ถงจื่อจิ้งก็ไม่ใช่คนอ่อนแอที่รังแกได้ง่าย!
หรือจะกล่าวว่า แม้ว่าถงจื่อจิ้งจะเป็นพวกอ่อนแอ แต่องครักษ์ตระกูลถงที่ซ่อนตัวอยู่ข้างกายเขา ก็ไม่ได้เป็นพวกอ่อนแอ!
สาเหตุที่องครักษ์ตระกูลถงมีชื่อเสียง ก็เป็นเพราะว่าพวกเขาถูกเลือกจากขั้นตอนการฝึกที่คัดจนเหลือแต่หัวกะทิ เพื่อรับประกันถึงความสามารถที่แท้จริงขององครักษ์ตระกูลถง
และองครักษ์ที่ติดตามข้างกายถงจื่อจิ้ง ย่อมเป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาองครักษ์ตระกูลถง
ถงจื่อจิ้งนั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้นมาตลอด เขาไม่สนใจการพุ่งเข้ามาโจมตีของเตาหนูกับกุ่ยซาที่ทั่วร่างเปี่ยมไปด้วยรังสีการฆ่าฟันสักนิด
เห็นสองคนพุ่งเข้ามา เขาก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น มือกำมีดแกะสลักที่คาดว่าจะแทงลงบนอกของหนิงเซ่าชิงเอาไว้
และในเวลาเดียวกันนั้น!
ในขณะเดียวกันกับที่เตาหนูและกุ่ยซาเข้ามาใกล้ องครักษ์ตระกูลถงที่อยู่ข้างกายถงจื่อจิ้งก็เริ่มเคลื่อนไหว!
รีบสกัดกั้นมือที่จะแตะต้องถูกไหล่ถงจื่อจิ้งของพวกเขา ทันใดนั้น ภายในห้องก็ต่อสู้กันถึงพริกถึงขิง ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง!
“ออกไป! อย่าทำลายห้องของพี่เชียนเสวี่ย” ถงจื่อจิ้งเห็นสภาพการณ์แล้ว ก็มีสีหน้าเคร่งขรึม และเอ่ยวาจาขึ้นมาในที่สุด
น้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงไปด้วยโทสะ
หลายคนในห้องประมือกัน ก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะทำลายของประดับตกแต่งภายในเรือนเสวี่ยหว่านของมั่วเชียนเสวี่ย! นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่อนุญาตให้เกิดขึ้น!
ของทุกอย่างของพี่เชียนเสวี่ย เขาล้วนปกป้องตามจิตใต้สำนึก ไม่อนุญาตให้ผู้ใดแตะต้องแม้แต่น้อย!
องครักษ์ตระกูลถงสองคนนั้นได้ยินแล้ว ก็ร่างกายแข็งทื่อ กุ่ยซากับเตาหนูฉวยโอกาสในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ ร่วมมือกันสะบัดฝ่ามือใส่สองคนนั้นอย่างรู้ใจกัน!
ที่แท้ พวกเขายังสำคัญสู้ของตกแต่งชิ้นหนึ่งของคุณหนูใหญ่ตระกูลมั่วไม่ได้
ช่างน่าน้อยใจจริงๆ!
ทว่า สององครักษ์ตระกูลถงเห็นเตาหนูกับกุ่ยซายังคิดจะลอบโจมตีถงจื่อจิ้ง ก็รีบทำตัวให้กระปรี้กระเปร่า เข้าสู่การต่อสู้อีกครั้ง และในครั้งนี้กลับชักนำทั้งสองคนไปข้างนอก
โชคดีที่พวกเขาทำสำเร็จ!
ไม่อย่างนั้น องครักษ์ตระกูลถงก็ไม่กล้าคิด ถ้าหากพวกเขาสู้กันในห้อง แล้วไม่ระวังทำสิ่งของของคุณหนูใหญ่ตระกูลมั่วแตก นายท่านจะจัดการเขาอย่างไร!
ส่วนกุ่ยซากับเตาหนูก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ยินวาจาของถงจื่อจิ้ง
ตอนนั้น พวกเขาอยากจะโยนข้าวของในห้องให้พังยับเยิน เพื่อระบายอารมณ์จริงๆ!
แต่หากทำข้าวของในห้องนี้แตกจริงๆ คุณหนูใหญ่มั่ว และหัวหน้าตะกูลคงไม่ละเว้นพวกเขา กระทั่งสตรีที่พวกเขาสองคนชอบก็ไม่มีทางให้อภัยพวกเขาเช่นกัน!
คิดๆ ดูแล้ว ไม่คุ้ม!
ดังนั้นสุดท้าย ทั้งสองคนก็ปีนขึ้นไปตามเสา ไปสู้กับองครักษ์ตระกูลถงสองคนนั้นข้างนอก
ข้างนอกดีกว่า!
แสดงฝีมือได้ดีกว่า!
แบบนี้ถึงจะสามารถจัดการพวกคนที่รนหายที่ตายเหล่านี้หนักๆ ได้!
ทั้งยังสามารถทำลายความฮึกเหิมของคนแซ่ถงนี้ให้นายท่านได้ด้วย
ชูอีกับสืออู่ย่อมได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวในห้อง ตอนที่กุ่ยซากับเตาหนูพุ่งเข้าไปในห้องด้วยสีหน้าดุร้าย พวกนางพี่น้องก็เห็นเช่นกัน!
เพียงแต่ ยังไม่ทันส่งเสียงเรียกออกมา ก็ได้ยินเสียงต่อสู้ดังขึ้นในห้องเสียก่อน
อยากจะเข้าไป แต่ก็กลัวถงจื่อจิ้ง ดังนั้นจึงทำได้แค่รออยู่นอกห้องอย่างร้อนใจ!
ได้ยินเสียงต่อสู้ออกมาแล้ว สองคนพลันโล่งใจ…
ยังดีที่ไม่ได้สู้กันในห้อง ไม่เช่นนั้นของประดับตกแต่งภายในห้องเหล่านั้นทั้งหมดไม่รอดแน่นอน!
ถ้าหากกุ่ยซากับเตาหนูรู้ว่าตนเองเป็นเดือดเป็นร้อนแทนพวกนางด้วยความลำบาก ส่วนพวกนางกลับคิดถึงแต่ของประดับตกแต่งพวกนั้น!
ก็ไม่รู้ว่าจะโมโหจนกระอักเลือดหรือไม่
…
เช้าตรู่ หนิงเซ่าชิงตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้าท่าทางสดชื่น มองมั่วเชียนเสวี่ยที่หลับลึกอยู่ข้างกายขนาดนั้น ก็อดสงสารไม่ได้
เมื่อคืน เขาไม่รู้จักควบคุมตนเองจริงๆ ทำให้เชียนเสวี่ยเหนื่อยจนหมดสภาพ
ก้มหน้าจุมพิตหน้าผากนางแผ่วเบา และลุกขึ้นอย่างนุ่มนวล
มั่วเชียนเสวี่ยเหนื่อยจนหมดสภาพแล้วจริงๆ ไม่อย่างนั้น นางจะไม่ตื่นตอนหนิงเซ่าชิงจุมพิตหน้าผากนางได้เช่นไร
ต้องรู้ว่า มั่วเชียนเสวี่ยมีนิสัยขี้ระแวงหนักมาก