ย้อนเวลากลับไปกันซักหน่อย ในจังหวะเดียวกับที่ครอสกำลังเดินเร่ร่อนหมดอาลัยตายอยากไปตามเมืองนั่น
ซาริเอร่า คุ๊กโจว์ ก็กำลังยืนแน่นิ่งอยู่เบื้องหน้าบานประตูอันหนาแน่นของห้องผู้อำนวยการ เฝ้าภาวนาต่อสรวงสวรรค์เทวดาฟ้าดินอยู่อย่างสุดใจขาดดิ้น
(ฟ้าเอ๋ย ช่วยบันดาลให้นังสามคนนั่นมันเปลี่ยนใจแห่กลับกันไปแล้วทีเถอะ…..! หรือไม่ก็ช่วยบันดาลให้ข่าวที่ว่านังสามคนนั่นมันมาที่นี่เป็นแค่ข่าวปลอมเข้าใจผิดกันไปเฉยๆทีเถอะ…..!)
พอหลับตาปี๋ ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วเฝ้าภาวนาเช่นนั้นไปจนถึงนาทีสุดท้ายแล้ว ก็อ้าแขนเปิดประตูห้องผู้อำนวยการเข้าไป
……….ทว่า คำภาวนาเช่นนั้นมันกลับจบลงอย่างสูญเปล่าเสียนี่
“ โอ๊ะ มาได้ซะทีเรอะ ”
“ ช้าเหลือเกินนะ ซาริเอร่า คุ๊กโจว์ มัวไปทำอะไรอยู่ ”
“ ใช่เล้ยย ปล่อยให้รอเงกซะจนกินขนมในห้องนี้หมดเกลี้ยงแล้วเนี่ยย~ ”
ภายในห้องผู้อำนวยการ มีสาวงามสามนางที่แต่ละคนต่างก็มีเผ่าพันธ์แตกต่างกัน กำลังพักผ่อนสบายใจเฉิบอยู่แบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆทั้งสิ้น
สาวงามผมแดงที่มีเขา 2 คู่งอกออกมาจากหัว แผ่บรรยากาศที่ดูป่าเถื่อนรักความรุนแรงนั้น กำลังนั่งอยู่เหนือโต๊ะทำงานอย่างไร้มารยาทความเป็นผู้ดีเอาซะเลย
สาวงามผมบลอนด์ที่ดูชาญฉลาดแสนรู้นั้น นั่งลงอยู่เหนือเก้าอี้ประจำตัวของผู้อำนวยการราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ตนจะนั่งลงตรงนี้ พลางหยิบเอาเอกสารที่กองอยู่ตามห้องขึ้นมาอ่านโดยไม่ได้ขออนุญาตกันซักกะคำ
ส่วนสาวงามผมดำที่ดูมืดมนและปลดปล่อยเค้าลางส่อแววเป็นภัยต่อสุขภาพอย่างประหลาดนั้น ก็กำลังนอนแผ่หราปล่อยตัวตามสบายอยู่บนโซฟา
เป็นภาพที่ทำใจให้เชื่อไม่ลงอย่างแท้จริง
ไม่ใช่สิ่งที่สมควรจะทำภายในห้องพักส่วนตัวของซาริเอร่า—ผู้เป็นถึงนักผจญภัยระดับ A ที่มีความสามารถสูงส่งเพียงนับนิ้วได้ภายในประเทศ และเจ้าเมืองของบัสเคิลเบียร์—เลยแม้แต่นิดเดียว
ทว่าตัวซาริเอร่าที่พบเห็นภาพนั้นเข้า กลับไม่ได้เร่งเสียงตะคอกออกมาใส่ทั้งสามคนอย่างกราดเกรี้ยวแต่อย่างใด—-ซาริเอร่าค่อยๆอ้าปากขึ้นพูดด้วยเสียงอันแสนเหนื่อยล้า ราวกับประกาศยอมจำนนแล้วยังไงยังงั้น
“ ……………นี่พวกหล่อน มาทำอะไรที่นี่น่ะ ”
พอพูดออกมาเช่นนั้น สาวงามผมแดงที่ก่ายร่างอยู่เหนือโต๊ะ ก็พลันยิ้มแยกเขี้ยวพลางตอบรับกลับมาว่า
“ อ๊าา? ให้พวกเราต้องรอเก้อซะนานสองนานขนาดนี้แล้วยังจะปากดีพูดจาวางท่าแบบนั้นได้อีกเรอะ นี่หล่อน ลืมไปแล้วเหรอไงเห้ยว่าตลอดจนถึงตอนนี้ ตัวเองติดหนี้บุญคุณพวกเราอยู่มากมายล้นพ้นขนาดไหนน่ะ? ”
“ หนี้บุญคุณที่ไหนกัน! เออก็จริงอยู่ว่าวีรกรรมผลงานในฐานะนักผจญภัยระดับ S ของพวกหล่อนมันสุดยอดมากเลยนั่นแหละ แต่หากมองโดยภาพรวมแล้ว พวกหล่อนก่อเหตุวุ่นวายฉิบหายให้ทางกิลด์ต้องคอยตามล้างตามเช็ดให้เยอะกว่าซะอีกไม่ใช่หรือ! ”
ซาริเอร่ายั๊วะจัดราวกับจะสื่อว่า “ พูดบ้าบออะไรไม่เข้าท่า ”
ต่อยขุนนางท้องถิ่นผู้มีอิทธิพลทางการเมืองอย่างสูงปลิวกระเด็นหายวับไปพร้อมๆกับคฤหาสน์ทั้งหลังมั่งล่ะ ทำลายเมืองที่ถูกใช้เป็นที่ตั้งแหล่งกบดานของพวกโจรจนราบเรียบเตียนโล่งหายวับไปจากแผนที่โดยไม่สนใจว่าใครมิตรใครศัตรูเลยมั่งล่ะ ถ้าจะให้นับเรื่องงามหน้าที่ทั้งสามคนนี้ก่อขึ้นมาแล้วละก็ใช้สองมือสองตีนช่วยกันก็ยังไม่พอเลย
แถมเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สามคนนี้ยังเพิ่งจะก่อเหตุวุ่นวายครั้งอภิมหึมา โดยการถล่มเมืองหลวงที่ 2 ของจักรวรรดิเออร์กาให้กลายเป็นเศษฝุ่นไปพร้อมกับพลทหารมือดีนับหมื่นคนไปหมาดๆอีก
ให้ว่ากันแล้ว ต้นเหตุของเรื่องมันก็เนื่องมาจากจักรวรรดิได้แอบทำการทดลองทางการทหารแบบผิดกฎหมาย และเป้าหมายของทั้งสามก็คือการช่วยเหลือปลดปล่อยเหล่าตัวทดลองที่ถูกกักขังอยู่ภายในเมืองหลวงที่ 2 ให้เป็นอิสระ……แต่ถึงจะมีเหตุผลอย่างไรก็ยังถือว่าทำเกินกว่าเหตุอยู่ดี ถ้าสามคนนี้ร่วมมือช่วยกันก็น่าจะมีทางคลี่คลายเรื่องได้อย่างสงบมากกว่านี้แท้ๆ ดันคิดเป็นแต่จะบุกถล่มท่าเดียวซะได้
เนื่องจากนักผจญภัยระดับ S นั้นมีอำนาจสิทธิพิเศษสูงล้ำยิ่งกว่าทางกิลด์ซะอีก ทำให้ประกาศต้องการตัวที่ระบุว่าสามคนนี้คืออาชญากร มีผลอยู่แค่ภายในจักรวรรดิเออร์กาเท่านั้น
แต่ที่มันเป็นเช่นนั้นได้ ก็เพราะว่ามีทางเบื้องบนของกิลด์ผจญภัย—ซึ่งคือองค์กรที่เป็นกลาง ไม่ขึ้นตรงต่อประเทศใดๆ—คอยช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถอยู่ด้วยนั่นแหละ
เอ้อ ถึงแม้ว่าที่ช่วยนี่ จะมีเหตุผลส่วนนึงเนื่องมาจากว่า หากนักผจญภัยระดับ S ถูกตั้งค่าหัว กิลด์จะเสียหน้าด้วยก็เถอะนะ……..แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความจริงที่ว่ากิลด์ต้องมาคอยตามเช็ดก้นให้กับสามคนนี้เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด
แล้วก็ไม่รู้ว่าฟ้ากลั่นแกล้งให้ต้องมาคอยคบค้าสมาคมกับสามคนนี้หรือไง ซาริเอร่าที่ปวดหัวกับวีรกรรมงามหน้าที่เกิดขึ้นถี่ๆบ่อยๆมาตลอดตั้งแต่อดีตแล้วของสามคนนี้ จึงถอนหายใจออกมาอย่างเพลียจับจิต
“ เฮ่อ เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันกำลังยุ่งอยู่ ไม่มีเวลาจะมาเล่นอยู่กับเด็กมีปัญหาอย่างพวกหล่อนหรอกนะ ”
ตอนที่ทราบข่าวสามคนนี้บุกมาเยือนจากเจ้าหน้าที่กิลด์ ซาริเอร่าทำเป็นจะแสร้งว่า [ติดต่อไม่ได้เพราะออกไปเดินลาดตระเวนเฝ้าระวังรอบเมือง] อยู่ก็จริง แต่นั่นไม่ใช่ข้ออ้างที่กุขึ้นมาเพื่อหนีจากสามคนนี้แต่อย่างใด
งานเทศกาลเก็บเกี่ยวในปีที่ผู้สืบสายเลือดของผู้กล้าเดินทางมาตามหาคู่ชีวิตนั้น—–ย่อมต้องเกิดเรื่องวุ่นวายอยู่เสมอทุกครั้ง
เตี๊ยมกันก่อเรื่องเพื่อแสดงความเก่งของตนเองให้ผู้กล้าเห็นบ้าง มีพวกลัทธิบูชาเทพมารโผล่มาก่อเหตุทำลายข้าวของบ้าง มีอาชญากรที่ต้องการเรียกร้องความสนใจออกอาละวาดสร้างความวุ่นวายบ้าง ฯลฯ
ให้ว่าแล้วก็คือ ในจังหวะที่ผู้กล้าเดินทางมาถึงเมืองเพื่อเข้าร่วมงานเทศกาลเก็บเกี่ยวนี้—-ในช่วงนี้ที่ยังมีขุนนางและเหล่านักผจญภัยฝีมือดีจากทั่วสารทิศเดินทางมาถึงได้ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ดีนี่—-มักจะมีพวกบ้าๆที่เล็งโอกาสก่อเรื่องอยู่เยอะแยะมากมายเลยนั่นแหละ
ที่นี่นั้นคือบัสเคิลเบียร์อันเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของนักผจญภัย แถมยังมีนักผจญภัยที่เก่งกาจมากประสบการณ์เช่นซาริเอร่าคอยเฝ้าระวังภัยอยู่เสมอ ฉะนั้นจึงสามารถจัดการเหตุวุ่นวายส่วนใหญ่ได้ภายในชั่วอึดใจเลย แต่ถึงกระนั้นแล้ว เนื่องจากงานวันเทศกาลจะมีผู้คนเยอะเนืองแน่นมากๆ ต่อให้เป็นเหตุวุ่นวายขนาดเล็กแต่ก็อาจจะส่งผลกระทบสร้างความเสียหายในระยะกว้างได้โดยง่าย ทำให้จำเป็นต้องคอยเฝ้าลาดตระเวนอย่างรัดกุมและระมัดระวังอยู่เสมอนั่นเอง
ในวันที่ต้องคอยแอคทีฟตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาแบบนี้ ไม่มีปัญญาจะมาคอยรับมือกับเด็กมีปัญหาถือระเบิดที่ไม่รู้ว่ามันจะก่อเรื่องงามหน้าอะไรอีกแบบยัยพวกนี้จริงๆ ถ้าทำได้ก็อยากจะถีบหัวส่งไล่ให้ออกไปจากเมืองซะเดี๋ยวนี้เลย
ทว่า แม้จะเป็นผู้มีอิทธิพลระดับปกครองเหนือแดนศักดิ์สิทธิ์ของนักผจญภัย….แม้จะเป็นนักผจญภัยระดับ A ที่ถือเป็นตัวแทนของอาณาจักรอัลเมเรียอันเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรอันดับหนึ่งของทวีป แต่ซาริเอร่า ก็ไม่อาจขึ้นเสียงบังคับข่มขู่ใดๆกับพวกเธอเหล่านี้ได้เลย
สาเหตุมันก็เป็นเพราะว่า สาวงามทั้งสามที่กำลังอยู่ต่อหน้าซาริเอร่าในตอนนี้——คือสัตว์ประหลาดที่ปกครองอยู่เหนือระดับสุดแกร่งของโลกใบนี้อย่างแน่นอนเลยนั่นเอง
<<ดราโกเนีย>> (เผ่าเทพมังกร>> อาชีพ <<ดิสทรัคชั่น วอร์ลอร์ด>> (นักรบชำนาญสิบทิศจ้าวแห่งการบ่อนทำลายล้าง) —————–ลีโอเน่ เบิร์นเอดจ์
<<ไฮเอลฟ์>> อาชีพ <<อาร์ควิซาร์ด ดิแซสเตอร์>> (จอมขมังเวทแห่งภัยพิบัติ) —————–ลูด์มิร่า เฮลสตรอม
<<โนไลฟ์คิง>> (ผีดูดเลือดระดับสูง) อาชีพ <<ดาร์คพรีส ไฮเอนด์>> (ผู้ประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์สายมารขั้นวันสิ้นโลกา) —————–เทโลเมียร์ เคลย์บลัด
เผ่าพันธุ์สุดแกร่งสามขั้วของโลก
หนำซ้ำยังเป็นนักผจญภัยระดับ S ที่ยกระดับ <<คลาส>> ที่มีทั้งหมด 5 ขั้น จนขึ้นไปปกครองอยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งมากยิ่งกว่าอาชีพสูงสุด—-ผู้ถือครองอาชีพสูงสุดแห่งสวรรค์ ที่มีเพียง 9 คนเท่านั้นในโลกใบนี้…….นั่นแหละคือโปรไฟล์ของเหล่าสัตว์ประหลาดที่กำลังปรากฎกายอยู่เบื้องหน้าซาริเอร่าในตอนนี้
ถ้ามีแค่คนเดียวก็ยังพอว่า (ไม่สิ คนเดียวก็ตึงมือมากแล้ว) แต่นี่เล่นสุมหัวรวมตัวจับกลุ่มมาพร้อมกันถึง 3 คน เรียกได้ว่าหมดหนทางจะรับมือโดยสมบูรณ์เลย
ต่อให้ทุ่มเอากำลังรบทั้งหมดทั้งมวลที่มีอยู่ในเมืองนี้อัดเข้าใส่ก็คงน่าจะแพ้……ไม่สิ ไม่ใช่น่าจะ แต่เป็นแพ้ยับเยินอย่างไม่ต้องสงสัยเลยต่างหาก ฉะนั้น
“ …………..แล้วไง มีธุระอะไรไม่ทราบถึงต้องถ่อมายันที่นี่ ”
เปลี่ยนมาจัดการเคลียร์ธุระของพวกเธอเหล่านี้ให้เสร็จสรรพโดยไว เพื่อจะได้ส่งทั้งสามคนเดินทางจากไปให้ได้โดยเร็วที่สุดแทนซะมันจะดีกว่า
นั่นแหละคือทางเลือกสุดท้ายที่ซาริเอร่ากล้ำกลืนฝืนใจเลือกด้วยความรู้สึกราวกับว่าตนเป็นชาวบ้านที่กำลังส่งเครื่องสังเวยให้กับเทพผู้แสนชั่วร้าย จำเป็นต้องทำแบบนี้อย่างเดียวจริงๆ ……..ทว่า
“ ธุระนี่มีหลายอย่างก็จริงหรอกนะ แต่เอ้อเอาเป็นว่า ส่งตัวผู้กล้ามาดิ้ ”
“ ………….ห้ะ? ”
เจอกับรีเควสต์ของดราโกเนียผมแดง ลีโอเน่ ที่เหนือความคาดหมายไปไกลแล้ว ซาริเอร่าก็ถึงกับตีสีหน้าสับสนงุนงงขึ้นมาในบัดดล
“ ที่ว่านั่น หมายความว่ายังไง….. ”
“ ผู้กล้ามายังเมืองแห่งนี้ เพื่อตามหาคู่ชีวิตอันเป็นภารกิจสุดท้ายของการเดินทาง…ถูกต้องไหม? ”
คราวนี้ถึงตาไฮเอลฟ์ผมบลอนด์ ลูด์มิร่า อ้าปากขึ้นพูดเสริมขยายรายละเอียดให้แก่ซาริเอร่าที่กำลังมึนตึ๊บ
“ หากมีแววแล้วละก็ ใครคนใดคนหนึ่งในหมู่พวกเราก็อยากจะอาสารับหน้าที่อาจารย์ เอาตัวไปเลี้ยงดูฝึกฝนเป็นลูกศิษย์น่ะนะ ฉะนั้นจงรีบไปนำพาตัวมาพบหน้ากับพวกเราโดยไวเสีย ”
“ …………..ห้ะ? ”
ผู้อำนวยการติดสตันต์ไปอีกครา
ฝึกวิชาให้ผู้กล้า? นังพวกนี้น่ะเหรอ? อุตส่าห์ถ่อมาถึงบัสเคิลเบียร์ด้วยเหตุผลแบบนั้น?
“ ………….นี่พวกหล่อนวางแผนอะไรอยู่ ”
พอได้ยินคำพูดเช่นนั้นของซาริเอร่าที่ขมวดคิ้วแสดงท่าทีหวาดระแวงแล้ว โนไลฟ์คิงผมดำ เทโลเมียร์ก็พลันยิ้มเยาะออกมา
“ อย่าทึกทักไปเองซี่ พวกเราแค่อยากจะช่วยให้ผู้สืบสายเลือดของผู้กล้า อันเป็นไพ่ตายของเผ่ามานพได้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นเท่านั้นเองน้าา อยากช่วยด้วยใจบริสุทธิ์จริงเลยไม่มีมารยาแอบแฝงใดๆจ้าา ”
โกหกแน่ๆอีนังพวกนี้!!
เจ้าพวกที่ซื่อตรงต่อความต้องการของตัวเองสุดกู่แบบยัยพวกนี้น่ะ…เจ้าพวกที่แม้แต่คำบัญชาของกษัตริย์ก็ยังเมินเฉยไม่สนใจได้หากไม่มีกะใจจะทำอย่างยัยพวกนี้น่ะ…มันไม่มีทางคิดอยากจะทำอะไรยุ่งยากน่ารำคาญเช่นฝึกสอนคนรุ่นหลังอย่างไร้ผลตอบแทนแน่ๆล่ะ!
พวกมันต้องกำลังวางแผนอะไรซักอย่างอยู่แน่ๆ! แน่นอนเลย!!
แต่ต่อให้นะ ต่อให้ฟลุ๊ก เกิดปาฎิหาริย์อะไรบางอย่างทำให้อีนังพวกนี้มันมีกะใจคิดอยากจะฝึกวิชาให้กับผู้สืบสายเลือดของผู้กล้าโดยไร้ซึ่งมารยาใดเลยจริงๆ แต่แบบนั้นมันก็จะทำให้เกิดปัญหาอื่นขึ้นอีกอยู่ดี
ใช่แล้ว สันดานของนังพวกนี้ไงล่ะ
ผู้เป็นอาจารย์นั้น ใช่ว่าจะมอบสกิลและทักษะการต่อสู้ให้กับศิษย์เพียงอย่างเดียว เนื่องจากต้องทำหน้าที่เป็นครูฝึกสอนอยู่ร่วมกันเป็นระยะเวลานาน ทำให้ย่อมต้องมีผลกระทบทั้งในแง่ดีและแง่ร้ายต่อสภาพแวดล้อมของลูกศิษย์ที่ถูกฝึกฝนเลี้ยงดูเป็นแน่แหงอยู่แล้ว
ได้ยินว่าเอลิเซียซึ่งเป็นผู้กล้าคนปัจจุบันนั้น ถูกอบรมบ่มเพาะนิสัยมาอย่างเข้มงวดมากพอดูเลย ฉะนั้นคงยากที่จะได้รับอิทธิพล…….แต่ถ้าหากเกิดเหตุไม่คาดฝันเข้าล่ะ
หากไพ่ตายของมวลมนุษย์ สมบัติล้ำค่าที่สุดของอาณาจักรอัลเมเรีย อันมีนามว่าผู้สืบสายเลือดของผู้กล้า ถูกนังพวกนี้เลี้ยงดูจนเสียผู้เสียคนละก็จบเห่…….โลกได้ถึงแก่การล่มสลายเป็นแน่ จะยอมให้พบเจอกันไม่ได้เด็ดขาด แต่—-
“ เห้ยนังนั่นเป็นอะไรไปน่ะ อยู่ๆก็เงียบกริบไปเฉยเลย อย่าบอกนะว่าไม่อยากให้ผู้กล้าได้เจอกับพวกเราอะ? ”
“ แบบนี้ต้องทารุณ…..เอ้ย ไต่สวนกันซักหน่อยแล้วละม้างงง ให้ฉันจัดการเอ๊งง~ ”
“ พอทีทั้งสองคนเลยนั่นแหละ ต่อจากนี้ไปเราต้องขอพึ่งพาผู้อำนวยการซาริเอร่าอีกมาก เอาแค่ระดับจับข้าวของส่วนตัวในห้องนี้ เครื่องมือราคาแพง หรือไม่ก็บุคลากรภายในโรงเรียนมาเป็นตัวประกันบังคับข่มขู่มันให้ยอมความเสียก็พอ ”
จะอุบเงียบเอาไว้ก็ทำได้ไม่นานอีก
ตรงนี้แสร้งทำเป็นยอมแต่โดยดี แล้วค่อยหนีไปเรียกกำลังพลรบทั้งหมดของอาณาจักรมาถ่วงเวลาก่อน ถ้าเป็นไปได้ก็ร้องขอกำลังเสริมจากพ่อของเอลิเซียด้วย——-แต่ก็ไม่รู้อีกว่ากำลังเสริมจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่กว่าจะถึง….เป็นในจังหวะที่ซาริเอร่ากำลังใช้สมองขบคิดหาทางออกอยู่สุดชีวิตนั่นเอง——
ตู้ม!
ที่ห้องผู้อำนวยการ….ไม่สิ เมืองทั้งเมืองเลย พลันสั่นสะเทือน
แถมยังไม่ใช่สั่นแบบปกติด้วย แรงกระแทกที่เหมือนกับว่าภูเขาไฟลูกใหญ่เกิดระเบิดบึ้มขึ้นมากลางเมืองพลันถาโถมอัดเข้าใส่ห้องผู้อำนวยการ
“ อะไรกันน่ะ……!? ”
ซาริเอร่าหันตรงออกไปนอกหน้าต่าง จ้องมองไปยังเมืองบัสเคิลเบียร์ที่แผ่กระจายกว้างอยู่เหนือรั้วระเบียงโดยพลัน
แล้วก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก
ภายใต้ท้องฟ้าสีครามซึ่งครึกครื้นไปด้วยงานเทศกาลเก็บเกี่ยว——มีบางสิ่งที่ไม่อยากจะเชื่อ พุ่งทะลวงปรากฎขึ้นมาอยู่เหนือมุมนึงอันเป็นที่ตั้งของเขตฟื้นฟูปรับสภาพเมือง
ร่างกึ่งของเหลวดูน่าหวาดผวาราวกับดินโคลนที่เน่าเปื่อย หัวจำนวนนับไม่ถ้วนที่กระตุ้นต่อมความกลัวของทุกสรรพสิ่ง
มีหัวของมังกรซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการทำลายล้าง หลากหลายหัวงอกปรากฎออกมาจากปลายบนสุด แล้วก็ยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“ อย่าบอกนะว่านั่นมัน….พ๊อยซั่นสไลม์ฮีโดร่าหรือ…….!? ”
สิ่งนั้นคือมอนสเตอร์ ริสก์ 8 อันถือเป็นระดับที่สูงส่งเอามากๆ มีเพียงปาร์ตี้นักผจญภัยระดับ A เท่านั้นจึงจะถูกยอมรับว่ามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะปราบได้
ร่างกายอันเต็มไปด้วยพิษร้ายแรงนั้น นอกจากจะป้องกันการโจมตีทางกายภาพได้อย่างกึ่งๆสมบูรณ์แบบแล้ว แค่แตะต้องโดนตัวมันเพียงเล็กน้อยก็จะถือเป็นอันตรายต่อเราเองอีกต่างหาก
ซ้ำยังมีพลังการฟื้นฟูตัวเองสุดโกง ตราบเท่าที่ทำลายแกนกลางที่เคลื่อนไหวไปมาอยู่ภายในร่างกายลงไม่ได้ มันก็จะฟื้นฟูตัวเองกลับมาเรื่อยๆด้วยความเร็วสูงสุดกู่
ตามเดิมแล้ว มันน่าจะเป็นมอนสเตอร์ที่นานๆจะปรากฎตัวโผล่ขึ้นมาในบริเวณลึกๆของแดนลี้ลับที่ถูกเรียกว่า “แหล่งสั่งสมพลังเวท” เท่านั้น
แค่มีตัวพรรค์นั้นโผล่มาอยู่กลางเมืองอย่างกะทันหันนี่ ก็นับว่าเป็นสถานการณ์ที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปจากสามัญสำนึกมากพอแล้ว แต่ความแปลกประหลาดมันไม่ได้หยุดลงอยู่ที่ตรงนั้น
“ มันอะไรกันน่ะ ไอ้เจ้าขนาดที่ใหญ่ซะจนไม่น่าจะเป็นไปได้นั่น……!? ”
เจ้าสิ่งที่ปรากฎขึ้นมาเหนือเขตฟื้นฟูปรับสภาพเมือง มันมีขนาดร่างกายที่ใหญ่โตมหาศาลมากขนาดที่เอาไปเทียบกับพ๊อยซั่นสไลม์ฮีโดร่าตัวปกติไม่ได้เลยซักนิดเดียว
ลำตัวทรงไหที่เอ่อล้นขึ้นมายังผืนดินเรื่อยๆไม่ยอมหยุดนั้นกลืนกินครอบคลุมทั่วทั้งเขตฟื้นฟูปรับสภาพเมือง แถมยังขยายกระจายตัวต่อเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง หัวจำนวนนับไม่ถ้วนที่งอกเงยขึ้นมาจากลำตัวนั่นก็มีขนาดความสูงเหนือซะยิ่งกว่ากำแพงเมืองไปหลายต่อหลายเท่าเลยซะอีก
และสิ่งที่ใหญ่มหึมามากยิ่งกว่าอะไร ก็คือหัวอันอวบอ้วนหนึ่งหัวที่งอกตรงออกมาจากแก่นกลางของลำตัว
กรามอันแสนดุร้ายที่ดูราวกับว่าน่าจะกลืนกินได้แม้กระทั่งดวงตะวัน มันลอยอยู่ในระดับความสูงที่ต้องเอากำแพงเมืองมาวางทับซ้อนกันเป็นแนวตั้งซัก 3-4 ชั้นเลยกว่าจะขึ้นไปถึง ถ้ามันฟาดหัวข้างนั้นถล่มลงมาแค่ทีเดียว ก็เพียงพอจะทำให้พื้นที่ 1/10 ของเมืองพังย่อยยับสูญสลายหายไปได้แล้วกระมัง ขนาดความใหญ่มันบ้าบอมากถึงระดับนั้นแหละ
ไม่ใช่แค่ระดับริสก์ 8 แล้ว
ริสก์ 9—–สัตว์ประหลาดระดับที่ต้องทุ่มกำลังพลรบทั้งหมดของประเทศ และต้องใช้ปาร์ตี้ที่ประกอบด้วยนักผจญภัยระดับ A หลายกลุ่มช่วยกันรุมเท่านั้นจึงจะรับมือได้—-มันปรากฎตัวโผล่ขึ้นมาอยู่ ณ ใจกลางเมืองแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลย
เห็นภาพที่ทำใจให้เชื่อว่าเป็นความจริงไม่ลงแบบนั้นแล้ว แม้แต่ซาริเอร่าก็ยังถึงกับหมดคำพูด หัวถูกย้อมกลายเป็นสีขาวโพลน
ทว่าในจังหวะนั้น
เหล่าผู้ถือครองตำแหน่งสุดแกร่งที่หนึ่งของโลกก็ได้พลันเริ่มต้นเคลื่อนไหวกันแล้ว
“ เฮ้ยๆไอ้เจ้านั่นมันตัวอันตรายเอาเรื่องเลยนะ! ถ้าปล่อยไว้ว่าที่คุณสามีในอนาคตมีหวังซี้แหงแก๋กันหมดแน่! ”
ตู้ม!! แรงสะท้อนของการเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงมันก่อให้เกิดคลื่นกระแทกแรงสนั่นหยั่งกับระเบิด เป่าห้องผู้อำนวยการและระเบียงแหลกกระจุยในพริบตา และในฉับพลันเดียวกันนั้น ร่างของเหล่านักผจญภัยระดับ S ก็เลือนหายไปจากเบื้องหน้าของซาริเอร่าทันที
แดง บลอนด์ ดำ เงาทั้งสามแล่นทะยานผ่านห้วงอากาศ ตรงดิ่งอัดเข้าไปใส่ไอ้สัตว์ประหลาดด้วยความเร็วระเบิดระเบ้อ
“ ………ว่าที่คุณสามีในอนาคต…….? อย่าบอกนะว่านังสติแตกพวกนั้นมัน…… ”
ซาริเอร่ายืนอึ้งมองดูทั้งสามพุ่งทะยานตรงดิ่งอัดเข้าใส่พ๊อยซั่นสไลม์ฮีโดร่าด้วยความเร็วระดับที่ชวนให้สงสัยว่าฝั่งไหนกันแน่คือสัตว์ประหลาด แต่แล้วก็รู้สึกตัวตื่นจากภวังค์ในทันใด
ในฐานะที่เป็นนักผจญภัยระดับ A ผู้ปกครองอยู่เหนือเมืองนี้แล้ว มีสิ่งที่ตนจำเป็นต้องทำอยู่มากมายก่ายกองเป็นผู้เขาเลากาเลยเชียว
อย่างแรกสุดเลยก็คือ ออกไปให้คำสั่งแนวหน้าเพื่อช่วยเหลือในการอพยพลำเลียงผู้คน
หากเป็นนักผจญภัยระดับ S อย่างสามคนนั้นแล้วละก็ ต่อให้เจอกับริสก์ 9 ก็คงไม่ครณามือมากนักหรอก เผลอๆไม่ต้องใช้ถึงสามคน แค่คนเดียวก็น่าจะชนะไหวแล้วด้วยซ้ำ แต่มันจะเป็นแบบนั้นก็ต่อเมื่อปะทะกับมอนสเตอร์ในดินแดนลี้ลับห่างไกลจากผู้คนเท่านั้น ต่อให้สามคนนั้นจะแกร่งขนาดไหน แต่ถ้าต้องสู้กับริสก์ 9 ไปพลาง คอยระวังไม่ให้ประชาชนภายในเมืองได้รับลูกหลงบาดเจ็บไปพลางละก็รับรองว่ากลายเป็นศึกที่ตึงมือหนักข้ออย่างแน่นอน
เพื่อที่จะให้สามคนนั้นต่อสู้ได้ง่ายขึ้น และเพื่อที่จะไม่ให้ความเสียหายกระจายไปเป็นวงกว้างแล้ว จำเป็นต้องเริ่มต้นทำการอพยพผู้คนโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถเร็วได้—–ทว่า เป็นในจังหวะที่ซาริเอร่าซึ่งคิดเช่นนั้น กำลังจะวิ่งออกไปจากห้องผู้อำนวยการนั่นเอง
“ ผู้อำนวยการ! แย่แล้วครับ! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! ”
เจ้าหน้าที่กิลด์คนหนึ่งพลันพุ่งทะยานเข้ามาภายในห้องด้วยใบหน้าที่ซีดถอดสี
“ ฉันเห็นแล้ว! รีบไปเรียกรวมพลเหล่าอาจารย์กับบุคลากรทั้งหมดซะ ต้องรีบหาทางทำอะไรกับไอ้สัตว์ประหลาดนั่นโดย—— ”
“ ไม่ครับไม่ใช่ครับ! คนละเรื่องกันครับ! ”
“ ห้ะ………? ”
“ ทางตอนใต้ของบัสเคิลเบียร์ จากทิศที่ตั้งของ <<ผืนป่าเบื้องลึก>> —–ตรวจพบกลุ่มมอนสเตอร์ฝูงใหญ่ยักษ์กำลังมุ่งหน้าตรงมาทางนี้ครับ! จำนวนโดยคร่าวนับได้กว่า 4 พันตน ไม่ทราบริสก์ค่าเฉลี่ย! สแตมปีด (ฝูงสัตว์ประหลาดบ้าคลั่ง) ครับ! ”
“ ว่ายังไงนะ!? บ้าน่า! หน่วยสังเกตการณ์มัวทำอะไรอยู่!? ”
“ คือว่า เขาบอกว่าตลอดจนถึงเช้านี้ ไม่ได้พบเห็นความผิดปกติใดๆเลย….. ”
“ สแตมปีดแบบเกิดขึ้นเฉียบพลัน……!? เป็นไปไม่ได้…..ถ้าแค่เคสเดียวก็ว่าไปอย่าง แต่สถานการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้นซ้ำซ้อนต่อเนื่องกันแบบนี้นี่มันเป็นไปได้ยังไง……! ”
เชื่อว่าเป็นแค่เหตุบังเอิญไม่ลง ได้กลิ่นทะแม่งๆเหมือนกับว่ามีใครบางคนสร้างสถานการณ์ขึ้นอย่างงั้นแหละ
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามามัวคิดอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว
“ ช่วยไม่ได้……! พ๊อยซั่นสไลม์ฮีโดร่าน่ะปล่อยให้ระดับ S สามคนนั้นจัดการไป เรียกบังคับรวมพลเหล่านักผจญภัยที่มีระดับสูงกว่า B ทั้งหมดให้มุ่งหน้าไปทางตอนใต้ของเมืองเดี๋ยวนี้เลย! ส่วนระดับต่ำกว่า C ก็ไปทำหน้าที่อพยพลำเลียงประชาชนซะ! รีบส่งคำสั่งเสียงดังนี้ให้กระจายไปทั่วเมืองโดยด่วน! ”
“ ขะ ครับ! ”
เมื่อได้รับคำสั่งของซาริเอร่าแล้ว เจ้าหน้าที่ก็วิ่งตรงดิ่งไปยังจุดที่เหล่าผู้ใช้เวทด้านเสียงอยู่กันโดยพลัน
“ นี่มันงานเทศกาลเก็บเกี่ยวอะไรกันเนี่ย……..! ”
พอซาริเอร่าเค้นเสียงออกมาอย่างยากลำบากเช่นนั้นแล้ว ตัวเธอเองก็กระโจนออกไปภายนอกห้องผู้อำนวยการ เพื่อที่จะได้ตรวจสอบสภาพของเมืองให้ชัดเจนเด่นชัดมากยิ่งขึ้น