เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ – ตอนที่ 4: กิจกรรมชมรม

กิจกรรมชมรม

 

“เฮ้ เจ้าหน้าใสรูปหล่อ นี่นายช่วยปรับสีหน้านายลงสักหน่อยจะได้ไม๊เนี่ย” (ยูกิโตะ)

 

“นายมาถึงแล้วจนได้นะ” (มิโฮะ)

 

“เกิดอะไรขึ้นล่ะนั่น?” (ยูกิโตะ)

 

“ก็นะ ฉันมีคำถามจะถามนายเยอะเลยล่ะ” (มิโฮะ)

 

ในทันทีที่ผมมาถึงห้องเรียนในตอนเช้า ผมก็ต้องมาพบกับการสนทนาที่แสนจะไร้สาระกับมิโฮะที่สุดแสนจะร่าเริง เข้ามารบกวนผม ไอ้คนมุมมองคับแคบแบบผม กับคนที่เปล่งประกายแบบนี้มันไม่ควรจะเป็นอะไรอื่นเลยนอกการเป็นศัตรูโดยธรรมชาตินะ แล้วทันใดนั้นผมก็รู้สึกอ่อนล้าขึ้นมาเลยทันที ก็แน่นอนล่ะว่ามันเป็นเพราะขั้วตรงข้ามอย่าง คานะ ซากุราอิ นั่นล่ะ

 

“อรุณสวัสดิ โคโคโนเอะคุง!” (ซากุราอิ)

 

“ซากุราอิซัง อรุณสวัสดิ ผมขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้ไปด้วยเมื่อวาน แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ?” (ยูกิโตะ)

 

“ฮ่าฮ่า พวกเรานั้นสนุกด้วยกันในตอนเริ่มต้นน่ะ” (ซากุราอิ)

 

“หืมม? นี่มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ?” (ยูกิโตะ)

 

ซากุราอิ ดูจะพูดออกมาคลุมเคลือแปลกๆ คล้ายๆกับมิโฮะที่พูดก่อนหน้านี้เลยแฮะ นี่ผมไม่ได้ต้องการจะมีเอี่ยวอะไรด้วยหรอกนะ แต่ผมคิดไปซะแล้วสิว่ามันน่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเมื่อวานนี้

 

หืมมมมม เข้าใจล่ะ แปลว่าเกิดเรื่องขึ้นที่บาร์คาราโอเกะสินะ?

 

คำอธิบายที่เดาว่าน่าจะใกล้ความเป็นจริงที่สุดก็คงจะเป็น มีใครสักคนเอ่ยคำสารภาพกับเจ้าหน้าใสรูปหล่อในระหว่างที่อยู่ท่ามกลางหมู่สาวๆ ก็เขาเลยน่าจะรู้สึกถูกคุกคาม และไอ้การสารภาพกับเขานี้คงก่อให้เกิดการโต้เถึยงกัน นั่นก็น่าจะทำให้เกิดความอึดอั้นและลากยาวมาจนถึงวันนี้ ผมรู้สึกภูมิใจกับตัวเองซะจริงๆที่คาดเดาเหตุการณ์และคำนวนล่วงหน้าได้ดีขนาดนี้ มันคงต่างจากผมที่ไม่โด่งไม่ดัง และไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลยในชีวิต ก็เลยตื่นเต้นมากเลยล่ะที่จะได้มาพบเห็นเรื่องรักๆใคร่ๆที่เกิดขึ้นมาทันทีที่ผมเข้าโรงเรียนนี้อ่ะนะ

 

“นายก็รู้นี่ นายรู้จักกับ ซูซุริคาว่าซัง กับ คามิชิโระซัง ใช่ไม๊ล่ะ?” (ซากุราอิ)

 

“ก็นะ คงจะบอกเธอว่าผมรู้จักนั่นล่ะ แต่ก็…….” (ยูกิโตะ)

 

อ้าวทำไม่อลิซาเบธถึงได้พูดถึงชื่่อพวกเธอนั้นขึ้นมากันล่ะเนี่ย? หลังจากที่มันเกิดขึ้นมาแล้วกับพี่ของผมเมื่อวาน ผมจึงเริ่มอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาเมื่อเธอเอ่ยชื่อนั้น มันเป็นไปได้ไม๊ที่มันก็คือประสพการณ์ที่ก่อให้เกิดความสนใจเป็นอย่างมากกับคำว่า ซูซุริคาว่า และ คามิชิโระ โดยที่ผมนั้นไม่เคยรู้มาก่อน? ถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็จะต้องใช้สไตล์ของผมในการผ่านเรื่องที่น่าหงุดหงิดนี้ไปให้ได้ล่ะ

 

“แล้วนายไปรู้จักกันได้ยังไงล่ะ? มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากใช่รึเปล่า?” (ซากุราอิ)

 

“ไม่มีอะไรไปหรอกน่า เธอก็แค่คนรู้จักเท่านั้น เธอกับผมเป็นเพื่อนบ้านที่โตมาด้วยกันเป็นเพื่อนสมัยเด็กน่ะ ส่วนคามิชิโระก็รู้จักจากกิจกรรมชมรมในชั้นมัธยมต้น ก็แค่นั้น” (ยูกิโตะ)

 

“ทั้งสองคนน่ะเป็นสาวสวยที่สุดในห้องเลยเชียวนะ นี่โคโคโนเอะ แปลว่านี่จะต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันใช่รึเปล่า?” (ซากุราอิ)

 

“ฉันไม่รู้ด้วยหรอกนะกับการเอาผมไปใส่ในกลุ่มหรือลำดับขั้นที่กำหนดขึ้นมาให้นอกเหนือไปจากสิ่งที่ฉันรู้จักน่ะ……” (ยูกิโตะ)

 

“ไม่ แต่วิธีที่พวกเธอนั้นแสดงออกมา มันไม่ได้ดูเป็นแบบ–” (ซากุราอิ)

 

ก็ด้วยสถานะของสาวสวยทั้งสองคนนี่ก็น่าจะอยู่ในขั้น พราหมห์ หรือกษัตรย์ละมั้ง? แต่อย่างน้อยผมก็ไม่คิดว่าพวกเธอนั้นจะอยู่ในลำดับชั้นเดียวกับผมแน่นอนล่ะ ถ้าตำแหน่งของพวกเธออยู่สูงแบบนั้น มันก็คงจะเป็นอย่างที่ผมว่าไว้ ว่าผมคงจะไม่สามารถเข้าไปคุยกับพวกเธอได้โดยไม่เกิดปัญหาได้อย่างแน่นอน แล้วก็นั่นละที่ทำให้ผมนั้นรู้สึกโล่ง เนื่องจากผมไม่ได้มีอะไรที่จะต้องไปติดต่อหรือพูดคุยด้วยซะหน่อย

 

“เฮ้ๆ ย้ายก้นกันไปนั่งประจำที่ได้แล้ว เจ้าหนูตัวมีปัญหา…….” (ซายูริ)

 

แล้วอาจารย์ซายูริก็ได้เดินเข้ามาในห้องเรียน ผมรู้สึกโล่งใจที่หัวข้อที่คุยจะจบลงได้ซะที ว่าแต่ผมกลายเป็นเด็กตัวมีปัญหาไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันล่ะเนี่ย? ผมหมายถึง “ตัวมีปัญหา” นี่มันไม่ใช่ว่าจะเป็นสมญาที่ดีสำหรับการการได้มานะ

 

ดังนั้นขอย้ำอะไรอีกสักทีนึงเลยนะตอนนี้

 

ผมน่ะไม่มีโชคด้านผู้หญิงเลยสักนิด

 

กับช่วงอายุของผมตอนนี้ สามารถบอกได้อย่างไม่อายเลยว่า ผมน่ะเป็นผู้ชายที่เชี่ยวชาญศาสตร์แห่งความโชคร้ายเรื่องผู้หญิงไปแล้วล่ะ

 

ผมนั้นจะมีปัญหามากมาย กับแม่ กับพี่สาวที่ดูยังไงก็ไม่เหมือนผม กับเพื่อนสมัยเด็กของผมที่คิดว่าน่าจะรู้สึกเป็นแฟนเธอได้แต่กลับถูกปฏิเสธ และหลังจากอกหัก ก็ได้พบอันเรื่องหลอกลวงอีก และผลสรุปสุดท้ายของปัญหาหมดทั้งมวลที่ได้เกิดจากความที่โชคไม่ดี ที่ผมได้ประสบพบเจอมาทั้งหมด ผมจึงได้กลายมาเป็นคนที่ไร้ซึ่งอารมรณ์

 

ผมนั้นไม่สามารถที่จะสร้างความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผุ้อื่นได้เลย และก่อนหน้านั้นผมก็ไม่เก่งในด้านการรับรู้การเปลี่ยนแปลงอารณ์ของคนอื่นด้วยล่ะ

 

นั่นไม่ใช่ว่าผมไม่ได้อยากจะเจ็บปวด หรือหวาดวิตกหรอกนะ มันก็แค่เรื่องง่ายๆ แค่ผมนั้นไม่สามารถที่จะเข้าใจกับอารมณ์เหล่านั้นได้อีกต่อไป ผมได้ค้นพบว่ามันจะมีปัญหามากมายถ้าจะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้คน แต่ในอีกด้านนึงผมนั้นน่ะสามารถเข้ากับคืนอื่นๆได้ดีแต่ก็แค่ในเฉพาะแค่ผิวเผิน เพราะแค่นั้นมันไม่เคยไปทำร้ายใครได้ ตราบเท่าที่ผมจะสามารถคงความสงบสุขในการใช้ชีวิตของผม นี่น่ะเป็นวิถีในการเอาตัวรอดของผม ก็คงเดาได้แหละว่าต้องพูดกันแบบนี้

 

ในทันทีที่ผมได้พบว่าพวกเธอนั้นอยู่ในห้องเรียนนี้ ผมจึงได้ตั้งเป้าหมายขึ้นไว้ว่าในโรงเรียนมัธยมปลายนี้จะใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบสงบ ให้เหมือนกับผีเสื้อกลางคืนฮิคาริ ที่ส่องประกายอยู่อย่างลับๆในถ้ำอันมืดมิด ในขณะที่พยายามหลีกเลี่ยงการติดต่อกับเพื่อนร่วมชั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เนื่องผมนั้นเป็นคนที่ส่งอิธิพลในแง่ไม่ดี

 

นี่มันต้องจบไม่สวยแล้วอย่างแน่นอน! แผนใช้ชีวิตอันมืดมนกำลังจะพังแล้ว

 

แต่ผมยังคงมีไพ่ตายอยู่นี่นะ การพูดโดยใช้ตัวตนอันมืดมนไงล่ะ

 

“นายจะเข้ากิจกรรมชมรมไหนรึเปล่า ยูกิโตะ?” (มิโฮะ)

 

ฟุฟุฟุฟุ แล้วหัวข้อที่เฝ้ารอก็ได้โผล่ออกมาแล้ว ผมจะเป็นคนบาปหนาซะจริงๆ ในช่วงหลังเลิกเรียนขณะที่กำลังคุยกับมิโฮะ อยู่ๆหัวข้อเกี่ยวกับกิจกรรมชมรมก็ถูกยกขึ้นมาคุย โรงเรียนมัธยมโชโย นี้ไม่ได้เป็นที่รู้จักกันในด้านชมรมกีฬา แต่มีแผนกกีฬาที่มีการบริหารงานของตัวเอง แล้วก็โชคดีที่ไม่มีกฏอะไรว่าทุกคนจะต้องเข้าร่วมชมรม แล้วธรรมเนียมของโรงเรียนนี้ก็ค่อนข้างจะผ่อนปรนมาก

 

“แล้วนายล่ะ หา?” (ยูกิโตะ)

 

“ฉันได้รับชวนเข้ารวมชมรมกีฬาอยู่หลายอย่างเลยล่ะ ฉันก็กำลังคิดอยู่เนี่ย” (มิโฮะ)

 

“ชิส์! ทำไมนายเป็นที่ร่าเริงอะไรอย่างนี้นะ ฟังฉันให้ดี มันไม่มีชมรมที่จะเหมาะกับฉันหรอก” (ยูกิโตะ)

 

“ยูกิ!” (คามิชิโระ)

 

คนเดียวในชั้นที่เรียกชือจริงของผมมันก็มีแค่เจ้ารูปหล่อที่อยู่ข้างผมไม่ใช่รึไงกัน? พอผมมองย้อนไปที่ด้านหลังของเขาแล้ว ผมก็พบกับบางคนที่ผมนั้นไม่ได้อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเลย

 

“คามิชิโระซัง?” (ยูกิโตะ)

 

แล้วอยู่ๆ การแสดงออกของเธอก็พลันตึงเครียด นี่เธอเป็นอะไรของเธอเนี่ย? ผมแน่ใจนะว่าผมน่ะไม่ได้พูดอะไรผิด ผมไม่แน่ใจว่าจะต้องทำอะไรกับเรื่องนี้ไหม มันยังคงเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับผมที่จะเข้าใจอารมณ์อันละเอียดอ่อนของผู้หญิงจริงๆนะ

 

“นายจะไม่ยอมเรียกชื่อจริงของฉันงั้นเหรอ?” (คามิชิโระ)

 

“พวกเราไม่ได้รู้จักกันดีขนาดนั้นนี่” (ยูกิโตะ)

 

“ชะ….ใช่….” (คามิชิโระ)

 

อยู่ๆก็เกิดอะไรขึ้นมากันเนี่ยกับเด็กผุ้หญิงคนนี้? มันไม่สามารถที่จะเรียกชื่อจริงเธออย่างสนิทสนมได้หรอกนะ ผมจ่ะแน่ใจว่าต้องทำแบบนี้อยู่แล้วสิ ถ้าหากว่าเกิดไปเรียกชื่อจริงของเธอ ผมคงจะต้องถูกแขวนประจานในฐานะอาชากรในวันพรุ่งนี้เอาแน่ๆ

 

“รู้นะ ยูกิจะไปเข้าร่วมทีมบาสเก็ตบอลใช่ไหมล่ะ? ฉันเองน่ะก็กำลังคิดที่จะไปเป็นผู้จัดการของทีมบาสผู้ชายล่ะ! แล้วทีนี้พวกเราก็จะได้อยู่ด้วยกัน—” (คามิชิโระ)

 

บาสเก็ตบอลงั้นเหรอ ผมรู้สึกคิดถึงเมื่อผมกลับไปนึกถึงสามปีก่อนทีผมเล่นบาสเก็ตบอลในโรงเรียนมัธยมต้น ทว่าสิ่งที่เหลืออยู่ในตัวผมตอนนี้คือความทรงจำอันเลวร้าย ผมไม่สามารถที่จะทำไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ และไม่สามารถไปถึงผลสำเร็จใดๆได้เลย ทั้งหมดทั้งมวลที่ผมจำได้คือการยื่นข้อเสนอให้กับทีม ผมควรที่จะพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้า แต่สุดท้ายผมก็ทำไม่ได้ผมกลับต้องหยุดอยู่กับที่

 

“คามิชิโระซัง ฉันจะไม่เล่นบาสเก็ตบอลอีกต่อไปแล้วล่ะ” (ยูกิโตะ)

 

“อะไรนะ? ……..นี่มันไม่จริงใช่ไม๊? หรือเป็นเพราะหลังจากเรื่องนั้น–” (คามิชิโระ)

 

“มันจบไปแล้วล่ะ ผมไม่มีแรงจูงใจเหลืออีกต่อไปแล้ว” (ยูกิโตะ)

 

“แต่นายเคยเล่นบาสมาโดยตลอดนะ!” (คามิชิโระ)

 

“เธอน่าจะเป็นรู้ดีกว่าทุกคนนี่ ว่าทำไมมันถึงออกมาเป็นแบบนี้” (ยูกิโตะ)

 

แล้วสีหน้าของเธอก็บิดเบี้ยวอย่างเห็นได้ชัด คนที่ร่าเริงอย่างคามิชิโระ ก็เริ่มจ้องมองมาที่ผมด้วยสายตาที่เศร้าสร้อย มันเกือบจะเหมือนกับว่าเธอกำลังจะร้องไห้ออกมาจากการที่ผมนั้นจ้องกลับไปที่เธอโดยที่ไม่หลบเลี่ยงนี้ นี่ก็เพื่อทำให้เธอได้รู้ว่าผมนั้นจริงจังในสิ่งที่พูด

 

“คามิชิโระ เธอเสียใจกับเรื่องของผมด้วยเหรอ?” (ยูกิโตะ)

 

“ไม่! ฉันเสียใจนะ ยูกิ! แล้วเรื่องนั้นฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้น–” (คามิชิโระ)

 

“ไม่มีทางที่ฉันจะกลับไปเล่นบาสเก็ตบอลได้หรอกในเมื่อฉันน่ะเป็นโดนผลักไสไปแล้วนี่นะ แล้วในกรณีนี้ชมรมที่เหมาะสมที่สุดของฉันก็คือชมรมกลับบ้าน! ดังนั้นฉันจะกลับบ้านล่ะ แล้วเจอกัน ขอให้โชคดีกับการเป็นผู้จัดการนะ” (ยูกิโตะ)

 

“–เดี๋ยวก่อน!” (คามิชิโระ)

 

ผมไม่สนใจคามิชิโระ ที่พยายามจะหยุดผม แล้วเริ่มออกเดินตรงไปยังประตู

 

ผมนั้นเคยยุ่งอยู่กับกิจกรรมของชมรมในช่วงมัธยมต้นมากซะจนไม่มีเวลาออกไปเที่ยวไหนหลังเลิกเรียนได้เลย ก็คงอาจจะพูดได้ว่าผมนั้นสูญเสียเวลาอันมีค่าในวัยเด็กไป ในตอนนี้ผมนั้นวางแผนที่จะใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานในชิวิตมัธยมปลายในฐานะสมาชิกชมรมกลับบ้าน แม้ว่าผมจะเคยเล่นบาสเก็ตบอลมาก่อน แต่ตอนนี้ผมกลับไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันเลย ความหลงไหล ความกระตื่อรือล้นทั้งหมดที่ผมเคยมีให้กับมันตอนนี้มันได้จางหายไปหมดแล้ว แล้วผมก็คิดว่าผมคงไม่สามารถกลับไปเล่นได้อย่างที่เคยเป็นด้วยล่ะ

 

“เหมือนกับเมื่อตอนนั้น…….งั้นเหรอ……” (ยูกิโตะ)

 

เสียงพึมพัมที่แผ่วเบาปลิวไปกับสายลมและจางหายไปโดยที่ไม่มีใครได้ยิน

 

——————————————————————————————————————

 

นี่มันอย่างกับดูฉากที่เกิดขึ้นในบาร์คาราโอเกะเมื่อวานย้อนกลับมาอีกครั้งยังไงยังงั้นเลย เสียงอื้ออึงในห้องเรียนก็ดังขึ้น แต่ครั้งนี้หลายคนในห้องต่างก็ได้เห็นเหตุการณ์ ตอนนี้อย่างกับฉันกำลังอยู่ใจกลางของตาพายุเลยล่ะ

 

(โคโคโนเอะ นายไม่ทำอะไรเลยแบบนี้ไม่ได้นะ! แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานมันกลับมาเกิดขึ้นซ้ำอีกตอนนี้ได้ยังไงกัน?!) (ซากุราอิ)

 

เพื่อนร่วมห้องของเธอต่างก็กำลังมองมาที่เธอ แต่ที่เธอทำได้ก็เพียงแค่ขบริมฝีปากและมองไปยังประตูของห้องเท่านั้น ตอนนี้เธอลืมความวุ่นวายในห้องเรียนตอนนี้ไปซะแล้ว

 

“นี่ คามิชิโระซัง เธอจะไปเป็นผู้จัดการทีมบาสเก็ตบอลชายใช่ไหม? ฉันน่ะคิดที่จะเข้าร่วมทีบาสเก็ตบอลล่ะ ผมดีใจจัง” (อิโตะ)

 

“ขอโทษนะ ฉันยังแค่คิดอยู่” (คามิชิโระ)

 

“หา?” (อิโตะ)

 

ฉันสงสัยว่าอะไรทำให้เขาเข้าหาคามิชิโระล่ะนั่น แล้วกลุ่มของคนเหล่านั้นก็ยิ้มหน้าเจื่อนให้กับความพยายามเข้าไปคุยกับคามิชิโระ แต่เขาก็ถูกปฏิเสธในทันที มันชัดเจนเลยล่ะว่ามันไม่ใช่เวลาที่จะเข้าไปคุยกับเธอสักกะนิด หากเขายังไม่เข้าใจอีก เขาก็จะต้องเป็นไอ้พวกงี่เง่าแน่ๆ

 

(…….ฉันไม่ควรหัวเราะสินะ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกสงสารนายเหมือนกันนะ อิโตะ….) (ซากุราอิ)

 

(เเเเเอ๋! งั้นสิ่งที่เธอกำลังพยายามจะทำก็คือการไปเป็นผู้จัดการของ โคโคโนเอะ งั้นเหรอ?) (ซากุราอิ)

 

“นายเสียดายนะที่เค้าเป็นสมาชิกชมรมกลับบ้านไปแล้วน่ะ ฉันชอบกีฬานะ แต่ฉันก็ได้ทำอะไรไว้เยอะมากเหมือนกันกับกิจกรรมชมรมในตอนมัธยมต้น ดังนั้นฉันก็คิดว่าก็น่าจะลองชมรมกลับบ้านเหมือนกันล่ะ” (มิโฮะ)

 

มีเพียงมิโฮะเท่านั้นที่โพล่งขึ้นมาอย่างกับอ่านบรรยากาศไม่ออกเอาซะเลย

 

เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ

เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะผมไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงอยากจะมาบอกกับผมในเรื่องนี้ บางทีเธอคงจะคิดว่ามันเป็นหน้าที่ของเพื่อนสมัยเด็กละนะ แล้วผมก็อ่านความคิดของอื่นไม่ได้ซะด้วยสิ ในทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้นของเธอมันก็ได้ทำร้ายผมไปมากกว่าสิ่งที่เคยผ่านมาทั้งหมดเสียอีก ผมจำไม่ได้นะว่าพวกเราเคยไปสัญญาว่าจะแต่งงานอะไรกันไว้รึเปล่า ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นให้เห็นได้บ่อยๆกับหลายๆคนที่เป็นเพื่อนสมัยเด็ก แต่ยังไงเธอนั้นก็พิเศษสำหรับผม เธอคงมีเหตุผลนั่นแหล่ะ แล้วผมก็ถูกผลักให้ตกอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตของผมเลย

Comment

Options

not work with dark mode
Reset