แต่บ้านไร่ใหญ่ขนาดนี้ นางควานหาตัวเกือบทั่วแล้ว กลับยังคงหาชังมู่ไม่พบ แล้วจะไม่ให้นางกังวลใจได้อย่างไร
“ชัง…กรี๊ด!”
อวี่เสวียนตะโกนเรียกอีกหลายครั้งเมื่อเดินไปถึงป่าไผ่ในบ้านไร่ แต่ยังคงไม่มีเสียงตอบรับจากเขาสักนิด จึงคิดจะเข้าไป แต่เสี้ยววินาทีที่กำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในป่าไผ่ กลับถูกคนจับตัวเอาไว้!
นางคิดจะชักกระบี่คู่กายของตนเองออกมาเงียบๆ แต่หลังจากได้ยินเสียงแหบพร่าที่เต็มไปด้วยความเสียใจของคนที่อยู่ข้างหลังแล้ว ก็ชะงักไปทันที!
“อวี่เสวียน…ข้าเอง!”
เป็นชังมู่!
อวี่เสวียนหันกลับไปทันที!
ชังมู่ยังคงสวมอาภรณ์ชุดเดิม แต่กลับไร้ซึ่งท่าทางสง่างามเหมือนก่อน ทั่วทั้งร่างหมดสภาพแทบดูไม่ได้!
นางเจ็บปวดใจ!
รู้ว่าการตายของพวกแม่ทัพจางสร้างความกระทบกระเทือนต่อจิตใจของชังมู่รุนแรงเพียงใด!
เดิมหลายคนนี้ร่วมเดินทางมาด้วยกัน แต่ถึงตอนนี้กลับเหลือเขาเพียงคนเดียว ความแตกต่างเช่นนี้ เขาจะรับไหวได้เช่นไร
ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่อวี่เสวียนกลับรู้!
ตอนที่ยังเยาว์วัย…แม่ทัพจางเคยเป็นอาจารย์คนแรกของพวกเขา!
อย่ามองว่าแม่ทัพจางผู้นั้นไม่อินังขังของกับเรื่องใดๆ แต่ความคิดกลับละเอียดรอบคอบมาก ตอนยังเยาว์วัย แม้ว่าจะปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยการที่ไม่ทันไรก็ดุด่าฟาดตี แต่กลับละเอียดรอบคอบอย่างยิ่ง
ทว่าบุคคลผู้นี้ ไม่มีทางมาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขาอีกแล้ว และไม่ได้ชี้หน้าด่ากราดใส่พวกเขาอย่างรุนแรงอีก!
แม้จะคิดว่าไม่มีทางปล่อยผู้ที่ทำร้ายทูตจากชายแดนตะวันตกไปสักคน แต่มั่วเชียนเสวี่ยก็ยังรู้สึกไม่ค่อยดีนัก
นางเคยฆ่าคน นางย่อมไม่กลัว
แต่สถานการณ์ที่คนตายเพราะนาง นางกลับไม่เคยประสบมาก่อน!
สำหรับนาง ชายแดนตะวันตกไม่ใช่แค่การให้ความเอาใจใส่และปกป้องอย่างรอบคอบทั่วถึง นางยังไม่ทันจะได้ตอบแทนพวกเขา ก็ทำให้พวกเขาสูญเสียแขนซ้ายแขนขวาไปแล้ว!
หนิงเซ่าชิงมีธุระ จึงไปที่ห้องข้าง อวิ๋นอิ๋งเห็นมั่วเชียนเสวี่ยนั่งเหม่อลอยอยู่กลางห้องคนเดียว ก็ก้าวเข้าไปขอร้องให้มั่วเชียนเสวี่ยไปตรวจสอบของหมั้นหมายในวันนี้ที่คลังเก็บของ
แม้มั่วเชียนเสวี่ยจะไม่สนใจว่า หนิงเซ่าชิงให้ของหมั้นหมายอะไร แต่ก็อยากจะดูทรัพย์สินของตนเองให้ชัดเจน จะได้ไม่เลอะเลือนจนถูกคนหลอก
เปิดหีบออก สมบัติล้ำค่าแต่ละชิ้นเข้าสู่สายตา
พลอย มรกตนับไม่ถ้วน ทอประกายเจิดจรัสไปทั่วห้อง และยังมีโมรา หยก ไข่มุก ปะการัง และของล้ำค่าแวววาวอีกนิดหน่อย สะท้อนแสงเสียจนทั่วห้องเปล่งประกายระยิบระยับ งดงามอย่างไม่มีสิ่งใดเทียบได้
ไข่มุกแต่ละเม็ดบนสร้อยเส้นนั้นล้วนกลมมาก แสงไข่มุกพร่างพราวสีขาวนวล งดงามเสียจนทำให้ตกตะลึง มั่วเชียนเสวี่ยคิดถึงมหาสมบัติของโซโลมอน กษัตริย์ผู้มั่งคั่งในตำนาน ก็คงจะเป็นแบบนี้เช่นกัน
มิน่าถึงได้กล่าวว่าตระกูลหนิงกุมเส้นทางการเงินในใต้หล้า แค่ของหมั้นหมายเหล่านี้ ก็เกรงว่าจะมีมูลค่าหลายแสนตำลึงแล้ว
ตรวจสอบคลังเก็บของเสร็จแล้ว ก็กำชับพ่อบ้านมั่ว และจัดการคนให้เฝ้าดูแลของหมั้นหมายที่ได้รับมาเรียบร้อยแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยก็กลับไปที่ห้องนอนตนเอง
อารมณ์ของนางไม่ได้ดีขึ้น แต่กลับสับสนมากกว่าเดิม
ชีวิตมนุษย์นั้นไม่เที่ยง มีเงินทองมากมายเพียงใด ไม่มีชีวิตเสวยสุข ก็ไร้ประโยชน์
ชั่วขณะหนึ่ง นางรู้สึกว่าที่นางพยายามสร้างโรงงานเครื่องปรุง โรงเรือนเพาะปลูกอะไรพวกนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าชีวิต ก็ยังคงเปราะบางเช่นนั้น
ชูอียกโจ๊กชามหนึ่งมาจากห้องครัว หนิงเซ่าชิงจัดการภารกิจตนเองเสร็จแล้ว ก็รีบมา
เขารับโจ๊กในมือชูอีมาเงียบๆ แล้วโบกมือให้ชูอีถอยออกไป
เมื่อเข้าไปด้านใน ก็เห็นมั่วเชียนเสวี่ยนั่งอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าท่าทางสับสน เหม่อมองไปยังที่ใดที่หนึ่ง
หนิงเซ่าชิงเจ็บปวดใจ!
เขาอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับนาง แต่มักจะมีดวงตานับไม่ถ้วนคอยจับจ้อง ทำให้เขายากจะป้องกัน
คนที่มาจากชายแดนตะวันตก นอกจากชังมู่ที่มาบ้านไร่ในบางครั้ง ก็ล้วนพักอยู่ในศาลาพักม้า โดยไม่ออกไปข้างนอก เพราะกลัวคนจะทำร้าย กลัวว่าฮ่องเต้จะจับจุดอ่อนได้ กลัวว่าจะสร้างความลำบากให้มั่วเชียนเสวี่ย
ทว่า พวกเขาหมดห่วง แต่กลับมีคนไม่อยากให้พวกเขาหมดห่วง
“เชียนเสวี่ย มากินอะไรหน่อยเถอะ เจ้าไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันแล้ว”
ในขณะเดียวกันกับที่เจ็บปวดใจ ก็เจือไปด้วยความจนปัญญา
เมื่อครู่นี้ เขาเพิ่งจะได้รับรายงานจากองครักษ์ลับสองนายที่ติดตามทหารที่มาส่งข่าวออกไป ค้นพบว่านายทหารคนนั้นผิดปกติจริงๆ
ที่แท้ หลังจากนายทหารคนนั้นออกไป ก็ไม่ได้กลับค่าย แต่คล้ายกับกำลังตามหาใครบางคนรอบค่ายทหารม้า พลางพึมพำด่า
องครักษ์ลับรออยู่นาน ก็ไม่เห็นใครปรากฏตัว จึงเข้าไปจับเขาเอาไว้ ภายใต้การซักถาม นายทหารคนนั้นย่อมเอ่ยสิ่งที่รู้ออกมาทั้งหมด
ที่ละเว้นชีวิตเขาก่อนหน้านี้ ก็เพื่อดูว่าเหยื่อตกปลาชิ้นนี้ จะตกปลาได้หรือไม่
ในเมื่อไร้ประโยชน์ แถมยังก่อกวนพิธีหมั้นหมายของนายท่าน ต้องสังหารทิ้งสถานเดียว!
ชูมือขึ้นลงดาบ เก็บเกี่ยวชีวิตไป โลหิตสาดกระจายเต็มผืนดิน
มั่วเชียนเสวี่ยนิ่งอยู่ตรงนั้นอย่างคร้านจะขยับ และไม่ได้ตอบหนิงเซ่าชิง สมองของนางยังปรากฏภาพท่าทางกำเริบเสิบสาน โอหังอวดดี ไม่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยของแม่ทัพจาง
มั่วเชียนเสวี่ยไม่ได้คิดไม่ตก หาทางออกไม่ได้
แต่เมื่อทุกคนต้องเผชิญหน้ากับความเป็นความตาย ก็จะมีช่วงที่อกสั่นขวัญหาย เมื่อผ่านไป ก็จะดีเอง
นางรู้จักคำว่าหลักเหตุผลโชคชะตาฟ้าลิขิตคำนี้
นางรู้เช่นกันว่า : คนเราต้องมองไปข้างหน้า! ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้ว เสียใจไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร
เฮ้อ…
เสียงถอนหายใจดังวนเวียนข้างหู หนิงเซ่าชิงวางโจ๊กในมือ เดินไปถึงหน้าเตียง อุ้มมั่วเชียนเสวี่ยขึ้นมา “เชียนเสวี่ย อยากแก้แค้นให้พวกเขาหรือไม่”
ครั้งนี้ มั่วเชียนเสวี่ยตอบเร็วมาก และแน่วแน่มากเช่นกัน!
หนิงเซ่าชิงได้รับคำตอบ ซึ่งไม่ใช่ว่าอยากหรือไม่อยากอะไรพวกนั้น แต่เป็น “ข้าจะทำ!”
“ในเมื่ออยากขนาดนั้น เช่นนั้นเชียนเสวี่ยก็กินโจ๊กก่อน สามีมีวิธีช่วยเจ้าจัดการ!” ชี้นิ้วไปยังโจ๊กที่วางอยู่บนโต๊ะ
มั่วเชียนเสวี่ยมองตามไป แล้วส่ายหน้า “แต่ข้ากินไม่ลง”
“เช่นนั้นก็ต้องกิน! คิดจะปกปักรักษา สุขภาพของตนเองนั้นสำคัญที่สุด!” น้ำเสียงของหนิงเซ่าชิงไม่ให้ทางหนีทีไล่ใดๆ!
มั่วเชียนเสวี่ยเม้มปาก สุดท้ายก็ประนีประนอมถอยให้กับการไม่ยอมอ่อนข้อให้ของหนิงเซ่าชิง ลุกขึ้นไปข้างโต๊ะ แล้วกินโจ๊กชามนั้นลงไป
“เซ่าชิงมีวิธีอะไรหรือ” กินโจ๊กชามนั้นลงไปแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยก็รู้สึกว่าร่างกายตนเองมีเรี่ยวแรงนิดหน่อย คนเราเมื่อผ่อนคลาย ก็ไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายขนาดนั้นอีก
สองหัวดีกว่าหัวเดียว!
ก่อนหน้านี้ แม้ว่านางจะมีความคิดเห็นอยู่บ้าง แต่ก็อยากจะฟังวิธีของหนิงเซ่าชิงเช่นกัน
อีกอย่าง ความคิดของนาง ก็มีแค่ทำให้ฮ่องเต้กับเจิ้นหนานอ๋องเกิดความรำคาญเล็กน้อย
แม้ว่าเจิ้นหนานอ๋องจะไม่ได้เป็นคนทำเรื่องนี้ แต่กลับต้องการโยนความผิดให้เขา ทั้งยังยั่วยุให้ชายแดนตะวันตกขุ่นเคืองฮ่องเต้ของเทียนฉี ยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างชายแดนตะวันตกกับตนเอง
สรุปแล้ว ดีไม่ดี หากชาวแดนตะวันตกเคลื่อนทัพมาจริงๆ เทียนฉีจะต้องวุ่นวายโกลาหลแน่นอน
คนผู้นี้มีจิตใจทะเยอทะยานมาก!
เขาคิดจะทำอะไร
แต่งตั้งตนเองเป็นกษัตริย์?
มั่วเชียนเสวี่ยที่เพิ่งจะหลุดออกจากความหมดอาลัยตายอยาก ก็จมเข้าสู่ห้วงความคิดอีกครั้ง
มือสังหารตัวจริง ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนพุ่งเป้าไปที่หลูเจิ้งหยาง
แต่ว่า ตอนนี้เจ้าหมอนั่นอยู่ที่ไหนกัน