หนีมั่วซั่วอยู่ในป่าแบบนั้นก็มีแต่จะผลาญเรี่ยวแรงไปเปล่าๆ หาระยะที่ <<เรนเจอร์>> ตรวจจับไม่ถึงแล้วใช้แผนซุ่มดักรอค่อยๆตอดลดกำลังรบของอีกฝ่ายไปเรื่อยๆแทนจะดูเข้าท่าที่สุด—–ครอสคิดเช่นนั้นพลางซุกซ่อนตัวอยู่ภายในป่า แต่แล้วหูข้างนั้น ก็พลันได้ยินเสียงประหลาดที่ดังกังวานขึ้นมาอย่างชัดเจน
เสียงการทำลายล้างที่เหมือนกับแมกไม้ถูกหักโค่น เสียงคำรามที่ดังสนั่นแสบแก้วหู เสียงตะโกนกร้าวของจิเซล
และที่มองเห็นได้ตามแมกไม้ในนาทีถัดมา ก็คือเหล่าเด็กจากสถานกำพร้าที่กำลังแผดเสียงร้องแตกตื่นวิ่งหนีอลหม่านโดยไม่มีคิดจะเข้ามาล้อมรอบครอสเลยแม้แต่นิด
“ อะไรน่ะ……? ”
ตอนแรกคิดว่าเป็นกับดักอะไรบางอย่างด้วยซ้ำ
แต่ท่าทางของพวกเค้ามันก็ดูจริงจังมากเกินกว่าที่จะเป็นกับดัก เห็นได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งเลยว่ากำลังเกิดเหตุประหลาดครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น
นักผจญภัยที่เคลื่อนไหวทำกิจกรรมอยู่ภายในอาณาเขตของมอนสเตอร์ จะต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่อาจคาดคิดให้ได้ทุกแบบและทุกเมื่อ ความสามารถในการตรวจจับอันตรายนั้นในบางคราวก็มีความสำคัญมากยิ่งกว่าความสามารถในการสู้รบซะอีก จึงถือเป็นกฎเหล็กเลยว่าหากสัมผัสได้ถึงเหตุผิดปกติก็จงรีบหนีในทันทีซะ ทั้งหมดนั่นคือคำสอนที่ทางโรงเรียนย้ำเตือนให้ฟังอยู่ไม่รู้กี่รอบ
ฉะนั้นครอสก็สมควรน่าจะต้องหนีในทันทีเช่นกัน
หากเห็นเหล่าเด็กกำพร้าที่วงแตกเพราะถูกคุกคามโดยภยันตรายบางประการเช่นนี้ ก็ไม่น่าจะมีทางเลือกอื่นใดอีกแล้วนอกจากพึมพำว่า “ดวงดีจริงๆเลย” แล้วถอนตัวถอยหนี
ทว่า เป็นตรงนั้นเองที่ครอสพลันสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง
(จิเซลที่มีสเตตัสสูงมากที่สุด กลับไม่ได้วิ่งนำอยู่ข้างหน้า แถมยังไม่ได้อยู่ข้างหลังอีกต่างหาก……?)
คลาดสายตาไปเหรอ หรือไม่ก็หนีไปอีกทิศนึงรึเปล่า
ไม่รู้เลย แต่ก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาอย่างรุนแรง รู้สึกอีกทีร่างกายมันก็ขยับไปเองแล้ว
“ หมู่มวลอากาศที่ห่อหุ้มปกคลุมอยู่ทั่วเอ๋ยเชื่อฟังเราเสีย จงก่อตัวผสานอยู่ในมือข้างนี้ นามนั้นก็คือลมกรรโชก—– ”
ถ้ากังวลเกินเหตุไปเองก็ไม่เป็นไร แค่ถอยหนีออกห่างให้ได้ก่อนที่จะถูกลากเข้าไปประสบอันตรายแค่นั้นก็พอ
ครอสวิ่งกลับไปยังสถานที่ซึ่งตัวเองถูกพวกจิเซลห้อมล้อมตีกระหนาบอยู่เมื่อซักครู่นี้ พลางขับขานคำร่ายไว้ด้วยเผื่อจำเป็น
และแล้ว—–ครอสก็พบเห็นเข้า
เห็นมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ยักษ์ที่ไม่น่าจะปรากฎตัวออกมาในป่าสำหรับเหล่านักผจญภัยหน้าใหม่….และที่กำลังเผชิญหน้าท้ายอยู่กับมันนั่น ก็คือสาวน้อยผู้กำลังยืนลากขาข้างหนึ่งอยู่อย่างโดดเดี่ยว
แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องลังเลใดๆเลยซักนิดเดียว
ครอสที่เปิดใช้สกิลบัพร่างกายพลันเค้นกำลังทั้งหมด พุ่งทะยานตรงดิ่งเข้าไปหาจิเซล
“ เวทสายลมระดับต่ำ <<วินด์ชู๊ต>> ! ”
ทำการปลดปล่อยเวทลมที่ร่ายเสร็จเรียบร้อยพร้อมยิงออกไปเต็มแรง
คราวนี้ใช้แบบพลิกแพลง ให้ลากเอาฝุ่นดินและกิ่งไม้ขึ้นมาปะปนอยู่ด้วยก่อนที่จะส่งกระแทกอัดเข้ากลางเบ้าหน้าของมอนสเตอร์
“ ก๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาา!? ”
มอนสเตอร์ที่โดนอัดด้วยการโจมตีทีเผลอเข้าไป พลันแผดเสียงร้องคำรามลั่นก่อนจะผงะตัวหยุดนิ่งอยู่กับที่
และครอสก็อาศัยจังหวะนั้นโอบร่างจิเซลขึ้นมา พร้อมกับถอยเว้นระยะห่างออกจากมอนสเตอร์
จิเซลที่สวมใส่เกราะโลหะกับบัสตาร์ดซอร์ดนั้นหนักพอสมควรเลยก็จริง แต่ร่างกายของครอสที่เปิดใช้สกิลก็สามารถพาตัวจิเซลหนีรอดพ้นภัยมาได้แบบฉิวเฉียด
“ จิเซล เป็นอะไรรึเปล่า!? …….ขึก! ”
ครอสพูดเช่นนั้นไปพลาง จ้องมองลงมายังจิเซลที่อึ้งอ้าปากค้างอยู่ และเมื่อเห็นสภาพบาดแผลที่สาหัสหนักนั่นแล้ว สีหน้าของเด็กหนุ่มที่ร้อนรนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ยิ่งเคร่งเครียดจริงจังมากเข้าไปใหญ่ ขวาข้างขวาที่หักบิดงอของจิเซลนั่น ดูยังไงก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะหายเองในทันทีได้เลยซักนิดเดียว
“ ……..ถอยห่างไปจากที่นี่ให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วหลบซ่อนตัวไว้ซะอย่าโผล่ออกมาให้มอนสเตอร์มันเห็นได้! ”
ครอสตะคอกออกมาด้วยน้ำเสียงข่มขู่บังคับ ก่อนจะส่งแรงเข้าไปในมือข้างที่กำดาบเอาไว้
“ บ้า….อะไร……นี่แกทำบ้าอะไรอยู่น่ะไอ้บัดซบ……!? ”
แต่จิเซลก็แหงนมองขึ้นมาด้วยท่าทางเหมือนกับว่าไม่ได้ยินคำสั่งนั่นเลยซักนิด ก่อนจะอ้าปากพูดขึ้นด้วยความตกตะลึงสุดขีด
“ แกเข้ามาช่วยฉันไว้ทำไมกันวะ!? ฉันที่พยายามจะขยี้แกให้เละคาตีนอยู่จนถึงเมื่อกี้นี้น่ะ!? ”
“ ตอนนี้มันใช่เวลามาพูดเรื่องพรรค์นั้นซะที่ไหนกันเล่า!! ”
เป็นเสียงตะคอกที่แฝงเร้นไปด้วยอารมณ์รุนแรง ระดับที่ครอสตอนปกติไม่มีทางพ่นออกมาได้แน่ๆ
แต่ก็ช่วยไม่ได้หรอก
เพราะถึงแม้ครอสจะทะยานเข้ามาช่วยในทันทีหลังจากที่เห็นจิเซลตกอยู่ในวิกฤต แต่ในใจของเด็กหนุ่มนั่นไม่ได้มีความโล่งอกอยู่เลยแม้แต่น้อยนิด
เพราะตัวเขาเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าภยันตรายของมอนสเตอร์ที่ยืนขวางเป็นอุปสรรคอยู่ต่อหน้าพวกเขานี่มันร้ายแรงระดับไหน
(ร็อกลิซาร์ด วอริเออร์…….!)
ตามเดิมแล้ว เจ้าสิ่งนั้นมันคือมอนสเตอร์ ริสก์ 4 ที่น่าจะปรากฎตัวขึ้นมาในอาณาเขตส่วนลึกพอประมาณของ <<ผืนป่าเบื้องลึก>>
ในกรณีปกติ จะต้องให้ปาร์ตี้ที่ต้องประกอบไปด้วยนักผจญภัยระดับ E = อาชีพระดับกลางที่มีเลเวล 20 ขึ้นไปเท่านั้น ช่วยกันรุมรับมือจึงจะสามารถโค่นเจ้ามอนสเตอร์นี่ลงได้ หรือก็คือ
(ตามจริงแล้ว ต้องให้พวกผู้คนที่แข็งแกร่งมากยิ่งกว่าผมแล้วก็จิเซลมาจัดทีมแบ่งตำแหน่งออกเป็น กองหน้า กองหลัง ฟื้นฟู สนับสนุน แล้วช่วยกันรุมช่วยกันสู้ถึงจะเอาชนะเจ้านี่ได้…..!)
แก้มของครอสชุ่มโฉกไปด้วยเหงื่อ หัวใจเต้นถี่ระรัว คอแห้งผากส่งเสียงดังหวีดหวิว
(หลักฐานที่แสดงให้เห็นชัดถึงความแข็งแกร่ง ก็คือการที่มันแทงค์เวทมนตร์ด้วยใบหน้าได้โดยไม่มีท่าทีเจ็บปวดเลยซักนิดนี่แหละ……!)
หากมองดูดีๆ จะพบว่าร็อกลิซาร์ด วอริเออร์แค่แผดเสียงร้องอย่างไม่สบอารมณ์ออกมาเพราะมีฝุ่นเข้าตากับปากเท่านั้นเอง เกล็ดบนกายนั่นไม่มีรอยร้าวเลยแม้แต่น้อยนิด
เวทมนตร์นี่หากให้พูดกันโดยง่ายแล้ว ก็คือการสละเวลาอันยาวนานและพลังเวทอันมหาศาล เพื่อให้ได้มาซึ่งการโจมตีพิฆาตที่แฝงเร้นไว้ซึ่งอานุภาพระดับที่ใช้โค่นล้มศัตรูที่แข็งแกร่งทรงพลังมากยิ่งกว่าได้
แม้เวทลมของครอสที่เพิ่งปรากฎขึ้นมาได้ไม่นานจะมีระดับความชำนาญและสเตตัสพลังเวทโจมตีอยู่ในขั้นต่ำต้อยที่สุด แต่ก็ยังมีอานุภาพขนาดที่ใช้ปลิดชีพเผด็จศึกตัวระดับริสก์ 3 ได้เลยทีเดียวเชียว
ทว่ามันก็ใช้กับริสก์ 4 ที่เป็นเลิศในด้านป้องกันไม่ได้ผล อย่างเก่งก็ได้แค่ใช้สร้างฝุ่นทรายอำพรางตาชั่วคราวเท่านั้นแหละ
อะไรแบบนี้ไม่นับว่าเป็นการต่อสู้เลยด้วยซ้ำ คิดแบบปกติยังไงก็ต้องหนี เพราะสู้ไปก็มีแต่จะเอาชีวิตไปทิ้ง
แต่ว่า…..ครอสหันไปมองสภาพโดยรอบ สิ่งที่อยู่ตรงนั้นก็คือ ทางเดินแคบๆตรงแหน่วซะจนน่ากลัวที่ถูกร็อกลิซาร์ด วอริเออร์ใช้พละกำลังเข้ากระแทกทำลายแมกไม้สร้างขึ้นมา
ศัตรูมันคือไอ้สัตว์ประหลาดที่สามารถพุ่งทะยานเป็นแนวตรงได้โดยไม่ต้องสนใจแมกไม้
ลำพังแค่หนีธรรมดาก็ยากมากพอแล้ว ยิ่งถ้าต้องหนีโดยอุ้มจิเซลที่ขาหักหนึ่งข้างไปด้วยนี่ พูดเลยว่าไม่มีทางเป็นไปได้
ฉะนั้น
“ เข้ามาเลย…….! ”
ครอสยกดาบขึ้นมาเตรียมสู้ ต้องเตรียมอย่างมิอาจเลี่ยง เพราะทางเลือกอื่นใดนอกเหนือไปจากนี้มันไม่มีอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว
“ กู้ววววววววววววววววว! ”
เข้าประจันหน้าโดยตรงกับริสก์ 4 ที่หลุดจากสถานะฝุ่นเข้าตา และเริ่มที่จะมองเห็นเขาเป็นศัตรูขึ้นมาแล้ว
“ ไอ้บ้าห้าร้อย!! ”
ในระหว่างที่แหงนมองขึ้นมายังแผ่นหลังครอสที่บ้าระห่ำเช่นนั้น จิเซลก็พลันแผดเสียงตะโกนดังกระหึ่มระดับทำเอาคอแทบฉีก
“ อย่างแกมันจะไปมีทางชนะได้ยังไงกันวะ! มีแต่จะมีศพเพิ่มมากขึ้นเท่านั้นแหละ! รีบๆหนี—- ”
“ รู้อยู่แล้วน่าเรื่องพรรค์นั้น!! ”
ครอสไม่ยอมให้จิเซลกล่าววิงวอนจบด้วยซ้ำ
ใช่สิ รู้ดีอยู่เต็มอกเลยล่ะ
นี่มันไม่เหมือนศึกฮีโดร่าที่แค่ทำลายคอร์ให้ได้ก็เป็นอันจบ หนำซ้ำยังมีเหล่านักผจญภัยระดับ S คอยช่วยสนับสนุน …..นี่มันไม่ใช่การสอบชิงสิทธิที่ขอแค่ปัดเป่าสายตาโดยรอบและแรงกดดันไปก็สามารถต่อสู้ได้โดยไม่ต้องหวาดกลัวว่าจะต้องตาย
แต่เป็นการปะทะที่เขาไม่มีโอกาสชนะ และถ้าแพ้ก็ตายสถานเดียว
ไร้ซึ่งไอเท็มใดจะใช้ฟื้นฟูรักษาตนเองได้ การสนับสนุนจาก <<พรีส>> ก็ไม่มี เครื่องสวมใส่ก็มีแค่ดาบสั้นกับเลสเซอร์อาร์มเมอร์สุดแสนจะอ่อนแอ
กลับกันแล้ว สิ่งที่ยืนตระหง่านขวางอยู่นั่นมันก็คือไอ้สัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งมากกว่าตนหลายเท่า ปีศาจที่ถูกสัญชาติญาณบีบเร้าให้เข้าเข่นฆ่าทำร้ายผู้คนได้โดยปราศจากความปรานี
เค้าลางของความตายที่กระชั้นชิดใกล้เข้ามาอย่างชัดเจนมันทำให้ร่างกายสั่นเทิ้ม จนตอนนี้ก็เกือบๆจะทำดาบหลุดร่วงหล่นลงจากมืออยู่แล้ว ทว่า
(ตัวผมในวันนั้น สาบานไว้แล้วว่าจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ให้คำขาดเอาไว้แล้วว่าอยากจะเป็นนักผจญภัยที่ปกป้องผู้อื่นได้เหมือนกับคนคนนั้น ในยามที่คนซึ่งคอยต่อสู้ปกป้องผู้อื่นอยู่เสมอๆกำลังตกที่นั่งลำบาก ก็อยากจะเป็นคนที่เข้าไปช่วยเหลือเกื้อหนุนและปกป้องเค้าคนนั้นได้อีกที อยากจะเป็นนักผจญภัยที่แข็งแกร่งมากพอจะทำแบบนั้นได้)
เพราะเบื่อหน่ายกับตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้นี่เต็มทีแล้ว เพราะไม่อยากจะต้องลิ้มรสสัมผัสความรู้สึกแบบตอนนั้นอีกเป็นครั้งที่สองแล้ว
แล้วก็ แล้วก็……!
“ ถ้าทิ้งเธอไปที่นี่ตรงนี้แล้วละก็ ผมคงไม่มีหน้าจะกลับไปหาเหล่าผู้คนที่เก็บไอ้กากกระจอกงอกง่อยอย่างผมมาเลี้ยงดู! ไม่มีหน้าจะกลับไปพบคนที่ผมเลื่อมใสศรัทธาสุดใจคนนั้น! ได้อีกตลอดชีวิตแน่ๆ!! ”
ฉะนั้น ผมจึง
การต่อสู้พลันเปิดฉากโดยที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็พุ่งทะยานอัดเข้าใส่กัน
เสียงคำรามที่ทำเอาแมกไม้สั่นสะเทือนสองชั้นพลันดังสนั่น <<ไร้อาชีพ>> และสัตว์ประหลาดเข้าปะทะชนกันโดยตรง
แต่ก็แน่นอน เป้าหมายของครอสไม่ใช่การดวลพลังตรงๆอันแสนจะบุ่มบ่ามแต่อย่างใด
“ ………ขึก! ”
มองให้ขาด ระดับความเร็วของร่างกายหินผาใหญ่ยักษ์ที่ทะยานตรงอัดเข้ามาใกล้นั่นน่ะ ระยะห่างนั่นน่ะ พริบตาแบบฉิวเฉียดที่เหมาะสมต่อการก้าวเข้าไปโดยมีชีวิตเป็นประกันนั่นน่ะ
และในเสี้ยววินาทีก่อนที่จะปะทะ ร่างกายของครอสก็พลันบิดงอ เอี้ยวตัวหลบหลีกการพุ่งชนของมอนสเตอร์ที่ร้ายเหลือระดับก่อให้เกิดลมกรรโชกตามมาได้ด้วยระยะห่างบางๆแค่กระดาษเส้นเดียวคั่น ในฉับพลันนั้น
“ <<ครอสเคาน์เตอร์>> ! ”
เล็งไปยังบริเวณคอที่เห็นเหมือนว่าจะมีเกล็ดหินเบาบางมากที่สุด
ปลายของดาบสั้นที่ซึมซับเอาอานุภาพของการพุ่งชนแสนทรงพลังเข้ามาเสริมร่วมไปด้วย พลันถูกปล่อยกระแทกเข้ากลางหลังลำคออันไร้ซึ่งการป้องกัน
ทว่า——-แกร๊ง!
“ ฮึก!? ”
ดาบกลับกระเด้งออกราวกับว่าเป็นเรื่องปกติสามัญ แถมยังไม่จบแค่นั้น
“ ดาบมัน—–!? ”
ดาบราคาถูกที่โดนปล่อยกระแทกเข้ากลางเกล็ดอันหนาแน่นของริสก์ 4 เต็มแรง—–พลันเกิดเป็นรอยร้าวแล่นไปทั่ว
ในระหว่างที่ครอสเปล่งเสียงเช่นนั้นออกมาอย่างตกตะลึง ร็อกลิซาร์ด วอริเออร์ที่เกล็ดไม่ได้มีบาดแผลใดๆเลยแม้แต่นิดก็พลันหยุดการพุ่งชนราวกับเล่นสนุก ก่อนจะหันขวับกลับเข้ามาหาครอส
และสิ่งที่ถูกเหวี่ยงเข้ามาใส่ในจังหวะเดียวกันนั้น ก็คือกรงเล็บคมกริบที่งอกยาวออกมาจากปลายแขนอันกำยำ
“ ก๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา! ”
“ อ๊าาาาาา!? ”
เอาดาบที่ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้แล้วเป็นโล่ บวกกับเปิดใช้สกิลร่วมด้วยหาทางปัดกรงเล็บไปได้
กลิ้งตัวไปตามพื้นดินเพื่อถอยเว้นระยะออกห่างจากมอนสเตอร์ พร้อมกับหยิบเอาดาบที่พวกคนจากสถานกำพร้าทำหล่นตกเอาไว้ขึ้นมาโดยเกือบๆอัตโนมัติ…..ครอสกล่าวออกมาอย่างขมขื่น พลางตั้งดาบเล่มใหม่ที่ได้มาไปด้วย
“ ขุ่ก ต่อให้ยังไงก็เถอะ แต่นี่มันแข็งมากเกินไปแล้ว……! ”
คลื่นกระแทกที่ส่งกลับมาในตอนที่อัด <<ครอสเคาน์เตอร์>> เข้าใส่นั่นทำเอาแขนทั้งสองข้างถึงกับแสบจี๊ดชาไปหมด
ร็อกลิซาร์ด วอริเออร์—–หากนับในหมู่ริสก์ 4 ที่มีเลเวลเทียบเท่า 28 แล้ว เจ้านี่อาจไม่ใช่ตัวที่มีระดับสูงมากมายเท่าไหร่ก็จริง แต่เพราะสเตตัสที่ทุ่มเน้นลงไปกับพลังป้องกันซะมากนี่แหละ ทำให้มันกลายเป็นมอนสเตอร์ชื่อดังที่เหล่านักผจญภัยต่างก็หวาดระแวง
มีจุดอ่อนตรงที่ความเร็วในการพุ่งทะยานตัวสำหรับใช้ในศึกระยะประชิดนั้นค่อนข้างต่ำ ต่อให้เป็นครอสในตอนนี้ก็ยังพอจะสามารถหลบหลีกได้พ้น……แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่เกราะมันแข็งมากเกินไปนี่แหละ
เวทมนตร์ไม่ได้ผล <<ครอสเคาน์เตอร์>> อันเป็นท่าที่มีพลังทำลายล้างรุนแรงสูงสุดของครอสก็ทำอะไรไม่ได้ อีแบบนี้ไม่ต้องมาพูดกันแล้ว เป็นอย่างที่ลีโอเน่บอกนั่นแหละ หากโจมตีไม่เข้าทำยังไงก็ไม่มีทางชนะ ต่อให้ตุนอาวุธหรือชีวิตไว้มากเท่าไหร่ก็จนปัญญาที่จะได้ชัยมาครอง
“ ถ้าอย่างงั้น…….! ”
ครอสพลันเบิกดวงตาออกกว้างอย่างแน่วแน่ โดยมีมอนสเตอร์ที่เตรียมพร้อมจะโจมตีระลอกใหม่เข้ามาอยู่ต่อหน้า
ท่ามกลางการต่อสู้รุกรับที่หากโดนเข้าไปทีเดียวก็จบเห่กันอย่างแน่นอน ปากข้างนั้นก็ขยับกล่าวขับขานคำร่ายออกมาอย่างดังกังวาน
“ หมู่มวลอากาศที่ห่อหุ้มปกคลุมอยู่ทั่วเอ๋ยเชื่อฟังเราเสีย จงก่อตัวผสานอยู่ในมือข้างนี้ นามนั้นก็คือลมกรรโชก ลูกศรหนึ่งดอกเอยจงปรากฎ วาโยหนึ่งดอกเอยจงผงาด ลมหนาวหนึ่งกำมือเอยจงเผยโฉม ภูตแห่งสายลมเจ้าจงก่อตัว ภายในมือของเราผู้นี้ ไขว่คว้าไว้ซึ่งท้องนภาทั้งมวลกลายมาเป็นกระสุนแห่งเราแล้วปัดเป่ามารศัตรูให้หมดไป——<<วินด์ชู๊ต>> ! ”
พิธีเวทที่ต้องใช้เวลานานแสนนานกว่าจะก่อสร้างประกอบเสร็จ
ส่งก้อนมวลอากาศที่มาอัดแน่นอยู่เหนือฝ่ามือให้ดูดเอาฝุ่นทรายและกิ่งไม้เข้าไป ก่อนจะยิงกระแทกอัดเข้าใส่กลางหน้าของไอ้สัตว์ประหลาด
“ กู้วววววววววววววววว! ”
ได้ผลลัพธ์แบบเกือบๆเมื่อกี้เป๊ะ
เวทมนตร์ที่ต้องใช้เวลามากมายและทุ่มพลังเวทใส่ลงไปพอตัวมันสร้างความเสียหายใดๆแทบไม่ได้ มีแต่จะยิ่งทำให้ร็อกลิซาร์ด วอริเออร์ที่แสบตาพิโรธหนักมากเข้าไปใหญ่ก็เท่านั้น
แต่นั่นแหละคือเป้าหมาย ครอสถอยเว้นระยะห่างนิดๆออกจากไอ้สัตว์ประหลาดที่อาละวาดอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะขยับปากกล่าวคำร่ายออกมาอีกครา คำร่ายที่แตกต่างออกไปจากเมื่อครู่
“ สิ่งนั้นคือความคร่ำครวญยามโพล้เพล้ ร่วงหล่นลงสู่ผืนดิน จมดิ่งลงสู่พื้นพิภพ แล้วจงก้มหัวศิโรราบต่อความภูมิใจที่แตกสลาย—– ”
นั่นคือศาสตร์ที่ต่างออกไปจากเวทโจมตีโดยสิ้นเชิง
ไม่มีอานุภาพโจมตีโดยตรงแม้แต่นิดเดียว ระยะการใช้งานก็สั้นมาก แต่ข้อดีก็คือระยะเวลาที่จำเป็นต่อการประกอบสร้างขึ้นนั่นมันสั้นกว่าเวทโจมตีพอสมควร……นี่แหละคือเวทระบบพิเศษที่ถูกประยุกต์ให้เหมาะสมต่อศึกระยะประชิด และนามของสกิลที่เผ่ามานพแทบจะไม่มีโอกาสได้ใช้งานกันเลยนั่นก็คือ
“ ———สกิลสายมารระดับต่ำ <<การ์ดเอาท์>> ! ”
พลันมีอะไรที่ดูคลับคล้ายกับหมอกสีดำพุ่งพวยออกมาจากฝ่ามือของครอสที่กล่าวคำร่ายเสร็จเรียบร้อย
เอฟเฟคก็คือจะทำการลดพลังป้องกันของเป้าหมาย
หมอกสีดำพุ่งชนร่างของร็อกลิซาร์ด วอริเออร์ราวกับจะห่อหุ้มปกคลุมเอาไว้ กัดกร่อนลดหลั่นพลังป้องกันอันเหลือล้นนั่นให้ต่ำต้อยลงมา
“ ดีล่ะ เท่านี้ก็…….! ”
น่าจะพอตีเข้าได้บ้างนั่นแหละ!
“ ก๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา! ”
ริสก์ 4 กระทืบเท้าย่ำดินสนั่นพร้อมกับเสียงคำรามที่เปี่ยมล้นไปด้วยความหงุดหงิด พลางเหวี่ยงแขนที่ล่ำเป็นมัดๆอัดเข้ามาใส่
และครอสก็พุ่งทะยานอัดเข้าไปใส่การโจมตีอันแสบเรียบง่ายนั่นด้วยตัวเอง ราวกับคำนวณคาดเดาว่ามันจะต้องสูญเสียความเยือกเย็นแบบนั้นเอาไว้ล่วงหน้าแล้วเลยงั้นแหละ
“ <<ครอสเคาน์เตอร์>> ! ”
เล็งไปยังลำคอดังเดิมเหมือนเมื่อกี้ การโจมตีอันแสนหนักหน่วงพลันถาโถมคุกคามเข้าใส่สัตว์ประหลาดที่ถูกลดพลังป้องกัน แต่ทว่า——-
“ ห้ะ!? ”
ผลลัพธ์ที่ได้กลับคล้ายๆเมื่อกี้นี้เลย
ปลายคมดาบพ่ายให้แก่แรงกระแทกจนบิ่นแตก แต่เกล็ดของมอนสเตอร์ก็ยังคงแทบจะไร้แผลเหมือนเคย ฝั่งครอสที่ทำการโจมตีกลับเป็นฝ่ายแสบจี๊ดมือชาไปแทน สภาพไม่เหมือนกับว่าถูกลดพลังป้องกันลงแล้วเลยซักนิดเดียว
“ โกหกใช่มั้ยเนี่ย…….!? ”
เสียงร้องอย่างตื่นตะลึงพลันหลุดออกมาจากปากของครอส
แต่นี่ก็เป็นผลลัพธ์อันสมควรแล้ว
ไม่ต่างอะไรกับ <<วินด์ชู๊ต>> , <<การ์ดเอาท์>> ที่เพิ่งจะปรากฎขึ้นมาได้หมาดๆนั่นมันยังเป็น Lv1 อยู่เลย
หนำซ้ำสเตตัสพลังเวทพิเศษที่จะช่วยเสริมอานุภาพให้แก่สกิลสายมารก็ยังมีตัวเลขอยู่แค่หลักเดียว
บวกเข้ากับการที่ศัตรูคือ ริสก์ 4 ที่เป็นเลิศในด้านป้องกัน
ต่อให้โดนอัดเข้าจังๆ แต่ท้ายที่สุดแล้ว <<การ์ดเอาท์>> มันก็เป็นแค่สกิลระดับต่ำ ไม่ควรคาดหวังว่าจะช่วยลดหลั่นพลังป้องกันลงมาจนสามารถโจมตีเข้าได้ตั้งแต่แรกแล้ว
ความห่างชั้นของสเตตัสฐานอันไม่อาจต่อกรนั่น ความสิ้นหวังที่ไร้ทางเอาชนะนั่น มันรั้งเหนี่ยวขาของครอสเอาไว้ หัวใจทำท่าเหมือนจะหักโค่นแตกสลาย หวิดจะเชื่อฟังทำตามสัญชาติญาณที่ร้องคำรามลั่นบอกให้หนีเดี๋ยวนี้ ทว่า
“ ………ขึก! ถึงอย่างงั้นก็เหอะ…… ”
ครอสยิ่งกำดาบในมือแน่นมากขึ้นกว่าเดิม ยกขวัญกำลังใจขึ้นมาโดยการสะบั้นฆ่าหัวใจที่เอาแต่พ่นคำพูดอันแสนอ่อนแอ
“ ถึงอย่างงั้นก็เหอะ แต่เรื่องอะไรจะยอมแพ้ล่าววววววววว! ”
ทะยานเข้าโจมตี สิ่งที่ริมฝีปากนั่นขับขานก็คือบทกลอนแห่งมารอันเป็นศาสตร์เพียงหนึ่งเดียวที่จะใช้พลิกสถานการณ์นี้ได้
“ สิ่งนั้นคือความคร่ำครวญยามโพล้เพล้ ร่วงหล่นลงสู่ผืนดิน จมดิ่งลงสู่พื้นพิภพ แล้วจงก้มหัวศิโรราบต่อความภูมิใจที่แตกสลาย—– <<การ์ดเอาท์>> ! ”
หมอกสีดำปรากฎ แต่อมนุษย์ร่างยักษ์ก็พลันพุ่งทะลวงฝ่าม่านหมอกมาถาโถมโจมตีเข้าใส่
ใช้สกิลหลบหลีก ส่วนที่หลบไม่พ้นก็ใช้ดาบปัดป้องเบี่ยงวิถี และที่ถูกร่ำร้องออกมาอีกครานั่นก็คือท่วงทำนองอันงดงามไพเราะ
“ ——–ไขว่คว้าไว้ซึ่งท้องนภาทั้งมวลกลายมาเป็นกระสุนแห่งเราแล้วปัดเป่ามารศัตรูให้หมดไป——<<วินด์ชู๊ต>> ! ”
ยิงปลดปล่อยก้อนมวลสายลมที่ทุ่มเวลาและพลังเวทลงไปมหาศาล
<<การ์ดเอาท์>> ลดได้แค่พลังป้องกันเท่านั้น ฉะนั้นจึงไม่มีผลกระทบต่อสเตตัสป้องกันเวทซึ่งจะข้องเกี่ยวในกรณีที่โดนโจมตีด้วยเวทมนตร์แต่อย่างใด เพราะเหตุนี้เอง <<วินด์ชู๊ต>> จึงสร้างความเสียหายใดๆไม่ได้เลยแม้แต่น้อยนิด แม้จะส่งพลังเวทจำนวนมากไปเป็นเครื่องบูชายัญแต่ก็ทำได้แค่พรางตาเพียงชั่วครู่เท่านั้น
แต่ก็จำต้องทำแบบนี้ ไม่มีทางอื่นแล้วนอกจากต้องทำแบบนี้
การ์ดเอาท์! การ์ดเอาท์! การ์ดเอาท์!
กระหน่ำยิง อัดสกิลสายมารพุ่งไปใส่ไม่หยุดยั้ง ตรงดิ่งรัวๆเข้าหามอนสเตอร์ที่ผงะอยู่กับที่เนื่องจากแสบตา
แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าหากร่ายใส่ซ้ำซ้อนเอฟเฟคมันจะยิ่งอ่อน แม้จะไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าพลังป้องกันมันลดลงจริงๆรึเปล่า แต่ก็มุ่งเน้นคิดแต่จะใช้สกิลนี้กระแทกกระทั้นอัดเข้าใส่อย่างเถรตรงอยู่อย่างเดียว
ใช้ <<บัพสมรรถภาพร่างกาย (เล็ก)>> , <<เคลือบแข็งร่างกาย (เล็ก)>> และ <<หลบหลีกฉุกเฉิน>> ปัดป้องหลีกการโจมตี…….ใช้ <<ฟันแหวก>> คุมเชิง…….ใช้ <<วินด์ชู๊ต>> เบิกทางสร้างช่องโหว่ แล้วจึงฟาด <<การ์ดเอาท์>> อัดดังเปรี้ยงเข้าใส่
และในบางครั้งบางคราว พอเชื่อมั่นว่าคราวนี้แหละตีเข้าแน่ ก็จะเอาชีวิตตัวเองเข้าเสี่ยงถลำเข้าไปฟาดเข้าใส่ด้วย <<ครอสเคาน์เตอร์>> …..แต่ก็ไม่วายดาบแหลกเป็นเสี่ยง มือไม้แสบกลับมาทุกครั้ง หัวใจถูกบีบคั้นแทบจะแตกสลายทุกครา
ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ
“ อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา! ”
เอาแต่ทุ่มปล่อยสกิลออกมาไม่หยุดยั้ง ทุ่มสุดตัวปลดปล่อยเต็มกำลัง ต่อให้ไม่เห็นแววว่าจะชนะก็ไม่เป็นไร
เพราะมีสิ่งที่สมควรต้องปกป้องเอาไว้อยู่ เพราะมีฝันที่อยากจะเป็นให้ได้อยู่
เพราะตัดสินใจฆ่าตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้นั่นลงไปแล้ว!
แต่ก็แน่นอน <<ไร้อาชีพ>> เลเวล 0 ที่ทำอะไรบ้าระห่ำต่อเนื่องแบบนั้น ไม่มีทางปลอดภัยไร้แผลไปได้ตลอดรอดฝั่งหรอก
“ ก๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา! ”
“ ขุ่ก…..!? อ๊าาาากกกกกกกก!? ”
ท่ามกลางศึกรุกรับที่ดำเนินต่อเนื่อง การโจมตีพิฆาตที่ปลิดชีพได้ในเปรี้ยงเดียวมันเฉี่ยวไป เท่านั้นแหละร่างกายถูกเป่าลอยปลิวกระเด็น แขนอันล่ำสันที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยเกล็ดประดุจหินผามันจ้วงทะลวงผืนดิน เกิดเป็นห่ากรวดหินที่ไม่อาจเลี่ยงถาโถมเข้ามาทารุณครอส
น่วมเละยับเยินในพริบตาเดียว เห็นได้ชัดเจนแจ่มแจ้งเลยว่าผลลัพธ์จะลงเอยอย่างไร
“ ฉันบอกแล้วไงล่ะ พูดยังไม่ทันได้ขาดคำเลย…….! ”
พอเห็นการต่อสู้ของครอสที่จวนเจียนจะตายแหล่มิตายแหล่นั่นแล้ว จิเซลที่ลากขาถอยเว้นระยะห่างออกมาจากมอนสเตอร์ก็พลันเอ่ยเสียงอันแหบพร่าออกมา
“ ไอ้โง่เอ้ย ยิงสกิลมั่วโดยไม่คิดอะไรซะได้…..ทำแบบนั้นเดี๋ยวก็หมดก๊อกหรอกนะเว้ย……! ”
เจอเข้ากับการบุกเอาตัวเข้าแลกของครอสที่ดูยังไงก็เป็นการรนหาที่ตายชัดๆนั่นแล้ว จิเซลก็เค้นคำพูดออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว ด้วยน้ำเสียงที่ราวกับว่าจะร้องไห้
ทว่า——สถานการณ์กลับดำเนินเป็นไปในแบบที่ต่างจากความคาดหมายของจิเซล
“ มัน…..อะไรกันวะ!? ”
แปลกแล้ว ต่อให้ผ่านไปเท่าไหร่แต่เรี่ยวแรงของครอสก็ไม่ลดหลั่นอ่อนเพลียลงเลย
ครอสที่โดนร็อกลิซาร์ด วอริเออร์โจมตีจนอาการบาดเจ็บเพิ่มพูน ย่างเข้าใกล้ความตายขึ้นทุกๆวินาที…..น่าจะเป็นแบบนั้นแท้ๆ แต่การดิ้นกระเสือกกระสนทุรนทุรายดื้อแพ่งของครอสกลับไม่มีท่าทีว่าจะหยุด
ไม่มีวี่แววว่าพลังเวทจะแห้งเหือดหมดก๊อกเลยแม้แต่นิด ผลพวงที่จะทำให้อานุภาพลดต่ำ หรือความเร็วในการเปิดใช้งานลดต่ำ ก็ไม่มีให้เห็นแม้แต่เศษเสี้ยว เผลอๆแล้ว—–
“ ……….ฮึก!? ”
ยิ่งปลดปล่อยสกิลออกมาเท่าไหร่ อานุภาพมัน ความเร็วมัน ความแม่นยำมัน…..กลับยิ่งเพิ่มพูนสูงมากขึ้น!?
ช่วงแรกๆ จิเซลคิดว่าคงแค่ตาฝาดไปเองเฉยๆ เนื่องจากใกล้ตายแล้ว ความเจ็บปวดที่แล่นไปทั่วก็เลยสร้างภาพมายาเหมือนฝันขึ้นมาผ่านทัศนวิสัยที่พร่ามัวไปหมดด้วยน้ำตา ทว่า
“ <<วินด์ชู๊ต>> ! ”
“ ก๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!? ”
ยังสร้างความเสียหายไม่ได้ซักนิดเหมือนเคย แต่ว่าเวทลมที่ตลอดจนถึงตอนนี้ทำได้แค่อำพรางตานั้น กลับทำให้ไอ้สัตว์ประหลาดเสียสูญอย่างใหญ่หลวง ต่อให้เบิ่งตามองดูยังไงอานุภาพมันก็รุนแรงมากขึ้นชัดๆ
และที่เติบโตพัฒนาก็ไม่ได้มีแค่เวทมนตร์ ที่เห็นเหมือนว่าการเคลื่อนไหวของครอสซึ่งน่าจะบาดเจ็บจนยับเยินไปหมดนั่นมันดูรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิมอีกนี่….คงเป็นเพราะอานุภาพของสกิลบัพร่างกายเพิ่มสูงมากขึ้นละมั้ง
เป็นปรากฎการณ์ที่ต่อให้คิดยังไงก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ สกิลมันไม่ใช่อะไรที่จะพัฒนาเติบโตได้รวดเร็วขนาดนั้นซะหน่อย ต่อให้บอกว่าหากอยู่ในสถานการณ์คับขันแล้วจะโตเร็ว แต่มันก็สมควรต้องมีขอบเขตขีดจำกัดกันบ้างแหละ
แต่นี่มัน……ไอ้เจ้าความเป็นจริงที่กำลังบังเกิดอยู่ต่อหน้าต่อตานี่มัน…….
“ นะ นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นน่ะ……!? ”
คำกล่าวเสียงค่อยของจิเซล พลันถูกเสียงกู่ก้องคำรามและเสียงการต่อสู้อันดุเดือดกลบมิดหมด