สืออู่เดิมทีก็ไม่สนใจเขาอยู่แล้ว
“สืออู่!” เตาหนูเพิ่งจะตามหนิงเซ่าชิงมาถึงบ้านไร่ เดิมทีสืออู่คอยรับใช้อยู่ข้างกายมั่วเชียนเสวี่ย แต่ชั่วขณะที่เห็นเตาหนูเข้าก็สาวเท้าเผ่นแนบทันที!
เตาหนูโมโหยกใหญ่ เขาใช้วิชาตัวเบาไล่ตามไปทันที!
กุ่ยซากับชูอีก็เดินจากไปทั้งหน้าแดงๆ อย่างนั้น
เรียกให้ดูดีหน่อยก็คือหลบทางให้หนิงเซ่าชิงกับมั่วเชียนเสวี่ย อันที่จริงพวกเขาสองคนก็กำลังไปบ่มเพาะความรักกันอย่างโจ่งแจ้งเช่นกัน
อีกอย่างนะ หลีกทางให้เจ้านายทั้งสองมันหมายความว่าอย่างไร
หนิงเซ่าชิงล้มโต๊ะ!
ไอ้ถงจื่อจิ้งผู้นี้ใครจะช่วยหิ้วออกไปได้บ้าง!
ทว่า แม้ว่าหนิงเซ่าชิงจะไม่พอใจถงจื่อจิ้งเพียงใด แต่อยู่ต่อหน้ามั่วเชียนเสวี่ยก็ยังจำต้องข่มไว้อยู่ดี
เขายังจำได้จนถึงตอนนี้ว่าคราก่อนเขาอ้างว่ามั่วเชียนเสวี่ยนอนกลางวัน แล้วขวางถงจื่อจิ้งไว้นอกประตูเรือนเสวี่ยหว่านตลอดทั้งบ่าย
มั่วเชียนเสวี่ยทราบเรื่องนี้เข้าก็สงสารถงจื่อจิ้งและบ่นเขาไม่หยุด
คิดๆ แล้วน้ำตาขมขื่นก็แทบจะร่วง!
หนิงเซ่าชิงคิดในใจว่าถงจื่อจิ้งผู้นี้ต้องจงใจแน่ๆ!
อย่าคิดว่าคนผู้นี้เย็นชาไม่ค่อยพูดจา ราวกับเรื่องราวบนโลกหล้าไม่เกี่ยวอะไรกับเขาอย่างไรอย่างนั้น แต่คนผู้นี้น่ะหน้าเนื้อใจเสือยิ่งนัก!
ต้องระแวดระวังเอาไว้ตลอดเวลาเลย!
และสิ่งที่ทำให้เขายิ่งเข็ดฟันก็คือทุกคราที่ถงจื่อจิ้งเห็นเขาก็จะเอาแต่ปั้นหน้ายิ้มแย้มแล้วทักทายว่า “พี่เขย! จื่อจิ้งคารวะพี่เขย…”
รอยยิ้มเช่นนี้ ท่าทีเช่นนี้ ต่อให้เขาโมโหเพียงใดก็ไม่อาจระบายออกไปได้
จำต้องกลืนมันลงไป
จนช้ำใน!
“เซ่าชิง ข้าว่าหนทางที่เตาหนูต้องตามจีบภรรยานี้ช่างยาวไกลนัก ให้กำลังใจเขาหน่อยดีกว่านะ” มั่วเชียนเสวี่ยมองท่าทางวิ่งหนีของสืออู่ที่เหมือนเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น แววตานางจึงเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม
พอหันมามองทางเตาหนูที่มีสีหน้าเหมือนภรรยาน้อยกำลังโมโหแล้วกลับอดหัวเราะออกมายกใหญ่อย่างเสียไม่ได้
หนิงเซ่าชิงทำได้แค่ส่ายหน้าอย่างจนใจให้กับเรื่องนี้
เขาก็ช่วยแล้ว สุดท้ายเตาหนูจะกอดสาวงามกลับบ้านได้หรือไม่ นั่นต้องดูความสามารถของเขาเองแล้วล่ะ
“ความตั้งใจของเสวี่ยเสวี่ยนี้ ไม่สู้ช่วยหาเจ้าสาวให้น้องชายคนดีของเจ้าดีกว่านะ”
หนิงเซ่าชิงยอมรับว่าเขาเห็นถงจื่อจิ้งแล้วขวางหูขวางตานัก!
ไม่ได้เกี่ยวกับความรักฉันชู้สาวหรอก แต่เห็นท่าทางถงจื่อจิ้งตัวติดกับมั่วเชียนเสวี่ยทั้งวี่ทั้งวันแล้ว เขารู้สึกเข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟันตาร้อนเร่าๆ!
หนิงเซ่าชิงหวังจริงๆ ว่ามั่วเชียนเสวี่ยจะแนะนำสตรีสักคนให้ถงจื่อจิ้ง ให้ไอ้เด็กคนนี้อยู่ห่างๆ จากมั่วเชียนเสวี่ยเสียที!
วันๆ เอาแต่ตอแยคนอื่น
เขายินดีออกสินสอดให้เลย
เพิ่งจะเอ่ยจบ มั่วเชียนเสวี่ยก็อ้าปากกว้างเอ่ยด้วยความตกใจ ทว่าหนิงเซ่าชิงรู้สึกได้ถึงสายตาเย็นเยียบมาจากทางด้านซ้ายอย่างชัดเจน
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นของใคร!
หนิงเซ่าชิงกลับไม่สนใจความเย็นชานี้ เขาดื่มชาของเขาไปเรื่อย
ข้าจะทำให้เจ้าโมโหจนอกแตกตายเลย!
แม้ว่าจะไม่อาจหาสตรีสักคนมาจับเจ้าไว้ไม่ให้ภายหน้าเอาแต่ตัวติดเชียนเสวี่ยของเขาได้จริงๆ แต่ก็ต้องขัดขวางถงจื่อจิ้งให้มากขึ้นเสียหน่อย ภายใต้ขอบเขตที่มั่วเชียนเสวี่ยอนุญาต!
มิฉะนั้นแล้ว โทสะนี้คงไม่มีทางให้ระบายออกแน่
เทียบกับหนิงเซ่าชิงที่คิดหาวิธีดีๆ ออกได้จนมุมปากหยักยกเป็นรอยยิ้มซิกซี้แล้ว ถงจื่อจิ้งกำลังเดือดดาลอยู่ในใจ ส่วนมั่วเชียนเสวี่ยกำลังคล้ายคิดอะไรบางอย่างอยู่…
นางก็รู้ว่ายามนี้ถงจื่อจิ้งต่อต้านสตรีเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้ต่อต้านตนนี่นา
ในเมื่อเขาไม่ได้ต่อต้านตนเช่นนี้ได้ ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าขอแค่ตนพยายามอีกหน่อย ต้องมีสักวันที่ถงจื่อจิ้งจะไม่ต่อต้านสตรีอื่นอีกแล้วใช่หรือไม่
อย่างไรเสียเขาก็เป็นบุรุษ เป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลถง สายเลือดโดยตรงของตระกูลถงเริ่มจากบิดาของนายท่านอาวุโสก็รุ่นที่สามแล้ว มาถึงรุ่นเขาก็มีลูกชายคนเดียวถ่ายทอดสายเลือดเป็นรุ่นที่ห้าแล้ว สมาชิกชายของบ้านน้อยนิดยิ่ง
เรื่องสำคัญในชีวิตเช่นนี้อย่างการถ่ายทอดและสืบสานตระกูลเก่าแก่อันดับหนึ่งอย่างตระกูลถง…ภายหน้าไม่ต้องฝากความหวังไว้ที่ถงจื่อจิ้งหรือไร
นี่เป็นความตระหนักของคนเป็นพี่สาว ไม่ว่าเวลาใดมั่วเชียนเสวี่ยล้วนคิดหาวิธีเพื่อถงจื่อจิ้งอยู่เสมอ
ถงจื่อจิ้งติดตามนางเช่นนี้มันไม่เหมาะสมจริงๆ นั่นแหละ เขาต้องมีครอบครัวเหมือนคนปกติทั่วไป มีคนรู้ใจคอยรักคอยห่วงอยู่ข้างกาย แบบนี้จึงจะสามารถมีความสุขอย่างแท้จริงได้
เดิมทีความเดือดดาลในใจถงจื่อจิ้งที่ราวกับขุนเขาเพลิงพวยพุ่งกำลังถลึงตาใส่หนิงเซ่าชิงอยู่
ทว่าจู่ๆ กลับรู้สึกถึงสายตาดุจหมาป่าจากทางข้างกาย
เขาหันหน้าไปมอง จึงเห็นมั่วเชียนเสวี่ยที่มองเขาอยู่ด้วยสีหน้าที่คล้ายกำลังคิดอะไรบางอย่าง
ใจพลันเขม็งขึ้นทันที
เขาไม่อยากมีสตรีคนใดปรากฏตัวอยู่ในภายในรัศมีสามฉื่อของเขาเลยสักนิด!
ขอแค่มีสตรีปรากฏตัวขึ้นภายในรัศมีสามฉื่อ เขาก็แทบจะโยนคนผู้นั้นออกไปไกลห้าจั้งแปดฉื่อ แม้แต่มดตัวเมียเฉียดผ่านข้างกายเขาไป เขายังทำสงครามเย็นกับมันเลย!
แน่นอนว่าพี่เชียนเสวี่ยของเขาเป็นข้อยกเว้น
“พี่สาว จื่อจิ้งจำได้ว่ายังมีธุระอีกนิดหน่อย วันนี้คงต้องขอตัวก่อนแล้ว”
ถงจื่อจิ้งสีหน้ายิ้มแข็งทื่อ ก่อนค่อยๆ ลุกขึ้นพลางพูดจาสะเปะสะปะ
จากนั้นก็ไม่รอให้มั่วเชียนเสวี่ยพยักหน้า ถงจื่อจิ้งเผ่นแนบทันทีโดยไม่สนใจแม้แต่จะมองหนิงเซ่าชิงสักนิด
คล้ายว่าด้านหลังมีหมาป่ากำลังไล่ตามมาเป็นขบวนยาวอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อก่อนทุกคราที่เขากลับจะมีมารยาทต่อหนิงเซ่าชิงผู้เป็นพี่เขยอย่างยิ่ง แน่นอนว่าที่เขาไม่มีทางไปง่ายๆ เพราะเขาจะจับตามองหนิงเซ่าชิงกลัวว่าพอเขาไม่อยู่หนิงเซ่าชิงจะรังแกพี่สาวของเขา…
ทว่า…ยามนี้…
เขาไม่ไปคงไม่ได้แล้ว!
แม้ว่าเขาอยากจะตามอยู่ข้างกายพี่เชียนเสวี่ยเพื่อได้รับไออุ่นที่นางมอบให้เพียงใด ทว่ามั่วเชียนเสวี่ยคล้ายจะหาเรื่องสำคัญในชีวิตมาผูกให้เขาแบบนั้น ไม่ไปก็คงไม่ได้แล้วล่ะ!
หนิงเซ่าชิงเห็นถงจื่อจิ้งที่แม้ว่าบนสีหน้าจะดูเหมือนนิ่งสงบ แต่ฝีเท้าเร่งร้อนเช่นนั้นกลับไม่อาจปิดบังท่าทางวิตกของเขาได้เลย หนิงเซ่าชิงมุมปากจึงหยักยกขึ้นมา…
ดูซิว่าภายหน้าเจ้าจะยังมาตอแยเชียนเสวี่ยของข้าไม่ปล่อยหรือไม่!
หนิงเซ่าชิงยามนี้เรียกได้ว่าคว้าจุดอ่อนถึงชีวิตของถงจื่อจิ้งเอาไว้ได้แล้ว หากภายหน้าคนผู้นี้มาติดหนึบกับเชียนเสวี่ยของเขาอีก เขาจะทำให้เชียนเสวี่ยหาภรรยาให้เขาแน่!
ไม่ทรมานเขาให้ตาย ก็จะทำให้เขาขยะแขยงตาย!
มั่วเชียนเสวี่ยไม่ใช่คนโง่ ตรงกันข้ามนางยังฉลาดมากด้วย พอได้สติจึงหันกลับมา นี่หนิงเซ่าชิงไม่ชอบที่น้องชายคนนี้ของนางมาเป็นก้างขวางคอจึงได้วางยากระมัง
นางถลึงตาใส่หนิงเซ่าชิง
“ยามนี้คงพอใจแล้วกระมัง”
หนิงเซ่าชิงไม่เถียง ทำเพียงแบมือยักไหล่ให้ พร้อมกับเลิกคิ้วหัวเราะน้อยๆ
ท่าทางเช่นนี้ทำเอามั่วเชียนเสวี่ยค่อนข้างจนใจ ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเพราะเหตุใดเรื่องอื่นๆ หนิงเซ่าชิงฉลาดเฉลียวนัก ทั้งยังระแวดระวังและใจเย็น แต่พอมาเรื่องถงจื่อจิ้งกลับใจแคบชอบทะเลาะด้วยเหมือนเด็กๆ เช่นนี้
นางย้ำนักย้ำหนาเป็นหมื่นหนแล้วว่าถงจื่อจิ้งเป็นแค่น้องชาย ความรู้สึกระหว่างพวกนางเป็นแค่พี่สาวน้องชายกันเท่านั้น
แม้ว่าถงจื่อจิ้งจะมีฐานะสูงส่ง แต่พูดกันตามแก่นจริงๆ แล้วกลับเป็นคนน่าสงสารที่ไร้ที่พึ่งคนหนึ่ง หากนางไม่สนใจเขาอีก นางไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะกลายเป็นเช่นไร…