เนื่องจากครอสเพิ่งจะหายเจ็บได้ใหม่ๆ การฝึกในวันนั้นจึงสิ้นสุดลงแต่เนิ่นๆเพื่อคำนึงถึงสุขภาพ
ด้วยเหตุนี้เอง ครอสที่ว่างไม่มีอะไรจะทำจึงได้เคลื่อนไหวไปมาอย่างอยู่ไม่สุขภายในโรงอาหาร เพื่อร่วมด้วยช่วยในการตระเตรียมข้าวเย็น
“ คุณลูด์มิร่า ผมวางจานเอาไว้ตรงนี้นะครับ ”
“ อืม ขอบใจมาก ”
แต่อาหารที่ลูด์มิร่าทำก็เป็นอะไรง่ายๆเสียมาก สิ่งที่ครอสช่วยได้ก็มีเพียงแค่เช็ดโต๊ะหรือจัดเรียงจานชามเท่านั้นเอง
ทว่าลูด์มิร่ากลับอารมณ์ดีเริงร่าอย่างยิ่งยวดมาตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว คงเป็นเพราะเห็นครอสออกปากเสนอตัวว่าจะช่วยงานเธอแล้วมันทำให้รู้สึกดีใจละมั้ง
“ จริงสิครอส ”
ลูด์มิร่าที่เห็นว่าข้าวเย็นเกือบๆจะได้ที่เรียบร้อยแล้ว พลันเอ่ยเปิดประเด็นเช่นนั้นออกมาในทันใด
“ เธอมีความสนใจในงานศิลปะไหม? ”
“ ? งานศิลปะ….เหรอครับ? ”
“ อืม พรุ่งนี้เราตกลงว่าจะงดการฝึกเพื่อเห็นแก่สุขภาพของเธอใช่ไหมล่ะ? ลองไปพักผ่อนหย่อนใจโดยการอ่านหนังสือที่ห้องสมุดหรือชมการแสดง กับฉันแค่สองคน ซักหน่อยไหม ”
ว่าแล้ว ลูด์มิร่าก็เริ่มต้นร่ายถึงความสำคัญของการพักผ่อนหย่อนใจที่ส่งผลต่อการฝึกออกมา
ตลอดจนถึงตอนนี้พวกเธอให้ความสำคัญมากที่สุดไปกับการทำให้ครอสเคยชินกับชีวิตที่ต้องเตรียมพร้อมรับการฝึก ฉะนั้นในวันหยุดจึงบีบให้เขาเน้นกับการพักฟื้นสภาพร่างกายและจิตใจเพียงอย่างเดียว
แต่การพักผ่อนในความหมายเดิมแล้ว หมายถึงการเปลี่ยนบรรยากาศผ่านการละเล่นหรือทำกิจกรรมอย่างใดอย่างนึงที่มองเพียวผิวเผินแล้วไม่ได้ข้องเกี่ยวอะไรกับการฝึก เพื่อให้สิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากการฝึกซึมซับเข้าจนชินตัวได้ง่ายขึ้นต่างหาก นับว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นและมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดเลยทีเดียว
ฉะนั้นนานๆทีจะออกไปเดินเที่ยวเล่นนอกคฤหาสน์เสียบ้างก็ไม่เลวเลยเหมือนกัน….ลูด์มิร่ากล่าวไว้เช่นนั้น
“ ตามสายงานของนักผจญภัยแล้ว จะมีโอกาสต้องพบปะเจอะเจอกับเหล่าอมนุษย์หรือพวกขุนนางราชวงศ์บ่อยครั้งอยู่ หากในตอนนั้นเรามีความรู้หรือการศึกษาที่ตรงกันกับอีกฝั่งก็จะช่วยทำให้รู้ใจกันได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น และทำให้ลงมือปฎิบัติงานได้ง่ายมากขึ้นอีกด้วย ด้วยเหตุนั้นจึงพูดได้ว่าการชื่นชมงานศิลป์ถือเป็นการพักผ่อนหย่อนใจที่มีประสิทธิภาพไม่เลวเลยในฐานะนักผจญภัย อีกทั้งถ้าเป็นในด้านของงานศิลป์แล้วละก็ฉันพอจะสอนอะไรต่อมิอะไรให้เธอได้พอสมควรเลยด้วย เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ก็ไม่เป็นไร ไม่สนใจอยากจะลองเรียนรู้วิธีการสนุกสนานไปกับสิ่งใหม่ๆบ้างเลยหรือ ”
“ แบบนี้นี่เอง……. ”
ได้ยินคำกล่าวอันมีเหตุมีผลของลูด์มิร่าเข้าไปแล้ว ครอสก็พยักหน้าอย่างประทับใจ
ตอนอยู่สถานกำพร้านั่นโดนยัดเยียดงานเล็กๆน้อยๆให้ทำประดุจเบ๊มั่ง หมกมุ่นอยู่กับการฝึกปรือตัวเองมั่งเลยไม่มีเวลาว่างได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็จริง แต่ครอสก็มีความสนใจในละครแสดงหรือตำราหนังสือที่มักจะหยิบยกเอาการต่อสู้ของผู้กล้าและเทพมารมาใช้อยู่บ่อยๆนั่นมาตั้งแต่เด็กแล้ว
ที่ลูด์มิร่าพูดมาก็ฟังขึ้นด้วย ลองเริ่มต้นจากงานอดิเรกที่ไม่ต้องเสียเงินอย่างอ่านหนังสือก็ไม่เลว
เป็นในฉับพลัน ที่ครอสกำลังจะพยักหน้ายอมรับข้อเสนอของลูด์มิร่าอยู่ร่อมร่อแล้วนั่นเอง
“ เฮ้ยๆๆ นี่หล่อนนังลูด์มิร่า หล่อนกล้าดียังไงถึงคิดจะเล่นทำคะแนนแซงหน้าแซงตากันเฉยเลยเนี่ยห้ะ? ”
ไม่รู้เลยว่าแอบฟังบทสนทนาของพวกครอสมาตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่อยู่ดีๆลีโอเน่ที่ห่อหุ้มไปด้วยออร่าแสนน่าเกรงขาม พร้อมเส้นผมสีแดงที่พองฟูฟ่องขึ้นมาก็ก้าวเท้าฉึบๆเข้ามาในโรงอาหารอย่างเร็วไว
หนำซ้ำลีโอเน่ยังกระชากเอาตัวครอสออกมากอดอยู่ห่างๆจากลูด์มิร่า พร้อมกับ
“ เฮ้ยครอส พูดถึงพักผ่อนหย่อนใจแล้วอะนะสนใจจะไปดูการแข่งดวลดาบ กับฉันแค่สองคน มะ? วิเคราะห์การต่อสู้ของคนอื่นให้ได้อย่างละเอียดแม่นยำเนี่ยก็ถือเป็นการฝึกที่ไม่เลวเลยเหมือนกันนา ถ้าพูดถึงการพักผ่อนหย่อนใจของนักผจญภัยแล้วมันก็ต้องอะไรหยั่งงี้ดิเนาะ ”
เสนอการพักผ่อนหย่อนใจที่ต่างสุดขั้วไปจากแบบของลูด์มิร่ามาให้
“ อะ เอิ่ม……? ”
ในระหว่างที่ครอสกำลังสับสนมึนงงเพราะเรื่องมันไปไวเกินจะตามไหว ก็มีอีกบุคคลหนึ่งที่จะทำให้สถานการณ์วอดวายหนักมากไปใหญ่พลันปรากฎกายขึ้นมาในโรงอาหาร
“ ทั้งสองคนนี่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรซะเลยน้าาา ”
ผู้ที่กล่าวเช่นนั้นพลางฉุดตัวครอสไปกอดแน่นไว้อยู่กับหน้าอก ก็คือเทโลเมียร์ที่ได้ยินเสียงเอะอะแล้วทะยานเข้ามาร่วมวงด้วยนั่นเอง
“ ครอสคุงเพิ่งจะหายเจ็บได้หมาดๆน้าา ต้องไปเที่ยวเล่นเรื่อยเปื่อยตามร้านค้าต่างๆเอย ไม่ก็นั่งเล่นเกมกระดานอย่างชิลๆสบายๆเอย ใช้เวลาที่มีอยู่อย่างเกียจคร้านสโลว์ไลฟ์ กับฉันแค่สองคน นั่นต่างหากล่ะถึงจะดีที่สุดล่าา เน้ออ~ ”
“ เดี๋ยว คุณเทโลเมียร์ครับ!? ”
สัมผัสแสนอ่อนนุ่มที่ดันตัวติดอยู่กับหน้า ทำให้ครอสถึงกับหน้าแดงแจ๋แตกตื่นอย่างหนัก
ลีโอเน่โวย “เฮ้ยนังผู้หญิงชั่วโรคจิตวิปริตนี่!” ก่อนจะพรวดเข้ามาพยายามกระชากตัวเทโลเมียร์ออกไปห่างๆ ส่วนลูด์มิร่าก็ปลดปล่อยจิตสังหารที่แสนเย็นยะเยือกออกมาเต็มสตรีมเลยทีเดียว
“ นี่พวกแก…….จู่ๆก็แหวกเข้ามาคั่นกลางขัดขวางฉันกับครอสแล้วยังไม่มีสำนึก มั่นหน้ากล้าพูดพร่ำเพ้ออะไรไปเองตามใจชอบอีกหรือ ”
“ อ๊าา? อีนังเอลฟ์คิดไม่ซื่อที่กะจะครองวันหยุดของครอสเอาไว้คนเดียวโดยไม่มีบอกกล่าวขอฉันก่อนอะเงียบปากไปดิ้ แล้วก็เทโลเมียร์! หล่อนน่ะเอาตัวออกไปห่างๆครอสได้แล้ว! ปั๊ดฆ่าทิ้งซะหรอก! ”
“ หาา~? ถ้าฆ่าได้ก็ลองฆ่าดูเลยไหมละจ๊าา? ”
เปรี๊ยะเปรี๊ยะเปรี๊ยะ!
เหล่าสาวงามสุดแกร่งของโลกจ้องกันไฟแล่บโดยมีครอสอยู่ ณ จุดศูนย์กลาง สร้างบรรยากาศมาคุแสนอันตรายระดับที่นักผจญภัยระดับ A มาเห็นเข้าก็ยังต้องเปิดตูดเผ่นแน่บขึ้นมาในบัดดล
“ อะ เอ่อ ทุกคนครับ……!? ”
และครอสที่เจอะเข้ากับเหตุการณ์อันสุดจะประหลาดนี่เข้าก็ถึงกับสับสนจับจิตเลยทีเดียวเชียว
เมื่อกี้ยังคุยกันอย่างสันติว่าจะใช้เวลาช่วงวันหยุดยังไงดีอยู่เลย แต่ไหงถึงกลายเป็นสนามรบเตรียมซัดกันเต็มที่แบบนี้ไปได้ ไม่เห็นจะเข้าใจซักกะนิด
แต่ก็ไม่แปลกหรอกที่เด็กหนุ่มจะไม่เข้าใจ
เพราะเขาไม่รู้ยังไงล่ะ
ถึงเหตุผลที่เจ้าสัตว์ประหลาดสามคนที่ได้ชื่อว่าเป็นนักผจญภัยระดับ S พวกนี้ ตัดสินใจเก็บครอสมาเลี้ยงดูน่ะ
กล่าวคือ เรื่องที่กะจะเลี้ยงครอสให้เติบโตขึ้นมาเป็นชายในฝันว่าที่สามีในอนาคตนั่น
ใช่แล้ว
ที่พวกเธอเหล่านี้ทำการฝึกวิชาให้กับเด็กหนุ่มผู้อ่อนแอที่สุดในปฐพีซึ่งมาขโมยหัวใจของพวกตนไป ก็เพื่อสนองตัญหาของตัวเองโดยแท้โดยสมบูรณ์เลยล่ะ
และก็แน่นอน พวกเธอที่แสนจะทะนงตัวเหล่านี้คิดที่จะยึดครอสเอาไว้เป็นของตนแต่เพียงผู้เดียวเต็มที่เลยเชียว
แม้จะมาลงแรงช่วยกันทั้งสามคนเพื่อทำให้ครอสกลายเป็นชายที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นเช่นนี้ แต่แท้จริงแล้วได้มีการวางแผนการตลบหลังฟาดฟันห้ำหั่นกันและกันอยู่เบื้องหลังเพื่อให้ครอสเลือกตนเองในตอนท้ายที่สุด
วางกลยุทธ์เพื่อสานความสนิทสนมกับครอสให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นมั่งล่ะ คอยเฝ้าคุมเชิงกันเองมั่งล่ะ……การปะทะกันเช่นนั้นมีดำเนินสืบเนื่องมาจนปัจจุบันในระดับที่ไม่ให้มีผลกระทบต่อการฝึกแหละ
และการปะทะดังกล่าวนั่น ก็ยิ่งทวีคูณความดุเดือดมากยิ่งขึ้นในช่วงไม่กี่วันมานี้
หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เป็นเช่นนั้นก็คือ แววรุ่งโรจน์ในอนาคตที่ครอสแสดงออกมาให้เห็น
ยูนีคสกิลซึ่งมีพลังในการเร้าการเติบโตของสกิล พลังประหลาดที่ไม่เคยมีใครหน้าไหนพบเห็นเจอะเจอมาก่อน—- <<ซินเดอเรลล่าเกรย์>> (ควายโหยหาของผู้ไม่มี)
และอำนาจลี้ลับที่น่าจะมีเพียง <<ไร้อาชีพ>> ที่สามารถเรียนสกิลจากทุกสาย <<คลาส>> ได้ทั้งหมดเท่านั้นจึงจะเข้าถึงได้—- เอเรอร์สกิล
แค่ตามเดิมครอสที่เป็นเด็กดีตรงไปตรงมาก็น่ารักมากยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกนี้อยู่แล้ว นี่ยังจะแสดงให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้สูงล้นที่ไม่อาจประมาณได้เลยว่าจะเก่งเทพไปได้มากถึงขั้นไหนอีก ฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจเลยซักนิดที่ศึกแก่งแย่งตัวพ่อหนุ่มจะยิ่งทวีความดุเดือดหนักเข้าไปใหญ่
ต่อให้ไม่คิดถึงตรงนั้น แต่ไม่รู้เหมือนกันทำไม พักนี้พอเวลาที่ได้อยู่กับครอสลดน้อยลงแล้วมันก็ชักจะรู้สึกหงุดหงิดรำคาญขึ้นมาอย่างประหลาด
ความกังวลอันรุนแรงมันจะอัดแน่นเต็มไปทั่วอก ทำให้ร้อนรนอยู่ไม่สุขเผลอตัวเป็นไม่ได้ต้องพลอยเหม่อลอยฝันถึงอยู่ทุกที
เพิ่งจะเคยรู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรกนี่แหละ ทั้งสามต่างก็กำลังกลุ้มอกกับปัญหาการคุมความรู้สึกที่มีเพิ่มมากขึ้นอยู่เหมือนๆกันหมด
ด้วยเหตุนั้น
“ พวกหล่อนให้มันน้อยๆหน่อยนะเฮ้ย? บอกว่าครอสจะไปดูการแข่งดวลดาบด้วยกันกับฉันไง ”
“ แกนั่นแหละหุบปากไปเสียนังคนเถื่อน ครอสจะไปสนุกสนานเพลิดเพลินกับบทสนทนาตามประสาคนมีความรู้ความเจริญกับฉันนี่ ”
“ คือว่าน้าา ฉันเนี่ยในระหว่างการฝึกก็โดนยัดให้ทำแต่งานหลังฉากตลอดเลยนี่ถ้ายังจะมาแย่งเอาเวลาพักผ่อนหย่อนใจกับครอสคุงไปอีกนี่มันก็คงต้องมีโวยกันบ้างแล้วอ่าน้าาา อะไรแบบเนี้ยหัดแบ่งสมองมาคิดซักนิดไม่ได้กันเลยหรือไงอ่าาา? ”
ต่างคนต่างไม่ถอยให้กันแม้ก้าวเดียว
หากนี่เป็นการปรึกษาเรื่องแนวทางการฝึกแล้วละก็ ทั้งสามที่เป็นนักผจญภัยระดับสุดแกร่งของโลกก็คงจะมีความเห็นตรงกันในระดับนึงนั่นแหละนะ จะต้องคำนึงถึงการเติบโตของครอสเป็นที่หนึ่ง แล้วยอมถอยให้ได้ ทั้งสามน่ะยังคงหลงเหลือหลักเหตุผลเพียงพอที่จะทำเช่นนั้นได้อยู่
แต่ถ้าเป็นวิธีการใช้เวลาไปกับวันหยุดนี่มันก็คนละเรื่อง
นอกเหนือจากความสามารถด้านการต่อสู้แล้ว เพื่อที่จะย้อมให้ครอสมีนิสัยตรงตามความชอบของพวกตนเอง ลำดับและความถี่ที่ได้ใช้เวลาช่วงวันหยุดร่วมกันกับครอสนี่ก็จะถือว่ามีความหมายที่สำคัญมากอย่างยิ่งยวดเลย
แถมแค่นึกภาพครอสไปใช้เวลาช่วงวันหยุดร่วมกับหญิงอื่นนอกจากตัวเองแค่นั้นก็โคตรจะหงุดหงิดไม่มีอะไรเกินแล้ว
ฉะนั้นไม่มีทางเลยที่จะยอมผ่อนปรนได้
และแล้วบทสรุปที่เหล่านักผจญภัยระดับ S—ซึ่งอาศัยกำลังรบอันท่วมท้นของพวกตนแสดงความเป็นใหญ่เหนือปัญหาใดๆมาตลอดจนถึงตอนนี้—ตกลงกันได้ก็มีเพียงหนึ่ง
“ พวกหล่อน….ถ้าไม่ว่ายังไงก็ยอมไม่ได้จริงๆงั้นมาจัดกันซักตั้งมั้ยละเฮ้ยนานๆที? อ๊า? ”
“ ย่อมได้ พักนี้ก็ไม่มีโอกาสให้ได้อาละวาดอย่างเต็มกำลังด้วยละนะ จะให้พวกแกได้รู้ซึ้งถึงพลังของฉันเอง ”
“ เฮ้อ~~ จะมาเสียใจภายหลังก็ไม่รู้เรื่องด้วยน้าา? ”
เปิดฉากทำสงครามนั่นเอง
“ ครอส เธอกินอาหารเย็นไปก่อนได้เลยนะ พวกเราจะไป…..ออกกำลังกายเบาๆ กันเสียหน่อย ”
“ เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน ทุกคนครับ!? ”
พอได้ยินคำพูดที่ลูด์มิร่ากล่าวออกมาหลังจากจ้องเขม็งมองหน้ากันและกัน ดวงตาของครอสก็ถึงกับเบิกโพลงเลยเชียว
เด็กหนุ่มที่รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมายังไงชอบกลพยายามคิดหาทางหยุดทั้งสามอย่างแตกตื่น—–แต่เหตุผลที่จะใช้หยุดการบ้าคลั่งของนักผจญภัยระดับ S ได้นั้นมันก็ไม่ใช่ของที่จะคิดได้ง่ายๆขนาดนั้นหรอก
ครอสยังไม่ทันได้อ้าปากพูดโน้มน้าว ทั้งสามก็ชิงพุ่งทะยานออกไปจากคฤหาสน์ด้วยความเร็วสูงสุดกู่กันซะแล้ว
——-และหลายวันให้หลัง
ณ <<ผืนป่าเบื้องลึก>> อันเป็นรังของมอนสเตอร์ที่แผ่ขยายกว้างไกลอยู่ทางทิศเหนือของเมือง ก็ได้มีการรายงานผลการสังเกตการณ์อันฟังดูราวกับเรื่องตลกล้อกันเล่น—-ว่าบริเวณผืนป่าที่มีความกว้างใหญ่ไพศาลขนาดเทียบเท่าเมืองหลวงขนาดใหญ่ยักษ์ได้หลายเมืองได้ถูกเป่าแหลกกระจุยไม่เหลือซาก สร้างความแตกตื่นตกใจไปทั่วทั้งกิลด์นักผจญภัย……..แต่เรื่องนั้นไว้เราค่อยมาพูดถึงกันใหม่ในวาระอื่นก็แล้วกัน