วันรุ่งขึ้นหลังจากที่ครอสลืมตาตื่น
ลีโอเน่ ลูด์มิร่า และเทโลเมียร์ที่มารวมตัวกันอยู่สามคนภายในโรงอาหาร ต่างก็ทำสีหน้าแข็งเกร็ง พลางมองตรงลงไปยังสเตตัสเพลทที่ถูกวางเอาไว้อยู่เหนือโต๊ะ
เพิ่งจะขอยืมมาจากครอสที่กำลังเดินทางไปโรงเรียนเมื่อเช้านี้พอดี ฉะนั้นนี่จึงเป็นเพลทต้นตำรับที่มีข้อมูลสเตตัสและช่องสกิลต่างๆนาๆอยู่ในสภาพใหม่ล่าสุดแล้ว
“ อ่า……..หรือก็คือ ถ้าสรุปเรื่องให้รวบรัดเข้าใจง่ายแล้วก็ประมาณนี้สินะ? ”
ลีโอเน่ซึ่งอึ้งตะลึงงันพูดอะไรไม่ออกมาจนถึงตอนนี้ พลันอ้าปากขึ้นกล่าว
“ ถึงจะสู้กับริสก์ 4 แล้วเอาชนะมาได้แบบเฉียดฉิวก็เหอะ แต่เจ้าครอสมันก็ยกระดับความชำนาญโดยรวมได้มากกว่า 40 ในศึกเพียงครั้งเดียว หนำซ้ำยังปลุกสกิลพิลึกพิลั่นอะไรก็ไม่รู้ให้ปรากฎขึ้นมาได้อีกด้วย…..แน่ะ ”
ตึงตึง…..ช่องสกิลบนสเตตัสเพลทที่เธอกำลังชี้นิ้วตรงดิ่งเข้าไปใส่นั่น มีระบุใจความดังเบื้องล่างนี้เอาไว้
<<เสริมกำลัง Lv6 (+47)>> ——-> <<เสริมกำลัง Lv8 (+64)>>
<<เสริมป้องกัน Lv6 (+50)>> ——-> <<เสริมป้องกัน Lv8 (+66)>>
<<เสริมความว่องไว Lv6 (+47)>> ——-> <<เสริมความว่องไว Lv8 (+67)>>
<<เสริมพลังเวทโจมตี Lv1 (+7)>> ——-> <<เสริมพลังเวทโจมตี Lv5 (+40)>>
<<เสริมพลังเวทพิเศษ Lv1 (+6)>> ——-> <<เสริมพลังเวทพิเศษ Lv5 (+41)>>
<<ฟันแหวก Lv7>> ——-> <<ฟันแหวก Lv9>>
<<หลบหลีกฉุกเฉิน Lv6>> ——-> <<หลบหลีกฉุกเฉิน Lv9>>
<<เคลือบแข็งร่างกาย (เล็ก) Lv4>> ——-> <<เคลือบแข็งร่างกาย (เล็ก) Lv7>>
<<บัฟสมรรถภาพร่างกาย (เล็ก) Lv3>> ——-> <<บัฟสมรรถภาพร่างกาย (เล็ก) Lv6>>
<<วินด์ชู๊ต Lv1>> ——-> <<วินด์ชู๊ต Lv5>>
<<การ์ดเอาท์ Lv1>> ——-> <<การ์ดเอาท์ Lv6>>
<<ควบคุมพลังเวทในร่าง Lv3>> ——-> <<ควบคุมพลังเวทในร่าง Lv5>>
<<ตรวจจับพลังเวทในร่าง Lv3>> ——-> <<ตรวจจับพลังเวทในร่าง Lv5>>
<<ควบคุมพลังเวทนอกร่าง Lv1>> ——-> <<ควบคุมพลังเวทนอกร่าง Lv3>>
<<ตรวจจับพลังเวทนอกร่าง Lv1>> ——-> <<ตรวจจับพลังเวทนอกร่าง Lv3>>
<<ครอสเคาน์เตอร์ Lv4>> ——-> <<ครอสเคาน์เตอร์ Lv8>>
“ประวัติการเติบโตของสกิลในระยะนี้” ที่ถูกแสดงขึ้นมานั่น มันเป็นอะไรที่ยากจะเชื่อยิ่งนัก
แถมที่น่าตกตะลึงมากเข้าใหญ่——-
<<อีจิสช็อต Lv1>>
ก็คือสกิลนี้ที่ปรากฎขึ้นมาในแถวท้ายสุดของช่องสกิล
เจ้าสิ่งที่ถูกแสดงขึ้นมาด้วยตัวอักษรที่ดูกึ่งๆแตกเบลอนั่นมันถูกระบุว่าเป็นเอเรอร์สกิล และมีตัวตนอยู่ตรงขอบของช่องสกิลอย่างชัดเจน
เท่าที่ได้ฟังจากครอส ดูเหมือนว่าที่สามารถโค่นร็อกลิซาร์ด วอริเออร์ลงได้นั่นมันจะเป็นเพราะสกิลนี้นี่แหละ……แต่ไอ้เจ้าเอ็กตร้าสกิลสุดแสนจะแปลกประหลาดพิลึกพิลั่นที่ถือกำเนิดเกิดจากการนำเอาสกิลนักรบ สกิลเวทมนตร์ แล้วก็สกิลสายมารมาผสมผสานรวมกันนี่….มันก้าวข้ามเกินเลยขอบเขตความคาดหมายของทั้งสามไปโดยสมบูรณ์เลยเชียว
สกิลพรรค์นั้น ตลอดจนถึงตอนนี้ไม่เคยเห็นแล้วก็ไม่เคยได้ยินเลยซักนิด เผลอๆแล้วอาจมีความเป็นไปได้ว่าครอสจะเป็นผู้ค้นพบสกิลนี้เป็นคนแรกสุดของประวัติศาสตร์เลยก็ได้เหมือนกัน
ยูนีคสกิลที่ช่วยเร้าการเติบโตของสกิล <<ซินเดอเรลล่าเกรย์>>
แถม <<ไร้อาชีพ>> ที่ครองสกิลสุดโกงแบบนั้นเอาไว้ยังจะมีพลังอำนาจแสนลี้ลับที่ไม่ว่าใครก็มิอาจหยั่งถึงในนามเอเรอร์สกิลอยู่อีกต่างหาก……..ความจริงเรื่องนี้มันทำเอาทั้งสามถึงกับหมดสิ้นคำพูดไปอย่างสิ้นเชิงเลย
และเมื่อพบเจอเข้ากับคุณว่าที่สามีซึ่งมีแววรุ่งโรจน์ในอนาคตมากมายผ่าเหล่าถึงเพียงนี้แล้ว สิ่งที่คิดออกมาได้ก็มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
(((ในเมื่อเป็นแบบนี้ เพื่อที่จะให้ได้ตัวครอสมาครองอย่างแน่นอนแล้ว ฆ่านังพวกนี้ทิ้งซะที่นี่ในตอนนี้แล้วลักพาตัวครอสไปเลยอาจจะดีกว่า……)))
ความเสี่ยงสูงสุดขั้ว แต่ก็มีคุณค่ามากพอให้ลอง………เป็นในฉับพลันที่ทั้งสามต่างก็พากันแผ่จิตสังหารออกมาอยู่นั่นเอง
“ อ๊ะ กลับมาแล้วครับทุกคน! ”
คงจะกลับมาจากโรงเรียนละมั้ง
พอครอสที่เข้ามาในโรงอาหารมองเห็นทั้งสามคนเข้า เด็กหนุ่มก็ปั้นรอยยิ้มร่าเริงขึ้นมา ก่อนที่จะ
“ ร่างกายก็แข็งแรงสมบูรณ์ดีพร้อมแล้วด้วย ตั้งแต่วันนี้ไปจะได้กลับมาเริ่มฝึกต่อแล้วสินะครับ!? มันรู้สึกเหมือนไม่ได้ฝึกวิชาซะน๊านนานจนผมกระวนกระวายอยู่ไม่สุขเลย………..อ๊ะ แต่ว่า นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่าครับ…….? ”
ครอสที่เพิ่งจะมาสัมผัสถึงจิตสังหารของทั้งสามได้ในทีหลัง พลันสีหน้าหม่นหมองในทันใด
“ อ๊ะ เปล่าๆ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปรอที่สวนก่อนได้เลยนะ ”
“ อะ อืม พวกเราเองก็จะรีบตามไปเดี๋ยวนี้เลย ”
“ เอฟเฟคของสกิลฟื้นฟูมันสมบูรณ์แบบไปเลยก็จริงอยู่หรอก แต่เพิ่งหายเจ็บได้ใหม่ๆเองฉะนั้นอย่าฝืนตัวเองน้าาา ”
เจอเข้ากับสีหน้าแบบนั้นของครอสแล้ว ทั้งสามก็แตกตื่นลนลานรีบหาทางกลบเกลื่อนกันทันที
และแล้วครอสที่ได้ยินคำพูดของทั้งสาม ก็พลันตอบเสียงใสว่า “ครับ!” ราวกับเป็นลูกหมาน้อยที่ได้เล่นกับเจ้าของเลยก็มิปาน…..จากนั้นเด็กหนุ่มจึงพูดต่อออกมาว่าเช่นนี้ ด้วยท่าทางเหมือนเขินอาย
“ เอ่อ มาพูดเอาป่านนี้อาจจะดูยังไงๆอยู่ แต่ผมโชคดีจริงๆครับ ที่ได้พวกอาจารย์ ทั้งสามคน ช่วยเก็บมาเลี้ยงดูแบบนี้ ”
แล้วพูดขึ้นต่อ ราวกับเปลี่ยนเอาความยินดีที่โค่นล้มริสก์ 4 ซึ่งยังไม่สร่างให้กลายไปเป็นความมุ่งมั่นใหม่
“ ฉะนั้นตั้งแต่วันนี้ไปก็ ขอฝากเนื้อฝากตัวใหม่อีกครั้งนะครับ! ”
เด็กหนุ่มปั้นรอยยิ้มแสนไร้เดียงสา ก่อนจะก้าวออกจากโรงอาหารไปเปลี่ยนชุด
ส่วนทั้งสามคนที่ถูกทิ้งเอาไว้อยู่เบื้องหลังนั่นก็
(………ชิ เอ้อก็ยังมีเรื่องที่ต้องคิดอยู่อีกมากเลยด้วยนี่นะ)
(ฉะนั้นในตอนนี้…….)
(รักษาสถานะแบบนี้ไปก่อนก็ได้ละม้างงง)
ทั้งสามหันหน้าเข้าสบตากัน พลางสับสนกับจิตใจของพวกตัวเองที่ถูกถอนพิษไปซะแล้ว หรือไม่ก็ตกใจที่เห็นว่าพวกตนเองปัดเป่าละทิ้งจิตสังหารได้อย่างง่ายดายซะขนาดนั้น——แต่ในท้ายที่สุด ก็ตัดสินใจที่จะทำการฝึกสอนแบบเดิมกับที่ทำอยู่ตลอดมานี้ ต่อไปดังเดิมเช่นนี้นั่นแหละ
<<จบเล่มแรก>>
สวัสดีครับ ผมคนแปลเรื่องนี้เอง
ขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืด เข้าประเด็นเลยละกัน เรื่องนี้นิยายเล่มแรกเพิ่งออกวางแผงเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี้เอง หรือก็คือในตอนนี้ยังไม่มีเล่มสองออกเลย ฉะนั้นก็คงจะหยุดแปลอยู่ตรงนี้แหละครับไปซักระยะ
แต่อย่างน้อยอาจารย์คนเขียนก็บอกไว้ท้ายเล่มแล้วว่าทางสำนักพิมพ์อนุมัติให้เขียนเล่มสองมาแล้ว ฉะนั้นเดี๋ยวก็คงมาแหละ ไม่ช้าก็เร็ว ไม่แน่อาจมีฉบับมังงะมาพร้อมเล่มสองด้วยก็ได้
ก็ ประมาณนั้น ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ครับ