เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย – ตอนที่ 12 เริ่มต้นการฝึก! (3)

“ นะ นี่มันอะไรกันครับเนี่ย……!? ”

 

พอล้างเหงื่อแล้วมุ่งหน้าตรงไปยังโรงอาหาร ตัวผมที่เห็นกับข้าวซึ่งถูกตั้งเรียงรายเอาไว้อยู่เหนือโต๊ะ ก็ถึงกับดวงตาเบิกโพลงเลย

สาเหตุก็เพราะสิ่งที่ถูกตั้งเรียงรายอยู่นั่นประกอบไปด้วย ขนมปังที่เพิ่งอบเสร็จออกจากเตาร้อนๆที่แค่กลิ่นอย่างเดียวก็ชวนน้ำลายสอแล้ว ซุปที่มีหอยหลากหลายประเภทโปะอยู่เต็ม กองภูเขาผลไม้ แล้วก็เนื้อแดงจำนวนมากที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำมันส่งเสียงดังชู่วๆอยู่เหนือแผ่นเหล็ก

ไม่ใช่กับข้าวที่ถูกทำขึ้นมาด้วยทักษะการปรุงขั้นสูงแต่อย่างใด

ทว่า แม้แต่ผมที่ไม่ค่อยรู้ประสีประสามาเห็นแค่ปราดเดียวก็ยังรู้เลย ว่าทั้งหมดนี่ต่างก็ถูกทำขึ้นจากวัตถุดิบเกรดสูงทั้งนั้น แค่มองดูเฉยๆก็รู้สึกเหมือนว่าความหิวโหยมันจะเพิ่มพูนขึ้นเป็นเท่าตัวแล้ว แถมอย่างขนมปังนี่ เค้าอุตส่าห์เก็บของที่ตามเดิมควรจะอบตั้งแต่เช้าแล้วเอาไว้ เพื่อที่จะได้เอาออกมาให้กินได้เข้ากับจังหวะมื้อเย็นนี้ใช่มั้ยเนี่ย……?

 

“ อืม วันนี้ตอนที่เดินทางเข้าไปใน <<ผืนป่าเบื้องลึก>> เผอิญเจอกับควีนออร์คที่กระเหี้ยนกระหือรือเข้าตัวหนึ่งน่ะนะ จึงล่าแล้วนำเอาส่วนที่มีโภชนาการสูงมาย่าง ส่วนอื่นก็นำไปขายแลกเงินซื้อวัตถุดิบอื่นๆมาแทน จึงได้มาเป็นเช่นนี้แหละ เอ้า คงจะเหนื่อยจากการฝึกใช่ไหมล่ะ เชิญกินให้เต็มที่เถอะ ”

 

คุณลูด์มิร่าที่ช่วยตระเตรียมอาหารให้ เค้าอธิบายเรื่องราวความเป็นมาของอาหารมื้อนี้ให้ฟัง พลางยุให้ผมนั่งลงกับที่

คะ ควีนออร์คเนี่ย ถ้าจำไม่ผิดมันคือมอนสเตอร์ริสก์ 5 ที่อยู่ลึกเข้าไปใน <<ผืนป่าเบื้องลึก>> พอสมควรเลยไม่ใช่เหรอ?

ตรงนั้นมันลึกอยู่ในระดับที่ไปกลับได้ภายในวันเดียวจริงๆน่ะเหรอ…….?

แล้วก็ เนื้อของมอนสเตอร์ริสก์ 5 นี่…เป็นของเกรดสูงจริงๆด้วยนี่นา…….!?

พอผมอึ้งตะลึงงันแบบนั้นอยู่

 

“ โอ้ เป็นแค่ลูด์มิร่าแท้ๆแต่ทำออกมาได้ไม่เลวเลยนี่นา ”

 

คุณลีโอเน่กับคุณเทโลเมียร์ที่เริ่มต้นกินกันแล้วก็พลันมองตรงมาทางผม ก่อนจะ

 

“ เฮ้ยครอส มัวเหม่อลอยอยู่ทำไมน่ะ? กินให้พุงกางไปเลยนะ นี่ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกเหมือนกัน ”

“ ใช่แล้วล่าา~ กับข้าวเนี่ยนะ นอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นแล้ว ยังมีผลกระทบต่อการเติบโตของค่าพลังกายกับกำลังใจที่ไม่มีแสดงอยู่บนสเตตัส แล้วก็มีผลช่วยทำให้พลังเวทเติบโตขึ้นได้นิดหน่อยด้วยน้าา ”

“ ช่ายๆ ต่อให้มีค่าสเตตัสเท่ากัน แต่คนที่มีร่างกายแข็งแรงกว่าก็ย่อมแข็งแกร่งกว่าแหงอยู่แล้ว กินเยอะๆให้มีเนื้อมีหนังขึ้นมาก็ไม่เสียหายอะไรใช่มะ เอ้อไอ้ความแข็งแกร่งของร่างกายนี่ถ้าเทียบกับความต่างชั้นทางสเตตัสแล้วก็คงมีผลไม่มากมายนักหรอก แต่ก็อย่างที่เทโลเมียร์มันพูดนั่นแหละ ปริมาณอาหารที่กินมันจะมีผลต่อกำลังใจและพลังกายโดยตรงเลย จะมีผลกระทบต่อการฝึกหลังจากนี้ด้วยฉะนั้นยัดเข้าไปให้เต็มที่เลย เอาให้ท้องป่องกินต่อไม่ได้แล้วนั่นแหละ ”

“ เอ๊ะ ตะ แต่ว่า ตอนมื้อกลางวันนั่นยังกินกับข้าวธรรมดาอยู่เลยแท้ๆ ทำไมจู่ๆถึงกลายมาเป็นแบบนี้เฉยเลยล่ะครับ…..? ”

“ นั่นมันเป็นเพราะเธอเพิ่งจะฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บมาหมาดๆน่ะ ในเมื่อการฝึกเริ่มต้นขึ้นแล้ว ก็จำเป็นต้องตระเตรียมอาหารให้เหมาะสมควบคู่กันไปด้วยถูกต้องไหม เอ้าไม่ต้องเกรงใจไปหรอก ฉันจะทำหน้าที่เป็นคนครัวทำอาหารไปซักระยะ อยากจะขอฟังความรู้สึกหลังกินของเธอด้วย ”

“ อุก……… ”

 

คุณลูด์มิร่าที่แย้มยิ้มอย่างเยือกเย็น พลางตั้งไหล่ไว้เหนือโต๊ะอยู่เคียงข้างผม

ถ้าถูกหญิงที่ถือครองความงามล้นเหลือระดับไม่อยากเชื่อว่าจะมีสิ่งที่งามเช่นนี้อยู่บนโลก พูดแบบนั้นใส่แล้ว ผมก็ได้แต่ต้องเตรียมใจอย่างเดียว

 

(ตะ แต่ว่าของระดับนี้นี่…..คนอย่างผมสมควรได้กินแบบฟรีๆเลยจริงๆน่ะเหรอ……..!?)

 

ห้องแช่น้ำที่ใช้ล้างเหงื่อเมื่อตะกี้ ก็มีน้ำร้อนในปริมาณมากมายระดับที่ไม่เคยเห็นมากขนาดนี้มาก่อนถูกเทเอาไว้อยู่ด้วยอีกต่างหาก (บรรจุเมจิคไอเท็มสายเวทเปลวเพลิงระดับสูงอยู่ภายในเท่าไหร่เลยนั่น…..) แบบนี้มันหยั่งกับว่าเป็นขุนนางเลยไม่ใช่เหรอ…….

ถ้าลิ้มรสอาหารสุดหรูแบบนี้แล้วก็จบเห่ คงจะกินอาหารพื้นๆง่ายๆแบบที่กินมาตลอดจนถึงตอนนี้ไม่ได้อีกแล้วเป็นแน่……..มีความหวาดหวั่นแบบนั้นลอยขึ้นมาในหัวอยู่เหมือนกัน ทว่า——จ๊อกกกกกก

ร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการฝึกฟาดดาบมันกลับเถรตรงซะนี่ และในฉับพลันที่ผมเชื่อฟังตามสัญชาติญาณ ตักเอาอาหารเข้าปากนั่นเอง

 

“ อะ อร่อย…….! ”

 

เป็นรสชาติแบบที่ไม่เคยได้ชิมมาก่อนเลย และแล้วอาหารจำนวนมากที่ถูกตระเตรียมเอาไว้ให้ ก็ถูกผมกินหมดเกลี้ยงไปได้ภายในอึดใจเดียว

 

 

“ ดีล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็คงถึงคราวฉันเริ่มต้นสอนวิชาเบาๆบ้างแล้วกระมัง ”

 

พอกินข้าวเสร็จ คุณลูด์มิร่าเค้าก็พูดออกมาแบบนั้นพลางลากมือผมไป

และสถานที่ที่ผมซึ่งกำลังใจเต้นตึ๊กตั๊กเพราะสัมผัสอันอ่อนนุ่มนั่นถูกลากพาตัวมา ก็คือห้องห้องนึงซึ่งถูกสร้างอยู่เคียงข้างห้องแช่น้ำ….ห้องนี้มีระบบสามารถระบายน้ำได้เฉกเช่นเดียวกับห้องแช่น้ำ รวมทั้งยังมีโต๊ะซึ่งถูกผ้าปูทับเอาไว้ตั้งอยู่ภายในอีกด้วย พอคุณลูด์มิร่าให้ผมนั่งลงอยู่เหนือโต๊ะนั่นแล้ว เค้าก็พลันพูดออกมาต่อว่า

 

“ ถอดเสื้อผ้าแล้วหมอบคว่ำหน้าอยู่บนนั้นเสีย ”

“ เอ๊ะ!? ทะ ที่ว่านั่นหมายความว่าไง…….. ”

“ ความหมายก็ตรงตามคำพูดนั่นล่ะ ไม่จำเป็นต้องถอดไปจนถึงกางเกงในก็ได้ ฉะนั้นอย่าแตกตื่นแล้วนอนคว่ำลงเหนือโต๊ะนั่นเสีย ”

“ เอ๊ะ อ่า อุก ครับ…….. ”

 

ไม่มีปัญญามากพอจะเปล่งเสียงขึ้นแย้งท่วงท่าวาจาคำพูดอันดูเอาการเอางานของคุณลูด์มิร่าได้ ผมจึงรีบเร่งถอดเปลื้องเสื้อผ้าออกโดยไว

อุ อูยย น่าอายจัง……..

หัวใจมันเต้นแรงมากซะจนร่างกายแทบลอยขึ้นจากพื้น ว่าแล้วผมก็นอนหมอบลงกับโต๊ะ สถานการณ์ที่ต้องเผยเรือนร่างอันเปลือยเปล่าให้ผู้หญิงที่อายุมากกว่าเห็นนี่ทำพิษจนหน้าผมแดงเรื้อนไปยันใบหูเลยเนี่ย

และในพริบตาถัดมา สัมผัสของอะไรเหลวๆหนืดๆแล้วก็อบอุ่น มันก็พลันถาโถมลงมายังแผ่นหลังของผมแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

 

“ ฮ้าวว!? เอ๊ะ นะ นี่มันอะไรกันครับ!? ”

 

พอโดนสัมผัสลึกลับปริศนา แต่ก็ชวนให้รู้สึกดีขึ้นมาอย่างแปลกประหลาดนั่นเข้าให้แล้ว ผมก็สะดุ้งตกใจยกตัวลุกขึ้นมา——แล้วจึงได้ทราบว่า ต้นตอของสัมผัสดังกล่าว มันคือของเหลวลึกลับที่คุณลูด์มิร่าทาเอาไว้อยู่เหนือมือสองข้างของตนนั่นเอง

 

“ มุ ขอโทษด้วย คงทำให้ตกใจสินะ ออกจะอธิบายล่าช้าไปก็จริงอยู่ แต่ฉันกำลังจะใช้โลชั่นนี่ทำการนวดฟื้นฟูความเหนื่อยล้าให้กับเธอไปพลาง แล้วในจังหวะเดียวกันนี่ก็จะทำการนวดเพื่อพัฒนาพลังเวทให้ไปด้วยภายในตัวเลย ไม่น่ากลัวหรอก ทำใจให้สบายแล้วกลับไปประจำตำแหน่งเสียเถอะ ”

“ อะ อ่าครับ ”

 

 

ผมกลับมานอนแผ่อยู่เหนือโต๊ะอีกครั้ง ตามคำพูดของคุณลูด์มิร่า

ไม่รู้ว่าคุณลูด์มิร่าเค้ารู้สึกผิดที่เมื่อกี้ทำอะไรลงไปโดยไม่ได้บอกกล่าวหรือไง เพราะจู่ๆเค้าก็เริ่มต้นพูดออกมาอย่างสุขุมเยือกเย็นราวกับเป็นคุณครูที่โรงเรียน พลางเอาของเหลวหนืดนั่นป้ายหลังของผมไปด้วย

 

“ เอาล่ะ คงไม่จำเป็นต้องสาธยายมากความให้แก่คนจากโรงเรียนนักผจญภัยอย่างเธอก็จริงอยู่ แต่ [พลังเวท] นี้น่ะมันคือคำย่อของพลังงานมากมายหลากรูปแบบที่มีตัวตนอยู่ภายในโลกใบนี้ มีใช้เป็นคำจำกัดความของมวลพลังอันยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นตัวให้กำเนิดมอนสเตอร์บ้าง หลักตัวเลขที่แสดงถึง [อานุภาพสูงสุดของสกิลสายเวทมนตร์ที่สามารถใช้ได้ภายในครั้งเดียว] อย่างเวทโจมตีหรือเวทพิเศษนั่นก็ถูกเรียกขานด้วยคำว่าพลังเวทอีกเฉกเช่นเดียวกัน จะคิดแบบง่ายว่าพลังเวทในที่นี้หมายถึง [พลังงานที่จำเป็นต่อการใช้สกิล] ก็ได้เหมือนกัน….การนวดพัฒนาพลังเวทนี้น่ะนะ กล่าวแล้วก็คือการฝึกสอนให้เธอสามารถจับสัมผัสของการใช้งานพลังเวทได้นั่นเอง ”

 

หนึบ หนับ….คุณลูด์มิร่าพูดต่อไป พลางแล่นฝ่ามือลูบไล้ไปตามร่างกายของผม

 

“ โดยปกติ เมื่อคนเราได้รับ <<คลาส>> แล้ว สกิลก็จะปรากฎขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ และทุกคนก็จะล่วงรู้รับทราบถึงสัมผัสของการควบคุมใช้งานพลังเวทของตนได้เองโดยไม่จำเป็นต้องให้ใครสอน แต่ในกรณีของเธอนั้นกลับไม่มีสกิลใดปรากฎขึ้นมาเลย ฉะนั้นร่างกายจึงยังคงอยู่ในสภาวะที่ไม่อาจรับรู้เข้าใจสัมผัสของการใช้งานพลังเวท….สกิลของฉันจะเข้ามามีบทบาทในตรงนี้ล่ะ ——-สกิลจอมขมังเวทระดับสูงสุด <<รับรู้พลังเวทนอกร่าง>> ”

“ ————–!? อ๊าวว!? ”

 

จู่ๆสัมผัสประหลาดมันก็แล่นผ่านมือสองข้างของคุณลูด์มิร่า ซึมซับเข้ามาภายในร่างของผมนี่ เล่นทำเอาถึงกับเผลอตัวส่งเสียงแปลกๆออกมาเลย

อะ อะไรกันน่ะ!? ไอ้เจ้าสัมผัสที่เหมือนกับ มีอะไรร้อนๆทะลวงไหลเข้ามาอยู่ภายในร่างนี่…….!?

 

“ <<รับรู้พลังเวทนอกร่าง>> เจ้านี่คือสกิลระดับสูงของพวก <<ตรวจจับพลังเวทนอกร่าง>> หรือ <<ควบคุมพลังเวทนอกร่าง>> น่ะ —-ที่กำลังทำอยู่นี่คือการส่งพลังเวทที่ฉันควบคุมให้ไหลเข้าไปในร่างของเธอ แล้วจึงจำลองสร้างสัมผัสที่เกิดขึ้นในตอนที่ฉันหรือลีโอเน่ใช้เวทมนตร์ขึ้นมา….ทำเช่นนี้ไปก็ใช่ว่าจะช่วยให้เธอควบคุมพลังเวทได้ภายในทันทีหรอกนะ แต่หากทำเช่นนี้ซ้ำๆไปทุกวันแล้วละก็ สัมผัสในการตรวจจับพลังเวทมันก็จะเฉียบคมมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้สกิลปรากฎและพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วขึ้นนั่นเอง ”

 

คุณลูด์มิร่าอธิบายไปพลาง ส่งเสียงหัวเราะดัง “ หึหึ ” ออกมาอย่างร่าเริง

 

“ นักผจญภัยระดับ S อย่างพวกเราช่วยแชร์สัมผัสในการควบคุมพลังเวทให้เลยเชียวนะ เผลอๆแล้วจะมีประสิทธิภาพดีกว่าเหล่าคนที่สกิลปรากฎขึ้นมาตั้งแต่แรกและต้องค่อยๆฝึกปรือสัมผัสด้วยตนเองอีกกระมัง เอาล่ะ โลชั่นนี้ไม่ได้มีเพียงสรรพคุณที่ช่วยให้ความเหนื่อยล้าหายเป็นปลิดทิ้งเพียงอย่างเดียว ยังมีสรรพคุณช่วยทำให้สัมผัสของร่างกายเฉียบคมมากยิ่งขึ้นอีกด้วย จงจำความรู้สึกที่มีพลังเวทไหลเวียนแล่นไปทั่วร่างนี้ให้ขึ้นใจเสียเถอะ ”

“ เอ๊ะ!? เดี๋ยว คุณลูด์มิ…อย่า อ๊าววววว!? ”

 

หลัง ไหล่ แขน เอว ขา………มืออันเรียวยาวของคุณลูด์มิร่าลูบไล้อย่างอ่อนโยนไปทั่วกาย พร้อมกับที่มีสัมผัสร้อนผ่าวถูกปล่อยให้หลั่งเข้ามาอย่างไร้ความปรานี ผมดิ้นไปพลางสั่นทั่วร่างให้กระตุกหงีกๆ ฝืนกลั้นอดทนไม่ให้มีเสียงแปลกๆหลุดรอดออกมาจากปากได้

นะ นี่มัน…….ชักจะแหม่งๆ……..แบบว่า รู้สึกดีมากเกินไป……จนเกิดอารมณ์แปลกๆขึ้นมาแล้ว……!?

 

“ หึหึหึ เคยได้ยินว่าการสัมผัสแตะต้องร่างกายโดยตรงแบบเนื้อชนเนื้อนี่มันถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จำเป็นต่อการก่อให้เกิดความรู้สึกรักใคร่ขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ กรณีศึกษาที่เหล่าฮีลเลอร์เด็กใหม่ซึ่งจำเป็นต้องแตะต้องร่างกายเพื่อใช้สกิลรักษา มักจะเป็นชนวนก่อเหตุฉาวด้านความรักจนส่งผลกระทบให้ทั้งปาร์ตี้แตกคอต้องสลายวงแยกย้ายกันอยู่บ่อยๆนั่นก็เป็นตัวพิสูจน์ชัดเจนมากพอแล้ว ” 

“ อ๊าา อุกก ขุ่กก ฮ้าวว อิ๊!? ”

 

มือของคุณลูด์มิร่ายิ่งทวีคูณความดุเดือดเมามัน จนผมอดทนกลั้นเสียงเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

 

“ หึหึ หากทำการนวดเช่นนี้ไปเรื่อยๆทุกวันแล้วละก็ แค่ประเดี๋ยวเดียวก็คงจะทำแต้มแซงหน้านังลีโอเน่ที่เป็นอาจารย์ฝึกสอนคนแรกได้อย่างแน่แท้…….แต่แบบนี้มันก็…….อุ ไม่ได้การ ฉันเองก็ชักจะเกิดอารมณ์แปลกๆขึ้นมาเสียแล้ว……… ” 

 

สงสัยจะเป็นงานที่ต้องใช้เรี่ยวแรงอย่างมากเลยเหมือนกัน เพราะพอนวดไปได้ครึ่งทางคุณลูด์มิร่าก็เริ่มจะหอบหายใจดังแฮ่กๆตาม….และแล้วการนวดภายในห้องเล็กๆแคบๆที่ชวนให้รู้สึกดีมากเกินเหตุนี่มันก็พลันดำเนินต่อไปโดยไม่มีการถามไถ่ความสมัครใจของผมเลยซักคำ

 

 

“ ขะ ขอบคุณมากนะครับ…….. ”

“ อะ อืม พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า รีบเข้านอนเสียนะอย่ามัวโอ้เอ้อยู่ ”

 

พอนวดเสร็จแล้วเช็ดทำความสะอาดอะไรลื่นๆหนืดๆบนตัวหมดแล้ว ผมที่เขินจัดจนไม่กล้ามองหน้าคุณลูด์มิร่าด้วยซ้ำ ก็รีบเร่งเผ่นออกมาจากห้องนวดโดยไว ในหัวก็มีคิดกังวลว่าจะเป็นการเสียมารยาทมั้ยอยู่หรอกนะ แต่มันแน่นไปหมดอดรนทนไม่ไหวแล้วน่ะ ในหลายๆความหมายเลย

 

“ อุ อุกก……ใจยังเต้นตึ๊กตั๊กอยู่เลย……. ”

 

ไอ้เจ้าพัฒนาพลังเวทอะไรนั่นก็ฟังดูมีเหตุผลอยู่หรอก แต่พอถูกคนสวยอย่างคุณลูด์มิร่าทำอะไรแบบนั้นใส่แล้วมันก็นะ อิมแพคท์จะแรงเกินไปแล้ว……ร่างยังกระตุกอยู่นิดๆเลยเนี่ย

เห็นเค้าบอกว่าจะทำทุกวันเลยอีกต่างหาก แล้วหัวใจของผมมันจะทนทานรับไหวมั้ยเนี่ย……..

ผมคิดแบบนั้น พลางเดินมุ่งหน้าตรงไปยังห้องนอนที่ถูกแบ่งเอาไว้ให้

นั่นคือห้องที่มีขนาดเล็กมากที่สุดในคฤหาสน์หลังนี้แล้ว เอ้อถึงจะพูดว่าเล็กสุด แต่ก็ยังเป็นห้องที่ใหญ่โตโอ่โถงอยู่ดีแหละนะ

ตอนอยู่สถานกำพร้านั่นต้องนอนแบบแชร์ห้องขนาดเล็กกับคนอื่นจนชิน ถ้าได้นอนห้องใหญ่เบ้อเริ่มนี่ผมคงนอนไม่หลับอยู่ไม่สุขแน่ๆ สุดท้ายก็เลยเลือกเอาห้องนี้แหละ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังใหญ่เกินอยู่ดี อยู่ไม่สุขเลย……. แถมพื้นห้องยังเป็นพรมที่ฟูฟ่องนุ่มนิ่มซะจนชวนงงเลยว่าจะทำให้นิ่มขนาดนี้ไปทำไมอีกตะหาก

แต่เป็นเพราะเจออะไรเยอะแยะจนเหนื่อยล้าละมั้ง พอขึ้นไปนั่งอยู่บนเตียงนุ่มนิ่มปุ๊บ ความง่วงมันก็พลันถาโถมเข้ามาในทันทีเลย ท่ามกลางภายในห้องที่มีเพียงแสงดวงดาวสาดส่องเข้ามา ผมเอนหลังแผ่ตัวหราอยู่เหนือเตียงกะจะหลับเร็วๆตามคำสั่งของคุณลูด์มิร่า ทว่า เป็นในฉับพลันนั้นแหละ

ที่มีเสียงดังก้องขึ้นมาจากในเตียงน่ะ  

 

“ เอะเฮะเฮ้~ เหนื่อยหน่อยนะจ๊ะ ครอสคุง…….♥ ”

“ เอ๊ะ!? หวาาาาาาา—–มุ่ฟอุ๊ฟ!? ”

 

ถูกส่งเสียงทักแบบทีเผลอโดยสมบูรณ์ แต่เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของผมก็พลันถูกผนึกเอาไว้ในทันที

เพราะคุณเทโลเมียร์ที่แอบซุกตัวอยู่ในเตียงเค้าทำการปิดปากผมเอาไว้ด้วยความเร็วระดับที่ไม่อยากเชื่อว่าเป็นอาชีพนักบวช ก่อนจะกระฉุดกระชากลากตัวผมเข้าไปอยู่ข้างในด้วยอีกคนนั่นเอง เอ๊ะ!? เอ๊ะ!? นี่มันอะไรกันเนี่ย!? นี่มันอะไรกันครับ!?

 

“ เอะเฮะเฮ้~ ขอโทษที่ทำให้ตกใจน้าา แต่ไม่ต้องกลัวไปหรอกจ้าา~ วันนี้พยายามทั้งวันเลยเน้ออ เก่งจังเลยน้าเก๊งเก่ง เก่งมากๆเลยล่าา เอะเฮะเฮะ สัมผัสร่างกายของเด็กผู้ชายเป็นแบบนี้เองเหรอเนี่ยย น่าร๊าก……♥ ”

 

พอคุณเทโลเมียร์โอบกอดผมอย่างอ่อนโยนด้วยทุกส่วนของร่างกายแล้ว เค้าก็กระซิบเช่นนั้นด้วยเสียงอันอ่อนหวานไปพลางลูบหัวผมไปด้วย สัมผัสที่ทั้งนุ่มนิ่มและอบอุ่นพลันปกคลุมไปทั่วกาย กลิ่นหอมหวนยวลใจที่อัดแน่นเต็มเปี่ยมอยู่ภายในเตียงมันทำพิษจนหัวผมจะละลายแหล่มิละลายแหล่อยู่แล้ว นะ หน้าผมมันจะลุกเป็นไฟแล้วเนี่ย…….!?

 

“ ขะ คุณเทโลเมียร์ครับ!? นี่ทำอะไร……!? ”

 

พอผมเค้นแรงอ้าปากขึ้นพูด คุณเทโลเมียร์ก็กล่าวขึ้นพลางกอดรัดผมไว้อยู่อย่างนั้น

 

“ เพราะครอสคุง พยายามอย่างหนักตั้งแต่วันแรก ก็เลยมาให้รางวัลไงล่าา ♥ แล้วก็ นี่มันคือสิ่งที่จำเป็นต่อการฝึกด้วยน้าา ”

“ อุเหงะ!? ”

 

เป็นในพริบตานั้นเอง ที่ร่างกายของผมพลันถูกคุกคามโดยสัมผัสแปลกประหลาด

เหมือนความร้อนภายในร่างมันค่อยๆแห้งเหือดหายไป….เหมือนมีบางอย่างกำลังถูกดูดออกไปจากร่างอะไรแบบนั้น

ราวกับว่าเป็นสัมผัสที่อยู่ขั้วตรงข้ามกับการนวดเพื่อพัฒนาพลังเวทของคุณลูด์มิร่าเลย——-

นะ นี่มัน หรือว่าผม กำลังถูกดูดพลังเวทไปงั้นเหรอ…….!?

 

“ รู้ใช่มั้ยเอ่ยย ว่าในการจะใช้สกิลมันจำเป็นต้องอาศัยพลังเวทด้วยน่ะ? แล้วทีนี้นะ ปริมาณพลังเวทอะไรนั่นมันก็คล้ายๆกับพวกพลังกาย คือจะไม่มีแสดงให้เห็นอยู่บนสเตตัสเพลทเลยย แต่หากใช้สกิลผลาญพลังเวทไปเรื่อยๆทีละนิดทีละหน่อยแล้วค่าตรงนี้มันก็จะค่อยๆเพิ่มปริมาณมากขึ้นล่าา แต่ในความเป็นจริงแล้ว พลังเวทเนี่ยน้าา หากไม่ใช้ให้หมดสิ้นเป็น 0 ไปเลย มันก็จะเติบโตช้ามากน่ะ แถมโดยปกติแล้ว ก็ไม่มีหรอกน้าาคนที่สามารถผลาญพลังเวทตัวเองให้หมดก๊อกเป็น 0 โดยสมบูรณ์ได้เนี่ยย สภาวะหมดพลังเวทนี่ ให้ว่าแล้วมันก็คืออยู่ในสถานะต่อสู้ทำอะไรไม่ได้เลยดีๆ มีผลต่อชีวิตแน่นอน ร่างกายก็เลยพยายามหลีกเลี่ยงเองตามสัญชาติญาณน่ะน้าา แต่ว่า——สกิล <<เมจิคเดรน>> ”

“ อุฮิก!? ”

 

สัมผัสที่เหมือนกับว่าความร้อนในร่างสูญสลายหายไปมันยิ่งรุนแรงขึ้นอีก ทำให้ผมส่งเสียงประหลาดๆออกมาอีกครา

 

“ ถ้าเป็นฉันแล้วละก็สามารถเค้นรีดออกมาให้หมดสิ้นไม่เหลือหลอเลยแม้แต่หยดเดียวได้ล่าา และเพื่อจะทำแบบนั้นแล้วก็จำเป็นต้องเอาตัวซุกกกกันเอาไว้แบบนี้แหละน้าา ♥ ฉะนั้นช่วยทนอยู่นิ่งๆต่อไปแบบนี้ทีนะจ๊ะ ♥ ”

 

พอพูดจบ คุณเทโลเมียร์ก็กอดรัดผมแรงมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม เค้าเอาหน้าตัวเองขึ้นมาหนุนอยู่เหนือหัวผม แล้วยกเอาหน้าอกอันอวบอิ่มนั่นเข้ามาจ่ออยู่ใกล้ๆหน้าผมนี่——-เอ้ยยยอีแบบนี้มันท่าทางจะไม่ดีแล้วนะคร้าบ!?

แม้จะคิดแบบนั้น แต่เรี่ยวแรงมันก็ค่อยๆหดหายไปจากร่างพร้อมกับพลังเวทเลย จะขัดขืนก็ทำแบบดีๆไม่ได้

 

“ เอะเฮะเฮ้~ ถ้าทำแบบนี้ซ้าา แม้แต่ครอสคุงในตอนนี้ที่ใช้สกิลไม่ได้ก็สามารถยกระดับพลังเวทได้นะ หากปริมาณพลังเวทเพิ่มมากขึ้น ผลที่ได้ประสานกับการพัฒนาพลังเวทของลูด์มิร่าจัง มันก็จะช่วยทำให้สกิลปรากฎขึ้นมาง่ายขึ้นเองล่าา ถ้าพลังเวทถูกดูดจนหมดเกลี้ยงโดยสมบูรณ์ ร่างกายมันก็จะผล๊อยหลับไปเหมือนน็อคหมดสติเลยอีกด้วย ช่วยทำให้หลับลึกฟื้นฟูพลังกายได้ดีชะงัดนัก มีแต่อะไรดีๆเต็มไปหมดเลยเน้ออ…….♥ ”

“ อะ อ๊าววว…….. ”

 

 

ลูบลูบ หนุบหนับ ฟั่บฟั่บ

ถูกกระซิบคำพูดแสนอ่อนหวานภายในเตียงที่มีกลิ่นหอมหวนยวลใจอัดแน่นอยู่ทั่ว ถูกลูบไล้ถูไถโดยมีสัมผัสอันอ่อนนุ่มห่อหุ้มปกคลุมไปทั่วทั้งตัว บะ แบบนี้มัน จะทำให้ผมกลายเป็นคนไม่เอาอ่าวงั้นเหรอ…..!? เป็นในจังหวะที่ผมซึ่งอยู่ในสถานะแตกตื่นสับสนพลันรู้สึกถึงความอันตรายที่มิอาจบรรยายได้ขึ้นมา แต่สติก็ค่อยๆเจือจางเพราะพลังเวทหมดนั่นเอง

 

“ เอ๊ะ!? อ๊ายยยย!? ”

 

จู่ๆคุณลีโอเน่ที่พุ่งพรวดเข้ามาในห้องแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ก็กระชากลากตัวคุณเทโลเมียร์ลงไปจากเตียง ก่อนจะเริ่มทำการบีบรัดร่างนั้นให้อยู่ในระดับที่เกือบๆจะแหลกคามือ

 

“ รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีแล้วพอลองมาดูก็ใช่จริงๆ…….ทำบ้าบออะไรของหล่อนอยู่เนี่ยเฮ้ย! ”

“ เฮ่อ~ อย่ามาขัดขวางกันซี่~ ฉันแค่ทำการดูดพลังเวทเฉยๆ—- ”

“ ถ้ามีระดับความชำนาญสกิลแล้วก็พลังเวทพิเศษแบบหล่อนแล้วละก็ ใช้ปลายนิ้วจับแค่จึ๋งเดียวก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เรอะ! แถมยังมั่นหน้ากล้านอนเตียงเดียวกันได้ลงคอ……อะ อะไรแบบนั้นมันต้องทำหลังจากที่เป็นคนรักกันอย่างทางการแล้วไม่ใช่เรอะเฮ้ย!? ”

“ เอ๋~ หัวโบราณจังเล้ยย ลีโอเน่จังเนี่ยยย มีนิสัยเป็นเด็กๆผิดคาดเลยเหมือนกันน้าาา ”

“ …………ขึก!? หนกขูเฟ้ยยยยยย! ตายซ้าาาาาาาาาาา! ”

 

 

เคร้งงงงงง! ตู้มต้ามเปรี้ยงงงงงงง!

เสียงอะไรบางอย่างถูกทำลายพังแหลกอย่างรุนแรง สติของผมเองก็ค่อยๆเลือนรางเพราะพลังเวทหมด

สิ่งที่ลอยปรากฎขึ้นมาอยู่ในหัวผมซึ่งถูกห่อหุ้มไปด้วยกลิ่นหอมหวนยวลใจที่เหลือติดเตียง ก็คืออาหารมื้อสุดหรูหรา การนวดที่ชวนให้รู้สึกดีเหลือเกิน แล้วก็การน้วยจู่โจมของคุณเทโลเมียร์……..

 

(ชะ ชักจะแหม่งๆแฮะ…….ก็ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อคำพูดของคุณลีโอเน่หรอกนะ……..แต่ถึงจะยังไงก็เหอะ การฝึกวิชาเนี่ย เป็นแบบนุ่มนวลคอยตามประคบประหงมเหมือนไข่ในหินแบบเนี้ยจะดีจริงๆเหรอ……!?)

 

แม้จะงุนงงอย่างยิ่งยวด แต่ผมก็ผล๊อยหลับไปราวกับหมดสติจนได้  

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ยกาลครั้งนึงแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเมื่อไหร่ ได้มีวีรสตรี 3 คนที่ถูกกล่าวขานล่ำลือกันว่าเป็นตัวตนผู้แข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุดในโลกอยู่ครับ ความแข็งแกร่งของพวกเธอนั้นเรียกได้ว่าเป็นระดับเหนือมนุษย์เลยเชียว คนนึงสามารถต่อยขุนเขาให้แหลกกระจุยได้ด้วยหมัดเปล่า คนนึงสามารถเป่าร่างของพลทหารนับหมื่นนายให้ลอยปลิวหายไปได้ด้วยการโจมตีจากเวทมนตร์เพียงครั้งเดียว ส่วนอีกคนก็เป็นหญิงพิลึกพิลั่นที่เอาเวทฟื้นฟูกับเวทสนับสนุนมาใช้ฆ่าคนได้ เลยกลายเป็นตัวตนที่ถูกหวาดกลัวไปตามระเบียบ แค่เพียงคนเดียวก็โหดพอจะทำให้ประเทศหนึ่งถึงการล่มสลายได้อย่างง่ายดายแล้ว ยิ่งถ้าเหล่าวีรสตรี 3 คนนั้นมาสุมหัวรวมตัวไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วนี่คงอาจต้องเรียกว่าเป็นภัยพิบัติเดินได้ การหวนคืนชีพของเทพมาร หรือในบางพื้นที่ก็อาจจะระบุตัวตนของพวกเธอเป็นเทพผู้ชั่วร้ายกันเลยก็เป็นได้…..หากอาศัยใช้งานความแข็งแกร่งนั่นซะอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอะไรต่อมิอะไรก็คงบันดาลให้เป็นดั่งที่ใจพวกเธอต้องการได้เกือบทั้งหมดเลยกระมัง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีสิ่งที่แม้แต่สามคนนั้นเอง ก็ยังไม่อาจได้มาครอบครองอยู่ครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset