สิ่งนั้นลักลอบแทรกซึมเข้าไปในร่างของตัวเด็กหนุ่มได้โดยไม่มีใครทันสังเกตแม้เพียงคนเดียว
สิ่งนั้นค่อยๆเคลื่อนตัวถลำลึกเข้าไป ถลำลึกเข้าไปภายในกายของเด็กหนุ่ม…….จนมาถึงจุดลึกสุดของร่างอันถูกเรียกขานกันว่าดวงวิญญาณได้อย่างง่ายดาย สิ่งนั้นกระหยิ่มยิ้มย่อง จ้องหาทางที่จะสำแดงกำลังอำนาจของตนให้เป็นที่ประจักษ์—-ทว่า
——–……..!? มันอะไรกันน่ะ ไอ้เจ้าสิ่งมีชีวิตที่ไร้ซึ่งพรสวรรค์ใดๆโดยสิ้นเชิงนี่…….!?
สิ่งนั้นงุนงงเป็นอย่างมาก
เนื่องจากภายในร่างกายของเด็กหนุ่มที่แทรกซึมเข้ามา มันไม่มีสิ่งที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นพรสวรรค์อยู่เลยแม้เพียงน้อยนิดก็ไม่มี ไม่พอจะเป็นฐานรองรับให้สิ่งนั้นสำแดงพลังอำนาจได้เลยด้วยซ้ำ เพิ่งจะเคยพบเจออะไรเช่นนี้เป็นครั้งแรก ทว่า แม้จะเป็นประสบการณ์ที่เพิ่งเคยพบสบเจอก็ตามที แต่สิ่งนั้นก็พลันทราบถึงชะตากรรมที่ตัวเองกำลังจะต้องพบได้เองตามสัญชาติญาณ
——–แย่แล้ว…..ขืนยังเป็นเช่นนี้ละก็ ข้าต้องสิ้นฤทธิ์จนสูญสลายหายไปเป็นแน่………!
ไม่ว่ายังไงก็ต้องหลีกเลี่ยงบทสรุปเช่นนั้นให้ได้
ฉะนั้นสิ่งนั้น จึงตัดสินใจใช้มาตรการฉุกเฉินอย่างมิอาจเลี่ยง
หากไม่มีพรสวรรค์จะมาเป็นฐานรองรับ งั้นก็สร้างมันขึ้นมาเองเสียก็พอ
แต่นั่นก็คือพรสวรรค์เพียงชั่วครู่ที่จะถูกรังสรรค์สร้างขึ้นมาได้ด้วยกำลังของเด็กหนุ่มผู้นี้เท่านั้น ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าสิ่งนั้นจะปลอดภัย ถือเป็นได้แค่วิธีรักษาตามอาการเพื่อยืดขยายเวลาที่สิ่งนั้นจะหายไปให้ล่าช้ามากยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่มันก็ยังดีกว่าต้องมาสลายไปในตอนนี้ล่ะ
สิ่งนั้นพลันเค้นพลังเวทมากมายมหาศาลออกมาในฉับพลัน
พลังเวทแสนแปลกประหลาดก่อตัวกันเป็นกระแสอยู่ภายในกายของเด็กหนุ่ม ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาโดยใช้ความปราถนาอันแรงกล้าของเขาผู้นี้เป็นแกนกลาง
และแล้วสิ่งนั้นที่รอดตัวจากการสูญสลายมาได้อย่างหวุดหวิด ก็พลันถลำเข้าสู่ห้วงนิทราภายในร่างของเด็กหนุ่มราวกับกึ่งๆหมดเรี่ยวแรง——-อยู่ในสภาวะหลับลึก ตราบเท่าที่ร่างกายอันเป็นภาชนะไม่ได้ถูกทำลาย ก็จะไม่มีวันลืมตาตื่นขึ้นมาอีกเป็นอันขาด
“ อะ…….อ้าว……. ”
ยังมีชีวิตอยู่……?
สิ่งแรกที่พลันปรากฎเข้ามาในหัวของครอสหลังจากที่ได้สติกลับคืน….ก็คือความฉงนสงสัยว่าเหตุใดตนเองจึงยังมีชีวิตอยู่อีก
“ ที่นี่คือ…..? ”
และสิ่งต่อไปที่แล่นเข้ามาในหัว ก็คือความงุนงงว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ ณ แห่งหนใด
ร่างกายไม่รู้สึกเจ็บแสบเลยแม้แต่น้อยนิด ราวกับว่าที่ตัวเองได้รับบาดเจ็บหนักสาหัสเมื่อก่อนหน้ามันเป็นเพียงแค่ความฝันเลยอย่างงั้นแหละ แล้วพอยกร่างกายขึ้นมา…เด็กหนุ่มก็พบเจอเข้ากับห้องไม้อันกว้างขวาง หนำซ้ำเตียงนอนที่ครอสเอนหลังพิงอยู่นี่ก็ไม่ใช่ของเกรดต่ำที่แค่เอาฟางมาโปะๆกองทับกันไว้แต่อย่างใด ดูแล้วน่าจะเป็นเตียงนอนเกรดสูงที่ถูกทำขึ้นด้วยขนแกะเลยทีเดียว เห็นได้อย่างชัดเจนว่าที่นี่ไม่ใช่สถานกำพร้าแน่ๆ
พอครอสที่ได้สติกลับมากำลังสับสนอยู่—
“ โอ๊ะ ในที่สุดก็ฟื้นแล้วเรอะ ”
“ เอ๊ะ………? ”
ก็มีเสียงเรียกหาดังขึ้นมาจากข้างกาย
“ เวทฟื้นฟูของเทโลเมียร์มันสมบูรณ์แบบแท้ๆ แต่รอซักเท่าไหร่แกก็ไม่ยอมตื่นซะทีไง ทำเอาคนเค้าเป็นห่วงหมด ”
พอเห็นผู้หญิงที่กล่าวขึ้นเช่นนั้นด้วยรอยยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดีอยู่ใกล้ๆตัวเขาแล้ว ครอสก็ถึงกับแตกตื่นอย่างหนักหน่วง
ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะผู้หญิงคนนั้นเค้าสวยแล้วก็งดงามสุดๆไปเลยยังไงล่ะ
ดูจากที่มีเขา 2 คู่งอกออกมาจากหัวแล้ว คงน่าจะเป็นดราโกนิวท์รึเปล่า รูปโฉมที่เพียบพร้อมเหมาะกับสีหน้าท่าทางซึ่งดูห้าวก๋ากั่น ผมสีแดงที่ทอดยาวลงมากองอย่างส่งๆอยู่ตรงหน้าอกสร้างความรู้สึกดิบเถื่อน แถมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ฟิตกับหุ่นอันกระชับดูดีมีระดับ ซ้ำยังมีเผยเนื้อหนังมังสาแต่พอดีเพื่อให้ผู้สวมใส่สามารถเคลื่อนไหวขยับตัวได้โดยง่ายนั่น มันยังมีอิมแพคท์โคตรแรงจนครอสลนลานเลยว่าควรจะหันสายตามองไปตรงไหนดี
พอตื่นขึ้นมาปุ๊บก็เจอะสาวงามอยู่ข้างหน้าเลยไง หน้าของครอสนี่คือแดงแจ๋ ใจก็ตื่นตระหนกตะลีตะลาน
“ เอ่อ คือว่า อ่า….พี่สาวเป็นใครเหรอครับ…….? ”
“ อื๋อ? อ๋อ นั่นสินะ ยังไม่ได้แนะนำตัวเลยนี่เนอะ ฉันชื่อลีโอเน่ เบิร์นเอดจ์ เผ่าดราโกเนีย (เผ่าเทพมังกร) ประกอบอาชีพเป็นนักผจญภัยระดับ S เล่นๆอยู่ ”
“ ดะ ดราโกเนียที่เป็นนักผจญภัยระดับ S!? ”
พอได้ยินศัพท์อันสุดจะเชื่อที่หลุดออกมาจากปากของผู้หญิง——ลีโอเน่แล้วปุ๊บ หัวของครอสก็พลันตื่นทำงานเต็มที่สมบูรณ์ขึ้นมาโดยพลัน
ดราโกเนียนี่คือเผ่าพันธุ์ระดับสูง ที่มีความสามารถและสถานะทั้งหมดทุกอย่างสูงส่งกว่าพวกดราโกนิวท์โดยสมบูรณ์เลยนั่นเอง ถือเป็นหนึ่งในสายพันธุ์สุดแกร่งสามขั้วของโลก ที่เชี่ยวชาญและชำนาญศาสตร์การต่อสู้ในระยะประชิดมากที่สุดเลย
หนำซ้ำแล้ว นักผจญภัยระดับ S นี่—มันยังเป็นฉายาที่ใช้เรียกขานเหล่าผู้แกร่งสุดของโลก ที่มีเพียง 9 คนเท่านั้นในโลกใบนี้อีกต่างหาก
พอครอสอึ้งพูดอะไรไม่ออกเนื่องจากเรื่องมันเหลือเชื่อมากเกินไปอยู่
“ เอ้านี่ หลักฐาน ”
ลีโอเน่ก็พลันหยิบเอาสเตตัสเพลทขึ้นมาเปิดให้ดู มีข้อมูลรายละเอียดในบางส่วน เช่น เผ่าพันธุ์ ชื่อ <<คลาส>> แล้วก็สเตตัสถูกจัดแสดงขึ้นมาอยู่ตรงนั้นด้วยความตั้งใจของลีโอเน่
“ ………….!? ”
พอเห็นค่าตัวเลขในหลักที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน กับ <<คลาส>> ที่ถูกกล่าวขานเลื่องลือเป็นตำนานนั่นแล้วปุ๊บ ครอสก็ถึงกับแทบจะลืมหายใจ
ในฉับพลันเดียวกัน ครอสก็ฉุกคิดนึกถึงเหตุการณ์ในฉับพลันก่อนที่ตนเองจะหมดสติไปขึ้นมาได้
(จริงด้วย คนคนนี้คือ……คนที่ บินลงจากฟากฟ้า มาหาผมที่นอนหมดสภาพอยู่ในตอนนั้นนี่นา……!)
ตอนนั้นสติมันพร่ามัวจัด แถมในหัวยังง่วนคิดอยู่แต่เรื่องของเอลิเซียก็เลยไม่ทันสังเกตซักนิด แต่หากเธอผู้นี้คือคนที่บินลงมาจากฟ้า งั้นก็แสดงว่าเธอผู้นี้ก็คือคนที่ช่วยต้านไอ้เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นเอาไว้ให้ด้วยเช่นกัน
สตรีที่มีนามว่าลีโอเน่คนนี้ คือหนึ่งในสามคนที่ช่วยกันถ่วงไอ้เจ้าสัตว์ประหลาดแสนทรงพลังนั่นเอาไว้
พอเอามาประสานกับข้อมูลซึ่งจัดแสดงอยู่เหนือสเตตัสเพลทที่ไม่อาจปลอมแปลงได้นี่….ครอสก็ทำใจยอมรับได้ในที่สุด ว่าสาวงามที่กำลังอยู่เบื้องหน้าตนในตอนนี้ คือนักผจญภัยระดับ S ของแท้และแน่นอนเลยจริงๆ
และพอทราบว่าตำนานซึ่งมีชีวิตแถมยังเป็นคุณพี่สาวสวยเลิศเลอเพอร์เฟ็คมาอยู่ใกล้ๆตัวเขาซะขนาดนี้ หัวของครอสมันก็พลันเปี่ยมล้นไปด้วยคำถามขึ้นมาโดยพลัน
“ ถะ ถะถะ ทำไมคนที่สุดยอดแบบนั้นถึงโผล่มาอยู่กับไอ้กระจอกอย่างผมล่ะ……!? ให้ว่าแล้วที่นี่มันคือที่ไหนกันครับ!? อ๊ะ จริงสิ!? หลังจากนั้นแล้วเมืองเป็นยังไงบ้าง……!? ”
“ เอาน่าๆ ใจเย็นก่อน จะอธิบายให้ฟังตั้งแต่ต้นเดี๋ยวนี้แหละ ”
ลีโอเน่ทำการสรุปเรื่องราวความเป็นมาของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วเล่าอธิบายให้ครอสซึ่งสับสนสุดขีดฟัง
เล่าว่าความเสียหายของเมืองที่เกิดจากพ๊อยซั่นสไลม์ฮีโดร่า มีจำกัดอยู่แค่ภายในเขตฟื้นฟูปรับสภาพเมืองเท่านั้น
เล่าว่าสแตมปีดแบบเฉียบพลันขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นเบื้องหลังนั้นได้ถูกปราบลงด้วยดี และแทบจะไม่มีบุคลากรของบัสเคิลเบียร์เสียชีวิตระหว่างเหตุการณ์เลย
แต่เหมือนว่าจะมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมากซะจนโบสถ์ไม่มีสถานที่พอจะรองรับ ครอสที่บาดเจ็บสาหัสจึงถูกพาตัวมาพักฟื้นในบ้านหลังนี้ ที่พวกลีโอเน่ซื้อมาใช้เป็นฐานทัพภายในบัสเคิลเบียร์
เพิ่งผ่านไปแค่ 1 วันหลังจากเกิดเรื่องเองแท้ๆ แต่แดนศักดิ์สิทธิ์ของนักผจญภัยก็อาศัยความอาจหาญสมกับฉายา ทวงเอาความสงบแบบก่อนหน้านี้กลับคืนมาได้แล้ว ฯลฯ——-ค่อยๆเล่าอธิบายอย่างช้าๆให้ครอสที่ตื่นตระหนกค่อยๆสงบอารมณ์
และในท้ายที่สุด ลีโอเน่ก็พลันยิ้มร่าพลางกล่าวออกมาว่าเช่นนี้
“ ที่เมืองได้รับความเสียหายน้อยขนาดนี้ มันเป็นเพราะว่าแกวิ่งออกมาในตอนนั้นนั่นแหละไม่ผิดแน่ ถึงแม้ว่าเอฟเฟคของ <<ฮาวล์>> มันจะทำให้คนส่วนมากไม่เห็นวีรกรรมความกล้าหาญของแกกันก็ตามทีเถอะ แต่นี่น่ะคือผลงานที่แกควรภาคภูมิใจเลยเชียวนะ ”
“ มะ ไม่หรอกครับ…….ตอนนั้นผมแค่บ้าดีเดือดไม่คิดหน้าคิดหลังเฉยๆ แถมถ้าไม่มีพวกคุณลีโอเน่อยู่ด้วยละก็ น้ำหน้าอย่างผมคงทำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ…… ”
เป็นในฉับพลันที่ครอสพูดถ่อมตัว—-หรือถ้าให้ถูก พูดสังเวชตนเองออกมาแบบนั้นนั่นแหละ ที่ลีโอเน่พลันวางมือลงบนหัวของครอส ราวกับเป็นการขัดจังหวะหยุดคำพูดนั้นเอาไว้
“ ไม่อะ สุดยอดโคตรๆไปเลยแหละแกน่ะ เป็นแค่ <<ไร้อาชีพ>> แท้ๆแต่ยอดเยี่ยมไปเลยนี่นา ”
“ ………..ฮึก! ”
คำพูดจากใจจริงของผู้ที่ยืนอยู่ ณ จุดยอดสุดของเหล่านักผจญภัยนั่น ทำให้ครอสเกือบจะเผลอหลุดร้องไห้ออกมา
คราวนี้แค่บังเอิญดวงดีเฉยๆเท่านั้น ปัจจัยหลายๆอย่างมันมาทับซ้อนกันจนเปิดช่องให้เขาได้เฉิดฉายมันก็เท่านั้น—–การจะเป็นนักผจญภัย มันก็แค่ฝันที่ยิ่งใหญ่เกินตัวเขาเท่านั้นแหละ
แค่ได้ยินเค้าพูดแบบนั้น ก็เพียงพอมากแล้ว……..เป็นในจังหวะที่ครอสกำลังอุบเงียบอยู่นั่นเอง
“ ……..อ่า ก็ ทีนี้นะ …….โธ่เว้ย พอจะพูดจริงๆแล้วมันเขินชะมัดยาดเลยแฮะพับผ่า……. ”
ลีโอเน่ที่พูดจาคล่องปรื๋อมาตลอดจนถึงเมื่อครู่ จู่ๆก็อ้ำๆอึ้งๆพูดติดๆขัดๆอยู่ไม่สุขขึ้นมาเฉยๆ
พอครอสมองไปด้วยท่าทางงงๆ ลีโอเน่ที่ทำสีหน้าเหมือนตัดสินใจได้แล้วในที่สุด ก็พลัน
“ แกน่ะ มาเป็นลูกศิษย์ของฉันซะสิ ”
กล่าวออกมาอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งว่าอย่างนั้น
“ ……………………เอ๊ะ? ”
“ ได้ยินเรื่องจากซาริเอร่าแล้ว แกถูกเชิญให้ออกจากโรงเรียนนักผจญภัยสินะ? ไหนๆก็ไม่มีที่จะไปอยู่แล้วนี่ อยู่ที่สถานกำพร้าต่อไปก็คงลำบากใจอีกใช่มั้ยล่ะ ถ้าใช่ก็มาอยู่กับฉันนี่ซะนะ ”
“ ……….!? ผมน่ะเหรอ เป็นลูกศิษย์ของนักผจญภัยระดับ S……!? ”
คำพูดของลีโอเน่ทำเอาครอสถึงกับตัวแข็งทื่อไปเลยเชียว
แต่คงช่วยไม่ได้หรอก ก็ครอสเพิ่งจะถูกยัดคลาสที่โคตรกากโคตรกระจอกที่สุดในปฐพีอย่าง <<ไร้อาชีพ>> ให้มาหมาดๆ จนเกือบจะล้มเลิกตัดใจยอมแพ้จากความฝันร่อมร่ออยู่แล้ว แต่จู่ๆก็ถูกนักผจญภัยระดับ S ยอมรับแถมยังเสนอว่าจะรับเป็นศิษย์อีกนี่นา
ข้อเสนอนี่ให้ว่าแล้วมันก็มีความหมายว่าเขาจะได้อาศัยอยู่กินภายใต้ชายคาเดียวกันกับสาวงามตลอดเวลา แถมดูจากคำพูดคำจาของลีโอเน่ตอนนี้แล้ว สาวเจ้าก็ดูท่าจะอยากเก็บครอสมาเลี้ยงดูเต็มที่เต็มกำลังเลยอีกต่างหาก
เจอสถานการณ์ที่โคตรสวรรค์เป็นใจแบบนี้เข้าให้แล้ว ครอสก็สับสนมึนงง ถึงกับขนาดสงสัยว่านี่คือภาพในฝันที่เขามโนคิดขึ้นมาหลังจากที่ตายวิญญาณหลุดออกจากร่างแล้วรึเปล่าเลยทีเดียว—-ทว่าเป็นในฉับพลันนั้นเอง
“ ลีโอเน่! ” “ ลีโอเน่จัง! ”
“ ขึก!? ”
เปรี้ยงงง! บานประตูถูกเป่าปลิวกระเด็น พร้อมกับที่มีผู้หญิงสองคนพุ่งทะลวงเข้ามาภายในห้อง
“ ลีโอเน่ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนอย่างแกมีสมองมากพอจะวางแผนชิงทำแต้มตัดหน้าแบบนี้ได้ด้วย…..! ”
“ ใช่เล้ยใช่เล้ยย สัญญากันไว้แล้วไม่ใช่เหรอว่าต้องผลัดกันเฝ้าไข้ แล้วถ้าเค้าตื่นเมื่อไหร่ก็ต้องวิ่งลงไปแจ้งให้อีกสองคนที่เหลือทราบเรื่องด้วยง่าาา…..!? ”
“ ชิ รู้สึกตัวกันจนได้เรอะ……! ”
“ เอ๊ะ!? เอ๊ะ!? ”
ในระหว่างที่ครอสกำลังแตกตื่นลนลานหนักเพราะเรื่องมันไปไวจัดตามไม่ทัน สาวงามหน้าใหม่ทั้งสองคนที่จู่ๆปรากฎตัวโผล่เข้ามาก็พลันผลักลีโอเน่ออกไปห่างๆ ก่อนจะพุ่งตัวกระชั้นชิดเข้าหาครอส
“ อย่าไปเป็นลูกศิษย์ของลีโอเน่มันเลย ทำแบบนั้นก็มีแต่จะผลาญเวลาชีวิตไปเปล่าๆนะ ฉันชื่อลูด์มิร่า เฮลสตรอม เป็นไฮเอลฟ์ที่มีอาชีพ <<อาร์ควิซาร์ด ดิแซสเตอร์>> รวมทั้งเป็นนักผจญภัยระดับ S ด้วย หากเธออยากจะเป็นนักผจญภัย ก็ต้องเลือกหนทางของจอมขมังเวทที่ชำนาญด้านการล้างบางกำจัดเหล่ามอนสเตอร์เท่านั้น สามารถพูดได้เลยว่าการมาเป็นลูกศิษย์ของฉันเสีย ณ ตรงนี้ถือเป็นตัวเลือกอันมีประสิทธิภาพมากที่สุดแล้ว ”
พอสาวงามหูยาวเรียวหุ่นสเลนเดอร์ที่แผ่บรรยากาศเหมือนผู้รอบรู้ดูดีมีสกุล—-ลูด์มิร่า พูดออกมาเช่นนั้นปุ๊บ
“ พูดอะไรกันเอ่ยยย? ครอสคุงน่ะเป็น <<ไร้อาชีพ>> ที่ยกระดับเลเวลไม่ขึ้นนะ ฉะนั้นหันมาฝึกวิธีต่อสู้ที่เน้นลูกไม้ตุกติกปั่นป่วนศัตรูแทนมันจะดีต่อตัวมากกว่ากันเยอะเลยน้าาา อ๊ะ ฉันชื่อเทโลเมียร์ เคลย์บลัด เป็นโนไลฟ์คิงที่มีอาชีพคือ <<ดาร์คพรีส ไฮเอนด์>> แล้วก็เป็นนักผจญภัยระดับ S ด้วยอีกเช่นกันจ้าาา ถ้าเข้ามาเป็นลูกศิษย์ของฉันแล้วรับรองเลยนะว่าจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเธอมากกว่าแน่นอนน ”
สาวงามผู้ปลดปล่อยบรรยากาศเสื่อมทราม พลางเบียดเอาเรือนร่างอันอวบอูมซะขนาดที่แม้จะใส่เสื้ออยู่ก็ยังปิดเอาไว้ได้ไม่มิดขึ้นมาอยู่เหนือเตียงนอน—-เทโลเมียร์ ก็พลันพูดปาวๆให้ครอสฟังราวกับไม่ยอมน้อยหน้า
“ เอ๊ะ? เอ๊ะ? เอ๋—!? ”
ความแตกตื่นสับสนของครอสพุ่งถึงจุดสุดยอด
จู่ๆสามงามระดับเดียวกับลีโอเน่ที่โผล่หน้าเข้ามาแบบไม่ให้ซุ้มให้เสียง ก็พากันแนะนำตัวว่าพวกตนเองก็เป็นเผ่าพันธุ์สุดแกร่งสามขั้วของโลกเช่นกัน แถมยังยื่นข้อเสนอในฐานะนักผจญภัยระดับ S เชิญชวนอยากจะรับครอสมาเป็นศิษย์เหมือนๆกันอีกตะหาก
ถึงจะว่าไงก็เหอะแต่อะไรแบบนี้มันเป็นไปได้ซะที่ไหน ให้ว่าแล้วโอกาสที่ 3 ในทั้งหมด 9 คนของนักผจญภัยระดับ S จะมารวมตัวในที่เดียวกัน เพื่อเชิญชวนเด็กคนเดียวกันให้มาเป็นศิษย์แบบนี้มันมีน้อยมากขนาดไหนเลยน่ะ
แต่พอมองดูดีๆแล้ว….สองคนนี้เองก็เหมือนกับลีโอเน่ เป็นคนที่บินลงมาจากฟ้าในตอนนั้น —-เป็นในระหว่างที่ครอสกำลังตัวแข็งทื่ออยู่นั่น
“ เอ๊ะพวกหล่อนอย่ามาขวางขัดจังหวะกันสิเฮ้ย! ทนรอเป็นเด็กดีอยู่นิ่งๆไปจนกว่าเจ้านี่จะตอบรับต่อข้อเสนอของฉันโน่นก่อนค่อยพูด! เหอะ ถึงแม้ว่าฉันคนนี้จะไม่มีทางถูกปฎิเสธอย่างเด็ดขาดเลยก็เหอะนะ ”
“ ริอาจทำคะแนนตัดหน้าคนอื่นได้ลงคอแท้ๆ ยังจะมีหน้ามาละเมอเพ้อพกเช่นนั้นอีกรึ! คนที่นิสัยเสียชั่วร้ายเลวทรามป่าเถื่อนนอกรีตอย่างแกน่ะ ยังเร็วไปที่จะมีลูกศิษย์! หึ คิดไว้แล้วเชียวว่าพูดจากันไปก็เปล่าประโยชน์สิ้นดี ครอสน่ะฉันผู้นี้จะเป็นคนเลี้ยงดูเอง ไม่ยอมรับข้อโต้แย้งใดๆทั้งนั้น! ”
“ เฮ่อ~~ น่ารำคาญจังเลยน้าาา ทั้งสองคนช่วยเงียบเสียงไปจนกว่าฉันจะเชิญชวนครอสคุงเสร็จได้มั้ยอ่าา…….? สกิล—– ”
“ อ๊าาา!? อ้าวสวยดิหล่อนอยากเจอกันซักตั้งมั้ยเฮ้ยเทโลเมียร์! ถ้าทางโน้นหาเรื่องเข้ามา งั้นไอ้ฉันก็ขอใช้กลับมั่งเป็นไง สกิล—– ”
“ น่าสนุกดีนี่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็คงเห็นทีจะถึงคราวต้องเป่าร่างพวกแกสองคนให้แหลกเละเป็นผุยผงแล้วกระมัง สกิล—— ”
(เฮ้ยยยยยยยยยย!?)
ทะลุขีดของคำว่าตึงเครียดไปไกล สถานการณ์ตอนนี้มันตึงจัดๆจนระเบิดบึ้มแหลกกระจุยเละเทะเรียบร้อยโรงเรียนไปแล้ว เจอกับความฉิบหายวายป่วนของเหล่าสุดแกร่งทั้งสามคนเช่นนี้เข้า ร่างของครอสที่เอาแต่แข็งทื่อมาตลอดจนถึงเมื่อครู่ก็พลันลั่นสัญญาณเตือนภัยดังก้องกังวานขึ้นมาสุดกำลังด้วยสัญชาติญาณ
ไม่รู้หรอกนะว่าอะไรดลใจทำให้ต้องตีกันขนาดนั้น แต่มีเรื่องนี้เท่านั้นที่รู้ดี
นั่นก็คือ ถ้าเกิดปล่อยเอาไว้ทั้งๆแบบนี้ละก็ ได้บานปลายกลายเป็นเหตุปั่นป่วนครั้งใหญ่หนักยิ่งกว่าตอนที่ฮีโดร่ามันอาละวาดนั่นอีกแน่ๆ——-!
เท่านั้นแหละ ครอสที่ร่างกายขยับไปเองโดยอัตโนมัติ รีบพุ่งทะยานเข้าไปขวางกลางอยู่ระหว่างทั้งสามที่จ้องหน้ากันเขม็งพลางปลดปล่อยจิตสังหารและพลังเวทออกมามากมายท่วมท้นมหาศาลทันที
“ ขะ คือว่า! ”
จากนั้นจึงกล่าวข้อเสนอประนีประนอมที่พลันปรากฎเข้ามาในหัวออกมา
“ ถ้างั้น ขอผมเป็นลูกศิษย์ของทุกคนเลย…..นี่ฟังดูเป็นยังไงครับ……? ”
กริ๊ก
ฉับพลันนั้น ทั้งสามที่เลิกจ้องตากัน ก็หันมามองใบหน้าของครอสที่กำลังสอดส่ายสายตาไปมาอย่างกล้าๆกลัวๆ
(……..เข้าท่าดีเหมือนกันแฮะ เห็นเหมือนว่า <<ไร้อาชีพ>> เนี่ยมันจะสามารถเรียนสกิลของทุกๆ <<คลาส>> ได้หมดเลยด้วยนี่นะ ถ้าทำแบบนั้นแทนก็น่าจะปั้นขึ้นมาให้เป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งได้ง่ายขึ้นด้วย…….)
(ตัวฉันคนนี้ไม่มีทางมีเสน่ห์ในฐานะผู้หญิงต่ำต้อยกว่านังพวกนี้เป็นแน่แท้ หรือก็คือหากทำเช่นนั้นเสีย ก็จะหลอกให้นังสองคนนี้มันช่วยเหลือในการฝึกเพียงอย่างเดียวได้ และในท้ายที่สุดแล้วฉันก็จะตัดหน้าเข้ามา “เก็บเกี่ยว” เอาส่วนที่หอมหวนเอร็ดอร่อยมากที่สุดไปครองแต่เพียงผู้เดียวเลย……)
(ครอสคุงเค้าดูเหมือนจะมีใจให้นังผู้สืบสายเลือดของผู้กล้าที่ชื่อเอลิเซียนั่นด้วยนี่น้าาา ถ้าช่วยกันยั่วยวนทีเดียวสามคน ก็น่าจะทำให้ตัดใจลืมนังผู้หญิงคนนั้นไปได้ง่ายขึ้นละมั้ง ถ้ายอมทำแบบนั้นซะนอกจากจะเก่งแล้ว ยังน่าจะปั้นให้กลายมาเป็นเด็กผู้ชายในฝันได้สบายขึ้นก็ได้นะเนี่ยยย…..)
สามคนสามสไตล์แต่คิดได้อะไรออกคล้ายๆกันเลยนะนั่น และแล้วข้อสรุปที่ตกลงได้ออกมาก็คือ
“ ………..เค เอางั้นก็ได้ ”
“ นั่นสินะ คงถือเป็นวิธีที่เท่าเทียมมากที่สุดแล้ว ”
“ ต่อให้สุดท้ายครอสคุงเค้าเลือกใคร ก็ห้ามพาลเป็นหมาขี้แพ้เด็ดขาดน้าาา ”
และเมื่อทั้งสามคนหันหน้าขวับกลับไปหาครอสอีกครา
“ งั้นก็ ตั้งแต่นี้ไปแกคือลูกศิษย์ของพวกฉันแล้วนะ ”
“ อืม การฝึกสอนนั้นไว้ค่อยเริ่มหลังจากที่อะไรๆลงตัวพร้อมก่อนจะดีกว่า วันนี้เธอพักผ่อนต่อให้เต็มอิ่มเถอะ ”
“ เอะเฮะเฮะ เพิ่งจะเคยอยู่อาศัยด้วยกันกับเด็กผู้ชายเป็นครั้งแรกนะเนี่ยย ตื่นเต้นจังง ฝากตัวด้วยน้าาา ”
มั่นใจ เยือกเย็น โลกีย์….ต่างคนต่างก็ปั้นรอยยิ้มขึ้นมาคนละแบบ ก่อนจะเอ่ยบอกกับครอสเช่นนั้น
“ …………..! ”
แม้จะเป็นอะไรที่เผลอหลุดปากพูดออกมาเนื่องจากสถานการณ์บีบบังคับ แม้จะเป็นข้อเสนอที่ตนเองคิดขึ้นเพื่อหยุดความขัดแย้ง แต่พอเห็นว่าสถานการณ์เป็นไปในแบบที่ทำใจให้เชื่อไม่ลงเช่นนี้แล้ว ครอสก็ถึงกับปกปิดความสับสนเอาไว้ไม่ได้
ไม่คิดเลยจริงๆว่า <<ไร้อาชีพ>> อย่างตนจะได้เป็นลูกศิษย์ของนักผจญภัยระดับ S ถึงสามคน—-แถมแต่ละคนยังเป็นสาวงามหยาดเยิ้มกันทั้งนั้นอีก
แต่แล้วเด็กหนุ่มก็หาทางยอมรับสถานการณ์นี้ว่าเป็นความจริงได้ ว่าแล้วครอสก็ส่งเสียงตอบรับต่อคำพูดของทั้งสามคนด้วยใบหน้าที่แดงเรื้อ
“ ขะ คือว่า เอ่อ ผมมันไม่มีพรสวรรค์อะไรเลยซักนิด อาจจะตอบรับต่อความคาดหวังของทุกคนไม่ไหวก็ได้……แต่ก็จะทุ่มเทกำลังพยายามให้เต็มที่เลยครับ ฉะนั้น ขอฝากตัวด้วยนะครับ! ”
เพื่อที่จะเป็นนักผจญภัยแบบเดียวกับคุณเอลิเซียให้ได้…….ครอสก้มหัวให้ทั้งสามด้วยสีหน้าจริงจัง พลางกล่าวคำพูดขอเข้าเป็นศิษย์ออกมา ทว่า
“ อ่า….ไม่ต้องเคร่งเครียดซีเรียสอะไรมากมายขนาดนั้นก็ได้นะ ”
“ เอ๊ะ? ”
“ ถ้าฝึกแล้วมันไม่เก่งขึ้นจริงๆเดี๋ยวฉันจะเอาสมบัติลับสุดยอดของดราโกเนียมาบูสต์ให้เอง เอ้อถ้าทำแบบนั้นมีหวังได้ถูกพวกในหมู่บ้านไล่ล่าตามฆ่าไปจนถึงสุดขอบโลกแน่ๆแหละ แต่แค่กระทืบพวกมันให้ยับเยินเละหมดทุกตัวซะก็พอเนอะ ”
“ ………..เอ๊ะ? ”
“ แล้วก็ต้องไม่ลืมว่าในป่าของเหล่าเอลฟ์ มีสมุนไพรลี้ลับที่จะผลิดอกออกผลเพียงครั้งเดียวในรอบ 300 ปีอยู่ด้วย หากกินแล้วจะช่วยให้อายุยืนยาวและเพิ่มพูนพลังเวทได้ อืม หากทำเช่นนั้นคงมีหวังได้ถูกเอลฟ์จากทั่วสารทิศรอบโลกคอยตามรังควานหาเรื่องไปตลอดชั่วนิรันดร์เลยก็จริงอยู่ แต่ถ้าค่อยๆเด็ดหัวพวกมันไปทีละตัวสองตัวเดี๋ยวก็คงจะเงียบสงบกันขึ้นมาเองนั่นล่ะ ”
“ ………..เอ๊ะ? ”
“ อ๊ะ ถ้าอย่างงั้นฉันก็อยากจะลองใช้จอกศักดิ์สิทธิ์แห่งความมืดที่มีเพียง <<ดาร์คพรีส ไฮเอนด์>> เท่านั้นจึงจะเปิดใช้งานได้ดูอยู่เหมือนกันน้าา ถึงจะต้องบูชาเครื่องสังเวยเป็นจำนวนมหาศาลเลยก็เถอะ น่าจะใช้บัพ ยกระดับผลลัพธ์ของสมุนไพรลี้ลับอะไรนั่นให้ขึ้นสูงสุดกู่มากซะจนถึงขั้นไม่อยากจะเชื่อได้แน่นอนเลยล่าาา แต่มันก็เป็นศาสตราเทพที่ถูกผนึกอะน้าา ถ้าใช้ขึ้นมาคงจะถูกแดนศักดิ์สิทธิ์คลัสเดียหมายหัวเป็นเป้าหมายที่ต้องถูกตามฆ่าแน่ๆเลยย แต่ถ้าเก่งขึ้นมาได้ก่อนที่ความจะแตกก็คงไม่เป็นปัญหาอะไรเน้ออ ”
“ ………..เอ๊ะ? ”
คำพูดชวนสังหรณ์ใจไม่ดีที่หลุดลอยออกมาจากปากของทั้งสามเรื่อยๆ ทำเอาครอสถึงกับขนลุกซู่
“ อะ เอ่อ…….พูดเล่นใช่มั้ยครับ? ”
“““ ฮะฮะฮะ ”””
แม้ครอสจะถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ แต่อาจารย์ทั้งสามก็เอาแต่หัวเราะออกมาเบาๆกันท่าเดียว….
(อะ อือ เค้าก็หัวเราะด้วยนี่เนอะ ต้องพูดเล่นแหงอยู่แล้วเนอะ!)
ครอสเลยต้องพูดให้ตัวเองเชื่อเช่นนั้นไปเองโดยปริยาย
———-แต่เด็กหนุ่มนั้นยังไม่รู้
ว่าถ้าหากจำเป็นละก็ เหล่าอาจารย์ที่หาความดีไม่ได้พวกนี้มันก็พร้อมจะลงมือทำอย่างที่พูดมานั่นได้จริงๆเลยทีเดียวเชียวล่ะ
ว่าเขานั้นถูกจับให้อยู่ในตำแหน่งสุดซวย ที่หากไม่พัฒนาตัวเองขึ้นมาให้แข็งแกร่งมากพอที่จะเอาชนะทั้งสามคนนี้ได้พร้อมๆกัน ก็จะไม่อาจมีความรักอย่างอิสระเช่นใครอื่นได้ไปตลอดชีวิตเลยทีเดียวเชียวล่ะ
เด็กหนุ่มอายุ 14 ปี ผู้ใสซื่อบริสุทธิ์และเป็นคนดีของสังคมผู้นี้ ยังไม่ได้รู้อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว