“ ……..เกิดอะไรขึ้นเยอะแยะมากจัดขนาดนี้ แล้วผมจะเพ่งสมาธิอยู่กับการฝึกได้ยังไงกันเล่า…….. ”
ยามบ่าย หลังจากที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะแอบนัดพบเจอกับคุณเอลิเซียต่อไป แล้วเดินทางกลับมาถึงคฤหาสน์
ตัวผมที่ถูกสถานการณ์สุดแสนจะเกินจริงตลอดช่วงระยะนี้รุมเร้าจนหัวเบลอตื๊อไปหมดนั้น ในที่สุดก็อดรนทนไม่ได้ต้องคายความวิตกเช่นนั้นออกมา
ตอนที่ออกไปเดินรอบเมืองกับคุณเอลิเซียเมื่อวานซืน เรื่องมันฉุกละหุกเฉียบพลันมากเกินไปเลยพอจะทำใจให้เย็นลงได้มั่งเพราะเบลอ…….แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว เพราะได้อยู่ใกล้ชิดกับเค้าถึงเกือบๆครึ่งวัน หัวมันก็เลยเริ่มที่จะรับรู้ถึงตัวตนของเค้าขึ้นมาจริงๆอย่างกะทันหัน แล้วผมก็จะต้องไปแอบนัดพบเจอกันกับเค้าต่อในสภาพแบบนี้เนี่ยนะ…….อุก ใจเต้นแรงดังตึ๊กตั๊กๆขึ้นมาอีกแล้ว
แถมยังมีปัญหาเรื่องเงินนั่นอีก สภาพแบบนี้จะทุ่มกำลังไปกับการฝึกซ้อมแบบตอนปกติได้รึเปล่านะ…….ผมคิดเช่นนั้นไปพลางเปลี่ยนมาสวมใส่เลสเซอร์อาร์มเมอร์เหมือนกับทุกที มุ่งหน้าตรงออกไปยังสวนเหมือนกับทุกที……แล้วจึงพบภาพที่แตกต่างไปจากทุกทีอยู่ตรงนั้น
“ อ้าว? คุณลูด์มิร่า? ”
ไม่ได้มีแค่คุณลีโอเน่กับคุณเทโลเมียร์….ขนาดคุณลูด์มิร่าที่น่าจะกำลังยุ่งอยู่กับการตระเตรียมยาสูตรลับและทำอาหาร ก็ยังยืนรอคอยผมอยู่ภายในสวนด้วย
พอผมเอียงคอด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นปุ๊บ
“ โอ้วครอส ตั้งแต่วันนี้ไป จะขอเปลี่ยนเนื้อหาการฝึกซักระยะนึงนะ ”
คุณลีโอเน่ก็พลันประกาศออกมาเช่นนั้นด้วยท่าทางเหมือนไม่สบอารมณ์
“ จะยังคงเน้นหลักอยู่กับการสู้ประลองฝีมือกับฉันเหมือนเดิมอะแหละ แต่ในด้านการฝึกสกิลเนี่ย ลูด์มิร่ากับเทโลเมียร์จะช่วยจัดการดูแลแทนให้ทั้งหมดเลย ”
“ เอ๊ะ…….? ที่พูดนั่นหรือว่า……จะช่วยสอนสกิลเวทมนตร์ให้ผมเหรอครับ!? ”
ผมสะดุ้งตกใจยิงคำถามย้อนกลับเข้าไปใส่คุณลีโอเน่
“ แต่ทำไมจู่ๆถึงได้……? ก่อนหน้านี้บอกว่าคงอีกนานกว่าจะได้เรียนสกิลเวทมนตร์ไม่ใช่เหรอครับ? ”
“ อ่า……ก็ พูดไงดีล่ะ ถึงยังไงแกก็จะต้องเรียนสกิลของทุกๆสายอยู่แล้วอะนะไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ฉะนั้นก่อนที่จะชินกับสกิลระยะประชิดเพียงอย่างเดียวมากเกินไป สู้ให้ฝึกสกิลหลายๆแบบในขอบข่ายเท่าที่พอจะเรียนได้เอาไว้ซะ แบบนั้นมันจะทำให้เอามาประยุกต์พลิกแพลงใช้ในการต่อสู้ได้กว้างขึ้นอะนะ เนี่ยคุยกันแล้วเห็นตรงกันว่าทำแบบนี้ซะน่าจะดีกว่าแหละ ”
คุณลีโอเน่อธิบายเหตุผลที่เปลี่ยนแนวทางการฝึกให้ฟังด้วยวาจาคำพูดแบบติดๆขัดๆ
เห็นท่าทางที่หาได้ยากแบบนั้นแล้ว ผมก็ยิ่งรู้สึกฉงนหนักมากเข้าไปอีก ทว่า
“ แต่เรื่องยิบย่อยพวกนั้นเอาไว้ค่อยคุยกันทีหลังเถอะ มาเริ่มต้นการฝึกกันเลยจะดีกว่า ”
“ เน้ออ เอะเฮะเฮะ น๊า~ยที่สุดสถานะที่ถูกลีโอเน่จังยึดครองเอาไว้อยู่คนเดียวก็สิ้นสุดลงไปได้ซะที~ ”
พูดปุ๊บ คุณลูด์มิร่าก็ยกมือขึ้นมาแตะไหล่ผม และสิ่งที่แทรกซึมไหลหลั่งเข้ามาจากตรงนั้น….ก็คือสัมผัสที่เจออยู่เสมอในตอนที่ถูกนวดทุกๆคืนนั่น สัมผัสอันเร่าร้อนที่เกิดจากพลังเวทซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของคุณลูด์มิร่ามันมาหมุนก่อตัวกันเป็นกระแส
“ อิ๊วว!? เดี๋ยว คุณลูด์มิร่าครับ!? ทำในที่แบบนี้เลยเหรอ…..!? …….อึ๊ก!? ”
ในระหว่างที่เผลอตัวเปล่งเสียงร้องออกมาแบบนั้น จิตผมมันก็ถูกสัมผัสที่ต่างไปจากทุกทีนิดหน่อยนั่นดูดกลืนเข้าไป
อะไรน่ะ…..? หยั่งกับว่าพลังเวทที่ก่อตัวเป็นกระแสอยู่ในร่าง…มันทะลวงจากฝ่ามือออกมาเชื่อมต่ออยู่กับพลังงานที่ยิ่งใหญ่กว่าของโลกภายนอกเลย……
“ รู้สึกได้แล้วใช่ไหม? ว่านี่ไม่ใช่ <<ควบคุมพลังเวทในร่าง>> แบบทุกที …..เจ้าสิ่งนี้มันคือ <<ควบคุมพลังเวทนอกร่าง>> น่ะ พวกเราเหล่าจอมขมังเวทนั้นจะทำการเชื่อมพลังเวทภายในร่างกับภายนอกร่างให้ต่อติดกัน เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่กว่า——เพื่อให้ใช้สกิลที่ถูกเรียกขานว่าเวทมนตร์ได้ เนื่องจากผลพวงของการนวดทุกวันทำให้ระดับการสัมผัสตอบสนองสูงมากขึ้น ฉะนั้นต่อให้ไม่ต้องใช้โลชั่นก็น่าจะพอสัมผัสถึงพลังเวทได้พอประมาณล่ะนะ ”
พูดแล้ว คุณลูด์มิร่าก็ยิ่งส่งพลังเวทให้ไหลเวียนเข้ามาในร่างผมมากขึ้นอีก อ๊าวววว
“ เอาล่ะ เท่านี้ก็เหลือแค่ใช้งานเวทมนตร์ผ่านร่างกายของเธอ เพื่อให้ร่างกายจดจำสัมผัสของสกิลเวทมนตร์ให้ได้เท่านั้น ทว่า……ครอส ฉันอยากจะส่งต่อเวทมนตร์ธาตุลมให้เธอก่อนเป็นอันดับแรกน่ะ ”
“ ฟุเอ๊ะ……..? ”
“ เวทมนตร์นั้นมีธาตุพื้นฐานคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ทั้งหมด 4 ธาตุ หากไม่ได้รีบเร่งอยากจะคลาสอัพไปเป็นจอมขมังเวทหลายชั้นให้ได้โดยไวแล้ว ก็สมควรเพ่งเน้นไปยังการพัฒนาสกิลธาตุใดธาตุหนึ่งเพียงอย่างเดียวก่อน ทำเช่นนั้นจะช่วยให้เติบโตได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ฉะนั้นมันจึงนำไปสู่ประเด็นคำถามว่าเธอที่น่าจะสามารถเรียนสกิลได้หมดทุกธาตุนั้น จะตัดสินใจพัฒนาสกิลของธาตุใดก่อนเป็นอันดับหนึ่งดีนั่นเอง……ตามความเห็นฉันแล้ว แม้ลมจะมีอานุภาพการทำลายต่ำหากเทียบกับธาตุอื่นๆ แต่ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้พลิกแพลงได้หลากหลาย เรียนเอาไว้เป็นอันดับแรกสุดก็น่าจะไม่เสียหายนะ ”
และหลังจากที่คุณลูด์มิร่าทำการอธิบายเอกลักษณ์ของธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ให้ฟังแบบคร่าวๆแล้ว เค้าก็ถามผมขึ้นมาว่า “แต่ในท้ายที่สุดแล้ว จะขอเคารพความเห็นของเธอก็แล้วกัน คิดว่าอย่างไร? ”
แม้จะถูกสัมผัสที่เหมือนกับว่ามีอะไรร้อนๆทะลวงผ่านร่างอยู่เรื่อยๆเล่นงานจนหัวตื๊อชาไปนิดๆ แต่ผมก็พูดตอบออกมาว่า
“ เอ่อ ถ้างั้นก็….ขอเอาเป็นธาตุลมนั่นแหละครับ ”
เพราะเป็นอันที่คุณลูด์มิร่าแนะนำ และที่สำคัญที่สุดเลย เพราะเสียงเฉือนผ่านสายลมที่คุณเอลิเซียเค้าปลดปล่อยออกมานั่นมันฝังลึกอยู่ภายในหัว ทำให้ผมตัดสินใจเลือกธาตุนั้นไป เท่านั้นแหละคุณลูด์มิร่าพยันพยักหน้าให้ “อืม เข้าใจแล้ว” ก่อนจะเปิดใช้งานเวทมนตร์ผ่านฝ่ามือของผม
“ หมู่มวลอากาศที่ห่อหุ้มปกคลุมอยู่ทั่วเอ๋ยเชื่อฟังเราเสีย จงก่อตัวผสานอยู่ในมือข้างนี้ นามนั้นก็คือลมกรรโชก—– ”
“ อุ…คู้ววววววววววว! ”
เพิ่งเคยได้ยินคำร่ายเวทหลุดออกมาจากปากของคุณลูด์มิร่าเป็นครั้งแรก และในฉับพลันนั้น พลังเวทภายในร่างมันก็ดิ้นพล่าน ก่อตัวประสานร่างมุ่งตรงดิ่งไปยังฝ่ามือ สัมผัสนั้นมันทำให้รู้สึกดีแบบแปลกๆจนเผลอปล่อยเสียงพิลึกๆออกมา——จนในตอนที่เวทมนตร์ทำงานออกมาได้สำเร็จนั่น ผมก็ถึงกับหอบหายใจอย่างรุนแรงด้วยใบหน้าที่แดงก่ำเลย
อุ อุกกก น่าอายสุดๆไปเลย!
แต่ว่า เมื่อกี้นี้ก็คือสัมผัสของการใช้เวทมนตร์…….เป็นในจังหวะที่ผมจ้องมองไปยังฝ่ามือของตนนั่นเอง
“ ดีล่ะ เข้าใจสัมผัสของการเปิดใช้เวทมนตร์แล้วใช่ไหม? แน่นอนว่าต่อจากนี้ไปคงต้องให้เธอทำแบบเดิมซ้ำเป็นร้อยครั้งพันครั้งเพื่อให้ร่างกายจดจำได้ แต่ก็จะขอดำเนินการฝึกเพื่อให้ร่างกายชินชากับสัมผัสของสายลมไปด้วยในเวลาเดียวกันเลย ”
สัมผัสของสายลม? มันต่างกับสัมผัสตอนที่เปิดใช้เวทธาตุลมยังไงหว่า
“ ถ้าเช่นนั้นแล้ว ครอส ถอดเสื้อผ้าออกทีได้ไหม ”
“ …………เอ๊ะ!? ”
ไหงงั้นล่ะ!?
“ จะธาตุไหนก็เหมือนกันหมดก็จริง แต่เวทมนตร์มันคือเทคนิคที่จะทำการเชื่อมพลังเวทภายในร่างกับพลังเวทภายนอกร่างให้ต่อติดกันกลายเป็นหนึ่งเดียว ฉะนั้นหากยิ่งแตะต้องพบเจอกับธาตุที่จะใช้ สนิทสนมชาชินระดับที่หลอนคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย แล้ววาดจินตนาการถึงสัมผัส สี รูปทรง และตัวตนของธาตุนั้นๆขึ้นมาอยู่ในหัวได้แม่นยำมากเข้า ก็จะทำให้พัฒนายกระดับได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้นตาม หรือก็คือ——- ”
พลันเกิดสายลมขึ้นรอบๆตัวของคุณลูด์มิร่า ลอยเข้ามาลูบไล้แก้มของผมอย่างอ่อนโยน
“ สัมผัสธาตุด้วยร่างกายทั้งตัวเช่นนั้นมันจะได้ผลดีมากยิ่งกว่า เอาล่ะ หากเข้าใจแล้วก็มาเริ่มต้นการฝึกกันเลยดีไหม ”
“ เอ๊ะ เดี๋ยวสิ คุณลูด์มิ—–ว๊าาาาาาาาา!? ”
ไม่รอคำตอบรับของผมเลยด้วยซ้ำ—–นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกเพื่อให้สัมผัสได้ถึงสายลมด้วยงั้นเหรอ—–สายลมที่อยู่ภายใต้การควบคุมของคุณลูด์มิร่ามันทำการถอดเปลื้องอุปกรณ์เครื่องสวมใส่ของผมออกแบบไม่มีถามไถ่กันเลยซักคำ และไม่กี่วินาทีให้หลัง ผมก็ตกอยู่ในสภาพเหลือแค่กางเกงในตัวเดียวแบบตอนถูกนวดไปแล้ว เพิ่มเติมคือคราวนี้อยู่กลางสวนเลยเนี่ยแหละนะ……..
อายจนอยากจะวิ่งไปหลบซ่อนตัวอยู่หรอก แต่ทั่วทั้งร่างมันก็ถูกลมพัดลอยไปมาไม่อยู่นิ่งเหมือนของเล่นเลยนี่สิ สัมผัสของสายลมที่คอยลูบไล้ไปตามผิวมันจักจี้ยิ่งทำให้อายหนักมากเข้าไปอีก แถม
“ ดีล่ะ ถ้าเช่นนั้นแล้วก็จะอัดสัมผัสของการเปิดใช้เวทลมเข้าไปให้อีกครั้งนะ หากรับรู้ได้ถึงสายลมคราถัดไปแล้วก็จงระลึกถึงสัมผัสนี้ แล้วตั้งสมาธิจดจ่ออยู่กับการเชื่อมพลังเวทของตนกับโลกภายนอกเสีย หมู่มวลอากาศที่ห่อหุ้มปกคลุมอยู่ทั่วเอ๋ยเชื่อฟังเราเสีย—— ”
“ เดี๋ยว คุณลูด์มิร่าครับช่วยรอเดี๋ย——อู้วววววววววว ”
เจอสัมผัสอันเร่าร้อนที่ถูกยัดใส่เข้ามาแบบไม่มีถงมีถามกันเลยซักคำนี่แล้ว ผมที่อยู่ในสภาพกึ่งๆโป๊ใต้ฟ้าครามก็ถึงกับแผดเสียงที่ฟังดูโคตรจะน่าอายออกมาแบบนั้นเลย
ไม่รู้ว่าดีหรือแย่เหมือนกันนะ แต่ในนาทีนี้เรื่องอะไรต่อมิอะไรของคุณเอลิเซียนั่นมันปลิวกระเด็นหลุดลอยหายไปจากหัวของผมโดยสมบูรณ์เลย
“ อ๊า~~~~ ลูด์มิร่าจังขี้โกงอ่าาา ……เวะเฮะเฮะ ครอสคูงงง ตอนที่ฉันช่วยสอนสัมผัสการเปิดใช้สกิลให้นั่นหากอยู่ในสภาพโป๊มันก็จะได้ผลดีกว่าเหมือนกัน ฉะนั้นเรามาทำกันในสภาพนั้นเลยน้าา…..♥ ”
“ หะ เฮ้ยนี่หล่อนลูด์มิร่าเฮ้ย นี่มันจำเป็นต่อการฝึกใช้เวทมนตร์จริงๆเรอะ!? แล้วก็เทโลเมียร์ที่หล่อนพูดนั่นโกหกแน่ๆเลยใช่มั้ย!? คราวนี้แหละฉันจะคอยเฝ้าจับตาดูหล่อนเอาไว้เอง อย่าให้เห็นว่าแอบทำอะไรไม่เข้าท่าเชียวนะเฟ้ย……..! ”
ในระหว่างที่เกือบๆจะเผลอหลุดร้องขอให้คุณลีโอเน่ (ที่ก็หน้าแดงพอๆกันกับผมเฉยเลยซะงั้น) เข้ามาช่วย ตัวผมที่ฉุกคิดว่า “จะเพ่งสมาธิอยู่กับการฝึกได้ยังไง” ขึ้นมาในตอนแรกนั่น ก็พลันโดนบีบบังคับให้ต้องจดจ่อจมปลักอยู่กับการฝึกต่อหน้าอย่างมิอาจเลี่ยงได้ไปแทน
และแล้ว สองวันหลังจากที่ครอสเริ่มต้นฝึกสกิลสายเวทมนตร์
เสียงร่ายเวทที่ชัดเจนแจ่มใสพลันกังวานขึ้นกลางสวน แต่เจ้าของเสียงนั้นหาได้ใช่ลูด์มิร่าไม่——
“ ——กลายมาเป็นกระสุนแห่งเราแล้วปัดเป่ามารศัตรูให้หมดไป <<วินด์ชู๊ต>> ! ”
ตู้ม! ก้อนมวลอากาศที่มาอัดแน่นรวมกันอยู่เหนือฝ่ามือของผู้ร่ายเวท—-ของครอสนั้น พลันถูกยิงออกไปกระทบพื้นเป็นรอย ในแง่ของเวทมนตร์แล้วอานุภาพขนาดนี้ถือว่าอยู่ในระดับต่ำสุดเลยก็จริง แต่หากมองผ่านมุมของครอสที่ตลอดจนถึงตอนนี้เรียนมาแต่สกิลระยะประชิดแล้ว แค่นี้ก็ถือว่ามีอานุภาพสูงมากพอแล้วล่ะ
“ สะ สุดยอด! นี่คือสกิลเวทมนตร์โจมตีสินะครับ…….! ”
ที่สกิลเวทมนตร์ปรากฎขึ้นมานั่นก็ใช่ ยิ่งได้เห็นอานุภาพอันสูงล้ำที่ตนเองเป็นผู้ยิงออกไปนั่นแล้ว ดวงตาของครอสก็ส่องประกายวิบวับราวกับเป็นเด็กๆขึ้นมาเลย
ทว่าในจังหวะเดียวกัน
“ ……….ฮึก! ”
พอเห็นครอสที่ทำให้สกิลเวทมนตร์ปรากฎขึ้นมาได้แล้ว ลูด์มิร่าก็ถึงกับยืนตัวแข็งทื่อด้วยใบหน้าที่บิดเกร็งราวกับไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
“ ………? คุณลูด์มิร่าครับ? ”
คงเพราะแปลกใจกับท่าทางนั้นละมั้ง ครอสที่ตื่นเต้นดีใจอยู่จึงพลิก 180 องศา หันมองขึ้นมาด้วยสีหน้ากังวลใจแทน
“ อะ…อืมทำได้ดีมากเลยครอส เท่านี้สไตล์การต่อสู้ของเธอก็จะยิ่งมีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้นไปอีกเป็นแน่ ”
ลูด์มิร่าที่สะดุ้งได้สติกลับคืน พยายามแก้ไขสถานการณ์อย่างแตกตื่นทันที
“ แต่ก็มีข้อควรระวังอยู่ อย่างที่เห็นนั่นล่ะ เวทมนตร์หลากประเภทต่างก็มีอานุภาพการโจมตีสูง จะต้องเป็นไพ่ตายในการต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่ง หรือคนด้วยกันที่เหนือชั้นกว่าได้เป็นแน่ ทว่าในจังหวะเดียวกัน ก็มีข้อเสียอย่างเช่น เวลาที่จะสามารถเก็บเวทมนตร์ซึ่งร่ายเสร็จเรียบร้อยแล้วเอาไว้กับตัวได้นั้นสั้นมาก หรือ ต้องใช้ระยะเวลาในการร่ายเวทเป็นเวลานานอย่างยิ่ง…อะไรจำพวกนั้นอยู่ด้วยเช่นกัน จนกว่าจะได้ <<ละทิ้งการร่าย>> และ <<เมจิคสต๊อกเกอร์>> (ล่าช้าเวทมนตร์) ซึ่งเป็นเอ็กตร้าสกิลระดับสูงมา ขอให้เธอจงพึงระวังวิเคราะห์สถานการณ์รบให้ดี อ่านท่าทีล่วงหน้าให้ขาดแล้วประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมเสียนะ ”
“ ครับ! ”
ครอสที่รับฟังคำสอนกึ่งๆบรรยายของลูด์มิร่า พลันตอบรับกลับมาอย่างว่าง่าย
แล้วจากนั้นครอสที่ได้รับคำสั่งจากลูด์มิร่า ก็ทำการยิงเวทรัวๆซ้ำไปซ้ำมาอย่างติดลม เพื่อยกระดับความชำนาญของเวทมนตร์ที่ปรากฎขึ้นมาให้สูงยิ่งขึ้น
ในระหว่างที่จ้องมองศิษย์รักด้วยหางตาไปพลาง
“ …….เฮ้ยๆเอาจริงดิ ”
“ นี่มันทะแม่งๆจริงๆนั่นแหละน้าา ”
ลีโอเน่กับเทโลเมียร์ก็จ้องมองลงไปยังช่องสกิลที่ถูกระบุอยู่บนสเตตัสเพลทของครอส ก่อนจะเปล่งเสียงออกมาอย่างตกตะลึง สกิลระยะประชิดที่แสดงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในตอนสอบชิงสิทธินั่นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
ทว่าในขณะเดียวกัน ก็มีสกิลใหม่หลายอันพลันปรากฎขึ้นมาอยู่ตรงนั้นแทนที่
<<เสริมพลังเวทโจมตี Lv1 (+7)>> <<เสริมพลังเวทพิเศษ Lv1 (+6)>>
<<วินด์ชู๊ต Lv1>> <<การ์ดเอาท์ Lv1>>
<<ตรวจจับพลังเวทนอกร่าง Lv1>> <<ควบคุมพลังเวทนอกร่าง Lv1>>
เวทสายลมระดับต่ำที่ลูด์มิร่าซึ่งเป็นจอมขมังเวทช่วยสอนให้ <<วินด์ชู๊ต>>
สกิลสายมารระดับต่ำที่จะช่วยลดพลังป้องกันของศัตรู ซึ่งได้รับสืบทอดมาจากเทโลเมียร์ที่เป็นผู้ประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์สายมาร <<การ์ดเอาท์>>
แล้วก็สกิลเสริมสเตตัส สกิลสายตรวจจับ และควบคุมพลังเวท ที่ปรากฎขึ้นมาในจังหวะเดียวกันกับที่ได้สกิลเวทมนตร์ดังกล่าวนั่นมา
มันประหลาดอย่างชัดเจนเลย
เนื่องจากช่วงสองวันนี้เป็นวันหยุดพักของโรงเรียนนักผจญภัย (ที่สัปดาห์หนึ่งจะมีหยุด 2 วัน) พอดี ทำให้ใช้เวลาไปกับการฝึกฝนได้ทั้งวันเหมือนกับก่อนหน้า แต่ถึงจะอย่างนั้น นี่มันก็ยังถือว่าเรียนเร็วมากเกินไปอยู่ดี แม้จะทำการตระเตรียมสารพัดรูปแบบเช่นการนวดเอาไว้อย่างละเอียดลออก่อนล่วงหน้าแล้วก็ตามทีเถอะ ถึงยังไงมันก็แปลก
“ ……..ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีความถนัดในด้านสกิลสายสู้ระยะประชิดเป็นพิเศษเพียงอย่างเดียวสินะ ”
ลูด์มิร่าจ้องมองต่ำลงมายังสเตตัสเพลท ก่อนจะพึมพำออกมาราวกับพยายามวิเคราะห์ความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า
“ คงงั้นแหละ …….แล้วไง ไอ้เรื่องสกิลประเมินผลระดับสูงสุดนั่นเป็นไงมั่งแล้ว? ”
“ ตอนนี้กำลังขอให้ทำการส่งเมจิคไอเท็มที่ใช้เอฟเฟคนั้นได้มาตามเส้นทางอันสมควรอยู่ น่าจะมาถึงภายในไม่กี่วันนี้ล่ะ ”
“ เหรอๆ~ ถ้าเจ้านั่นมาถึงแล้ว ก็จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอสคุงได้ซะทีสิน้าา ”
แต่หากพูดในเชิงกลับกัน ก็จะได้ออกมาว่า จนกว่าสิ่งนั้นจะมาถึง ต่อให้พยายามเค้นสมองคิดยังไงก็ไม่มีประโยชน์นั่นเอง
แม้จะมีสิ่งที่ติดค้างคาใจอยู่คนละแบบ แต่ “อ้าว? มีอะไรเหรอครับ?” เพื่อไม่ให้ครอสที่สังเกตเห็นท่าทางเกิดรู้สึกสงสัยแล้ว ทั้งสามจึงดำเนินการฝึกฝนเลี้ยงดูต่อไปแบบเดียวกับที่ทำอยู่ตลอดจนถึงตอนนี้