กาลครั้งนึงแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเมื่อไหร่ ได้มีวีรสตรี 3 คนที่ถูกกล่าวขานล่ำลือกันว่าเป็นตัวตนผู้แข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุดในโลกอยู่ครับ
ความแข็งแกร่งของพวกเธอนั้นเรียกได้ว่าเป็นระดับเหนือมนุษย์เลยเชียว
คนนึงสามารถต่อยขุนเขาให้แหลกกระจุยได้ด้วยหมัดเปล่า คนนึงสามารถเป่าร่างของพลทหารนับหมื่นนายให้ลอยปลิวหายไปได้ด้วยการโจมตีจากเวทมนตร์เพียงครั้งเดียว ส่วนอีกคนก็เป็นหญิงพิลึกพิลั่นที่เอาเวทฟื้นฟูกับเวทสนับสนุนมาใช้ฆ่าคนได้ เลยกลายเป็นตัวตนที่ถูกหวาดกลัวไปตามระเบียบ
แค่เพียงคนเดียวก็โหดพอจะทำให้ประเทศหนึ่งถึงการล่มสลายได้อย่างง่ายดายแล้ว ยิ่งถ้าเหล่าวีรสตรี 3 คนนั้นมาสุมหัวรวมตัวไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วนี่คงอาจต้องเรียกว่าเป็นภัยพิบัติเดินได้ การหวนคืนชีพของเทพมาร หรือในบางพื้นที่ก็อาจจะระบุตัวตนของพวกเธอเป็นเทพผู้ชั่วร้ายกันเลยก็เป็นได้…..หากอาศัยใช้งานความแข็งแกร่งนั่นซะอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอะไรต่อมิอะไรก็คงบันดาลให้เป็นดั่งที่ใจพวกเธอต้องการได้เกือบทั้งหมดเลยกระมัง
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีสิ่งที่แม้แต่สามคนนั้นเอง ก็ยังไม่อาจได้มาครอบครองอยู่ครับ
นั่นก็คือ——-ผู้ชาย
ไม่ได้แกร่งอย่างเดียว พวกเธอทั้งสามคนนี้ ต่างก็มีรูปโฉมสวยสดงดงามเป็นเลิศเป็นสไตล์แตกต่างกันไปนะครับเอ้อ
พวกหล่อนเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีอายุยืนยาวก็จริงอยู่ แต่หากนำมาแปลงค่าตามหลักของมนุษย์แล้วก็อายุอยู่ในช่วง 20 ต้นๆเองกระมัง อยู่ระหว่างช่วงกำลังสาวกำลังสวยเลยแหละนะครับนะ
ต่อให้มีเหตุผลหลากหลายประการที่ทำให้ชีวิตต้องเต็มเปี่ยมอุดมล้นไปด้วยการต่อสู้ชิงดีชิงเด่นมาตั้งแต่ยังเด็กยังเล็กก็ตามทีเถิด แต่ตามเดิมแล้ว การที่สตรีนางหนึ่งจะเกิดมาแล้วไม่มีโอกาสได้สานสัมพันธ์กับชายใดเลยเช่นนี้เนี่ย มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก
ฉะนั้นประเด็นมันเลยมากองกันอยู่ตรงนี้ อยู่ตรงที่พวกเธอทั้งสามต่างก็เป็น “แกร่งสุด” นั่นเองขอรับครับผม
ถ้าจะมีสามี ก็อยากจะได้คนที่แข็งแกร่งมากยิ่งกว่าตนเอง หรืออย่างน้อยก็แกร่งอยู่ในระดับเดียวกัน อยากได้ชายคนที่แกร่งพอจะช่วยปกป้องพวกเธอได้ในคราวจำเป็น—–หรือก็คือมีมาตรฐานการคัดเลือกผู้ชายสูงปรี๊ดสุดกู่เกินไปนั่นเองแหละนะฮะ
แม้จะถือทิฐิไม่อยากเห็นอีกสองคนได้แต่งงานก่อนหน้าตัวเอง แต่พวกเธอก็ไม่ได้มีคิดที่จะลดระดับมาตรฐานของตนลงเลยแม้แต่น้อยนิดครับผม
ต้องเป็นชายที่แข็งแกร่งในระดับไล่เลี่ยกันกับพวกเธอที่แกร่งสุดในโลก แล้วก็ต้องมีนิสัย ท่วงท่าวาจาตรงตามรสนิยมความชอบของพวกเธอแบบเป๊ะๆสมบูรณ์แบบด้วย——ซึ่งก็แน่นอนว่ามันไม่มีผู้ชายที่ไหนถือครองคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขบ้าบอคอแตกของเหล่าสุดแกร่งเค้าหรอก ส่งผลให้พวกสาวๆทั้งสามต้องตกอยู่ในสถานภาพโสดไร้คู่เหงาๆเศร้าไม่มีทางระบายไปตามระเบียบ
ทว่าอยู่มาวันนึง ฟ้าก็ได้ประทานเสียงสวรรค์ลงมาให้แก่พวกเธอเหล่านั้นครับ
ถ้าไม่มีผู้ชายที่ชอบ ก็เลี้ยงขึ้นมาเองซะเลยสิ!
นับว่าเป็นทางเลือกที่เยี่ยมสุดๆไปเลยนะครับเนี่ย
จับเอาหนุ่มที่มีแววมาฝึกฝนยัดเยียดสไตล์การต่อสู้และลักษณะนิสัยในฝันของพวกตนเข้าไป แล้วพอสุกงอมได้ที่ ก็จัดการ “เก็บเกี่ยว” ซะให้เรียบร้อยไงครับ….ถ้าฝึกเขามาตั้งแต่หนึ่ง พวกเธอที่ไม่เคยมีประสบการณ์ใดๆกับผู้ชายเลยแม้แต่น้อยนิดก็คงไม่ประหม่าหรอก แถมทำแบบนี้ยังดูเป็นไปได้กว่าไปตระเวนหาตัวชายในอุดมคติที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีตัวตนอยู่จริงๆรึเปล่าเยอะเลยอีกตะหากเนอะ
น้ำขึ้นแล้วมันก็ต้องรีบตักครับ ว่าแล้วพวกเธอก็เริ่มต้นตามหาคุณว่าที่สามีในอนาคต…….เอ้ย ว่าที่ลูกศิษย์กันโดยพลัน
………แต่ การตามหาลูกศิษย์เองก็เป็นอะไรที่ยากลำบากใช่เล่นเลยนะครับพวกคุณๆ
แม้จะเจอตัวผู้ที่มีพรสวรรค์อยู่เนืองๆ แต่ทุกคนต่างก็เป็นพวกอวดดีมั่นใจในตัวเองเกินเหตุมันได้ซะทุกราย แหม่ก็นะ ถ้ามีพรสวรรค์หรือความสามารถสูงไร้ใครเทียมในประเทศนั้นหรือในดินแดนนั้น จะหลงตัวเองขึ้นมามันก็คงไม่แปลกอะไรใช่ไหมครับทุกท่านทั้งหลาย แต่หากมองผ่านฟิลเตอร์ของพวกเธอซึ่งเป็นผู้แกร่งสุดในโลกแล้ว ก็คงเห็นพวกเขาเหล่านี้เป็นได้แค่ไอ้กระจอกง่อกง่อยที่แค่มีความสามารถครึ่งๆกลางๆก็เย้วๆได้ใจใหญ่กันแล้วเท่านั้นแหละนะฮะ
ถ้านิสัยไม่ถูกใจ จะใช้กำลังดัดสันดานซะให้เรียบร้อยโรงเรียนไปเลยมันก็ได้อยู่หรอกนะคุณ แต่ทั้งสามไม่ได้มีคิดที่จะคอยตามเลี้ยงดูเด็กอวดดีขี้เหลิงกันเลยซักนิดครับ
ก็ตามนั้นแหละ หลังจากเริ่มออกตามหาว่าที่สามี = ว่าที่ลูกศิษย์ นี่ก็ผ่านมาได้ร่วมหลายเดือนแล้ว
อย่าว่าแต่จะได้ลูกศิษย์เลย ทั้งสามยังไม่เจอคนมีแววพอจะรับเป็นว่าที่ลูกศิษย์ได้ด้วยซ้ำครับ แผนการนี่คือทำท่าจะคว้าน้ำเหลวอย่างไวเลยเชียวครับพวกคุณเอ้ย
“ เฮ่อ~ ไปไหนต่อดีนะ เอาแถวๆจักรวรรดิเออร์กาเนี่ยดีป่ะ? ”
“ ประเทศนั้นมีคดีกับพวกเราไม่ใช่รึ เพราะไปถล่มเมืองหลวงที่ 2 ของพวกมันจนย่อยยับพังพินาจเข้า เราสามคนก็เลยโดนขึ้นชื่อหมายหัวต้องการตัวอยู่ คงตระเวนตามหาลูกศิษย์อย่างสงบไม่ได้หรอกกระมัง ”
“ นั่นแหละทำให้น่าลอง ถ้าไปเหยียบที่นั่น ก็จะมีไอ้พวกเก่งๆมีกึ๋นที่คิดจะตามรวบตัวพวกเราโผล่หัวมากันให้เต็มไปหมดเลยใช่มะ? เราก็แค่ตบพวกมันให้น่วมหมดซะ ค่อยไล่หาเจ้าคนที่น่าจะมีแววในหมู่นั้นแล้วลักพาตัวมันมาซะก็จบ ”
“ อื~มม คนที่กล้าบ้าบิ่นพอจะเข้ามาท้าทายพวกเรานี่ส่วนใหญ่ก็เป็นมืออาชีพกันหมดเลยนี่นาา คงจะเป็นพวกอายุระดับลุงๆที่ไม่มีแววจะเก่งไปกว่านี้ได้แล้วกันหมดซะละม้างง~ ”
“ อุก ก็จริงแฮะ…. ”
ตามนั้นแหละฮะ อย่าว่าแต่ลูกศิษย์ ขนาดจะหาเมืองหรือประเทศที่จะไปเยือนเป็นแหล่งถัดไปยังลำบากเลย
ทว่า เป็นในจังหวะนั้นน่ะเอง
ที่มีข่าวสารเล่าว่า—–ผู้สืบสายเลือดของผู้กล้าได้เข้ามารับการศึกษาภายในโรงเรียนนักผจญภัยดีกรีระดับหนึ่งของโลก ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอาณาจักรแห่งนึง—–ได้ล่องลอยเข้ามาถึงหูของทั้งสามคนครับ
ตระกูลของผู้กล้านี่ให้ว่าแล้วก็คือ เหล่าลูกหลานผู้สืบสายเลือดของวีรบุรุษที่โค่นจอมมารสุดแกร่ง—เทพมาร ที่เกือบจะล้างบางเหล่ามนุษย์ให้เหือดหายไปจากโลกลงได้เมื่อหลายร้อยปีก่อนนั่นเองฮะ และพวกเขาเหล่านี้ก็ดูจะมุ่งมั่นอยู่กับการให้กำเนิดลูกหลานที่แข็งแกร่งเอาเสียมาก เพื่อที่คราวนี้จะได้ปราบเทพมารที่จะต้องฟื้นคืนชีพกลับขึ้นมาในซักวันลงให้ได้อย่างสมบูรณ์นั่นเอง ถึงกับมีกฎประจำบ้าน กำหนดให้ผู้สืบทอดตระกูลรุ่นถัดไปต้องเข้ารับการศึกษาภายในโรงเรียนนักผจญภัย ของเมืองป้อมปราการบัสเคิลเบียร์ อันเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของนักผจญภัย โดยมีเป้าหมายเพื่อเฟ้นหาตัวคู่ชีวิตที่เก่งกาจและเพียบพร้อมเลยทีเดียวเชียวครับ
พอทั้งสามคนได้ยินแล้ว ก็ถึงกับลั่นว่า “ นี่แหละ……! ” กันขึ้นมาเลยเชียว
ตลอดช่วงหลายปีที่ผู้สืบสายเลือดของผู้กล้าเข้ามาศึกษาในโรงเรียนนักผจญภัย จะมีหนุ่มสาวมากพรสวรรค์จากทั่วโลกเดินทางมารวมตัวกันอยู่ที่เมืองป้อมปราการบัสเคิลเบียร์ด้วยเหตุผลนานานับประการ ความครึกครื้นนี่คือราวกับว่าโลกทั้งใบถูกย่อส่วนลงให้กลายเป็นเมืองๆนั้นเพียงเมืองเดียว เป็นงานจัดแสดงรวมพลเหล่าวีรชนในอนาคตเลยก็มิปาน
จะเอาตัวผู้สืบสายเลือดของผู้กล้ามาเป็นลูกศิษย์เลยก็ดี จะเฟ้นหาเด็กมีแววจากกลุ่มคนหนุ่มผู้แพรวพราวมากความสามารถที่เดินทางมารวมตัวกันจากทั่วทั้งมุมโลกเลยก็ได้ นับว่าเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การตามหาว่าที่สามี = ว่าที่ลูกศิษย์อันสุดจะยอดเยี่ยมไม่มีแห่งหนใดจะดีเลิศประเสิริฐศรีไปได้ยิ่งกว่านี้แล้วเลยนะครับเนี่ย
“ พวกเราก็เป็นคนคุ้นหน้ากับครูใหญ่ของโรงเรียนนั้นอยู่แล้วด้วยนี่เนาะ ”
“ อืม คงจะยอมผ่อนปรนอะไรต่อมิอะไรให้พวกเราได้เป็นแน่ ”
“มีค่ามากพอให้ลองไปดูเน้ออ~ ”
และด้วยเหตุผลดังประการฉะนี้เอง ทั้งสามจึงได้มุ่งหน้าตรงดิ่งไปยังบัสเคิลเบียร์ด้วยความเร็วสูงลิ่วระดับที่ไม่ต้องใช้รถม้าเลยทีเดียวเชียวครับ