วันรุ่งขึ้นหลังจากที่ผมซึ่งเป็น <<ไร้อาชีพ>> ได้กลายมาเป็นลูกศิษย์ของเหล่านักผจญภัยระดับ S ทั้ง 3 รวมทั้งยังจับพลัดจับผลูได้มาอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับพวกเธอด้วย
ร่างกายก็กลับมาเป็นปกติดีดังเดิมแล้ว เราจึงตัดสินใจเริ่มต้นการฝึกกันทันทีในช่วงบ่ายนี้เลยแน่ะ……แต่ก็ดันเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นก่อนหน้าซะได้นี่สิประเด็น ปัญหาอะไรน่ะเหรอ ก็นี่ไงล่ะ…..
“ ห้ะ? คนที่เหมาะจะรับตำแหน่งเป็นครูฝึกสอนวิชาให้คนแรกสุด มันก็ต้องเป็นฉันที่เชี่ยวชาญชำนาญด้านศึกระยะประชิดอยู่แล้วไม่ใช่เรอะ ”
“ หาา~~ อาจารย์คนแรกน่ะจะถูกฝังลึกตราตรึงอยู่ในใจน่าจะทำแต้มความชอบให้สูงลิ่วขึ้นได้เยอะเลยเรื่องอะไรจะยอมยกให้กันละยะ ต้องเป็นฉันต่างหากล่าาา ”
“ ละเมอเพ้อพกอะไรของพวกแก ฉันที่เคยมีประสบการณ์ฝึกวิชาให้แก่คนรุ่นหลังมาก่อนผู้นี้ต่างหาก เหมาะสมคู่ควรจะรับบทบาทเป็นครูฝึกคนแรกมากที่สุดแล้ว ”
“ อย่ามาพูดบ้าๆนะ! อย่างหล่อนน่ะเคยฝึกให้เฉพาะ [เอลฟ์] ที่เป็น [ผู้หญิง] สาย [จอมขมังเวท] เท่านั้นไม่ใช่เรอะ! เพิ่งจะเคยฝึกให้ผู้ชายเผ่าฮิวแมนที่เป็น <<ไร้อาชีพ>> ครั้งนี้ครั้งแรก ฉะนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับพวกฉันมากมายนักหรอกเฟ้ยหล่อนน่ะ! ”
“ มันจะไม่ต่างได้อย่างไรกัน นังคนหัวทึบนี่! ”
สงสัยการเข้ามาเป็นศิษย์ของผมนี่มันจะฉุกละหุกมากเกินไปละมั้ง ทั้งสามคนเลยดูเหมือนว่าจะยังไม่ได้วางแนวทางการฝึกเอาไว้ละเอียดเป็นรูปเป็นร่างซักเท่าไหร่เลย พอกินอาหารกลางวันเบาๆกันเสร็จปุ๊บเหล่าอาจารย์ก็พากันจ้องเขม็งมองหน้ากันและกันแง่งๆอยู่ในห้องนั่งเล่น โมเมถกกันว่าใครเหมาะสมจะเป็นคนฝึกสอนให้ผมคนแรกสุดอยู่เนี่ย เรียกได้ว่าสถานการณ์โคตรจะตึงเครียด
ให้พูดตามตรง เห็นพวกเค้าคิดเอาใจใส่ผมกันซะขนาดนี้แล้วก็ชวนให้รู้สึกดีใจอยู่หรอกนะ แต่ปัญหามันอยู่ตรงอื่นนี่น่ะสิ……
“ ต้องเป็นฉัน! ”
“ หวา! ”
“ ฉันจ้าาา~! ”
“ ฮ้าาา!? ”
“ ก็บอกว่าฉันไงเฮ้ยพูดไม่รู้เรื่องเรอะ! ”
“ อ๋าา…..!? ”
คุณลูด์มิร่าเค้าใช้อะไรคล้ายๆเวทลมลากตัวผมเข้าไปใกล้ แล้วคุณเทโลเมียร์ก็พุ่งเข้ามากอดรวบร่างผมเอาไว้ ตามด้วยถูกคุณลีโอเน่จับไหล่พร้อมกระชากกายผมให้หลุดออกมา
พอถูกลากไปทีนึงผิวพรรณบางส่วนของพวกคุณลีโอเน่ที่นิ่มเอามากๆมันก็จะแตะโดนตัวผม กลิ่นหอมหวนมันต้องเข้ากับปลายจมูก ทำเอาผมได้แต่แผดเสียงร้องแปลกๆออกมาด้วยใบหน้าที่แดงแจ๋อย่างเดียวเลย
แต่พอทำแบบนั้นกันไปซักพัก พวกคุณลีโอเน่ก็ดูเหมือนจะคิดได้ขึ้นมาว่าถ้าดึงร่างผมไปทางโน้นทีทางนี้ทีต่อไปแบบนี้มันอาจจะไม่ดี สุดท้ายแล้วทั้งสามคนเลยหันมาจ้องหน้ากันพลางยืนกระหนาบห้อมล้อมรอบตัวผมเอาไว้แทน……
“ อะ เอ่อ ทุกคนครับ!? กะ ใกล้ไปแล้ว…..! ”
ถูกรายล้อมจากสามทิศด้วยกลิ่นหอมหวานและสัมผัสอ่อนนุ่มที่แตกต่างกันเล็กน้อยแบบนี้เข้าไป คลื่นความเขินและอับอายมันก็พลันมาสั่งสมรวมตัวกันอยู่บนหน้า เล่นเอาผมเกือบจะเป็นลมล้มทั้งยืนมันทั้งๆแบบนั้นเลย
(อุ อุก…..เคยอยู่กับพวกเด็กผู้หญิงที่สถานกำพร้ามาก่อนก็เลยคิดว่าคงไม่เป็นไร…….แต่แบบนี้มัน……จะน่าอายมากเกินไปแล้ว…….)
ตามเดิมแล้วสถานกำพร้าก็เป็นแหล่งที่พักซึ่งไม่มีแบ่งแยกโซนชายหญิงเหมือนกัน บวกกับการได้กลายมาเป็นลูกศิษย์ของนักผจญภัยระดับ S มันเหลือเชื่อมากเกินไปเลยไม่ทันได้คิดมากเท่าไหร่…..แต่พอโดนแบบนี้เข้าแล้ว ความจริงที่ว่าผมได้มาอยู่อาศัยร่วมกันกับพวกคุณๆพี่สาวที่สวยหยาดเยิ้มมากล้นขนาดนี้ มันก็พลันพุ่งตรงดิ่งอัดเข้ามากลางหน้าพร้อมกับกลิ่นอันหอมหวนชวนใจละลาย ทำเอาหัวมันตื๊อไปหมดเลย
ต่อให้พยายามจะหนี แต่พวกคุณลีโอเน่เค้าก็มีแรงโคตรเยอะเลยอีก……เป็นระหว่างที่ผมตะลีตะลานใจเต้นแรงตึ๊กตั๊กมากจัดจนจะเป็นลมมันให้ได้อยู่นั่นแหละ
“ ……..ถกแบบนี้ไปก็คงไม่เป็นอันจบอันสิ้นกันพอดี ช่วยไม่ได้ หาทางตัดสินอย่างเท่าเทียมก็แล้วกัน ”
ที่คุณลูด์มิร่าพลันพูดออกมาเช่นนั้น และคุณเทโลเมียร์กับคุณลีโอเน่ก็ผละตัวออกห่างไปจากผมราวกับเห็นด้วย นะ ในที่สุดก็ถูกปล่อยเป็นอิสระซะที
………แต่ ผมก็ถอนหายใจโล่งอกไปได้ไม่นานนักหรอกนะ
จ้อง—————–!
“ ……….เอ๊ะ!? ”
สาวงามล่มเมืองทั้ง 3 คน…เค้าสาดส่องสายตาจ้องมองมาที่ผมในระยะประชิดด้วยสีหน้าจริงจังซีเรียสอย่างยิ่งยวด
“ อะ เอิ่มมม….คือว่านี่ทำอะไร……. ”
ไม่เข้าใจความหมาย ได้แต่หัวหดพลางเปล่งเสียงที่แหบพร่าราวกับจะสูญสลายหายไปกับอากาศเช่นนั้นออกมาเพียงอย่างเดียว
แล้วไม่นานนัก คุณลีโอเน่ก็พลันแสยะยิ้มแสดงให้เห็นเขี้ยวแพลมออกมา
“ …………เหะ ดูท่าแล้วให้ฉันเป็นอาจารย์คนแรกคงจะเหมาะสมที่สุดจริงๆด้วยสินะ ”
“ ชิ เอาเถอะ จะยังไงก็ตามแต่ การจะฝึกให้เรียนรู้สกิลเวทมนตร์โดยเริ่มต้นจาก 0 เลยนี่มันก็จำเป็นต้องอาศัยเวลาตระเตรียมการมากพอดูเช่นกันนี่นะ ……….แล้วก็ ใช่ว่าวิธีย่นระยะห่างของหัวใจมันจะทำได้ผ่านทางการฝึกสอนโดยตรงเพียงอย่างเดียวเสียหน่อย ”
“ โด่วว เอ้อฝีมือสู้ระยะประชิดนี่มันก็ถือเป็นทักษะการต่อสู้ขั้นพื้นฐานของทุกๆสาย <<คลาส>> เลยด้วยนี่นะ ช่วยไม่ได้แฮ้~ ……….เอ้อเป็นอาจารย์คนแรกไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ยังมีลูกไม้อื่นให้ลองได้เหลืออยู่อีกตั้งเย้อ~ ”
แม้จะทำหน้าตาเหมือนไม่ชอบใจเอาพอสมควร แต่คุณลูด์มิร่ากับคุณเทโลเมียร์ต่างก็เห็นพ้องต้องกันกับคำพูดของคุณลีโอเน่ทั้งคู่ เห็นความอลหม่านที่ดำเนินมาจนถึงเมื่อตะกี้ปิดฉากลงได้ง่ายๆแบบนี้แล้ว ผมก็ถึงกับตะลึงงันไปเลย
“ เอ๊ะ เอ่อ ทำไมจู่ๆถึงได้……? ”
“ เราดูสิ่งที่สั่งสมมาของแกน่ะ ”
คุณลีโอเน่ตอบข้อสงสัยของผมอย่างอารมณ์ดี
“ แกน่ะ เหวี่ยงดาบอยู่บ่อยพอประมาณเลยใช่มั้ยล่ะ? ถึงจะดูหยาบๆหน่อยแต่ก็ถือว่ามีฐานอยู่ ถ้ามีฐานอยู่ ฝึกไปในแนวทางเดียวกับฐานที่มีซะมันก็จะทำให้เกิดเป็นผลลัพธ์ได้ง่าย และถ้าเห็นผลลัพธ์แล้วก็จะยิ่งมีกะใจอยากฝึกต่อเพิ่มขึ้น….สรุปก็คือ พวกเรา 3 คนตัดสินเห็นตรงกันเลยว่า ถ้าเน้นฝึกฝนไปที่การต่อสู้ระยะประชิดซะ มันจะเหมาะกับตัวแกในตอนนี้มากที่สุดแน่ะ ”
“ ……….ขึก ”
คำพูดนั้น ทำให้ผมรู้สึกดีใจจี๊ดไปทั่วร่างยังไงชอบกล
เพราะมันทำให้สัมผัสได้อย่างชัดเจนเลย ว่าคุณลีโอเน่ คุณลูด์มิร่า คุณเทโลเมียร์….ทั้งสามคนเค้าคิดเอ็นดูและเอาใจใส่ผมอย่างแท้จริง
“ อะก็ ตัดสินแนวทางได้แล้วด้วยนี่นะ มาเริ่มต้นฝึกวิชาอุ่นเครื่องนิดๆกันเลยดีกว่ามะ! ”
“ ครับ! ”
ในที่สุดการฝึกโดยตรงจากนักผจญภัยระดับ S ก็จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว……!
ผมขานตอนรับออกมาอย่างดังฟังชัด ราวกับถูกฉุดด้วยเสียงอันเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจของคุณลีโอเน่…….แต่แล้ว เป็นฉับพลันนั้นแหละที่มีคำถามหนึ่งปรากฎขึ้นมาอยู่ภายในหัว
ฝึกวิชานี่….จะไปฝึกที่ไหนกันนะ
ที่นึกขึ้นมาได้ ก็คือหนึ่งในคำสัญญาที่ผมให้ไว้กับทั้งสามคนเมื่อวาน ภายหลังจากตกลงเข้าเป็นศิษย์เรียบร้อยแล้ว
สัญญานั่นก็คือ ผมจะต้องเก็บเรื่องที่ตัวเองเป็นลูกศิษย์ของพวกคุณลีโอเน่เอาไว้เป็นความลับ อย่าให้ใครอื่นรู้ได้
ทั้งสามคนที่เป็นนักผจญภัยระดับ S นั้นอ้างว่าไม่อยากเจออะไรยุ่งยาก ก็เลยเสแสร้งเหมือนกับว่าเดินทางออกจากบัสเคิลเบียร์ไปเรียบร้อยแล้วน่ะ เห็นบอกว่าเพราะอยากจะเพ่งสมาธิจดจ่ออยู่กับการฝึกของผม ก็เลยไม่อยากจะเด่นเป็นที่สนใจมาก หรืออะไรนี่
แต่ถ้าเป็นแบบนั้นแล้ว ปัญหามันก็จะอยู่ตรงสถานที่ฝึกวิชานี่แหละ
บ้านที่พวกคุณลีโอเน่ซื้อมาหลังนี้ เป็นบ้านไม้สามชั้นซึ่งตั้งอยู่ภายในเขตถนนที่สลับซับซ้อน
เป็นบ้านแบบที่ปาร์ตี้นักผจญภัยซึ่งเพิ่งจะเดินทางมาถึงเมืองได้ใหม่ๆ มักจะทำสัญญาเช่าเป็นเวลานานเพื่อใช้เป็นฐานทัพกันบ่อยๆ ก็เลยมีขนาดใหญ่พอสมควรอยู่หรอก แต่ก็ไม่มีพื้นที่กว้างๆอย่างบริเวณสวนให้ใช้ฝึกฝนแบบลับๆได้เลย
ถ้าจะฝึกฝนแบบลับๆ คนเค้าก็นิยมใช้บริเวณภายนอกเมืองเป็นสถานที่ฝึกอยู่เหมือนกันนะ แต่ตรงนั้นก็มีผู้คนคอยสาดส่องเฝ้ายามเพื่อเป็นมาตรการรับมือกับพวกมอนสเตอร์อีก เลยดูเด่นผิดคาดอีกเหมือนกัน….ถ้าแบบนั้นสถานที่ที่ยังเหลือพอให้ใช้ได้ก็มีแค่พวกทุ่งโล่งที่ตั้งอยู่ห่างไกลออกไปจากเมืองละมั้ง แต่ถ้าจะฝึกทีนึงต้องถ่อไปจนถึงที่นั่นทีนึงนี่มันก็คงกินเวลาแล้วก็เป็นภาระมากเกินไปเนอะ…..
พอผมยิงข้อสงสัยเข้าใส่พวกคุณลีโอเน่เช่นนั้นปุ๊บ
“ อ๋อ จะว่าไปแล้ว ยังไม่ได้บอกให้เธอทราบเลยนี่นะ ”
จู่ๆคุณลูด์มิร่าก็พลันกระชากพื้นของห้องนั่งเล่นขึ้นมะ—-เอ๊ะ!?
พอมองดีๆแล้วถึงได้เห็นว่านั่นมันคือประตูกล ใต้พื้นนั่นมีบันไดที่เชื่อมต่อลงไปยังชั้นใต้ดินอยู่…..
“ เราใช้บ้านหลังนี้เป็นประตูทางเข้าเพื่อหลอกตาของบุคคลโดยรอบน่ะ ตัวบ้านที่แท้จริงนั้นอยู่อีกที่หนึ่ง ”
“ ตัวบ้านจริงๆอยู่อีกที่……..? ”
ผมตะลึงงันไปพลาง ถูกทั้งสามคนยุให้ก้าวเท้าตรงลึกเข้าไปในทางเดินชั้นใต้ดิน
พอเดินไปซักพักแล้วปีนบันไดกลับขึ้นมาอีกที สิ่งที่แผ่หรารอคอยอยู่เบื้องหน้านั่น………ก็คือคฤหาสน์พ่วงสวนดอกไม้ที่ใหญ่โตโอฬารซะจนแทบดูผิดคิดว่าเป็นบ้านพักตากอากาศของพระราชาเลย
“ ห้ะ………..เอ๋———–!? ”
ความหรูหราที่มากล้นจนไม่เข้าใจความหมาย ทำเอาผมถึงกับพูดอะไรไม่ออก
นี่มัน เรือนหรูหลังนี้นี่….มันกว้างมากยิ่งกว่าคฤหาสน์หลังใหญ่สุดภายในเมืองของพวกขุนนางที่ตั้งอยู่ใกล้ๆโรงเรียนนักผจญภัยอีกไม่ใช่เหรอ……..พอผมหันขวับกลับไปหาพวกคุณลีโอเน่เพื่อขอคำอธิบายปุ๊บ
“ แหม่ นับว่าพวกเราดวงเฮงจริงๆเลยเนอะว่ามะ เพราะตั้งอยู่ห่างจากเมืองของไอ้เจ้าพวกขุนนางที่นี่ก็เลยบังเอิ๊ญบังเอิญยังไม่มีคนซื้อพอดีเนี่ย ”
“ เอ๋~? เป็นแบบนั้นจริงเหรอออ? ”
“ พอ โน้มน้าว แล้วเจ้าของเดิมก็ยอมยกให้แต่โดยดีต่างหากเล่า แต่ว่าก็ว่าเถอะ เพราะเราสามคนช่วยกันเจียดเงินรวมกันก็เลยได้ฐานทัพดีเยี่ยมมาในราคาถูกแสนถูกถึงเพียงนี้ คุ้มดีจริงๆ ”
กะ กำลังทรัพย์ของนักผจญภัยระดับ S นี่มันคือระดับไหนเลยเชียวน่ะ……
(มะ ไม่แน่ผม อาจจะถูกกลุ่มคนที่สุดยอดมากกว่าที่คิดเอาไว้หลายเท่า เก็บมาเลี้ยงเข้าแล้วก็ได้นะเนี่ย……)
ผมที่ยืนอึ้งอยู่หน้าเรือนหรูซึ่งน่าจะมีขนาดใหญ่โตโอฬารมากที่สุดในเมืองแห่งนี้แล้ว พลันฉุกคิดเช่นนั้นขึ้นมาเอาป่านนี้