เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย – ตอนที่ 7 เด็กหนุ่มผู้อ่อนแอที่สุดในปฐพี (6)

พบเจอะเข้ากับการปรากฎกายของมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ยักษ์มหึมาแล้ว บัสเคิลเบียร์ที่ครึกครื้นรื่นเริงไปด้วยบรรยากาศงานเทศกาลเก็บเกี่ยวนั้น ก็พลันตีมุมพลิก 180 องศา เกิดเป็นความอลหม่านแตกตื่นครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นมา—-ซะเมื่อไหร่

มอนสเตอร์ตัวใหญ่ราวกับภูเขาที่จู่ๆก็โผล่แว้บขึ้นมาอยู่ใจกลางเมือง

เนื่องจากเหตุการณ์ทั้งหมดมันกะทันหันฉุกละหุกและโอเวอร์เกินจริงมากไป ทำให้หัวของเหล่าปวงประชาไม่อาจประมวลผลทำความเข้าใจสถานการณ์ได้เลย

ผู้ที่ประกอบอาชีพงานฝ่ายผลิตที่แทบจะไม่เคยมีโอกาสได้เผชิญหน้ากับมอนสเตอร์นี่ไม่ต้องพูดถึง ขนาดเหล่านักผจญภัยที่เอาชีวิตเข้าเสี่ยงปะทะประมือกับเหล่ามอนสเตอร์อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ก็ยังได้แต่อ้าปากค้างมองสูงขึ้นไปยังฟากฟ้ากันท่าเดียว

แต่ความสงบที่เหมาะสมคู่ควรกับคำว่าเงียบก่อนพายุจะเข้าเสียเหลือเกินนั่น—–มันก็ดำเนินต่อไปได้ไม่นานนักหรอก

เพราะว่าร่างใหญ่ยักษ์มหึมาของพ๊อยซั่นสไลม์ฮีโดร่า มันยังคงพองตัวขยายขนาดมากขึ้นเรื่อยๆไม่หยุดยั้งเลยนั่นเอง

ร่างกึ่งของเหลวที่มีสีของพิษร้ายอาบอยู่ทั่วไปหมด พลันเอ่อล้นกระจายออกมายังภายนอกเขตฟื้นฟูปรับสภาพเมือง

แม้กระทั่งตึกสามชั้นก็ยังไม่วายถูกกำแพงแห่งพิษกลืนกินมลายหายลับไปอย่างง่ายดาย  เห็นแล้วชวนทำให้คิดถึงปรากฎการณ์ดินโคลนถล่มครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นมาเลยทีเดียว—-และแล้วกำแพงพิษก็ไล่กระชั้นชิดตรงรี่เข้ามาหาเหล่าปวงประชา

 

“ หะ เฮ้ย! มันอันตรายนะเว้ยไอ้เจ้านั่นน่ะ! ”

 

เป็นตอนนั้นเองที่มีเสียงอันหวาดหวั่นของเหล่านักผจญภัยดังก้องขึ้นซะที…..และสถานการณ์ภายหลังจากนั้นก็ดำเนินไปราวกับว่าเขื่อนแตก

เสียงกรีดร้องตะโกนดังสนั่นขึ้น แม้กระทั่งเหล่านักผจญภัยชำนาญศึกผู้ผ่านสนามรบมามากมายก็ยังถึงกับพากันหันหลังหนีจากเจ้ามอนสเตอร์ที่เกินขอบเขตสามัญสำนึกไปไกล ท่ามกลางสภาพการณ์เช่นนั้น

 

“ มัน……อะไรกันน่ะ ไอ้เจ้านี่……!? ”

 

มีเพียงเด็กหนุ่ม ครอส อาราเกาท์ แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ยืนอึ้ง….ไม่สิ นั่งอึ้งกับพื้น พลางมองสูงขึ้นไปยังพ๊อยซั่นสไลม์ฮีโดร่าอย่างตกตะลึง  

เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งกว่าอย่างท่วมท้น ร่างกายที่สเตตัสเป็น 0 หมดทุกช่องมันก็แข็งทื่อ ขยับไม้ขยับมือไปจากที่อยู่ปัจจุบันไม่ได้แม้แต่นิดเดียวอย่างน่าสมเพช

และสิ่งที่พลันแล่นฉายเข้ามาในดวงตาของครอสซึ่งเฝ้าประจันหน้ากับพ๊อยซั่นสไลม์ฮีโดร่าอยู่อย่างไม่ได้ตั้งใจ ก็คือภาพที่ดูราวกับหลุดออกมาจากฝันร้ายเลยก็ไม่ปาน

เศียรมังกรมากมายนับไม่ถ้วนที่แผดเสียงร้องของอสูรกายอยู่ในตำแหน่งที่สูงมากยิ่งกว่ากำแพงเมืองซะอีก

หัวขนาดมหึมาที่งอกเงยออกมาจากกลางลำตัว ที่กำลังสะบัดตัวดิ้นพล่านฟาดอากาศอยู่ด้วยความเร็วสูงมากเสียจนไม่คิดว่าอะไรที่ใหญ่แบบนั้นจะทำได้—–หัวที่มีขนาดใหญ่ยักษ์ราวกับบดบังท้องฟ้ามิดหมดข้างนั้นมันกำลังแหวกหมอกเมฆ ทำท่าจะเหวี่ยงฟาดตรงลงมาใส่จุดที่เขากำลังอยู่ในตอนนี้

กำแพงแห่งพิษพลันกระชั้นชิดตรงดิ่งเข้ามา หมายจะกลืนกินพวกครอสเข้าไปทั้งเป็น

สงสัยถนนเล็กๆที่อยู่ข้างหลังครอสจะมีคนออกันอยู่เนืองแน่นเยอะจัดจนกลายเป็นทางตัน เสียงแผดร้องตะโกนมากมายก็เลยยังดังลั่นสนั่นก้องอยู่ใกล้ๆไม่ขาด

 

“ แบบนี้ก็…….หมดทางรอดโดยสมบูรณ์เลยไม่ใช่เหรอ……!? ”

 

ร่างกายอันเปี่ยมล้นไปด้วยพิษร้ายบีบอัดเข้ามาใกล้อย่างไร้ปรานี หมายมั่นจะกลืนกินทั้งเสียงร้องอันเหือดแห้งระคนไปด้วยความเจ็บปวดของครอสและทุกชีวิตที่อยู่โดยรอบให้มลายหายไปสิ้น——เป็นพริบตานั้นนั่นเอง

 

“ เวทน้ำแข็งขั้นสูงสุด—— <<แอปโซลูท ซีโร่>> ! ”

 

ฉับพลันเดียวกับที่เกิดเสียงดังกล่าวกู่ก้องลงมาจากท้องฟ้าเบื้องบน ความผิดปกติก็ได้เกิดขึ้น

กำแพงแห่งพิษที่ถาโถมโจมตีเข้ามาใส่พวกครอส พลันโดนแช่แข็งจนทื่อขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน

แต่ที่ถูกหยุดการเคลื่อนไหวก็มีเพียงแค่กำแพงพิษเท่านั้น

แม้หัวมากมายนับไม่ถ้วนที่งอกเงยออกมาจากร่างจะเกิดเป็นหมอกควันลอยโปรยปรายจนการเคลื่อนไหวเชื่องช้าลง แต่มันก็ยังฝืนขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไปมาดังเดิม—-และแล้วหัวขนาดใหญ่ยักษ์มหึมาข้างนั้นก็ถูกทิ้งตรงดิ่งลงมาใส่พวกครอส

 

“ โอร่าาาาาาาาาาาาาาาา!! ”

 

ทว่าก่อนหน้าที่จะกลายเป็นเช่นนั้น คนที่มีเส้นผมสีแดงก็พลันพุ่งตัวมากระแทกชนเข้ากับหัวยักษ์ใหญ่ที่บดบังสวรรค์จนมิดหมดนั่น

 

“ ว๊ากกกกกกกกกกกกก!? ”

 

เกิดเป็นคลื่นกระแทกสนั่นหวั่นไหว ครอสถูกเป่าจนลอยกระเด็นไปยังจุดที่ปวงประชามัวยืนออกันอยู่  

 

“ เกิดอะไรขึ้นน่ะ!? ”

 

เด็กหนุ่มแหงนหน้ามองขึ้นไปยังท้องฟ้าอย่างแตกตื่น

แล้วก็พบกับภาพอันสุดจะเชื่อ คนผมสีแดงเค้ากำลังเอามือบีบหัวที่มีขนาดใหญ่มหึมานั่นให้แน่นิ่งอยู่กับที่กลางอากาศ และไอเย็นที่คนผมสีบลอนด์ปลดปล่อยเข้าใส่เจ้าสัตว์ประหลาดอย่างต่อเนื่องก็ช่วยหยุดการขยายขนาดของมันลงได้อย่างชะงัดนัก

 

“ ……….ฮึก!? ”

 

ครอสเห็นภาพเหตุการณ์เช่นนั้นแล้วถึงกับทึ่งตะลึงงัน

 

(ผู้หญิงที่ลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า 2 คนนั่น……ไม่สิ 3 คนนั่นเค้าหยุดไอ้เจ้าสัตว์ประหลาดนี่ได้ง่ายๆเลย……!?)

 

เจอกับเหตุการณ์อันน่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าการปรากฎตัวของพ๊อยซั่นสไลม์ฮีโดร่าซะอีกเช่นนี้ ครอสก็ถึงกับเป็นงงไม่อาจประมวลผลได้เลยด้วยซ้ำว่าเรื่องราวมันเป็นยังไงมายังไง

แต่ก็มีเรื่องนี้เท่านั้นที่รู้

พวกคนเหล่านั้นเค้าแตกต่างไปจากตน ต่างไปจากตนที่ไม่มีปัญญาทำอะไร ไม่มีปัญญาจะเป็นอะไรได้เลยซักอย่างเดียว

และเหล่าวีรชนผู้อยู่เหนือขีดสามัญสำนึกไปไกลซะจนดูราวกับเป็นตัวเอกที่โผล่ออกมาจากเรื่องเล่าอันถูกกล่าวขานโดยบาร์ด (กวี) เหล่านั้น—-ก็กำลังหันหน้าเข้าเผชิญอยู่กับมอนสเตอร์ขนาดมหึมาด้วยกายเนื้อเปล่าๆเพียงหนึ่งเดียว

 

 

“ เฮ้ยลูด์มิร่า! ยกอานุภาพเวทน้ำแข็งขึ้นมาให้มากกว่านี้ไม่ได้แล้วเรอะ! ป้องกันไม่ให้ร่างพิษของไอ้นี่มันเข้ากลืนพวกคนในเมืองได้แล้วก็จริง แต่หัวมันยังกระปรี้กระเปร่าแข็งแรงดีอยู่เลยนะเฮ้ย! แล้วอีแบบนี้มันจะแข็งไปถึงคอร์ข้างในตัวได้ยังไงกัน! ”

 

ผู้ที่ลั่นเสียงเช่นนั้นออกมา ก็คือหญิงผู้เตะอากาศได้ด้วยสมรรถภาพร่างกายอันสูงลิ่วผ่าเหล่า และกำลังดันหัวขนาดยักษ์ที่ใหญ่ราวกับสายน้ำให้หยุดแน่นิ่งอยู่กลางท้องฟ้า—–ดราโกเนียผมแดง ลีโอเน่

พอได้ยินเสียงข่มจากลีโอเน่ว่าแค่นี้ไม่เพียงพอจะทำให้พ๊อยซั่นสไลม์ฮีโดร่าหมดสภาพได้…..ไฮเอลฟ์ผมบลอนด์ ลูด์มิร่า ที่ยกคทาให้ลอยอยู่บนท้องฟ้าก็เร่งเสียงตอบกลับไปด้วยสีหน้าที่ขุ่นมัว

 

“ ฮีโดร่าตัวนี้ มีพลังป้องกันเวทมนตร์กับพลังฟื้นฟูสูงยิ่งกว่าที่คาดคะเนเอาไว้มาก……! เนื้อในมันไม่ยอมแข็งเลย ต่อให้แข็งมันก็ทำลายแล้วฟื้นฟูใหม่ ที่ยั้งให้ถูกแช่อยู่ได้มีเพียงผิวเปลือกนอกเท่านั้นเอง แต่ถ้าเร่งอานุภาพเวทมนตร์ให้สูงมากไปยิ่งกว่านี้อีกละก็ ได้มีคนถูกลูกหลงจากไอเย็นของเวทจนแข็งตายเป็นแน่! ”

 

ลีโอเน่เดาะลิ้นอย่างรุนแรงทันทีที่ได้ยินดังกล่าว

เพราะตัวเธอเอง ก็ต้องคอยเฝ้าระวังในตอนที่เตะอากาศไม่ให้เกิดแรงดันลมลงไปทำร้ายผู้คนที่อยู่เบื้องล่างอีกเหมือนกัน ด้วยเหตุนี้จึงสู้แบบเอาจริงไม่ได้ แค่ดันหัวมันให้อยู่นิ่งๆก็เต็มกลืนแล้ว

 

“ ชิ! น่ารำคาญเป็นบ้าเลยบรรลัยเอ้ย! ไอ้เบิ้มแบบนี้ ถ้าเป็นเวลาปกติละก็แม่คงต่อยยับอัดไม่เลี้ยงด้วยความเร็วระดับที่มันฟื้นฟูตัวเองตามไม่ทันจบเรื่องกันไปได้แล้วแท้ๆ! ”

“ อย่าผลีผลามใจร้อนนะลีโอเน่! เข้ามาใกล้ๆแล้วถึงเพิ่งรู้ พิษของฮีโดร่าตัวนี้มันรุนแรงเอาใช่เล่นเลย! หากผู้ที่อ่อนแอยิ่งกว่านักผจญภัยระดับกลางมาโดนเข้าละก็ แค่เพียงไม่กี่หยดก็เพียงพอจะทำให้สิ้นใจในทันทีได้แล้ว! อย่าได้ทุบทำลายร่างมันเด็ดขาดเชียวนะ! ”

“ รู้แล้วน่า! เรื่องพรรค์นั้น! ”

 

ลีโอเน่ตอบรับต่อคำเตือนของลูด์มิร่าด้วยเสียงคำราม

ดูจากที่มือของลีโอเน่ซึ่งกำลังสัมผัสแตะต้องอยู่กับผิวหนังของฮีโดร่าเกิดความรู้สึกเจ็บแสบแบบจี๊ดๆขึ้นนี่ ก็ถือเป็นตัวยืนยันแล้วว่าคำพูดของลูด์มิร่าไม่ใช่คำกล่าวโอเวอร์เกินจริงเลยแต่อย่างใด

เป็นพิษระดับที่ทำร้ายกายเนื้อของดราโกเนียผู้บรรลุไปถึงอาชีพสูงสุดแห่งสวรรค์ได้ อย่าว่าแต่นักผจญภัยระดับกลางเลย ถ้าโดนอาบเข้าเยอะๆทีเดียวต่อให้เป็นนักผจญภัยระดับสูงเองก็คงยากที่จะรอดเหมือนกัน

เพราะแบบนี้แหละลีโอเน่จึงไม่อาจต่อยหัวอันใหญ่โตนี่ให้ปลิวกระเด็นไปตามใจอยากได้ จำต้องอดทนรับหน้าที่ชวนเครียด คอยต้านถ่วงมันเอาไว้สถานเดียว

ปล่อยเอาไว้แบบนี้ก็มีแต่เพลี่ยงพล้ำขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้นแล้ว

 

“ เฮ้ยเทโลเมียร์! ทางนั้นล่ะเป็นไงบ้าง! ”

“ อือ~ สกิลกลั่นแกล้งของฉันใช้กับตัวที่ไร้รูปทรงแน่นอนแถมมีฟื้นฟูระดับสูงได้ไม่ค่อยดีจริงๆด้วยแฮ้~ ระยะก็ห่างอีก เหมือนจะใช้ไม่ค่อยได้ผลเล้ยย~ ”

 

ผู้ที่ตอบรับตามเสียงของลีโอเน่ก็คือ หญิงที่เอามือข้างหนึ่งเกาะห้อยตัวต่องแต่งลงมาจากคทาของลูด์มิร่า——–โนไลฟ์คิงผมดำ เทโลเมียร์

เทโลเมียร์ปลดปล่อยอะไรบางอย่างที่ดูอัปมงคลอย่างยิ่งยวดออกจากฝ่ามือที่เชิดขึ้นตรงเข้าใส่พ๊อยซั่นสไลม์ฮีโดร่า ระหว่างนั้นก็ยักไหล่อย่างระมัดระวังไปพลาง

 

“ งื~ม ถ้าลงอีแบบนี้แล้วว……. ”

“ อืม ไม่ค่อยอยากทำแบบนี้เท่าไหร่ แต่คงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ”

 

ลูด์มิร่าผงกหัวเห็นตรงกันกับคำพูดของเทโลเมียร์ และในฉับพลันถัดมา

เปรี้ยงงงงงงงงงงง!

ลูด์มิร่าก็ทำการยิงเวทมนตร์เปลวเพลิงอันทรงอานุภาพอัดกระแทกเข้ากลางหลังของเทโลเมียร์อย่างไม่มีลังเล หอกเพลิงอันทรงพลังที่ถูกปล่อยออกมาพร้อมๆกับ <<แอปโซลูท ซีโร่>> นั้นคลอกเผาร่างของเทโลเมียร์ตามติดไปด้วย ก่อนจะพุ่งตรงดิ่งเสียบลึกเข้าไปในลำตัวของฮีโดร่าที่ถูกแช่จนแข็ง

ชู่วว! สวบ! ผิวกายของฮีโดร่าที่ถูกแช่แข็งส่วนนั้นถูกไฟร้อนแผดเผาจนหลอมละลาย และในฉับพลันเดียวกันนั้น ครึ่งท่อนล่างของเทโลเมียร์ที่ถูกยิงลอยติดไปกับหอกเพลิงก็พลันเสียบทะลุเข้าไปอยู่ภายในร่างของฮีโดร่า

แน่นอนว่าเทโลเมียร์ที่โดนเล่นซะหนักข้อขนาดนั้นย่อมต้องได้รับบาดเจ็บ ทั่วทั้งร่างถูกไฟคลอกจนเกรียมดูไม่ได้ กระดูกก็น่าจะหักไปหลายซี่เลย ทว่า

 

“ โอเค้~ ลงจอดได้อย่างปลอดภัยจ้าา~ ”

 

ทั้งที่ไม่ได้ใช้เวทฟื้นฟูเลยซักนิดแท้ๆ แต่อาการบาดเจ็บขั้นสาหัสนั่นมันกลับหายเป็นปลิดทิ้งในทันตา

แม้ร่างกายท่อนล่างของเทโลเมียร์จะถูกพิษของฮีโดร่ากัดกินจนเกิดเป็นควันสีขาวพุ่งพวยขึ้นมา แม้บริเวณโดยรอบจะถูกแช่แข็งกลับไปใหม่อีกครา แต่เธอผู้นี้ก็ยังคงตีสีหน้าเฉยเมยไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใด และแล้ว

 

“ อะฮะ กับฮีโดร่าแล้วทำแบบนี้มันได้ผลดีที่สุดจริงๆนั่นแหละน้าา ……สกิลกลั่นแกล้ง ทำงานเต็มกำลัง ”

 

มือสองข้างนั้นก็ทำการ ปลดปล่อยสกิลสายมารทั้งหมดทุกรูปแบบหลากหลายแขนงอัดเข้าไปภายในร่างของฮีโดร่าโดยตรง

 

[เกี๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยย!?]

 

สถานะผิดปกติ สเตตัสดาวน์ และอื่นๆอีกมากมาย สกิลกลั่นแกล้งหลากรูปแบบที่ถูกเรียกว่าสายมารนั้นแม้จะถูกระงับอานุภาพให้เบาลงเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อรอบข้าง แต่ก็ถัวคืนเอาโดยการร่ายใส่รัวๆอย่างต่อเนื่องจนไม่อาจใช้วิธีการแบบปกติปลดคลายผลได้แทน

ฮีโดร่าที่ร่างกายประกอบไปด้วยกลุ่มก้อนมลพิษ กลับถูกพิษที่ร้ายแรงมากยิ่งกว่าบ่อนทำลายเอาซะเอง ถึงกับอดรนทนไม่ได้ต้องแผดเสียงร้องโหยหวนราวกับใกล้ตายออกมา

แต่เพียงแค่นี้ยังไม่พอจะทำให้มันสิ้นลมได้หรอก เผลอๆแล้วมันยิ่ง—-

 

[โอ้ววววววววววววววววววว!!]

 

เมื่ออยู่ต่อหน้าศัตรูตัวฉกาจที่เสี่ยงเป็นภัยต่อชีวิตตนเอง หัวจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนที่งอกออกมาจากลำตัวของฮีโดร่าก็พลันขยับเขยื้อนพร้อมกันในคราเดียว

เศียรมังกรแต่ละข้างต่างพากันอ้าปากออกกว้าง ค่อยๆสะสมพลังงานขึ้นมาอยู่ภายในช่องปากนั้น

และสิ่งที่ถูกเล็งยิงตรงออกมาใส่ลีโอเน่ ลูด์มิร่า เทโลเมียร์ รวมถึงเมืองเบื้องล่างนั่น——ก็คือลมหายใจมังกรลูกใหญ่เบ้อเริ่มจำนวนมากมายมหาศาลกว่า 500 นัด

ดิน น้ำ ลม ไฟ….แต่ละหัวต่างก็ทำการยิงปลดปล่อยลมหายใจมังกรที่แตกต่างกันไป กระจายทั่วไปรอบทั้งบริเวณ

แต่ละนัดต่างก็แฝงเร้นเอาไว้ด้วยพลังทำลายล้างมหาศาล—-นับว่าเป็นการโจมตีวงกว้างที่แกร่งผ่าเหล่าโดยแท้เลย

ทว่า

 

“ การโจมตีโดยใช้ธาตุพื้นฐานทั้งหมดงั้นรึ ช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเอาเสียเลย! ออลเมจเมจิค (สกิลผู้ใช้เวทสี่ธาตุ) <<เอเลเมนท์ บุลเล็ต>> ! ”

 

ลูด์มิร่าที่ลอยตัวอย่างรวดเร็วขึ้นไปอยู่ ณ ระดับความสูงที่เหนือมากยิ่งกว่าฮีโดร่าเสียอีก พลันเปิดฉากยิงก้อนพลังเวทมนตร์ที่มีจำนวนมากถึง 500 กว่านัดลงมาจากท้องฟ้าเบื้องบน—-เข้ากระแทกหักล้างกับลมหายใจมังกรที่ฮีโดร่าปลดปล่อยออกมา

ตู้มมมมมมมมมมมมมม! พลันบังเกิดแสงสว่างเจิดจ้าระเบิดกู่ก้องกัมปนาทขึ้นมาเหนือฟากฟ้าของบัสเคิลเบียร์ การปะทะกันของมวลพลังเวทที่เหนือหลักสามัญก่อให้เกิดคลื่นกระแทกแรงสนั่น

และไม่ว่าเวลาจะผ่านเลยไปนานซักเพียงใด ศึกฟาดฟันกันด้วยห่ากระสุนที่เกินเลยไปกว่าระดับที่มนุษย์จะทำได้นั่นมันก็ไม่ยอมหยุดลงซักที ทำไมน่ะรึ

เป็นเพราะ แม้การโจมตีจะถูกหักล้างอย่างต่อเนื่อง แต่ฮีโดร่าก็ยังคงรั้นเฝ้ายิงลมหายใจมังกรลูกใหม่ออกมาเรื่อยๆไม่ยอมหยุด และทางลูด์มิร่าก็อาศัยปริมาณพลังเวทและสมาธิอันมีมากล้นมหาศาลระดับที่เผ่ามนุษย์ไม่น่ามีปัญญาทำตามได้คอยลบล้างทุกดอกทุกนัดโดยสมบูรณ์แบบ—นั่นยังไงล่ะ

 

“ ย่าาาาาาาาาา! ”

 

ระหว่างที่เกิดการบุกรุกรับซึ่งดูปั่นป่วนวิบัติราวกับวันสิ้นโลกานั่นขึ้น เทโลเมียร์ก็สามารถปลดปล่อยสกิลสายมารของตนให้หลั่งเข้าไปภายในร่างของศัตรูได้เรื่อยๆโดยไม่มีผู้ใดมาขวาง

และในฉับพลันที่ความเสียหายทะลุเกินจุดๆหนึ่ง สิ่งนั้นมันก็พลันบังเกิดขึ้น

ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะว่า “พิษร้าย” ที่ถูกหลั่งเข้ามาภายในตัวมันรุนแรงมากยิ่งกว่าพิษของตนเองซะอีก ทำให้ร่างกายเกิดปฎิกิริยาต่อต้าน จนคอร์ฟื้นฟูอันเป็นร่างจริงของฮีโดร่ามันแล่นทะยานอย่างตื่นตระหนกพยายามหาทางหนีทีไล่—–เป็นผลสืบเนื่องไปจนถึงความผิดพลาดครั้งใหญ่

ถูกต้อง คอร์ฟื้นฟูที่ตามเดิมแล้วสมควรน่าจะเคลื่อนไหวไปมาด้วยความเร็วสูงอยู่ภายในร่างนั่น มันกระโจนหนีเผยตัวออกมานอกร่างนั่นเอง

มีรูขนาดใหญ่ราวกับถ้ำปรากฎขึ้นมาอยู่เหนือผิวของฮีโดร่าที่โดนยัดพิษใส่เข้าไปอย่างต่อเนื่อง และคอร์ที่ส่องประกายราวกับเพชรอัญมนีก็กองแหมะอยู่ภายในถ้ำนั้น เป็นไปตามที่พวกเทโลเมียร์เล็งเอาไว้เป๊ะเลย ทีนี้ก็เหลือแค่ต้องทำลายไอ้เจ้านั่นลงซะเท่านั้น

…………แต่วิธีการปราบฮีโดร่าด้วยวิธีนี้ มันก็มีจุดอ่อนอันยิ่งใหญ่อยู่หนึ่งประการ

นั่นก็คือ คอร์ที่เคลื่อนไหวไปมาอยู่ภายในร่างของฮีโดร่านั้น มันจะปรากฎตัวโผล่ออกมาตรงจุดที่ตัวเองอยู่ใกล้ที่สุดในตอนที่สกิลสายมารถูกปล่อยให้ไหลเข้ามา——หรือก็คือ การจะคาดเดาว่าคอร์มันจะพุ่งออกมาจากตรงไหนของร่างนั้น จำเป็นต้องพึ่งดวงอย่างเดียวเท่านั้นเลยนั่นเอง

และหากเป็นในกรณีที่ดวงไม่เข้าข้างแล้วละก็……

 

“ อ๊าา ดันออกมาตรงที่แปลกๆซะด้ายย……. ”

“ ถ้าออกมาตรงหัวก็คงต่อยแตกได้ไปแล้วแท้ๆ คงไม่ง่ายอย่างที่คิดจริงๆด้วยสินะพับผ่าเอ้ย…….! ”

 

เทโลเมียร์และลีโอเน่ส่งสายตามองต่ำลงไปยังพื้นเบื้องล่าง ก่อนจะเค้นเสียงเช่นนั้นออกมา

จุดที่คอร์มันปรากฎโผล่ออกมา—-เป็นจุดบอดที่อยู่นอกระยะการโจมตีของทั้งสามพอดีเลย

กำแพงพิษเหลวที่หมายจะถล่มเข้ากลืนกินถนนใหญ่ใกล้ๆเขตฟื้นฟูปรับสภาพเมือง—-มันเผอิญเกิดเป็นรูขนาดใหญ่ราวกับถ้ำโผล่ขึ้นมาตรงผิวส่วนที่แตะชิดอยู่กับพื้นดินพอดิบพอดี

จากตำแหน่ง ณ ตอนนี้ของทั้งสามคน ตรวจสอบได้แต่เพียงมุมขอบของรูเท่านั้น อยู่ในตำแหน่งที่ถูกมุมบังจนมองคอร์ที่ส่องประกายอยู่ภายในไม่เห็นเลย

หากเป็นตามปกติ เทโลเมียร์คงจะปลดปล่อยสกิลสายมารเต็มกำลังไปพลาง ใช้กำลังอัดเข้าว่า ว่ายทวนร่างที่เปี่ยมล้นด้วยพิษไปทำลายคอร์ทิ้งแล้ว แต่คราวนี้ผิวของฮีโดร่ามันถูกแช่แข็งอยู่ แถมยังจะยอมให้ผิวร่างมันแตกกระเซ็นไม่ได้อีกต่างหาก เลยใช้วิธีการแบบนั้นไม่ได้

ลีโอเน่ละมือจากหัวขนาดมหึมาที่สามารถคร่าชีวิตคนนับไม่ถ้วนในชั่วอึดใจไม่ได้ สมรรถภาพร่างกายระดับลีโอเน่ หากคิดจะทำจริงๆแล้วละก็สามารถพุ่งจากตำแหน่งตรงนี้ไปยังจุดที่คอร์อยู่ได้ในชั่วพริบตาเดียวเลยก็จริง แต่ถ้าทะยานเข้าไปด้วยความเร็วระดับนั้นกลางสถานที่ซึ่งมีคนแออัดเช่นนี้ละก็ สภาพแวดล้อมรอบข้างมีหวังถูกคลื่นกระแทกอัดจนแหลกกระจุยเละหมดเป็นแน่ ได้มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตบานเลยไม่ต้องสงสัย

ส่วนผู้ถือครองวิธีการโจมตีระยะไกล ที่น่าจะเป็นประโยชน์ในสถานการณ์แบบนี้อย่างลูด์มิร่านั้น กลับกำลังยุ่งหัวหมุนที่สุดในกลุ่มเลยซะงั้นไป

นอกจากต้องคอยใช้ <<แอปโซลูท ซีโร่>> อย่างต่อเนื่องอยู่เหนือหัวฮีโดร่าแล้ว เธอผู้นี้ยังต้องคอยปล่อยการโจมตีหักล้างลมหายใจมังกรสารพัดธาตุที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากหัวอันมีนับไม่ถ้วนอีก ต้องรู้ว่าหัวไหนจะยิงการโจมตีธาตุใดออกมาให้ได้ภายในพริบตา แล้วต้านกลับไปด้วยด้วยธาตุที่หักล้างได้ และต้องลดอานุภาพลงเพื่อไม่ให้เกิดลูกหลงต่อชาวเมืองด้วย จะทำลายหัวที่ยิงลมหายใจมังกรก็ไม่ได้อีก เพราะเศษผิวมันจะกระเซ็นลงไปอาบประชาชนเบื้องล่าง หรือก็คือต้องทำศึกหักล้างซ้ำซ้อนต่อเนื่องในสภาวะที่จะผิดพลาดซักครั้งก็ยังไม่ได้เลยนั่นเอง

ยังคงเก็บพื้นที่หัวบางส่วนเอาไว้เพื่อใช้รับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินก็จริง แต่จะให้เล็งเป้าซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่มองไม่เห็นนี่ไม่ไหว

เนื่องจากมีเหตุผลหลากหลายแบบเช่นนี้มารวมซ้อนทับกัน ทำให้ทั้งสามคนอยู่ในสภาวะที่ไม่อาจลงไปทำลายคอร์ได้เลย

แต่เรียกได้ว่าโชคดี สถานที่แห่งนี้คือแดนศักดิ์สิทธิ์ของนักผจญภัย แถมคอร์มันยังโผล่ออกมาตรงจุดที่ติดอยู่กับพื้นดินอีก

ด้วยเหตุนี้แหละ ลีโอเน่จึงเร่งเสียงขึ้นเป็นตัวแทนของทุกคน ตะโกนก้องลงไปยังพื้นดินเบื้องล่าง

 

“ แค่เอาบดาบทุบใส่ไอ้คอร์นั่นให้ได้ก็พอ! พวกเราจะคอยต้านเอาไว้ให้ ฉะนั้นรีบๆจัดการซะ!! ”

 

ต้องมายกหน้าที่เผด็จศึกปลิดชีพเหยื่อให้คนอื่นนี่มันเสื่อมเสียศักดิ์ศรีที่สุดเลย (เพราะงี้แหละลูด์มิร่าถึงได้พูดว่าไม่อยากทำแบบนี้เท่าไหร่) แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมามัวยึดติดอยู่กับอะไรพรรค์นั้นแล้ว

 

“ ขะ เข้าใจแล้ว! ”

 

พอได้รับคำพูดของลีโอเน่ไปแล้ว เหล่านักผจญภัยที่ตลอดจนถึงตอนนี้ได้แต่เฝ้ามองดูการต่อสู้ที่เหนือขีดจำกัดของเผ่ามนุษย์ไปไกลอย่างอ้ำอึ้ง ก็พลันวิ่งกระโจนตัวออกมาจากภายในฝูงชนอย่างพร้อมเพรียง พวกเขาเหล่านั้นต่างพากันหยิบยกอาวุธออกมาตระเตรียม มุ่งตรงดิ่งเข้าหาคอร์ หมายมั่นที่จะชิงเอาผลงานวีรกรรมในฐานะผู้ปลิดชีพลมหายใจสัตว์ประหลาดมาเป็นของตน

พ๊อยซั่นสไลม์ฮีโดร่านั้น แม้จะมีริสก์สูง แต่คอร์อันเป็นร่างจริงของมันนั้นเปราะบางและอ่อนแอมาก

หากอยู่ในสภาวะที่ถูกห่อหุ้มอยู่ภายในร่างพิษนั่นก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าเป็นคอร์ที่ปรากฎออกมายังภายนอกโดยสมบูรณ์นี้แล้วละก็ ตราบเท่าที่มีอาวุธ แม้แต่เด็กเล็กๆก็ยังสามารถทุบให้แตกกระจุยได้เลย ยิ่งถ้าผู้โจมตีคือเหล่านักผจญภัยที่แข็งแรงดีพร้อมแล้วด้วยนี่ คอร์พรรค์นั้นคงไม่ครณามืออะไรหรอก

 

“ โด่เอ้ย หาเรื่องให้คนเค้าต้องลำบากกันจริงเลยนะ แต่เอ้อ เท่านี้ก็คงจะเรียบร้อย—— ”

 

เป็นในฉับพลันที่ลีโอเน่….พึมพำออกมาอย่างเชื่อมั่นในชัยชนะนั่นเอง

ที่เจ้าสัตว์ประหลาดริสก์ 9 ขนาดใหญ่ยักษ์ซึ่งปรากฎตัวขึ้นมาอยู่ใจกลางเมืองอย่างกะทันหันนั่น——ไอ้ตัวตนที่ผ่าเหล่าผ่ากออย่างสุดขั้วนั้น มันชิงทำในสิ่งที่ฉีกออกไปจากความคาดหมายของทุกๆคนโดยสิ้นเชิง

 

 

วินาทีที่ฮีโดร่าซึ่งถูกไล่ต้อนจนตรอกแผดเสียงร้องที่ดังสนั่นกว่าทุกครั้งออกมา….โพล๊ะ! —–ก็พลันมีหนวดรยางค์พิษพุ่งพวยแหวกผืนดินขึ้นมา ราวกับเป็นตัวคุ้มกันปกป้องคอร์เอาไว้ แถมมันยังไม่ได้หมดแค่นั้น พริบตาให้หลัง—–ฟู่มมมมม……

ลำแสงจำนวนหนึ่งถูกยิงส่งขึ้นมาจากลำตัวของฮีโดร่า

เนื่องจากเห็นว่าไม่ใช่การโจมตีเข้าใส่เมืองโดยตรง ลูด์มิร่าจึงลังเลเผลอประมาทไปเพียงชั่วพริบตา—และราวกับว่าเจาะใช้ประโยชน์จากพริบตานั้น ลำแสงที่ถูกยิงขึ้นไปก็พากันวาดสร้างวงแหวนเวทขนาดยักษ์ขึ้นมาอยู่เหนือท้องฟ้าในบัดดล

พริบตาให้หลัง พลันเกิดเป็นแสงสว่างน่าหวาดผวา ถล่มถาโถมตรงลงมายังเมือง—–เทโลเมียร์ซึ่งเห็นภาพดังกล่าวอยู่ต่อหน้าถึงกับดวงตาเบิกโพลง

 

“ ………..!? นี่มัน สกิลกลั่นแกล้งระยะกว้างไกลสุดขีดนี่นาาา!? เอฟเฟคคือ….ลดค่าสเตตัสทั้งหมดทุกช่อง!? ”

 

สิ่งนั้นคือสกิลอันน่าขนพองสยองเกล้า ที่พ๊อยซั่นสไลม์ฮีโดร่าเก็บซ่อนเอาไว้อยู่คู่เคียงข้างกาย

เนื่องจากมีระยะการทำงานกว้างไกลเอามากๆ เลยใช้กับผู้ที่มีความสามารถระดับพวกเทโลเมียร์ไม่ค่อยได้ผลซักเท่าไหร่ แต่พวกประชาชนหรือนักผจญภัยของเมืองที่มีความแข็งแกร่งต่ำกว่าฮีโดร่าอย่างชัดเจนแล้วนั้น ผลลัพธ์ของเอฟเฟคที่บังเกิดขึ้นมันหนักหนาสาหัสเอามากๆเลยเชียว

 

“ อะ……..อั่ก……..!? ”

 

ร่างกายหนักอึ้งขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน เรี่ยวแรงเหือดหายไปจากมือข้างที่กำดาบเอาไว้ พลังป้องกันเองก็คงจะถูกลดระดับลงมาจนน่าหวาดเสียวถึงขีดสุดด้วยกระมัง และเบื้องหน้าสายตาของพวกเขาเหล่านั้นก็มีหนวดรยางค์หลากหลายเส้นกำลังบิดเกลียวป้องกันคอร์ คอยข่มขู่จนเหล่านักผจญภัยที่ถูกลดสเตตัสลงอย่างเฉียบพลันกลับมาอ้ำอึ้งหวาดผวากันอีกครา

แต่ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นเพียงระดับกลาง พวกเขาเหล่านี้ก็ยังคงเป็นเหล่านักผจญภัยที่ต่อสู้เอาชีวิตรอดจากสนามรบอันอลหม่านมาได้หลากหลายครั้งพอสมควรเลยเช่นกัน

ผู้มีอาชีพต่อสู้ระยะประชิดจำนวนหนึ่งวิ่งห้อทะยานตรงหลบหลีกรยางค์ พยายามมุ่งหน้าตรงเข้าหาคอร์อย่างห้าวหาญและองอาจ——–ทว่า ไพ่ตายสุดท้ายของฮีโดร่านั้น กลับไม่ใช่ทั้งหนวดรยางค์หรือสกิลลดค่าสเตตัสเป็นวงกว้างแต่อย่างใด

โพล๊ะ! โพล๊ะ! บังเกิดเสียงก้องสนั่นแสบแก้วหู พร้อมกับที่ร่างของฮีโดร่าถูกเจาะทะลุโผล่ออกมาเป็นหลุมจำนวนมาก——หลุมพวกนั้นมันสูดลมเข้าไปอย่างแรงราวกับกำลังหายใจ ก่อนที่จะ

 

 

เสียงแผดร้องของอสูรกายที่ทำให้เมืองทั้งเมืองต้องสั่นสะเทือน พลันกู่ก้องกัมปนาท

แต่เสียงนั่น หาได้เป็นเสียงร้องที่ฮีโดร่าปลดปล่อยออกมาโดยไร้ความหมายอย่างตลอดที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ไม่

มันคือการโจมตีที่มีพลังเวทมหาศาลบรรจุอยู่เต็มเปี่ยม

ชื่อสกิล <<ฮาวล์>> (เห่าหอน)

เอฟเฟคที่จะทำให้เป้าหมายเกิดความหวาดกลัวเสียจนสติแตก ไม่ก็สติหลุดไปเลยดื้อๆนั่น….ยิ่งเป้าหมายมีสเตตัสต่างชั้นกับตัวผู้ใช้มากเท่าไหร่ อิทธิพลของสกิลก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น!

 

“““ อุ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก!? ”””

 

เหล่าฝูงชนที่เริ่มจะสงบสติอารมณ์ได้เนื่องจากพบเห็นวีรกรรมของพวกลีโอเน่ ต่างพากันตกอยู่ในสภาวะหวาดหวั่นขวัญหายภายในทันตา

 

“““ ………………!? ”””

 

เช่นเดียวกับสกิลลดค่าสเตตัส <<ฮาวล์>> นั้นใช้กับพวกลีโอเน่ไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อยนิดเดียว เป็นแบบนั้นแท้ๆแต่สีหน้าของพวกเธอสามคนกลับบิดเบี้ยวไปด้วยความร้อนรนอย่างชัดเจน

 

“ พ๊อยซั่นสไลม์ฮีโดร่า…ที่ใช้สกิลลดค่าสเตตัสระดับกว้างไกลสุดขีดได้แล้วไม่พอ ยังมี <<ฮาวล์>> ระดับสูงอีกตะหากเรอะ……..!? ”

 

ลีโอเน่จ้องมองต่ำลงไปยังเบื้องล่าง พลางพึมพำออกมาอย่างตกตะลึง

ฉี่ราด อาเจียน สติแตก แผดเสียงกรีดร้อง

อย่าว่าแต่เด็กหรือพวกผู้ประกอบอาชีพงานฝ่ายผลิตเลย ขนาดพวกอาชีพต่อสู้ที่เมื่อตะกี้ยังวิ่งตรงรี่เข้าใส่คอร์อย่างห้าวหาญอยู่ มาตอนนี้กลับพากันสละอาวุธทิ้ง แล้วหมอบราบคาบแก้วแน่นิ่งหมดอาลัยตายอยากอยู่เหนือพื้นกันหมดทุกคนแทนซะอย่างนั้น

ไม่ต้องพูดไปถึงทำลายคอร์ ขนาดลำเลียงอพยพผู้คนยังจะทำไม่ได้เลยมั้ง

ฝูงชนแตกตื่นซะจนจะมีคนเหยียบกันตายเมื่อไหร่ก็ไม่น่าแปลกใจแล้ว

ควรรับมือยังไงดี แม้จะถูกความร้อนรนบีบจนใบหน้าบิดเบี้ยว แต่ทั้งสามก็ยังคงฝืนอดทนใช้สมองขบคิดหาทางออก——เป็นในฉับพลันนั้น

ที่เงาสีเงินบริสุทธิ์ซึ่งแล่นทะยานอยู่เหนือหลังคาบ้านเรือน พลันกระโจนตัวลงมายังถนนเบื้องล่างของพวกลีโอเน่

 

“ ทราบสถานการณ์ปัจจุบันแล้วค่ะ! ฉันจะเป็นคนปิดฉากเอง! ”

 

ผู้อำนวยการซาริเอร่าคาดการณ์ได้ว่าพวกลีโอเน่จะต้องพบกับศึกตึงมือเป็นแน่ จึงทำการเปลี่ยนแผนกลยุทธ์กลางคัน—–เพื่อส่งกองหนุนแสนทรงพลังคนนี้มาช่วย และคนผู้นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล

เอลิเซีย ราฟาแกลิออน ที่ทะยานมาถึงที่แห่งนี้ได้ด้วยความเร็วระดับต้นๆของหมู่นักผจญภัยระดับ A เลยนั่นเอง

เนื่องจากยังอยู่ในช่วงกำลังพัฒนาฝีมือ จึงได้รับเอฟเฟคของสกิลลดค่าสเตตัสเข้าไปหนักพอตัวเลยเหมือนกัน แต่ดีบัฟแค่นี้หยุดเอลิเซียจากการทำลายคอร์ที่ถูกปกป้องอยู่โดยแค่หนวดรยางค์เพียงอย่างเดียวไม่ได้หรอก

 

“ ——-ฟู่! ”

 

พอเอลิเซียที่กระโจนลงมาจากหลังคาถอนลมหายใจออกมาเช่นนั้น ร่างของสาวน้อยก็พุ่งทะยานเป็นเส้นตรงเข้าไปใส่คอร์

ต่อให้ฟันไปมันก็ฟื้นฟูกลับมาใหม่ แถมเศษผิวเพียงน้อยนิดยังสามารถสร้างความเสียหายต่อทุกสิ่งโดยรอบได้อย่างมหาศาลอีกต่างหาก ฉะนั้นเอลิเซียจึงเลือกที่จะเอี้ยวตัวหลบหลีกหนวดรยางค์เพียงอย่างเดียว ทะลวงฝ่าสมรภูมิเดือดไปโดยเลือกเส้นทางที่ใกล้ที่สุด และขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด

ทว่า เป็นในตอนนั้นเอง

ตู้มมมมมมมมมมมมมมม!

 

“ ฮึก! ”

 

หนวดรยางค์หลากหลายเส้นพลันงอกทะลุผืนดินขึ้นมาเป่าตึกอาคารหินอ่อน ซึ่งถูกสร้างอยู่ข้างถนนหลัก จนโครงตึกแยกขาดจากราก ลอยกระเด็นเคว้ง—-ตัวหนวดรยางค์น่ะไม่ได้น่ากลัวอะไรหรอก แต่ปัญหา มันอยู่ที่ตึกซึ่งถูกทำลายนั่นต่างหาก

จุดที่ตึกจะถล่มลงมานั่น…..มีผู้คนซึ่งกำลังคลั่งสติแตกกระจุกรวมตัวกันอยู่เป็นจำนวนมาก

ถ้าแค่คนสองคนก็น่าจะพออาศัยความเร็วพุ่งเข้าไปช่วยได้อยู่หรอก แต่หากมีคนเป็นสิบๆมารวมตัวจับกลุ่มกันเป็นก้อนนี่คงอับจนหนทางจะทำเช่นนั้นได้ ด้วยเหตุนี้เอง เอลิเซียจึงไม่หวาดหวั่น และไม่ลังเลใดๆ ที่จะกระโจนตัวเข้าไปขวางกลางระหว่างกลุ่มผู้คนและซากตึกที่กำลังจะถล่มลงมานั่น

 

“ สกิล——–<<ฟาดฟันอนันต์ธุลี>> ! ”

 

เอลิเซียผู้โลดแล่นอยู่กลางอากาศพลันสะบัดคมดาบ 2 เล่มด้วยความเร็วระดับตามองตามไม่ทัน

ในพริบตานั้น อาคารหินอ่อนก็ถูกสะบั้นหั่นแหลกอย่างถี่ถ้วนจนลดขนาดลงมาเท่าก้อนกรวด

และเศษก้อนกรวดที่หลงเหลือจากการฟาดฟันนั่นก็ถูกคลื่นกระแทกจากดาบปัดเป่าจนลอยกระเด็นปลิวไป ส่งผลให้เหล่าผู้คนที่สติแตกไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลยแม้แต่คนเดียว

ทว่า—–สิ่งที่ต้องสละไปเพื่อช่วยชีวิตของคนเหล่านี้เอาไว้ มันก็ไม่ใช่อะไรถูกๆเลย

 

“ ห้ะ!? เสร็จกะ—— ”

 

เนื่องจากใช้กระบวนท่าพิเศษท่ามกลางสภาวะที่สเตตัสลดต่ำลง ทำให้ร่างกายแข็งทื่อมีดีเลย์ขยับไม่ได้ชั่วคราว หนำซ้ำเอลิเซียตอนนี้ยังลอยคว้างอยู่กลางอากาศ เรียกได้ว่าเสียเปรียบเต็มๆประตู ——และแล้ว หนวดรยางค์หลากหลายเส้นก็พลันทะลวงผืนดินเบื้องล่างเอลิเซีย ปรากฎขึ้นมาใหม่อีกครั้งราวกับจับจ้องเพ่งเล็งโอกาสนี้มาโดยตลอด

การโจมตีที่มีปัจจัยมากมายหลากหลายประการมาทับซ้อนรวมกันจนไม่อาจหลบพ้น พุ่งทะยานตรงดิ่งเข้าใส่เอลิเซีย

 

“ ขึ่ก!? อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!? ”

 

หนวดรยางค์พิษมันมาประสานช่วยกันรวบ และบีบรัดร่างของเอลิเซียสุดกำลัง มีกลิ่นเหม็นไหม้และควันสีขาวพวยพุ่งขึ้นมาจากผิวขาวนวล และเสียงกรีดร้องราวกับจะขาดใจก็พลันแผดก้องดังออกมาจากปากของเอลิเซีย

 

“”” ท่านผู้กล้าาาาา!? “””

 

เหล่าผู้คนที่แต่เดิมก็อยู่ในสถานะสติแตกอยู่แล้วเนื่องจากผลของ <<ฮาวล์>> เห็นผู้กล้ากำลังตกอยู่ในวิกฤตเฉกเช่นนี้แล้วยิ่งพากันหวาดหวั่นขวัญหายกันหนักเข้าไปใหญ่ เสียงร้องอันเศร้าโศกดังก้องขึ้นต่อเนื่องไม่มีหยุดหย่อน

และพร้อมๆกับเสียงร้องฟูมฟายหลังจากที่ไพ่ตายสุดท้ายสำหรับใช้ทำลายคอร์พ่ายแพ้ไปต่อหน้า พวกลีโอเน่สามคนเองก็พากันแผดเสียงร้องอย่างเจ็บแสบออกมาอย่างไม่น้อยหน้าเหล่าชาวเมืองเลย

 

“““ ห้ะ!? ผู้กล้าเป็นหญิงเร้อออออ!? ”””

 

นึกว่าหูฝาดไปเองซะอีก แต่ดูจากความแข็งแกร่งที่มากล้นเกินกว่าเผ่ามนุษย์ในช่วงวัยนั้น เครื่องสวมใส่ระดับสูงสุดที่ถูกสลักตราสัญลักษณ์ของราชวงศ์เอาไว้ และความจริงที่ว่าซาริเอร่าส่งตัวมาเป็นกองหนุนในสถานการณ์เช่นนี้—-ก็เป็นตัวรองรับมากพอแล้ว ว่าเธอคนนี้คือผู้สืบสายเลือดของผู้กล้าไม่ผิดแน่

ทั้งสามที่รู้สึกถึงความด่วนสรุปไปเองของพวกตน ต่างก็พากันหงอย เหนื่อยหน่ายหมดกะใจจะสู้ต่อ ทว่า

เดี๋ยวสิเดี๋ยวก่อน! ถ้าเกิดผู้กล้าตายตรงนี้ ก็จะไม่มีอะไรดึงดูดให้พวกผู้ชายมารวมตัวกันที่นี่แล้วนะ! —-เท่านั้นแหละหน้าของทั้งสามถึงกับซีดเขียวเลย

 

(ฉิบหาย…..ทำยังไงดีเนี่ย….!?)

 

พวกลีโอเน่สามคนเพิ่งจะรู้สึกร้อนรนกันขึ้นมาจริงๆก็ตรงนี้แหละครั้งแรก

พลังกายของเอลิเซียที่ถูกหนวดรยางค์พิษรัดอยู่นั่น คงจะอยู่ได้ไม่นานนักหรอก

แม้จะอยากกำจัดทำลายรยางค์ที่รวบตัวเอลิเซียอยู่ทิ้ง แต่พวกเธอตอนนี้ก็ไม่มีวิธีการใดๆจะใช้ยิงระยะไกลใส่รยางค์เหลวที่งอกจากพื้นเบื้องล่างขึ้นมาพันธนาการเอลิเซียเอาไว้ให้ได้แน่ๆอีก สาเหตุส่วนนึงนั้นเป็นเพราะตำแหน่งที่เอลิเซียถูกจับนั่นมันทำเลไม่ค่อยดี และอีกส่วนนั้นก็เพราะลูด์มิร่ากำลังง่วนอยู่กับการหักล้างลมหายใจมังกร ไม่มีสมาธิมากพอจะทำการควบคุมเวทมนตร์อย่างประณีตแบบนั้นได้นั่นเอง

หนำซ้ำเหล่าปวงประชาที่เห็นผู้กล้ากำลังแย่ ยังพากันตื่นตระหนกแตกตื่นกันใหญ่ไม่มีท่าทีจะสงบอีก ยิ่งเวลาผ่านไปนานมากเข้าเท่าไหร่โอกาสที่จะมีคนตายก็ยิ่งเพิ่มสูงมากขึ้น

คอยต้านฮีโดร่าเอาไว้ก็มีแต่จะเพลี่ยงพล้ำขึ้นเรื่อยๆ จำเป็นต้องคลี่คลายสถานการณ์ลงให้ได้โดยด่วน

แต่ในตอนนี้ที่กองหนุนเพียงหนึ่งเดียวอย่างเอลิเซียถูกรวบตัวไป และเอฟเฟคของ <<ฮาวล์>> ก็ทำให้เหล่าคนสามัญทุกรายหมดสภาพพึ่งพาไม่ได้—-วิธีการที่สามารถเลือกใช้ได้มันก็มีอยู่จำกัด

ลงแบบนี้ พวกตนคงต้องลงมือทำลายคอร์เองเท่านั้นแล้ว ต่อให้มีผู้บาดเจ็บหรือผู้เสียชีวิตมากจำนวนหนึ่งก็คงได้แต่ต้องอดทนยอมรับมันเท่านั้น

ทว่า ถ้ายอมสังเวยชีวิตของผู้คนที่แม่หนูเอลิเซียพยายามแทบตายเพื่อปกป้องเอาไว้ให้ได้แบบนั้นแล้ว หลังจากนี้ไปพวกตนจะสามารถออกตระเวนตามหาลูกศิษย์อย่างอุ่นกายสบายใจได้จริงๆน่ะหรือ…….แต่ถ้ามัวอ้ำอึ้งไม่ทำอะไรอยู่แบบนี้ สิ่งที่รอคอยอยู่ก็คงจะมีเพียงบทสรุปอันเลวร้ายที่สุดเท่านั้นอีก

 

“ ระยำเอ้ย…….! ”

 

พวกเธอทั้งสามกำลังถูกบีบบังคับให้เลือก ท่ามกลางเวลาอันมีจำกัด——-มันเป็นในฉับพลันนั้นเอง

 

“ อุ…….อ๊าาาา……….! ”

 

กลางแดนเถื่อนที่อลหม่านเปี่ยมล้นไปด้วยเสียงกรีดร้องตะโกนกู่ก้องขึ้นไม่หยุดราวกับขุมนรกนั่นเอง

 

 

ที่เสียงคำรามซึ่งฟังดูน่าสมเพชไร้ใครเกินที่สุดแล้วในปฐพีนี้—-พลันสนั่นดังลั่นขึ้นมา

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ยกาลครั้งนึงแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเมื่อไหร่ ได้มีวีรสตรี 3 คนที่ถูกกล่าวขานล่ำลือกันว่าเป็นตัวตนผู้แข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุดในโลกอยู่ครับ ความแข็งแกร่งของพวกเธอนั้นเรียกได้ว่าเป็นระดับเหนือมนุษย์เลยเชียว คนนึงสามารถต่อยขุนเขาให้แหลกกระจุยได้ด้วยหมัดเปล่า คนนึงสามารถเป่าร่างของพลทหารนับหมื่นนายให้ลอยปลิวหายไปได้ด้วยการโจมตีจากเวทมนตร์เพียงครั้งเดียว ส่วนอีกคนก็เป็นหญิงพิลึกพิลั่นที่เอาเวทฟื้นฟูกับเวทสนับสนุนมาใช้ฆ่าคนได้ เลยกลายเป็นตัวตนที่ถูกหวาดกลัวไปตามระเบียบ แค่เพียงคนเดียวก็โหดพอจะทำให้ประเทศหนึ่งถึงการล่มสลายได้อย่างง่ายดายแล้ว ยิ่งถ้าเหล่าวีรสตรี 3 คนนั้นมาสุมหัวรวมตัวไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วนี่คงอาจต้องเรียกว่าเป็นภัยพิบัติเดินได้ การหวนคืนชีพของเทพมาร หรือในบางพื้นที่ก็อาจจะระบุตัวตนของพวกเธอเป็นเทพผู้ชั่วร้ายกันเลยก็เป็นได้…..หากอาศัยใช้งานความแข็งแกร่งนั่นซะอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอะไรต่อมิอะไรก็คงบันดาลให้เป็นดั่งที่ใจพวกเธอต้องการได้เกือบทั้งหมดเลยกระมัง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีสิ่งที่แม้แต่สามคนนั้นเอง ก็ยังไม่อาจได้มาครอบครองอยู่ครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset