ตอนที่ 49 การตอบแทนที่ยุติธรรมและเจ้าเล่ห์
“เจ้า…” หนิงเซ่าชิงโกรธจัดกับคำพูดของนาง เปิดปากแล้วแต่ไม่ได้พูดสิ่งใด ราวกับว่าคำพูดพวกนั้นจะทำให้คนสูงส่งเช่นเขาต้องแปดเปื้อน
ต้องมีบางอย่างผิดปกติ! มั่วเชียนเสวี่ยเห็นทุกอย่าง พลันสงบสติ ต้องมีคนไร้ยางอายปล่อยข่าวลือลับหลังนาง แล้วพูดอะไรไปบ้าง
หลังจากนิ่งเงียบครุ่นคิดชั่วครั่ว ในที่สุดก็กลับกลายเป็นเย็นชา
ไม่ว่าใครจะพูดอะไรลับหลัง นางก็ไม่อยากสนใจในตอนนี้ ได้แต่ผิดหวังในท่าทีของเขา นางไม่น่าไว้ใจขนาดนั้นเลยหรือ
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ความโกรธของมั่วเชียนเสวี่ยหากไม่ปะทุออกมาบ้างคงไม่ได้ และความรู้สึกผิดในตอนแรกก็มลายหายไปหมดแล้วด้วย “ข้าทำไม หากไม่มีอะไรก็กลับไปอ่านหนังสือของท่านต่อเถิด อย่าได้หูเบาเฉกเช่นสตรีที่ฟังคำพูดไร้สาระของผู้อื่น”
ไม่ง่ายเลยที่จะคิดเล็กคิดน้อยกับเขา มั่วเชียนเสวี่ยพูดจบก็หันหลังกลับ จะไปหาน้ำดื่มเสียหน่อยดีกว่า ทั้งวันนี้นางไม่ได้ดื่มน้ำเลยสักหยด แถมเมื่อครู่ยังวิ่งอย่างเอาเป็นเอาตายอีก ร่างกายจึงกระหายน้ำมากถึงเพียงนี้
แน่นอนว่าหนิงเซ่าชิงไม่ลดราวาศอกง่ายๆ เช่นนี้ เขาแทรกร่างมายืนอยู่ต่อหน้ามั่วเชี่ยนเสวี่ยพลางจับข้อมือเล็กแน่น ดวงตาฉายแววขุ่นเคืองพร้อมกับปากที่เอ่ยติดขัด “เจ้า เจ้าไร้ยางอาย เจ้าจูบหญิงสาวนางนั้น…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ จู่ๆ ใบหน้านิ่งเรียบนั่นก็พลันแดงเถือกลามไปจนถึงโคนหูเหมือนกับว่าเขากำลังพูดคำที่ไร้ยางอายมากออกมา
ก็นึกว่าเรื่องอะไร! เรื่องแค่นี้เองน่ะหรือ เขินอายกับคำว่าจูบเนี่ยนะ? จะว่าอย่างไรได้ในเมื่อตอนนั้นนางกำลังผายปอดเพื่อช่วยให้อีกคนหายใจ ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย…
มั่วเชียนเสวี่ยหัวเราะ หัวเราะเสียงดังลั่นเสียด้วย!
หนิงเซ่าชิงที่เห็นว่าคนตรงหน้าไม่เพียงแต่ไม่ละอายใจ แถมยังหัวเราะออกมาได้หน้าตาเฉยอีกด้วย ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็ยิ่งเย็นชา ร่างสูงก้าวไปข้างหน้าโอบรัดเอวของนางแน่นพลางมองหน้าอย่างแน่วแน่
ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยแรงโกรธ เมื่อไม่พอใจมากๆ ก็ยิ่งควบคุมตนเองไม่อยู่ นอกจากนี้ภายในดันเกิดความรู้สึกบางอย่างที่ร้อนรุ่มซุกซ่อนเอาไว้ มั่วเชียนเสวี่ยที่ถูกจ้องมองด้วยสายตาแบบนั้น เสียงหัวเราะเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นความเงียบและรู้สึกประหม่าในทันที
ทั้งสองประคองกอดกันเงียบๆ ในยามนั้นใบหน้าของพวกเขาอยู่ใกล้ชิดกันมาก ครั้นดวงตาสอดประสาน มั่วเชียนเสวี่ยพลางจินตนาการถึงตอนที่คนตรงหน้ากำลังจะจูบ ในใจพลันคิดไปว่าคงจะดีหากความกระหายในตอนนี้จะถูกหล่อเลี้ยงด้วยน้ำเชื่อมรสหวานสักเล็กน้อยก่อน
เปลือกตาปิดลงช้าๆ
โอ๊ย! เจ็บ!
มีบางอย่างผิดปกติ! ทำไมปากของเขาแข็งถึงเช่นนี้เล่า
เมื่อลืมตาขึ้นด้วยความตื่นตระหนก ภาพตรงหน้ากลับกลายเป็นใบหน้าแสนเยือกเย็นของหนิงเซ่าชิงที่กำลังยกแขนเสื้อขึ้นถูริมฝีปากของนางอย่างแรง
นางกระหายน้ำจะแย่ แต่ธาราหยกที่หมายปองกลับไม่เป็นดั่งที่คิด ริมฝีปากบางเจ็บแสบไปหมด ในตอนนี้นางกระหายน้ำมากเสียจนรู้สึกอึดอัดมากขึ้นไปอีก ไม่ต้องพูดถึงหัวใจที่ร้อนรุ่มด้วยความโกรธ มั่วเชียนเสวี่ยผละออกจากอ้อมกอดของเขา พร้อมกับเอ่ยคำพูดออกมาโดยไม่ทันคิด “ก็แค่จูบหญิงสาวคนหนึ่งเท่านั้นไม่ใช่หรือ จะเอะอะไปทำไมกัน หัวโบราณ…”
เอะอะคืออะไร แล้วหัวโบราณนั่นหมายความว่าอะไรกัน มันต้องไม่ใช่คำที่ดีแน่ๆ
ยิ่งนางพูด ใบหน้าของหนิงเซ่าชิงก็ยิ่งบูดเบี้ยว
สตรีผู้นี้พอจะมีคุณธรรมของหญิงที่ดีหรือไม่ นางรู้ซึ้งถึงมารยาทและความละอายใจบ้างไหม รู้บ้างหรือไม่ว่านางทำอะไรลงไป
“เจ้าคงขาดการอบรมสั่งสอนจริงๆ” น้ำเสียงที่เคยอบอุ่น ตอนนี้กลับกลายเป็นเย็นไปเสียแล้ว
มั่วเชียนเสวี่ยกระหายน้ำมากจนทนไม่ไหว ริมฝีปากของนางก็ร้อนผ่าว ไม่มีกะจิตกะใจสังเกตสีหน้า หรือวิเคราะห์น้ำเสียงของเขาว่าเย็นชาเพียงใด หากจะก่อสงครามก็คงต้องรอให้นางได้ดื่มน้ำเสียก่อนค่อยว่ากัน
หนิงเซ่าชิงที่ยื่นมือขวางมั่วเชียนเสวี่ยไว้ไม่ขยับ นางจึงเอ่ยขึ้นอย่างเหลืออด “ข้าไม่มีเวลามาพูดพล่ามอะไรกับท่านมากมายหรอกนะ พูดได้เพียงว่าในเวลานั้นชีวิตทุกชีวิตล้วนมีค่า หลีกไป”
“ไม่หลีก!”
“ถ้าท่านไม่หลีกไป ข้าจะตบท่านให้ติดไปกับข้างฝาจนแกะออกมาไม่ได้เลยคอยดู”
เมื่อเห็นปากเล็กๆ ขยับไปมา เขาจำได้แม่นว่าปากนั่นเป็นปากเดียวกับที่จูบหญิงสาวคนหนึ่งท่ามกลางฝูงชน! ไม่เพียงแต่นางจะไม่ยอมรับผิดเท่านั้น แต่ยังถือตนและหยิ่งผยองเพียงนี้ แค่คิดความขุ่นเคืองที่มีของเขาก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
เขาไม่รู้จริงๆ ว่าจะต้องทำอย่างไรกับนาง ในตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาจะต้องการทำคือเช็ดปากของนางให้สะอาด
แววตากระหายเลือดของหนิงเซ่าชิง ทำให้ร่างบางที่เห็นต้องหยุดชะงัก พลางกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง สิ่งที่นางพูดออกไปเมื่อครู่นั้น…
สวรรค์! ดูเหมือนนางจะบอกกับเขาว่าจะตบเขาติดกับกำแพงอย่างนั้นหรือ ทั้งยังย้ำคำว่าแกะออกไม่ได้ด้วย
จบเห่แล้ว นี่คือยุคสมัยโบราณที่สามีเป็นดั่งสวรรค์ นางเสียสติไปแล้ว ทั้งยังพูดเรื่องไร้สาระว่าคนเขาหัวโบราณ… ภรรยาของเขาจูบหญิงอื่น หากพบบางสิ่งที่ไม่สมควรก็อาจจะถูงขังให้อยู่ในกรงหมูได้ ทั้งนี้นางไม่เพียงแต่จะไม่ขอโทษและสารภาพผิดเท่านั้น แต่ยังไปว่าร้ายใส่เขาด้วย…
ผ่านไปครู่หนึ่งคงสายเกินไปสำหรับคนที่เพิ่งจะเริ่มกลัวขึ้นมา หนิงเซ่าชิงตัวสั่นด้วยความโกรธวินาทีถัดมาร่างบางถูกผลักให้ชิดกำแพง พร้อมกับหนิงเซ่าชิงที่จับคอของนางด้วยมือข้างหนึ่งและส่วนอีกข้างถลกแขนเสื้อขึ้นถูปากของนางอย่างเต็มแรง
มั่วเชียนเสวี่ยระงับความเจ็บปวดด้วยการกัดปากแน่น พลางสาปแช่งหลิวเหล่าซวนในใจ หากแต่คงด่วนสรุปเร็วเกินไปไม่ได้
ครั้นมองไปที่รูปลักษณ์แสนซื่อสัตย์ของหลิวเหล่าซวน นางกลับไม่อยากเชื่อด้วยซ้ำว่าเขาจะเป็นคนไปฟ้อง อย่างไรก็ตามนอกจากหลิวเหล่าซวนแล้ว ก็ไม่น่าจะมีบุคคลอื่นที่รู้เรื่องนี้
และเมื่อหันไปเห็นเพลิงที่กำลังมอดไหม้ในดวงตาของหนิงเซ่าชิง ความขุ่นเคืองระดับนี้นางจึงอดคิดไม่ได้ว่า… นี่เขาคงไม่คิดว่าแค่ผายปอดคุณหนูคนนั้นคือการคบชู้หรอกนะ
สังคมโบราณคร่ำครึ!
ความคิดเผด็จการแสนโหดร้าย!
เจ็บปากเหลือเกิน น่าเศร้าอะไรเช่นนี้!
มั่วเชียนเสวี่ยหลับตาลง จากนั้นม่านน้ำตาก็รินไหลออกมา
เชิญเช็ดออกตราบเท่าที่สบายใจ
นี่ไม่ใช่ยุคปัจจุบัน ชายในยุคนี้อาจยอมรับการที่ภรรยาจุมพิตกับหญิงอื่นในที่สาธารณะได้ไม่ง่ายนักและอาจเป็นเรื่องยากสำหรับหนิงเซ่าชิงด้วย เขาคงโกรธเนื่องด้วยเหตุผลบางอย่าง
เขาต้องคงรังเกียจนางและไม่ยอมรับนางอีก
น่าผิดหวัง! เจ็บหัวใจเหลือเกิน…
น้ำตาของมั่วเชียนเสวี่ยที่ไหลรินชุ่มใบหน้า บัดนี้เปียกโชกไปทั้งแขนเสื้อของคนที่กำลังเช็ดถูอย่างขะมักเขม้นและไหลไปยังมือที่ยึดติดอยู่กับคอเรียว เพียงเท่านั้นความสนใจจากริมฝีปากก็ถูกช่วงชิงให้มองไปที่ใบหน้าของร่างบางแทน
ใบหน้าไร้ที่ติ ยามนี้กลับหมองลงด้วยความเศร้าและน้ำตาที่อาบหัวใจ
หนิงเซ่าชิงตกตะลึงพลางขยับมือออกไปครู่หนึ่ง นี่เขากำลังทำอะไรอยู่ เขาเคยบอกว่าจะปกป้องดูแลนางอย่างดีไม่ใช่หรือ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเขาเสียเองที่รังแกร่างบางตรงหน้านี้ให้มีน้ำตา
มั่วเชียนเสวี่ยเปิดเปลือกตาขึ้น เมื่อรู้สึกว่ามือตรึงคอคลายลงแล้วและแขนเสื้อที่เคยเช็ดริมฝีปากก็หยุดลงแล้ว แม้ดวงตาไร้แววกังวลแต่กลับว่างเปล่า เช่นเดียวกับนัยน์ตาที่เคยสดใสยามนี้กลายเป็นความมืดมัวเสียแล้ว
นางบอกกับตัวเองอยู่เสมอว่าหากคุณชายหัวโบราณเจ้าเผด็จการผู้นี้เกิดรังเกียจนางขึ้นมา นางเองก็พร้อมที่จะจากไป…
“เช็ดเสร็จแล้ว? สะอาดหรือยังล่ะ” ถึงจะไปก็ต้องเดินออกไปอย่างมีศักดิ์ศรี มั่วเชียนเสวี่ยส่ายหัวพลางปัดป่ายแขนเสื้อของเขาพร้อมกับผลักมือที่ลำคอออก น้ำเสียงของมั่วเชียนเสวี่ยนิ่งเงียบ
ใบหน้าที่แสนคุ้นเคย แต่เวลานี้หนิงเซ่าชิงกลับไม่พบความอบอุ่นปรากฏอยู่บนนั้นแม้แต่น้อย สีหน้านิ่งเรียบราวกับอยากขับไล่เขาให้ออกห่าง รวมถึงคำพูดประชดประชันที่ถูกเอ่ยออกมา
หัวใจของหนิงเซ่าชิงกระตุกอย่างกะทันหัน
ไม่!
นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ!
หัวใจของหนิงเซ่าชิงเกิดความหวาดกลัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ริมฝีปากสีแดงอ่อนของมั่วเชียนเสวี่ยที่ถูกแขนเสื้อของเขาเช็ดถูอย่างรุนแรง ขณะที่นางพูดเลือดสีแดงสดก็เผยให้เห็นออกมาทีละน้อย
เขาทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว สองแขนดึงร่างของคนตรงหน้าเข้ามากอดด้วยความกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน