“ ย่าาาาาาาาาา! ”
เสียงร้องของผม—–ครอส อาราเกาท์——ดังก้องกังวานอยู่ในสวนที่มีขนาดกว้างใหญ่ไพศาล
และสิ่งที่พลันดังสนั่นขึ้นต่อเนื่องในฉับพลันเดียวกันนั้น ก็คือเสียงฟาดฟันคมดาบอันแสนรุนแรง
“ โอเช เพิ่งหายเจ็บมาได้หมาดๆแท้ๆแต่ทำได้ไม่เลวเลยนี่นา! เอาแบบนั้นแหละฟาดเข้ามาอย่างที่ชอบให้ถึงใจได้เลย! ”
สาวงามล่มเมืองที่กล่าวเช่นนั้นพลางช่วยฝึกสอนวิชาดาบให้กับผม ก็คือหนึ่งในนักผจญภัยระดับ S ที่มีเพียง 9 คนเท่านั้นในโลกนี้….คุณลีโอเน่ เบิร์นเอดจ์
คุณลีโอเน่ที่เป็นดราโกเนีย อาชีพ <<ดิสทรัคชั่น วอร์ลอร์ด>> (นักรบชำนาญสิบทิศจ้าวแห่งการบ่อนทำลายล้าง) ซึ่งเชี่ยวชาญเด่นในด้านศึกระยะประชิด เค้าแย้มยิ้มอย่างดุดันไปพลางรับการโจมตีของผมเอาไว้ได้อย่างสบายๆ
และในระหว่างที่ผมกับคุณลีโอเน่ทำการประลองฝีมือกันอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็มีสาวอีกสองคนที่งดงามไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าคุณลีโอเน่เลย คอยเฝ้ามองท่าทีการฝึกอยู่ด้วย
“ ฮื่ม ดูเหมือนว่าสุขภาพของครอสจะแข็งแรงดีไม่มีปัญหาสินะ ฝืนตัวเองมันก็ไม่ใช่เรื่องดีหรอก แต่เห็นว่าอาการฟื้นกลับขึ้นมาเช่นนี้แล้วก็พออุ่นใจ ”
“ เอะเฮะเฮ้~ ก็แหมได้รับสกิลฟื้นฟูเต็มกำลังของฉันเข้าไปเลยนี่นามันต้องหายดีแน่แหงอยู่แล้วละจ้าา ”
ไฮเอลฟ์ อาชีพ <<อาร์ควิซาร์ด ดิแซสเตอร์>> (จอมขมังเวทแห่งภัยพิบัติ) —–คุณลูด์มิร่า เฮลสตรอม
โนไลฟ์คิง อาชีพ <<ดาร์คพรีส ไฮเอนด์>> (ผู้ประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์สายมารขั้นวันสิ้นโลกา) —–คุณเทโลเมียร์ เคลย์บลัด
ทั้งสองที่เป็นนักผจญภัยระดับ S เช่นเดียวกับคุณลีโอเน่ พลันพยักหน้าหงึกๆอย่างพึงพอใจไปพลางส่งแววตาอันอบอุ่นอ่อนโยนตรงดิ่งเข้ามาหาผมไปด้วย
จนถึงตอนนี้ก็ยังปักใจเชื่อไม่ลงเลย ตัวผมในตอนนี้นอกจากจะได้มาอยู่อาศัยร่วมกันกับพวกเค้าแล้ว ยังได้กลายมาเป็นลูกศิษย์ของทั้งสามซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักผจญภัยระดับสุดแกร่งของโลก หนำซ้ำยังได้รับการฝึกจากพวกเค้าอยู่ทุกๆวันเลยอีกต่างหาก
ทว่า แม้จะเรียกว่าการฝึก แต่มันก็ช่างเป็นอะไรที่แสนห่างไกลจากการฝึกสุดโหดและทรหดอย่างที่ทุกคนคิดภาพเอาไว้ซะเหลือเกิน
ถูกชื่นชมซะมากจนชวนให้รู้สึกอายนิดๆเลยด้วยซ้ำมั่งล่ะ พอเหนื่อยเข้าหน่อยก็ใช้สกิลฟื้นฟูเยียวยาให้โดยพลันจนสามารถลุกกลับมาสู้ประลองฝีมือต่อได้โดยไม่มีขาดช่วงมั่งล่ะ
เพราะได้รับการโอนถ่ายพลังเวทที่มีไร้ขีดจำกัดมาให้ ก็เลยฝึกฝนใช้สกิลซ้ำๆต่อเนื่องได้จนกว่าจะพอใจเลยทีเดียว
ข้าวปลาอาหารก็เรียงรายเต็มเปี่ยมไปด้วยของที่ทำจากวัตถุดิบชั้นสูงทุกมื้อไป แถมยังปิดท้ายการฝึกทุกๆวันด้วยการนวดที่สุดแสนจะน่าอายกับการดื่มยาสูตรลับสุดโกงอีก
คฤหาสน์อันแสนกว้างใหญ่ที่แม้จะอยู่กลางเมือง แต่ก็สามารถใช้ฝึกฝนได้เต็มที่โดยไม่ต้องพะวงว่าจะสร้างความรำคาญให้กับผู้คนโดยรอบนี่เป็นทรัพย์สินของพวกอาจารย์ แถมพวกเค้ายังมอบห้องพักสุดจะฟุ่มเฟือยสำหรับตัวผมแค่เพียงคนเดียวมาให้อีกต่างหาก
สภาพแวดล้อมการฝึกนี้จะเรียกว่าเป็นอะไรที่ฟุ่มเฟือยที่หนึ่งของโลกก็ไม่ถือว่าเกินจริงไปแต่อย่างใดเลย
แต่ก็แน่นอน ผมก็ไม่ได้มีบุญตกถังข้าวสารแบบนี้มาตั้งแต่แรกหรอก
จะพูดย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งเดือนครึ่งก่อนหน้านี้นะ
ในวันงานเทศกาลเก็บเกี่ยว ที่เหล่าเด็กๆซึ่งมีอายุครบ 14 ในปีนั้นจะได้รับ <<คลาส>> อย่างพร้อมเพรียงกันในทีเดียวนั่น
ตัวผมที่ได้รับคลาสสุดกากสุดกระจอกอย่าง <<ไร้อาชีพ>> ซึ่งนอกจากจะฝึกให้ได้สกิลยากมากแล้วไม่พอ ยังไม่สามารถจะยกระดับเลเวลได้เลยซักนิดเดียวอีก ได้ถูกตีตราว่าเป็นไอ้คนไม่ได้ความไร้แววแล้วโดนขับไล่ไสส่งออกจากโรงเรียนนักผจญภัย
แต่ในตอนที่เกิดเหตุร้ายครั้งใหญ่ที่มอนสเตอร์ริสก์ 9 ขนาดยักษ์ถล่มเข้ามาโจมตีเมือง ตั้งแต่ที่ถูกเหล่าอาจารย์ซึ่งพูดให้กำลังใจผมที่สุดจะกระจอกงอกง่อยคนนี้ว่า [มีแวว] แล้วช่วยเก็บมาเลี้ยงดู โลกของผมมันก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างใหญ่หลวงเลย
<<เสริมกำลัง Lv8 (+64)>> <<เสริมป้องกัน Lv8 (+66)>> <<เสริมความว่องไว Lv8 (+67)>>
<<เสริมพลังเวทโจมตี Lv5 (+40)>> <<เสริมพลังเวทพิเศษ Lv5 (+41)>>
<<ฟันแหวก Lv9>> <<หลบหลีกฉุกเฉิน Lv9>>
<<เคลือบแข็งร่างกาย (เล็ก) Lv7>> <<บัฟสมรรถภาพร่างกาย (เล็ก) Lv6>>
<<วินด์ชู๊ต Lv5>> <<การ์ดเอาท์ Lv6>>
<<ควบคุมพลังเวทในร่าง Lv5>> <<ตรวจจับพลังเวทในร่าง Lv5>>
<<ควบคุมพลังเวทนอกร่าง Lv3>> <<ตรวจจับพลังเวทนอกร่าง Lv3>>
<<ครอสเคาน์เตอร์ Lv8>> <<อีจิสช็อต Lv1>>
<<ไร้อาชีพ>> นั้นมีลักษณะพิเศษตรงที่การเติบโตเชื่องช้าจัดๆขนาดที่ทำให้บางคนถึงกับพูดว่า ‘ต่อให้ผลาญเวลาไปทั้งชีวิตก็ไม่รู้ว่าจะเก่งแบบเป็ดได้รึเปล่าด้วยซ้ำ’ เลยทีเดียว——-แต่การเติบโตของสกิลที่ขึ้นรวดเดียวอย่างพุ่งพรวดนี่กลับเมินเฉยต่อลักษณะพิเศษดังกล่าวนั่นโดยสมบูรณ์
เหล่าสกิลที่ผมได้รับสืบทอดมาจากคำสั่งสอนของพวกอาจารย์ สกิลที่สามารถมาอยู่ร่วมกันได้เนื่องด้วยลักษณะพิเศษที่ทำให้เรียนสกิลพื้นฐานของ <<คลาส>> ทั้งหมดได้ ซึ่งมีเพียง <<ไร้อาชีพ>> เท่านั้นจึงจะครอบครอง
เป็นเพราะเจ้าพวกนี้เองที่ทำให้ผมสามารถเอาชนะจิเซลที่เป็นเด็กรุ่นเดียวกันในสถานกำพร้า แล้วหวนกลับมาศึกษาในโรงเรียนนักผจญภัยได้อีกครั้ง
นอกจากนี้ยังรวมพลังด้วยกันกับจิเซลจนปราบริสก์ 4 ที่เจอในป่าลงได้ เอาชีวิตรอดมายืนอยู่ได้ในตอนนี้ ทั้งๆที่ตัวยังเป็นเลเวล 0 และมีสเตตัสเป็น 0 หมดทุกช่อง
ทั้งหมดเป็นเพราะได้เหล่าอาจารย์ที่เก็บคนอย่างผมมาเลี้ยงดู แล้วยังช่วยฝึกฝนผมด้วยการฝึกอันแสนจะโกงโดยแท้เลย
ด้วยเหตุดังนี้แหละ วันนี้ผมก็เลยได้ทุ่มเทกายใจไปกับการฝึกภายใต้การสั่งสอนของเหล่าอาจารย์หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวตนระดับแกร่งสุดของโลกดังเช่นเคย
เพื่อที่จะขึ้นไปเป็นนักผจญภัยอย่างคุณเอลิเซีย——ผู้สืบสายเลือดของผู้กล้าที่เคยช่วยผมเอาไว้ในอดีต
ในยามที่คนซึ่งคอยต่อสู้เพื่อปกป้องผู้อื่นอยู่เสมอๆกำลังตกที่นั่งลำบาก ก็อยากจะเป็นคนที่เข้าไปช่วยเหลือเกื้อหนุนและปกป้องเค้าคนนั้นได้อีกที อยากจะเป็นนักผจญภัยที่แข็งแกร่งมากพอจะทำเช่นนั้นได้
——แกร๊ง!
ดาบของผมที่ถูกฟาดฟันไปมาอย่างต่อเนื่องในศึกประลองฝีมือ พลันกระแทกเข้าไปกลางแขนของคุณลีโอเน่เต็มๆ
แต่ก็แน่นอนว่าที่ฟันโดนได้นี่ไม่ใช่เพราะด้วยความสามารถของผมหรอก
คุณลีโอเน่เค้าจงใจสร้างช่องโหว่ในระหว่างต่อสู้ เพื่อเปิดช่องให้ผมฟันเข้าไปได้ต่างหาก
ฟันเข้าไปด้วยคมดาบสีดำที่ดูพิลึกพิลั่นสุดกู่ ซึ่งปรากฎขึ้นมาอย่างกะทันหันท่ามกลางการต่อสู้กับริสก์ 4 นั่น
“ อึน งี้นี่เองนะ ”
คุณลีโอเน่เพ่งสายตาจริงจังไปยังจุดที่รับการโจมตีเข้าไป พลางอ้าปากกล่าวขึ้นว่า
“ <<อีจิสช็อต>> …….มีอานุภาพรุนแรงระดับคิดไม่ถึงเลยว่าเป็นเอ็กตร้าสกิลระดับล่างจริงๆนั่นแหละ เห็นงี้แล้วก็เข้าใจละว่าทำไมถึงพิชิตริสก์ 4 ที่เก่งในด้านป้องกันได้ ”
จริงๆแล้วศึกประลองฝีมือครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อตรวจสอบสกิลลึกลับ <<อีจิสช็อต>> ที่ปรากฎขึ้นมาในการต่อสู้ครั้งก่อนหน้านี้แหละ
<<ครอสเคาน์เตอร์>>
<<วินด์ชู๊ต>>
<<การ์ดเอาท์>>
เหล่าสกิลที่ตามเดิมแล้วไม่น่าจะเรียนได้พร้อมกันเนื่องจากข้อจำกัดของ <<คลาส>> มันผสมผสานรวมตัวกัน และสกิลนี้ที่กำเนิดขึ้นมาด้วยเหตุนั้นก็ถูกจำแนกระบุว่าเป็น [เอเรอร์สกิล] อยู่บนสเตตัสเพลท
เหมือนว่าขนาดพวกคุณลีโอเน่ก็ยังไม่เคยได้ยินว่ามีสกิลประเภทนี้อยู่ด้วยเลย จึงต้องขอดูพลังของสกิลแบบจะๆ เพื่อนำไปคิดหาวิธีการยกระดับและวิธีการใช้ในภายหลังจากนี้แหละ
แต่ว่าก็ว่าเถอะ…….ยืนรับ <<อีจิสช็อต>> ที่แหวกผิวของร็อกลิซาร์ด วอริเออร์ได้อย่างง่ายดายเข้าไปด้วยกายเนื้อเพียวๆแต่กลับไร้แผลเนี่ยนะ พลังป้องกันของคุณลีโอเน่มันสูงมากขนาดไหนเลยเชียวน่ะ
เอ้อแต่เค้าก็เป็นคนหลุดสามัญสำนึกที่ขนาดโดนเวทศิลาระดับสูงเข้าไปเต็มๆกลางหน้าก็ยังนิ่งเฉยสบายดีเลยนี่นะ จะมาสงสัยเอาตอนนี้มันก็ไม่ได้อะไรหรอกมั้ง
“ ใช้อำนาจของเวทลมบีบอัดหมอกลดพลังป้องกันให้ย่อส่วนลงถึงขีดสุด เพื่อสร้างจุดอ่อนขั้นร้ายแรงขึ้นเหนือจุดใดจุดหนึ่งเพียงจุดเดียวบนร่างของอีกฝั่ง แล้วจากนั้นจึงใช้เคาน์เตอร์ที่เป็นจุดขายทะลวงเข้าไปงั้นหรือ ดึงเอาสกิลของนักรบ เวทมนตร์ และสายมารมาผสมผสานรวมกันเป็นหนึ่งจริงๆเสียด้วย….ช่างเป็นปรากฎการณ์อันสุดจะเชื่อโดยแท้ ”
คุณลูด์มิร่าทำการวิเคราะห์ <<อีจิสช็อต>> ไปพลางเอามือแตะคางส่งเสียงราวกับประทับใจ
“ อานุภาพก็เอาเรื่องใช่เล่นเลยด้วยอะนะ ให้ตาย มีสกิลเจ๋งๆโผล่ขึ้นมาเข้าแล้วไงล่ะแก สมกับที่เป็นลูกศิษย์ ของฉัน จริงๆเลยนะเนี่ย! ”
“ นั่นสิเน้ออ สมกับเป็นลูกศิษย์ ของฉัน จริงๆนั่นล่าา ”
“ วะ หวาหวา!? ”
คุณลีโอเน่เอามือลูบไล้เล่นหัวผมอย่างอารมณ์ดี
และในนาทีเดียวกันนั้น คุณเทโลเมียร์เค้าก็ยังเข้ามาบีบลูบแก้มผมเหมือนกับจะไม่ยอมน้อยหน้าอีกต่างหาก เล่นทำเอาผมถึงกับเผลอหน้าแดงขึ้นมาเลย
ได้รับคำชื่นชมแสนอ่อนโยนจากเหล่าอาจารย์ที่ยินดีกับการเติบโตของผมราวกับเป็นเรื่องของพวกตนแล้วแบบนี้ มันก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจเลย
แต่ถึงแม้ว่า <<อีจิสช็อต>> ที่เหล่าอาจารย์พากันยกยอนี่จะทรงอำนาจจริง มันก็ยังมีข้อเสียอยู่พอตัวเลยด้วยเหมือนกัน
“ เอ้อแต่ว่า ก็เป็นสกิลที่ใช้ยากพอตัวเลยเหมือนกันนะ ถึงจะแค่สั้นๆแปปเดียวแต่ก็เหมือนว่าต้องกล่าวคำร่ายก่อนถึงจะใช้ได้ด้วยนี่ แถมต่อให้ยังเป็น Lv1 ระดับความเชี่ยวชาญต่ำยังไง แต่โอกาสที่จะใช้สำเร็จมันก็ยังต่ำอยู่ดีอะนะ ”
ใช่แล้ว
เป็นเรื่องที่เพิ่งจะรู้สดๆร้อนๆในการประลองฝีมือนี่เลย แท้จริงแล้วเจ้า <<อีจิสช็อต>> นี่น่ะ มันเปิดใช้สกิลได้ยากมากๆเลยทีเดียว เปรียบแล้วก็ประมาณ ในหลายสิบครั้งที่ลองพยายามเปิดใช้ดู สามารถใช้ได้สำเร็จจริงๆแค่ 2-3 ครั้งเท่านั้นเอง แถมที่ใช้ฟาดโดนจริงๆก็มีแค่ครั้งก่อนหน้านี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นอีก ยังไม่ใช่สกิลที่จะใช้ในศึกจริงได้อย่างเสถียรมั่นคงเลยซักนิดเดียว
สกิลสุดเจ๋งอุตส่าห์ปรากฎขึ้นมาทั้งที แต่เจอะเข้ากับข้อเสียจังๆแบบนี้เข้าแล้ว ว่าตามตรงก็คือผมถึงกับหงอยไปนิดๆเลย……..แต่เท่าที่ฟังจากที่เหล่าอาจารย์พูด ดูเหมือนว่าสกิลแกร่งๆเนี่ยแค่มีอยู่ในครอบครองเท่านั้นก็ถือว่ามีความหมายอย่างยิ่งใหญ่แล้ว
“ ฮื่ม เกี่ยวกับเปอร์เซ็นต์ในการใช้ให้สำเร็จนี่เอาเป็นว่าให้ถือเป็นจุดที่ต้องปรับปรุงหลังจากนี้ แต่สกิลที่ใช้พิชิตเผด็จศึกได้ในดาบเดียวนี่นับว่าไม่เลวเลยทีเดียวนะ หากรู้ว่ามีไพ่ตายไว้ให้ใช้ในยามจำเป็นเพียงเท่านั้น ก็จะช่วยให้สามารถรักษาความเยือกเย็นในระหว่างต่อสู้ได้แล้ว ”
“ แถมต่อให้ใช้พลาดในศึกจริง แต่ก็จะกลายเป็น [สกิลหลอกตา] ได้ด้วยน้าา ก็ถ้าแอพพีลให้เห็นว่าเรามีสกิลประหลาดที่ไม่รู้ว่าทำอะไรได้แน่อยู่ในครอบครอง แบบนั้นอีกฝั่งก็จะเกร็งประหม่า ทำให้คุมการเคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้นด้วยล่าาา ”
คุณลูด์มิร่ากล่าวอย่างเยือกเย็น ส่วนคุณเทโลเมียร์ก็พูดโดยยิ้มอย่างมีเลศนัยไปพลาง
และสุดท้ายคุณลีโอเน่ก็เอ่ยต่อออกมาราวกับเป็นการสรุป
“ จะยังไงก็ถือเป็นสกิลที่ใช้ประโยชน์ได้ไม่ผิดแน่นั่นแหละ เอ้อแต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นสกิลใช้ยากที่ไม่เหมาะต่อการเอาชนะให้ได้อย่างมั่นคงละนะ ขัดเกลาทีละนิดให้กลายเป็นไพ่ตายใช้ในยามจวนตัวไว้ด้วยก็ดี แต่ตามหลักการ เน้นยกระดับสกิลอื่นๆที่มีอยู่แล้วให้กลายเป็นอาวุธที่ไว้วางใจได้เป็นหลักจะดีกว่า แนวทางการฝึกหลังจากนี้ก็อารมณ์ราวๆนั้นละมั้งนะ ”
“ ขะ ครับ! ขอฝากตัวด้วยนะครับ! ”
ชี้แจงให้เห็นข้อดีของสกิลที่มีประสิทธิภาพสุดขั้วไปในด้านใดด้านเดียวพลางกำหนดแนวทางการฝึกอันชัดเจน ให้ว่าแล้วก็เหมือนกับที่ช่วยอบรมฝึกวิชาให้ผมโดยคำนึงถึงข้อดีของอาชีพสุดกากอย่าง <<ไร้อาชีพ>> เอาไว้ด้วยเลย
ได้รับการสั่งสอนอันชัดเจนของเหล่าอาจารย์ที่แสนอ่อนโยนและเจนสนามมากประสบการณ์เช่นนี้แล้ว ตัวผมที่อดซาบซึ้งจากก้นบึ้งของจิตใจไม่ไหวก็ทำการตั้งมั่นเพ่งเน้นสมาธิไปกับการฝึกอีกครั้ง