ทั้งคู่ล้วนไม่ได้มีความขัดแย้งกับพวกเขาสักนิดเดียว ผู้ใดจะไม่หาความสุขใส่ตัวบ้าง?
ชั่วครู่หนึ่ง ซูชีก็นำเหล่าองครักษ์ของแม่ทัพเก้าประตูมาถึงบ้านไร่
ครานี้ หนิงเซ่าชิงไม่มีอารมณ์จะไปหึงซูชี ทั้งคู่แลกเปลี่ยนสายตากันกลางอากาศอย่างไร้ประกายแห่งการฟาดฟัน
หนิงเซ่าชิงยังคงโอบไหล่มั่วเชียนเสวี่ยเอาไว้ ราวกับประกาศสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ
ซูชีเห็นมั่วเชียนเสวี่ยถูกหนิงเซ่าชิงกอดเอาไว้อย่างอบอุ่น ก็เจ็บปวดหัวใจจนยากจะทานทน ทว่าความรู้สึกนั้นกลับไม่ปรากฏบนใบหน้าแม้แต่น้อย เขาแค่มองมั่วเชียนเสวี่ยด้วยความเป็นห่วง
เสี้ยววินาทีที่ซูชีมองมา มั่วเชียนเสวี่ยก็เดินออกจากอ้อมแขนของหนิงเซ่าชิง เร่งฝีเท้าเดินไปข้างหน้า
“ซูชี! ทูตจากชายแดนตะวันตกถูกลอบสังหารหรือ ไม่มีผู้รอดชีวิตบ้างหรือ” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความร้อนใจ!
อาจเป็นการหลอกตนเอง ตอนนี้นางหวังว่าซูชีจะบอกกับนางมากเพียงใดว่า ไม่ใช่! หวังว่าซูชีจะบอกกับนางมากขนาดไหนว่า มี!
แม้ว่านางจะนึกอย่างไม่ยุติธรรมว่า คนที่ตายไปเป็นคนอื่น! ให้ดีที่สุด อย่าได้เป็นทูตจากชายแดนตะวันตก อย่าได้เป็นพวกแม่ทัพจาง!
ซูชีมีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย เขายังมาไม่ถึง มั่วเชียนเสวี่ยก็ได้รับข่าวก่อนแล้ว ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเล็กคิดน้อย ดังนั้นจึงพยักหน้ายืนยัน
ทหารส่งข่าวเห็นสายตาทุกคนจับจ้องซูชี ก็ขดตัวถอยออกไป
เขาต้องไปหาคนที่ให้เขามาส่งข่าว เขาอยากถามว่า เหตุใดต้องทำร้ายเขาด้วย!
ทหารส่งข่าวถอยออกไปแล้ว หนิงเซ่าชิงพยักหน้าให้กับบางแห่งกลางอากาศ ก็มีคนสองคนตามออกไปติดๆ ทันที
แววตาที่เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อของมั่วเชียนเสวี่ย ทำให้ซูชีเจ็บปวดอย่างยิ่ง แต่กลับไม่สามารถปลอบโยนได้ เขาโบกมือให้องครักษ์ด้านหลังนำป้ายคำสั่งแม่ทัพชายแดนตะวันตกที่เป็นของแม่ทัพจางออกมา!
ฮ่องเต้มีบัญชาให้ที่ว่าการแม่ทัพเก้าประตูตรวจสอบเรื่องนี้ เขาจึงเป็นฝ่ายขอนำทัพมา เพื่อที่ช่วยเหลือมั่วเชียนเสวี่ย
“พวกเขาล้วนสิ้นชีพในห้องพักของศาลาพักม้า นี่คือป้ายคำสั่งที่พวกเราปลดมาจากร่างของเขา คนของศาลาพักม้ายืนยันว่า พวกเขาเป็นทูตจากชายแดนตะวันตกจริงๆ…”
มั่วเชียนเสวี่ยหลับตาลง ความหวังสุดท้ายถูกทำลาย นางไม่กล้ายอมรับความจริงในเรื่องนี้ไปชั่วขณะ
ซูชีรับรู้ความรู้สึกโศกเศร้าจากใบหน้ามั่วเชียนเสวี่ยได้ชัดเจน จึงไม่ได้เอ่ยวาจาที่เหลือออกมา เพียงแค่มองมั่วเชียนเสวี่ยอย่างเป็นห่วง ความจริงแล้ว ตอนที่เพิ่งพบคดีนี้ ก็ลือกันไปทั่วแล้ว
บ้างเอ่ยว่า มั่วเชียนเสวี่ยเป็นผู้ส่งคนไปสังหารคนจากชายแดนตะวันตก บ้างก็เอ่ยว่า คนจากชายแดนตะวันตกมาเมืองหลวง เพื่อของวิเศษของสองชนเผ่า กับป้ายคำสั่งทหารของกองทัพตระกูลมั่ว บ้างก็ว่า เป็นเพราะมั่วเชียนเสวี่ยไม่ยอมคืนของวิเศษให้กับสองชนเผ่า และไม่ยอมมอบป้ายคำสั่งทหารออกมา จึงเกิดความขัดแย้งกัน และเกิดความคิดที่จะสังหารอีกฝ่ายขึ้นมา…
เห็นได้ชัดว่า เป็นการวางแผนกันอย่างรอบคอบ
เพื่อแยกความสัมพันธ์ระหว่างมั่วเชียนเสวี่ยกับคนชายแดนตะวันตกออกจากกัน
ชังมู่ที่ยืนอยู่ไม่ไกลก้าวเท้ายาวขึ้นมา หยิบป้ายคำสั่งบนถาดมาไว้ในมือทันทีที่เห็นป้ายคำสั่งทหาร!
“บังอาจ! เจ้าเป็นใครกัน!”
ทันทีที่องครักษ์รู้สึกว่าถาดในมือขยับ ตอนที่เงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นป้ายคำสั่งทหารที่ควรจะอยู่ในถาดตอนนี้ ไปปรากฏอยู่ในมือของบุรุษผู้หนึ่ง
จึงตื่นตระหนกใจ!
นี่้เป็นของในกองทัพ เป็นหลักฐาน จะทำหายหรือถูกคนทำลายไม่ได้!
ชังมู่ไม่สะทกสะท้านต่อเสียงตวาดเย็นเยียบขององครักษ์ ตอนที่หยิบป้ายคำสั่งของแม่ทัพจางมาไว้ในมือ เขาก็รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกทั่วร่าง!
“ไม่เป็นไร! ท่านนี้ก็เป็นทูตจากชายแดนตะวันตกเช่นกัน” คนที่ส่งเสียงห้ามคือซูชี
เขามองชังมู่แวบหนึ่ง และไม่เอ่ยอันใดอีก
พวกเขาซึ่งเป็นตระกูลขุนนางใหญ่จะไม่รู้ว่า ทูตจากชายแดนตะวันตกมาถึงเมืองหลวงแล้วได้อย่างไร
ไม่เพียงแต่จะรู้เท่านั้น แต่ยังรู้ด้วยว่า มากันกี่คน มีใครบ้าง รูปร่างหน้าตาเป็นเช่นไร
ดังนั้นเขาย่อมรู้จักชังมู่
เกรงว่าคนผู้นั้นคิดวางแผนเสียแยบยล แต่ก็คิดพลาดไปเรื่องหนึ่ง นั่นคือ ชังมู่ไม่ได้อยู่ที่ศาลาพักม้า และไม่ตาย!
ดูท่า ชังมู่ผู้นี้จะเป็นกุญแจสำคัญ
เขาจะส่งคนมาสังหารชังมู่หรือไม่
เมื่อไร้คนยืนยัน ทั้งระยะทางก็ห่างไกล เมื่อข่าวลือสะพัดไปทั่ว ก็ช่วยไม่ได้ที่คนจะไม่เชื่อกัน มั่วเชียนเสวี่ยมีปาก ก็มีบางเรื่องที่อธิบายได้ไม่ชัดเจน…
ขณะที่ซูชีคิดวางแผน มั่วเชียนเสวี่ยก็ได้สติขึ้นมา
“ชังมู่…เป็นป้ายคำสั่งของแม่ทัพจางจริงๆ หรือ”
แม้จะเป็นคำถาม แต่น้ำเสียงของนางกลับมั่นใจ สีหน้าก็เย็นชายิ่ง
แน่นอนว่า ในนั้นยังมีความหวังสุดท้ายอันริบหรี่ที่มองไม่เห็นอยู่ด้วย
นัยน์ตาที่จ้องชังมู่ คล้ายกับกำลังเอ่ยว่า : ชังมู่! ปฏิเสธข้า! บอกสิว่าไม่ใช่ของแม่ทัพจาง! บอกว่านี่ไม่ใช่สิ่งของจากชายแดนตะวันตกของพวกเจ้า!
ทว่าสุดท้าย ชังมู่ก็ทำได้แค่หลับตาลงด้วยความเจ็บปวด มือกำป้ายคำสั่งแผ่นนั้นแน่น
แสงแห่งความหวังอันริบหรี่ในนัยน์ตามั่วเชียนเสวี่ยก็เลือนหายไปเช่นกัน
อวี่เสวียนเดินนัยน์ตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาออกมาจากข้างกายชังมู่ แล้วกระซิบเสียงเบาข้างหูมั่วเชียนเสวี่ย
“ด้านบนฟันเสือที่อยู่ตรงกลางป้ายคำสั่งทางชายแดนตะวันตกของพวกเรา จะมีรอยสีแดงเล็กๆ สองขีด คนทั่วไปค้นพบได้ยาก แม้ว่าจะปลอมขึ้นมา ก็ทำได้ลึกล้ำขนาดนี้ไม่ได้! และป้ายที่อยู่ในมือแม่ทัพชังมู่…ก็เป็นของแม่ทัพชายแดนตะวันตกจริงๆ…เป็นของแม่ทัพจาง!”
เอ่ยจบ น้ำตาของอวี่เสวียนก็รินไหลอย่างกลั้นไม่อยู่
ภายในห้องโถงเงียบกริบทันที
เป็นทูตของชายแดนตะวันตกจริงๆ ด้วย!
ทูตจากชายแดนตะวันตกถึงกับสิ้นชีพในเทียนฉีของพวกเขา ผืนดินเมืองหลวงของพวกเขา
บางคนแอบชำเลืองมองชังมู่กับอวี่เสวียน
พวกเขาเป็นประชาชนจากชายแดนตะวันตก เป็นตัวแทนของสองชนเผ่า มีสิทธิ์ที่จะแสดงความเห็นในเวลานี้มากที่สุด ตอนนี้ต้องดูท่าทีของพวกเขาแล้ว!
ว่าจะสืบสวนเรื่องนี้ให้กระจ่างหรือไม่!
“แม่ทัพซูรู้หรือไม่ว่า ผู้ใดเป็นคนลอบสังหารทูตจากชายแดนตะวันตก”
ป้ายคำสั่งทหารในมือถูกชังมู่กำแน่น! น้ำเสียงแหบพร่า ทุ้มต่ำ และเจือไปด้วยโทสะที่ข่มเอาไว้ไม่อยู่!
เขาจะต้องหาตัวคนผู้นี้ออกมาให้ได้! ไม่ว่าคนที่ใช้แผนการชั่วร้ายลับหลังนี่จะมีตำแหน่งสูงส่ง อำนาจยิ่งใหญ่เพียงใด! เขา ชังมู่ ชายแดนตะวันตกของพวกเขา ชนเผ่าเฮยมู่และรั่วสุ่ยสองชนเผ่าไม่มีวันยอมรามือ!
หนิงเซ่าชิงขมวดคิ้วนิ่งๆ แต่กลับไม่ได้เอ่ยวาจาใดสักประโยคเดียว
เรื่องนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบ สร้างความรู้สึกแปลกประหลาดบางๆ ให้เขา
อธิบายความรู้สึกนั้นไม่ได้ เหมือนกับว่าทุกสิ่งล้วนมีคนวางแผนจัดการอยู่เบื้องหลังอย่างรอบคอบ
มั่วเชียนเสวี่ยก็มองซูชีด้วยสายตาเกลียดชัง รอซูชีเอ่ยผลลัพธ์ออกมา จากนั้นนางจะสังหารคนต่ำช้า ไร้ยางอายผู้นั้นเอง!
ทุกคนล้วนเห็นในสายตา ซูชีมองกลุ่มคนที่อยู่เต็มห้องโถงอย่างสังเกตเห็นได้ยาก
“สืบพบเบาะแสบางอย่างจริงๆ แต่ว่า…”
ระหว่างที่เอ่ย ซูชีก็กวาดตามองคนที่ไม่เกี่ยวข้องรอบๆ เหล่านี้แวบหนึ่ง