เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย – ตอนที่ 24 ไร้อาชีพแผลงฤทธิ์ (4)

“ โทษทีจิเซล! คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะบ้าพุ่งเข้ามาใส่ตรงๆ……จะรีบไล่ตามไปทัน—- ”

“ เดี๋ยวเว้ย! อย่าแตกตื่น! ”

 

เหล่าเด็กกำพร้าที่ถูกฝ่าแนวตีกระหนาบไปได้ ต่างพากันหน้าถอดสีพยายามจะไล่ตามครอสไปในทันที แต่แล้วก็ถูกจิเซลซึ่งเป็นผู้บัญชาการปรามเอาไว้

 

“ ไอ้บรรลัยชอบเคาน์เตอร์นั่นมันเล็งจะเด็ดหัวพวกเราทีละคนอยู่! อย่าไปทำตามอย่างที่มันหวังสิวะ! ”

 

และแล้วจิเซลก็ให้คำสั่งออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไร้ซึ่งความลังเลใดๆ จัดระเบียบเหล่าแก๊งสถานกำพร้าที่กำลังลนลานอยู่ไม่สุขใหม่อีกครั้ง

 

“ ฟังให้ดีๆนะเว้ย! เพราะมันกะจังหวะเปิดใช้สกิลเก่งเลยอาจมองไม่เห็นเป็นแบบนั้นก็จริง แต่สมรรถภาพร่างกายของไอ้เจ้านั่นมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับพวกแกมากมายนักหรอก! อย่างน้อยๆก็ต่ำกว่าฉันนี่แน่ๆล่ะ! แต่ในด้านการเคลื่อนไหวภายในป่าเนี่ยฝั่งพวกเรามีประสบการณ์เหนือล้ำสูงกว่ามันมากเลยเว้ย ไอ้เจ้านั่นมันยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังวิ่งไปยังทิศไหน! ฉะนั้นไม่ต้องรีบร้อนลนลาน รวมกลุ่มกัน 3 คนขึ้นไป แล้วค่อยๆหาช่องล้อมมันใหม่อีกรอบซะ! ”

 

แม้จะเป็นเพราะว่ามีไพ่ตายลับอย่าง <<ครอสเคาน์เตอร์>> อยู่กับตัวก็เถอะ แต่ครอสก็เป็นคนที่มีฝีมือขนาดโค่นจิเซลลงได้ ฉะนั้นจึงวางแผนรับมือเผื่อในตอนที่มันบุกฝ่าวงล้อมไปได้เอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว

 

“ แต่อย่าได้ประมาทเป็นอันขาดเลยเชียวนะ! อย่ายอมให้มันหลุดออกไปจากป่านี้ได้เชียวนะเว้ย! ”

 

ถ้าไม่อย่างงั้นละก็ฉันจะต้อง…..ไอ้พวกเด็กเปรตที่สถานกำพร้าทุกคนจะต้อง……!!

กลืนคำพูดเหล่านั้นกลับลงคอไป จิเซลตั้งบัสตาร์ดซอร์ดขึ้นมาใหม่อีกครา

และพอตรวจสอบว่าทุกคนรวมกลุ่มกันตามที่กำหนดเอาไว้ล่วงหน้าเสร็จเรียบร้อยภายในพริบตาแล้ว

 

“ เอริน! แกที่เป็น <<เรนเจอร์>> น่ะทำการตรวจจับหาเค้าลางตำแหน่งของไอ้ <<ไร้อาชีพ>> บัดซบนั่นแล้วแจ้งให้ฉันรู้ซะ! ฉันที่มีสเตตัสสูงที่สุดคนนี้จะตลบเข้าไปต้านไว้เอาให้ล้อมได้ง่ายขึ้นเอง! ”

 

กล่าวอาสาว่าจะเป็นคนนำทัพ เริ่มต้นไล่ล่าถาโถมโจมตีเข้าใส่ครอส—–เป็นในฉับพลันนั้นแหละ

 

“ ……….เอ๊ะ? ”

 

เอรินซึ่งเป็น <<เรนเจอร์>> และกำลังเริ่มต้นตรวจจับเค้าลางในบริเวณรอบๆตามคำสั่งของจิเซลอยู่นั้น พลันเบิกตาออกกว้าง

 

“ ……..นี่มัน……..อะไรน่ะ………!? ”

 

และในวินาทีที่เอ่ยเสียงเช่นนั้นออกมาอย่างตื่นตระหนกระคนตกตะลึงนั่นเอง

 

 

———–กร๊อบกร๊อบกร๊อบกร๊อบ!

 

 

“ ขึก!? อะไรวะ……!? ”

 

ในที่สุดเสียงนั่นก็ดังก้องเข้ามาถึงหูของพวกจิเซลที่ไม่มีสกิลตรวจจับ เสียงประหลาดที่ราวกับว่ามีตัวอะไรบางอย่างกำลังหักโค่นทำลายแมกไม้

ช่วงแรก ก็คิดว่าคงเป็นฝีมือของเจ้ามอนสเตอร์ริสก์ 3 ระดับต่ำ ที่กิลด์เตือนเอาไว้

แต่พอดูจากท่าทางอันไม่ปกติของเอริน กับเสียงทำลายล้างที่กระชั้นชิดเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วมหาศาลนี่แล้วปุ๊บ ก็รู้ได้ทันที

ว่ามันชักจะมีอะไรแปลกๆแล้ว——-แม้จิเซลจะสัมผัสเช่นนั้นขึ้นมาได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาที แต่ถึงตอนนั้นมันก็สายเกินไปแล้ว

พวกจิเซลยกเอาอาวุธขึ้นมาตระเตรียมได้ยังไม่ทันไร เจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์ใหญ่นั่นมันก็หักโค่นแมกไม้ ปรากฎตัวโผล่ออกมาอยู่เบื้องหน้าเหล่านักผจญภัยหน้าใหม่ที่ถึงกับตัวแข็งทื่อเพราะเจอเหตุฉุกละหุกเข้า

 

 

 

 

เสียงคำรามที่ทำเอาผืนดินสั่นสะเทือนเลือนลั่น และในฉับพลันเดียวกัน ร่างยักษ์ใหญ่นั่นก็พลันทำในสิ่งที่แสนเรียบง่าย—–แต่กลับรุนแรงร้ายเหลือ กล่าวคือ——มันพุ่งเข้ามาใส่

 

“ เอ๊ะ……..? ”

 

เจอภาพที่เฉียบพลันและเหลือเชื่อขนาดนี้เข้าไป ไม่ว่าใครต่างก็ได้แต่ยืนอึ้งแน่นิ่งไม่ไหวติงตอบสนองไม่ถูกเหมือนๆกันหมด

 

“ ………ฮึก!? พวกแกมัวยืนเอ๋อทำบ้าอะไรอยู่วะเฮ้ย!! ”

 

แต่ในหมู่นั้น ก็มีแค่ จิเซล สตริงก์ เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่เป็นข้อยกเว้น

แม้จะเผชิญเข้ากับภยันตรายตรงหน้าที่ไม่อาจทำใจให้เชื่อได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่หยุดใช้ความคิด ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกายไปได้โดยไม่หวาดหวั่น

คิดหมายมั่นจะช่วยเหลือให้รอดจากท่าไม้ตายที่ปลิดชีพได้ภายในครั้งเดียว ก่อนจะทุ่มแรงผลักร่างของเหล่าลิ่วล้อที่ได้แต่ยืนอึ้งให้ปลิวไป ทว่า

 

“““ อ๊าาาาาาาากกกกกกกกกกก!? ”””

 

ไม่ทันการ

แม้จะช่วยปกป้องจนรอดพ้นจากการโดนอัดเข้าใส่เต็มๆมาได้ แต่แค่คลื่นกระแทกจากการพุ่งทะยานของมันเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอจะทำให้พวกอาชีพระยะประชิดหลายคนโดนเป่าลอยกระเด็นแล้ว

 

“ ก๊าาาาาาาา!? ”

 

โดยเฉพาะจิเซลที่เข้ามาช่วยเหลือพวกลิ่วล้อนี่ยิ่งโดนเป่ากระเด็นไปแรงมากกว่าใครๆ กลิ้งกระเด็นไปตามพื้นหลายต่อหลายรอบก่อนจะกระแทกหลังเข้ากับต้นไม้ จนหยุดลงได้ในที่สุด

 

“ ขุ่ก บรรลัยเวรเอ้ย…….! แม่งเกิดบ้าอะไรขึ้น…….!? ”

 

และแล้วจิเซลที่ฝืนอดทนอดกลั้นต่อความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง ก็เงยหน้าขึ้นมามองดูรูปร่างรูปทรงของไอ้สัตว์ประหลาดที่บุกเข้ามาโจมตีใส่พวกตนแบบเฉียบพลันอีกครั้ง—-แล้วก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก เห็นได้ชัดเจนว่าเลือดค่อยๆซีดเผือดเหือดหายไปจากโฉมหน้าอันงามได้ทรวดได้ทรงนั่น

ที่อยู่ตรงนั้นก็คือ สัตว์ประหลาดขนาดมหึมาที่ทั่วทั้งร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้าถูกห่อหุ้มปกคลุมไปด้วยเกล็ดที่เหมือนกับหินผา

รูปทรงซึ่งดูเหมือนกิ้งก่าที่เกือบๆจะลุกขึ้นมายืนเดินสองขา แม้ในตอนนี้มันจะใช้สองเท้าหน้าอันกำยำช่วยยันพื้นพยุงร่างเอาไว้อยู่ในสภาวะครึ่งๆกลางๆระหว่างเดินสองขากับสี่ขา แต่ระดับความสูงของร่างนั่นก็ปาเข้าไปกว่าเท่าตัวนึงของจิเซลแล้ว ความกว้างประมาณมนุษย์ 3-4 คนได้ การมีตัวตนอยู่ของมันสามารถบรรยายสั้นๆได้เลยว่าหนาแน่น ปลดปล่อยออร่าที่เหมาะสมคู่ควรกับนามของมอนสเตอร์เสียเหลือเกินออกมา

 

(เทียบเท่ากับเลเวล 28……! มอนสเตอร์ริสก์ 4 ที่ต่อให้เอานักผจญภัยระดับต่ำมาช่วยกันรุมซักกี่คนก็ไม่มีทางเทียบชั้นติด—ร็อกลิซาร์ด วอริเออร์!?)

 

ฉับพลันนั้น ข้อมูลรายละเอียดของมอนสเตอร์ที่ตามเดิมแล้วไม่น่าจะโผล่มาอยู่ในป่าสำหรับนักผจญภัยระดับต่ำได้ ก็พลันแล่นเข้ามาในสมองของจิเซลที่เป็นเพียงนักผจญภัยเลเวล 17 —-และในเวลาเดียวกันนั้น หัวก็แตกแขนงได้ออกมาเป็นความคิดมากมายหลากหลายรูปแบบในทันตา

 

(ไม่ใช่ฝีมือของมอนสเตอร์ริสก์ 3 ระดับต่ำห่าเหวนั่นหรอก ตัวการก่อเหตุประหลาดขึ้นภายในป่าที่แท้จริงมันคือไอ้เจ้านี่เองหรอกเรอะ!)

(ไหงไอ้สัตว์ประหลาดพรรค์นี้มันถึงได้!?)

(อย่าบอกนะว่า ไอ้เจ้านี่มันคือตัวที่เหลือรอดจากสแตมปีดเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ที่หนีเข้ามาอยู่ในป่านี่ก็เพื่อหวังจะกินพวกกระต่ายเขาพักฟื้นร่างกาย!?)

(แต่ถ้ามีตัวพรรค์นี้ป้วนเปี้ยนอยู่จริง ก็น่าจะมีใครเจอแล้วแจ้งหน่วยคุ้มกันกับทีมปราบปรามแล้ว…..ไม่สิ หรือจะเป็นเพราะว่ามีพวกเราเข้ามาอาละวาดส่งเสียงกระหึ่มอึกทึกครึกโครมในจุดที่ลึกมากขนาดนี้เป็นกลุ่มแรก มันก็เลยโผล่หัวออกมาเรอะ…….!?)

 

แล่นผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับว่าเป็นภาพความทรงจำเล่นย้อนก่อนตายเลย

และแล้วจิตของจิเซลที่เร่งระดับขึ้นมาเพราะภยันตรายถึงชีวิตที่อยู่ตรงหน้า ก็พลันมองเห็นภาพรวมของสถานการณ์อันแสนคับขันครั้งนี้

 

“ อะ……….กะ……… ”

 

เจ้าของเสียงนั่นก็คือ เหล่าเด็กจากสถานกำพร้าที่เมื่ออยู่ต่อหน้าภัยพิบัติที่จะนำพาความตายมาสู่พวกตนอย่างแน่นอนแล้ว ก็ถึงกับตัวแข็งทื่อขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไม่ได้ ไม่ว่าใครต่างก็ถูกสถานการณ์ที่เหนือล้ำเกินกว่าที่ระดับสภาพจิตของตนเองจะรองรับไหวเล่นงานจนหัวตื๊อชาไปหมด ได้แต่ยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่กับที่โดยสมบูรณ์สถานเดียว โดยเฉพาะคนที่ถูกการพุ่งชนเมื่อตะกี้เป่าจนปลิวกระเด็นไปนี่ ถึงกับมือไม้อ่อนปล่อยอาวุธหลุดจากมือ แล้วนั่งนิ่งเงียบอยู่กับที่อย่างเดียวเลย

ริสก์ 3 กับริสก์ 4 หากจัดเป็นตัวเลขแล้วอาจเห็นว่าต่างกันเพียงนิดเดียว แต่ระดับความอันตรายโดยเนื้อแท้มันห่างชั้นกันราวผืนดินกับท้องฟ้าเลย มอนสเตอร์ริสก์ 3 ระดับต่ำนั้นอย่างมากก็ถูกบัญญัติเอาไว้ว่ามีเลเวลประมาณ 15 ….กลับกันแล้ว ร็อกลิซาร์ด วอริเออร์ซึ่งเป็นริสก์ 4 นี่คือมีเลเวลเฉลี่ยประมาณ 28 เลยทีเดียว

ความสามารถในการสู้รบมันมหาศาลมาก ระดับที่ต่อให้เอานักผจญภัยเลเวลประมาณ 10 ที่เพิ่งจะได้รับ <<คลาส>> แค่เดือนเดียวมาช่วยกันรุมสู้ก็ยังเทียบชั้นด้วยไม่ติด ต่อให้มีคนเลเวล 17 อย่างจิเซลเข้ามาช่วยสู้ด้วยก็ไม่ได้เกิดความแตกต่าง

ถ้าเป็นปาร์ตี้นักผจญภัยระดับต่ำที่ซึมกะทือสิ้นหวังสูญเสียจิตใจที่จะสู้ไปแล้วด้วยนี่คือยิ่งหนัก เป็นได้แค่เหยื่ออันโอชะให้แก่ไอ้สัตว์ประหลาดมันดีๆนี่เอง—–คำว่าตายหมดทั้งกลุ่มพลันแล่นเข้ามาในหัวจิเซล ฉับพลันนั้น

 

 

จิเซลที่ตัวขยับไปเองแบบกึ่งๆตามสัญชาติญาณ พลันปลดปล่อยเสียงตะโกนดังกระหึ่มระดับทำเอาคอแทบฉีกออกมาอัดใส่ทุกคน

 

“ มุ่งไปยังทิศของทางเดินหลัก! ต้องแยกแตกตัวไปในเส้นทางที่ต่างกันนิดๆนะเว้ยทุกคนเลยนั่นแหละวิ่งออกไปนอกป่าให้ได้! ถ้าจับตัวไปกันเป็นกลุ่มก้อนละก็มีหวังโดนมันไล่ตามทันแล้วฆ่าทิ้งตายหมดทั้งแก๊งแน่ๆ! แต่จะอยู่ในป่าตัวคนเดียวมันก็อันตราย! จับกลุ่มกับไอ้คนที่อยู่ใกล้ๆซัก 2-3 คนแล้ววิ่งไปซะ! เอาเป็นกลุ่มที่เพิ่งตั้งเมื่อกี้นี้ก็ได้! เร็วๆเข้าสิว้าาาาา! ”

“““ วะ ว๊าาาาาาาาาากกกกกกกกกกกกกกก! ”””

 

ชัดเจนตรงประเด็น

และที่สำคัญที่สุด ไร้ซึ่งความลังเลและความวอกแวกใดๆโดยสิ้นเชิง—เสียงดังสนั่นลั่นที่รวมคุณสมบัติเหล่านั้นเอาไว้ทั้งหมด พลันทำให้ทุกคนเชื่อฟังทำตามได้ในทันที

พอได้ยินเสียงตะโกนระดับที่ทำเอาหน้าสั่นเช่นนั้นแล้ว ทุกคนก็พลันหลุดพ้นจากสภาวะตัวแข็ง ถูกความหวาดกลัวเข้าครอบงำจนวิ่งสุดใจขาดดิ้นหนีออกไปจากที่แห่งนี้กันทันที  

——-ทุกคนเลย ยกเว้นจิเซลที่มอบคำสั่งบอกให้หนีแต่เพียงผู้เดียว

 

“ โอเช…เหมือนว่าจะไม่มีไอ้เซ่อซ่าคนไหนได้รับบาดเจ็บจากการพุ่งชนของไอ้กิ้งก่าบรรลัยเมื่อตะกี้นี้เลยสินะ…….นอกจากฉันแล้วน่ะ ”

 

จิเซลเอาบัสตาร์ดซอร์ดยันร่างตัวเอง ฝืนลุกขึ้นยืนกลับมา

ขาข้างขวางอบิดเบี้ยวผิดรูป ถูแนบอยู่กับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง กระดูกหักโดยสมบูรณ์เลย

เป็นแผลฉกรรจ์ ระดับที่ต่อให้ใช้เวทฟื้นฟูระดับต่ำซักเท่าไหร่ หรือราดด้วยโพชั่นระดับที่เด็กกำพร้ามีปัญญาซื้อได้กี่รอบก็ไม่มีทางรักษาให้หายได้

ความเจ็บแสบที่ตามมาในภายหลัง พลันทำให้เหงื่อกาฬแผ่ซ่านออกมาจากทั่วร่างของจิเซล

แล้วก็ไม่รู้ว่าวิเคราะห์ตีความนึกว่าเสียงดังสนั่นของจิเซลเมื่อกี้คือการข่มขู่ต่อมันหรือยังไง

 

 

จิตสังหารของริสก์ 4 นั่น ร่างมหึมานั่น มันพุ่งทะยานตรงดิ่งอัดเข้ามาใส่จิเซลในทันที

 

“ บรรลัยเอ้ย…..! ”

 

เพราะเปิดใช้สกิลหลบหลีกได้ทันท่วงที ก็เลยพ้นจากการพุ่งตรงที่แสนจะเถรตรงนั่นมาได้

แต่เพราะกระดูกหักเลยพยุงตัวเองไว้ได้ไม่ค่อยดี จิเซลทำหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บแสบทรมานพลางกลิ้งเกลือกไปตามผืนดินประหนึ่งเป็นเศษขยะ

ตู้มม! กร๊อบกร๊อบกร๊อบ! ต้นไม้ที่จิเซลเอาหลังพิงอยู่ตลอดจนถึงเมื่อครู่โดนพุ่งชนเข้าใส่เต็มๆ ก่อนที่จะหักโค่นลงด้วยสภาพเหมือนกับถูกกระชากขึ้นมาตั้งแต่โคนต้นเลยอย่างงั้นแหละ

ร็อกลิซาร์ด วอริเออร์ เป็นสายใช้พลังที่สามารถบดทำลายโค่นแมกไม้ลงได้อย่างง่ายดาย แต่ในเชิงกลับกันแล้ว ก็เหมือนว่าจะบกพร่องไม่อาจพุ่งทะยานตัวเข้ามาโดยเฉียบพลันได้อย่างที่มอนสเตอร์ที่เทียบเท่าเลเวล 28 น่าจะทำได้ ฉะนั้นต่อให้เป็นตัวจิเซลในตอนนี้ แต่ก็ยังพอจะหลบหลีกจากการพุ่งชนที่เรียบง่ายได้อยู่แหละ

ทว่า ในสภาวะที่ขาหักไปหนึ่งข้างแบบนี้ เห็นได้ชัดเจนเลยว่าถึงยังไงก็คงหลบหลีกรอดพ้นไปได้ไม่นานนักหรอก……

 

“ ชิ……ระยำบัดซบเอ้ย……..! ”

 

จิเซลที่เอาบัสตาร์ดซอร์ดพยุงตัวยกร่างขึ้นมาอีกครั้ง พลันพ่นคำผรุสวาทออกมาใส่สถานการณ์อันแสนสิ้นหวังนี่

ทว่า——-ต่อให้จิเซลไม่ได้รับบาดเจ็บ อยู่ในสภาพแข็งแรงดีพร้อมสมบูรณ์และสามารถหนีไปด้วยกันกับทุกคนได้ก็ตามทีเถอะ แต่สถานการณ์มันก็คงจะสิ้นหวังอยู่ดังเดิมแบบนี้ไม่เปลี่ยนนั่นแหละ จะต้องมีใครซักคนถูกมันไล่ตามทัน แล้วสิ้นชีพกลายเป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายไปไม่ผิดแน่ แม้โดยเฉลี่ยแล้วมันจะมีความว่องไวต่ำ แต่ความเร็วในการเคลื่อนไหวของไอ้เจ้าสัตว์ประหลาดที่สามารถพุ่งทะยานเป็นเส้นตรงในป่าโดยไม่จำเป็นต้องหลบหลีกแมกไม้เลยนี่มันก็สูงเกินกว่าจะรับมือไหวไปมากมายเลยอยู่ดี

ถึงจะแตกกระจายหนีกันไปคนละทิศคนละทาง แต่ก็จะต้องมีใครคนนึงที่โดนมันไล่ตามทัน ก่อนจะถูกแปรสภาพกลายเป็นเหยื่อสังเวยเพื่อถ่วงเวลาให้คนอื่นๆได้หนีไปเป็นแน่

……….เทียบกับอะไรพรรค์นั้นแล้ว ไอ้สถานการณ์ที่ตัวเองซึ่งบาดเจ็บและไม่มีประโยชน์ส้นตีนอะไรเลยนี่ สามารถรับตำแหน่งทำหน้าที่เป็นคนคอยถ่วงเวลาเอาไว้ได้ด้วยตัวคนเดียวเลยแบบนี้ มันก็ถือว่าดีมากแล้ว จิเซลคิดเช่นนั้น

เพราะถ้าตนคอยต้านถ่วงมันเอาไว้แบบนี้ได้ ก็จะไม่มีใครในสถานกำพร้าต้องถูกมอนสเตอร์ฆ่าตายเลยนั่นเอง

เพราะจะทำให้ไม่ต้องเห็นพวกเขาประสบพบเจอกับบทสรุปอันแสนโหดร้าย เหมือนอย่างน้องชายตัวเองที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักผจญภัย แล้วหาญเข้าท้าสู้กับมอนสเตอร์ก่อนจะถูกฆ่าตายโดยที่ยังกอดฝันนั่นเอาไว้ไม่ยอมปล่อยจนถึงนาทีสุดท้ายนั่นเอง

 

(อ๊าาโธ่เว้ย……พอนึกขึ้นได้ปุ๊บก็ชักจะหงุดหงิดขึ้นมาอีกแล้ว…..!)

 

ครอสที่กากแสนจะกาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังกระเหี้ยนกระหือรืออยากจะเป็นนักผจญภัย เอาแต่ทุ่มเทกำลังฝึกฝนพยายามอย่างเปล่าประโยชน์ไร้ค่าสิ้นดีเรื่อยมา

ไอ้บ้าที่ต่อให้ถูกกลั่นแกล้งซักเท่าไหร่ ก็ไม่ยอมปล่อยมือจากฝันที่ดูยังไงก็มีแต่จะนำไปสู่ที่ตายนั่นเลยแม้แต่นิดเดียว

ใบหน้าของเด็กหนุ่มที่มีอายุอยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน….ใบหน้าที่พอเห็นแล้วอารมณ์เสียเพราะทำให้นึกถึงน้องชายขึ้นมาอยู่เสมอๆนั่น มันแล่นเข้ามาอยู่ในหัว

 

(แต่ไอ้เจ้านั่นมัน…..ไม่รู้หรอกนะว่าใช้ลูกไม้กลโกงแบบไหนยังไง แต่มันก็แข็งแกร่งขึ้นมามากซะจนน่าหมั่นไส้เลย เจ้านั่นน่าจะสังเกตแหละว่าพวกเราถูกตัวอะไรบางอย่างโจมตีจนวงแตก ป่านนี้คงจะกำลังวิ่งหนีอย่างดีอกดีใจอยู่เลยละมั้ง ถ้าใช้ประโยชน์จากพวกแก๊งสถานกำพร้าที่เผ่นกันป่าราบก็คงจะไม่หลงทางหรอก น่าจะหนีรอดจากไอ้กิ้งก่าเวรนี่ไปได้ง่ายๆเลย ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องห่วงมันซักนิด)

 

ถ้าจะมีสิ่งที่ห่วง……ก็คงเป็นเหล่าคนจากสถานกำพร้านั่นแหละ

ถ้าตนที่เป็นหัวหน้าต้องมาตายหยั่งหมาไปแบบนี้ พวกเขาเหล่านั้นก็จะถูกตีตราว่าเป็นเด็กกำพร้าหน้าโง่ที่ยกย่องจิเซลซึ่ง [พ่ายแพ้ให้กับ <<ไร้อาชีพ>> สุดกระจอกแล้วยังโดนมอนสเตอร์ฆ่าตายแบบนิ่มๆ โดยที่ยังไม่ทันมีโอกาสได้กอบกู้หน้าคืนเลยด้วยซ้ำ] ขึ้นมาเป็นหัวหน้า ไม่มีทางที่จะไม่ถูกดูหมิ่นหรอก

ถ้าเป็นบัสเคิลเบียร์ในยามปกติมันก็คงไม่เป็นปัญหาอะไร ก็คงจะยังได้รับทุนสนับสนุนจากทางกิลด์ทำให้รับการศึกษาเล่าเรียนแบบพิเศษต่อไปได้อยู่ดี แม้อนาคตจะไม่ได้ถูกโรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ก็น่าจะเริ่มต้นชีวิตในฐานะนักผจญภัยได้อย่างไม่มีอะไรต้องกังวล

แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาสุดน่ารำคาญ ที่ท่านผู้กล้าเดินทางมาเพื่อตามหาคู่ชีวิตพอดี

เพราะตอนนี้ยังอยู่ในช่วงดูท่าที สภาพภายในโรงเรียนก็เลยยังเงียบอยู่ แต่ไม่ช้าก็เร็วการปะทะขัดแย้งกันด้วยอำนาจระหว่างขุมกำลังต่างๆของพวกขุนนางมันจะต้องเริ่มต้นขึ้นจริงๆจังๆเป็นแน่ หากเกิดเหตุเช่นนั้นขึ้น เหล่าสามัญชน—–โดยเฉพาะเด็กกำพร้าอย่างพวกตนที่มีค่าเปรียบได้แค่เศษเดนมนุษย์ มันก็จะแปรสภาพกลายเป็นเพียงหมากดีๆที่ถูกใช้เพื่อสร้างภาพลักษณ์อิมเมจให้กับคนใหญ่คนโตไปโดยปริยาย ถ้าเลวร้ายหน่อยก็อาจจะถูกเห็นเป็นหมากใช้แล้วทิ้ง ที่สามารถดูหมิ่นดูแคลนและดูดรีดขูดเลือดขูดเนื้อโดยอิสระตามสะดวกไปเลยก็ได้เหมือนกัน

แม้จะพยายามทำตัวเงียบไม่ออกเสียงเพื่อไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพรรคฝ่ายไหน แต่จะช้าหรือเร็วควันหลงจากการขัดแย้งมันก็จะแผ่ขยายเข้ามารวบตัวเอาไว้ การขัดแย้งกันด้วยอำนาจมันก็คืออะไรแบบนั้นแหละ

ท่ามกลางสถานการณ์แบบนั้น เหล่าเด็กกำพร้าที่สูญเสียหัวหน้าไปนั่น—-เหล่าเด็กกำพร้าที่ยกย่องนับถือหัวหน้าที่พ่ายให้กับ <<ไร้อาชีพ>> นั่น จะถูกปฎิบัติด้วยแบบไหน….แค่คิดดูก็รู้แล้ว

ฉะนั้นอย่างน้อย—–

 

“ ขอทิ้งแผลเอาไว้บนหน้าตาสกปรกโสโครกของแกอย่างน้อยซักแผลหนึ่งแล้วกันว่ะ…..! เพื่อที่จะได้รู้แจ้งชัดเจนว่าฉันที่เป็นหัวหน้าคนนี้สวนกลับเอาคืนมอนสเตอร์ที่แกร่งกว่าอย่างท่วมท้นได้ เพื่อที่เจ้าพวกนั้นซึ่งถูกทิ้งไว้อยู่เบื้องหลังจะไม่ถูกใครหน้าไหนมาเหยียดหยามดูหมิ่นได้……! ”

 

โดยแลกด้วยชีวิตนี้

สกิลหลบหลีกที่ช่วยได้แค่ทำให้ตายช้าลงพรรค์นั้นปลดมันไปซะ จิเซลสละละทิ้งความคิดที่จะป้องกันตัว กำดาบเอาไว้อย่างแน่นหนา ก่อนจะทุ่มกำลังทั้งหมดทั้งกายใจลงไปใน <<สะบั้นสองคม>> อันเป็นสกิลที่มีอานุภาพพลังทำลายล้างสูงที่สุดของตนเอง

 

(อาา แต่ว่า……)

 

ทว่า ในระหว่างการเตรียมใจอันยิ่งใหญ่นั่น ก็พลันมีความคิดนึงแล่นปรากฎขึ้นมา

 

(นี่ฉัน……จะต้องมาตายในที่แบบนี้เหรอเนี่ย……ถูกมอนสเตอร์มันย่ำยี อยู่อย่างโดดเดี่ยวแบบนี้)

 

เพราะคิดที่จะขยี้ครอสเพื่อกอบกู้รักษาหน้าเอาไว้ ฟ้าก็เลยลงทัณฑ์งั้นหรือ

นี่น่ะหรือคือจุดจบของอันธพาลที่มีชีวิตอยู่ได้ผ่านวิธีการแบบนี้เพียงอย่างเดียว อันธพาลที่ขนาดจะปกป้องที่อยู่ของตนเองเอาไว้ก็ยังไม่มีปัญญา

ในพริบตาก่อนที่ความตายจะคืบคลานเข้ามาหา หน้ากากในฐานะหัวหน้าของสถานกำพร้าก็พลันแตกร้าวร่วงหล่น ความรู้สึกอยากจะร้องไห้หลั่งน้ำตามันเอ่อล้นออกมาจนยั้งไม่อยู่

 

 

แต่ร็อกลิซาร์ด วอริเออร์ก็แผดเสียงร้องดังลั่น ราวกับไม่สนใจว่าความรู้สึกพรรค์นั้นมันจะเป็นอะไรมายังไง สัตว์ประหลาดส่งร่างตัวเองพุ่งทะยานออกมาเป็นครั้งที่สามเพื่อแปรสภาพเหยื่อที่อยู่ตรงหน้าให้แหลกเละกลายเป็นเศษเนื้อ——–ในฉับพลันนั้นเอง

 

 

ที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งนั่น ที่สุดกากซึ่งน่าจะหนีหายไปจากที่แห่งนี้แล้วนั่น ที่ <<ไร้อาชีพ>> เลเวล 0 ที่เป็นคนดีที่หนึ่งไปได้จนถึงที่สุดของที่สุดนั่น

พลันปรากฎขึ้นมายืนตระหง่านขวางกั้นกลางอยู่ระหว่างสาวน้อยกับไอ้มอนสเตอร์ 

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ยกาลครั้งนึงแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเมื่อไหร่ ได้มีวีรสตรี 3 คนที่ถูกกล่าวขานล่ำลือกันว่าเป็นตัวตนผู้แข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุดในโลกอยู่ครับ ความแข็งแกร่งของพวกเธอนั้นเรียกได้ว่าเป็นระดับเหนือมนุษย์เลยเชียว คนนึงสามารถต่อยขุนเขาให้แหลกกระจุยได้ด้วยหมัดเปล่า คนนึงสามารถเป่าร่างของพลทหารนับหมื่นนายให้ลอยปลิวหายไปได้ด้วยการโจมตีจากเวทมนตร์เพียงครั้งเดียว ส่วนอีกคนก็เป็นหญิงพิลึกพิลั่นที่เอาเวทฟื้นฟูกับเวทสนับสนุนมาใช้ฆ่าคนได้ เลยกลายเป็นตัวตนที่ถูกหวาดกลัวไปตามระเบียบ แค่เพียงคนเดียวก็โหดพอจะทำให้ประเทศหนึ่งถึงการล่มสลายได้อย่างง่ายดายแล้ว ยิ่งถ้าเหล่าวีรสตรี 3 คนนั้นมาสุมหัวรวมตัวไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วนี่คงอาจต้องเรียกว่าเป็นภัยพิบัติเดินได้ การหวนคืนชีพของเทพมาร หรือในบางพื้นที่ก็อาจจะระบุตัวตนของพวกเธอเป็นเทพผู้ชั่วร้ายกันเลยก็เป็นได้…..หากอาศัยใช้งานความแข็งแกร่งนั่นซะอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอะไรต่อมิอะไรก็คงบันดาลให้เป็นดั่งที่ใจพวกเธอต้องการได้เกือบทั้งหมดเลยกระมัง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีสิ่งที่แม้แต่สามคนนั้นเอง ก็ยังไม่อาจได้มาครอบครองอยู่ครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset