เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย – ตอนที่ 50 นักดาบเวทมนตร์ (2)

สภาพรอบตัวช่างเลวร้ายมากเหลือเกิน

แมกไม้ถูกเป่าจนแหลกกระจุย ผืนดินถูกแซะจนหมดสภาพ มีกลิ่นเหม็นไหม้ล่องลอยขึ้นมาจากรอบบริเวณ

สภาพนั้นดูราวกับว่าเกิดปล่องภูเขาไฟระเบิดขึ้นกลางป่าเลยก็มิปาน พื้นที่เป็นจุดศูนย์กลางการระเบิดนี่มีเสียงไหม้กังวานดังชู่ๆเลยด้วยซ้ำ

และท่ามกลางความย่อยยับที่ไม่ว่าอะไรต่อมิอะไรต่างก็ถูกเป่ากระจุยหายไปจนสิ้นนั่น ก็มีเงานึงที่หนีเอาตัวรอดพ้นจากจุดศูนย์กลางการระเบิดได้พอดิบพอดี และกำลังลุกพรวดยืนกลับขึ้นมา

ผู้ติดตามร่างใหญ่ที่เป็น <<อัศวินทำลายล้าง>> ดาเรียส ร็อกลอนด์

แม้จะถูกคลื่นการระเบิดอัดกระเด็นจนบอบช้ำไปทั่วร่าง แต่ร่างกายที่เป็นเลิศในด้านป้องกันนั่นก็ไม่มีบาดแผลภายนอกที่เด่นชัดเลยซักแผลเดียว

แต่ไม่ใช่เวลามามัวสนใจตนเอง สิ่งที่เขากังวลมากกว่าน่ะคือ

 

“ ปลอดภัยหรือเปล่าครับท่านแคทลียา!? ”

“ ดะ ดาเรียส………. ”

 

ดาเรียสส่งเสียงเข้าหาผู้เป็นนายที่เขาจับซุกเอาไว้ในอ้อมอก ปกป้องรอดพ้นภัยมาได้จนถึงที่สุด

โชคดีไป เรือนร่างอันบอบบางนั่นไม่ได้มีบาดแผลเลยซักนิดเดียว

ช่างสมชื่ออัศวินผู้มีความเป็นเลิศในด้านป้องกันโดยแท้

แต่แคทลียากลับเบิกตาโพลงราวกับว่าถูกตบหน้าอย่างรุนแรง ก่อนจะเอ่ยต่อออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือไปด้วยความตื่นตระหนก

 

“ กะ เกิดอะไร……มันเกิดบ้าอะไรขึ้นน่ะ…….!? ”

“ ไม่ทราบเลยครับ…..ทว่า คาดคะเนจากสถานการณ์แล้ว คงคิดได้เพียงแค่เวทมนตร์ของท่านแคทลียาถูกสะท้อนกลับมาเท่านั้น…..! ”

“ หะ หาาา!? พูดอะไรของเธอน่ะ!? เรื่องแบบนั้นมันจะเป็นไปได้ยังไงกัน! ”

 

ทำใจยอมรับคำพูดของดาเรียสไม่ได้ แคทลียาจึงร้องแรกแหกกระเชอไปด้วยท่าทางที่สับสนขั้นหนัก

แต่เมื่อครู่นี้ก็สัมผัสได้อย่างแน่นอนเหมือนกัน ความรู้สึกที่เหมือนกับว่าถูกแย่งชิงสิทธิควบคุมเวทมนตร์ไปนั่น

แล้วก็การระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ที่ถาโถมลงมาใส่พวกตนอยู่เมื่อครู่นี้

ความเป็นไปได้ที่พอจะนึกออกมันมีอยู่ไม่เยอะหรอก

ต่อให้ไม่อยากจะยอมรับขนาดไหน แต่ข้อมูลเหล่านั้นมันก็กำลังบ่งชี้ถึงความจริงเพียงหนึ่งเดียวให้แคทลียาทราบ

อย่าบอกนะว่าเป็นจริงดังที่ดาเรียสพูด มันสะท้อนเวทมนตร์กลับมาจริงๆน่ะเหรอ

ถ้าอย่างนั้นยูนีคสกิลที่ผู้คนต่างพูดกันว่า จิเซล สตริงก์ มีแอบซ่อนเก็บเอาไว้อยู่นั่นก็คือ………!

 

“ อยามาทำเป็นเล่นนะ…….! ทุกคนลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลย! ไปกำจัดนังเด็กอวดดีนั่นทิ้งซะ! ถ้าหาทางทำให้ไม่โดนสะท้อนเวทมนตร์ได้…….ไม่สิ ต่อให้อยู่ในสภาวะที่โดนผนึกเวทมนตร์ก็เถอะ แต่แค่เหล่าอาชีพระยะประชิดที่มีอยู่ตรงนี้ก็เพียงพอจะใช้จัดการพวกมันให้ย่อยยับอย่างท่วมท้นได้แล้ว! ไปสั่งสอนให้พวกมันรู้ว่ากำลังหาเรื่องอยู่กับใครบัดเดี๋ยวนี้เลย! ”

 

แม้จะหน้าเบี้ยวไปด้วยความโกรธที่เวทมนตร์อันแสนภาคภูมิใจของตนถูกใช้งาน กับความอับอายที่เผลอแสดงสารรูปอันน่าสมเพชเนื่องจากการลอบโจมตีที่คาดไม่ถึง แต่แคทลียาก็พลันแผดเสียงร้องเรียกไปทั่วบริเวณ

ผู้ที่แม้จะโดนสะท้อนเวทมนตร์อัดเข้าไปแต่ก็ยังสามารถรอดตัวมาได้นั้น ไม่ได้มีเพียงแคทลียากับดาเรียสแค่สองคน

แม้ว่าจะประมาทโดยสมบูรณ์มาตลอดจนถึงก่อนหน้าที่จะโดนดี แต่พวกเขาเหล่านี้ก็เป็นถึงเหล่าอาชีพระดับกลางที่มีฝีมือขนาดถูกเลือกให้มาติดตามขุนนางได้เลยเชียวนะ

 

“ บัดซบ! บัดซบ! นี่มันยังไงกันแน่น่ะ! ”

 

พาฟลอฟที่เป็นเลเวล 26 นั้นไม่ต้องพูดถึง ส่วนสมาชิกปาร์ตี้คนอื่นๆพอได้รับคำสั่งของแคทลียาแล้วก็พลันเค้นแรงฮึดลุกกลับขึ้นมา

 

“ ขุ่ก…อุ้กก….. ”

 

แต่จำนวนกว่าครึ่งนั้น ก็ไม่อาจจะรอดตัวมาได้ด้วยแค่แผลเล็กๆน้อยๆ เหมือนดาเรียสหรือพาฟลอฟ

สำหรับเวทระดับกลางแล้ว เวททิ้งระเบิดที่แคทลียาปลดปล่อยออกไปมันมีอานุภาพและระยะโจมตีที่มหาศาลยิ่ง ทำให้ส่วนมากต่างก็ได้รับบาดแผลไปในปริมาณที่หนักหนาพอตัว

ซ้ำร้าย <<พรีสระดับกลาง>> ที่มีหน้าที่เป็นตัวช่วยฟื้นฟูสุดสำคัญก็ยังล้มฟุบนิ่งกับที่ไม่อาจลุกกลับขึ้นมา สีของแท็กแทนตัวก็เปลี่ยนไปแล้วเรียบร้อย ตกอยู่ในสภาพไม่อาจทำการต่อสู้ได้โดยสมบูรณ์เลย

 

“ ขึ่ก คิดไม่ถึงเลยว่าจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้……..! ทุกคนดื่มโพชั่นที่พกอยู่กับตัวแล้วประกอบสร้างแนวรบใหม่อีกครั้งเสีย! ถ้าตั้งตัวได้เรียบร้อยแล้วเราจะทำการตีโต้กลับกันทันที! ”

 

พาฟลอฟเบิกดวงตาซัมปาคุออกกว้าง แหกปากตะโกนน้ำลายกระเด็นสั่งควบคุมแนวรบ

ทว่า เป็นในฉับพลันที่พวกเขาซึ่งยังไม่สร่างจากความแตกตื่น กำลังพยายามจะประกอบสร้างแนวรบซ้ำใหม่อีกครั้งอยู่นั่นเอง

ที่ <<เรนเจอร์ระดับกลาง>> พลันแผดเสียงร้องออกมาอย่างแตกตื่นลนลาน

 

“ ทะ ท่านพาฟลอฟครับ! ศัตรูหนึ่งราย กำลังพุ่งดิ่งกระชั้นชิดเข้ามาด้วยความเร็วมหาศาลเลยครับ! ”

“ ว่าไงนะ!? ”

 

คาดว่า วิถีและตำแหน่งการระเบิดของเวทมนตร์ที่ถูกสะท้อนกลับมา มันจะเป็นตัวชี้แจงให้ฝั่งศัตรูทราบถึงที่อยู่ของพวกตนโดยสมบูรณ์เลยละมั้ง

ดูจากความเร็วของผู้ที่กำลังทะยานเข้ามาใกล้แล้ว อีกฝั่งต้องเป็นอาชีพระยะประชิดไม่ผิดแน่นอน

คงเป็นพลสอดแนม หรือไม่ก็คงคิดจะอาศัยความปั่นป่วนตอดลดกำลังรบของฝั่งเราเป็นแน่……พาฟลอฟที่คิดเช่นนั้นพลันทำการเสริมแนวป้องกันให้แน่นหนาทันที

โดยเฉพาะรอบๆตัวแคทลียาที่เป็นหัวหน้านั้นได้ถูกประกบข้างไว้โดยดาเรียสและพาฟลอฟ สานเป็นแนวรบกำแพงเหล็กขึ้นมาโดยพลัน

ทว่า

 

“ อะไรกัน…….? ทำไมมันถึงไม่เข้ามาใกล้? ”

 

ดาเรียสเอียงหัวอย่างสับสน

สัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่ามีคนอยู่ ณ อีกฝั่งนึงของแมกไม้

ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสกิลตรวจจับของ <<เรนเจอร์ระดับกลาง>> แล้วด้วยซ้ำ เพราะได้ยินเสียงใครบางคนกำลังวิ่งทะยานวนรอบตัวพวกตนดังแซ่กแซ่กแซ่กอย่างกระจ่างชัดสองรูหูเลย

แต่ศัตรูกลับไม่แสดงวี่แววว่าจะบุกเข้ามาโจมตีเลยแม้แต่น้อย

ถ้ามีเป้าหมายคือการอาศัยจังหวะชุลมุนเพื่อลอบจู่โจม ป่านนี้มันก็น่าจะพุ่งทะลวงเข้ามาเรียบร้อยแล้วสิ แถมถ้าเป็นพลสอดแนมก็คงไม่เคลื่อนไหวให้เด่นสะดุดตาแบบนั้นด้วย พวกดาเรียสต่างก็ไม่เข้าใจว่ามันยังไงกันแน่ ได้แต่หวาดหวั่นรู้สึกไม่ดีอยู่ท่าเดียว……เป็นในฉับพลันนั้นนั่นเลย

ที่แมกไม้สั่นไหว พร้อมกับมีอะไรทะยานตรงดิ่งเข้ามาใส่พวกเขา

 

“ ฮึก! มันมาแล้ว! ”

 

เค้าลางนั่นทำให้พวกดาเรียสเตรียมพร้อมรบ เพราะคิดว่ากำลังถูกอาชีพระยะประชิดพุ่งเข้ามาใส่

แต่ว่านั่น มันก็คือการตัดสินใจที่ผิดพลาดโดยสมบูรณ์แบบ อันเป็นผลที่บังเกิดจาก ความคิดที่ฝังหัวอยู่ว่าศัตรูคืออาชีพระยะประชิด

 

 

ฟู่มมมมมมมมมมมมมมมมม!

 

 

“ ห้ะ!? ”

 

ทุกคนในสถานที่แห่งนั้นถึงกับตาเหลือก

ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะว่าสิ่งที่แหวกแมกไม้ทะยานดิ่งตรงเข้ามาใส่มันหาได้เป็นอาชีพระยะประชิดไม่——แต่คือหอกสายลมที่ดูราวกับว่ามีทอร์นาโดสามลูกพันตัวติดอยู่ด้วยกันต่างหาก

 

“ เฮ้ย…..ว๊าาาาากกกกกกกกกกก!? ”

 

<<อัศวิน>> สองคนที่อุตส่าห์ดื่มโพชั่นจนฟื้นตัวกลับมาได้หมาดๆโดนเวทมนตร์นั่นเฉี่ยวจนปลิวกระเด็นลอยออกไปไกลลิบ

 

“ ขึ่ก อย่ามาเล่นบ้าๆ—–อ๊าาาาาากกกกกกกกกก!? ”

 

หนำซ้ำ <<อัศวิน>> เลเวล 20 อีกคนที่เข้ามาปกป้อง <<เรนเจอร์ระดับกลาง>> อันเป็นแกนกลางสำคัญของศึกภายในป่าเอาไว้ ก็ยังรับการโจมตีเข้าไปจังๆจนล้มครืนคาที่ แล้วจากนั้นก็นิ่งเฉยไม่กระดุกกระดิกอีกเลย

 

“ เป็นไปไม่ได้……! นี่มันอะไรกันน่ะ…….!? ”

 

พาฟลอฟแผดเสียงร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก

สมาชิกปาร์ตี้ของอีกฝั่ง ไม่น่าจะมีผู้ที่ใช้เวทลมอันแสนทรงอานุภาพขนาดนี้ได้นี่นา

ไม่สิ ต่อให้มีอาชีพเวทมนตร์ที่พวกเขามองข้ามไปอยู่จริงๆก็เถอะ……แต่การเคลื่อนไหวอันรวดเร็วของเจ้าคนที่ยังคงวิ่งทะยานวนรอบตัวพวกเขาอยู่อย่างต่อเนื่องถึงตอนนี้นี่มันบ้าอะไรกัน?

ถ้าเป็นอาชีพเวทมนตร์ระดับสูงหรือระดับสูงสุดก็ว่าไปอย่าง แต่ไม่มีอาชีพเวทมนตร์ระดับกลางที่ไหนหรอกจะสามารถเคลื่อนไหวไปมาภายในป่าได้ด้วยความเร็วพอๆกับอาชีพระยะประชิดน่ะ ไม่มีแน่นอน

ไม่น่าจะมี แต่ในความเป็นจริงแล้ว “มี”  

 

 

แซ่กแซ่กแซ่กแซ่กแซ่กแซ่กแซ่กแซ่กแซ่ก!

 

 

มือปืนอันเป็นปริศนาแสนน่าหวาดผวานั่น จนถึงตอนนี้มันก็ยังคงพุ่งทะยานวนอยู่ภายในป่าด้วยความเร็วที่ไม่น่าจะเป็นอาชีพเวทมนตร์ไปได้….มันกำลังจ้องหาจังหวะยิงเวทมนตร์เข้ามาอยู่ โดยไม่ยอมแสดงตัวออกมาให้พวกตนเห็น โดยไม่ยอมเผยตัวออกมาให้โดนเล่น

แม้ฝั่งพวกตนจะถูกผนึกให้ไม่อาจใช้เวทมนตร์ได้ แต่ฝั่งศัตรูกลับแฝงตัวอยู่ในเงามืด คอยจับจ้องรอจังหวะที่จะปลดปล่อยการโจมตีอันแสนทรงอานุภาพเข้ามาใส่อยู่ฝ่ายเดียว เสียเปรียบเป็นรองสุดกู่จนไม่รู้จะพูดยังไงเลย

 

“ ขุ่ก……!? ”

 

การเลือกป่าที่มีการมองเห็นย่ำแย่มาใช้เป็นสนามมันแว้งกลับมาสร้างผลเสียให้กับพวกเขาโดยสมบูรณ์เลย…….ความจริงตรงนี้ทำให้พาฟลอฟถึงกับหน้าบิดเบี้ยว

 

“ นี่มันยังไงกันน่ะ!? มันเป็นยังไงกันไปแล้วน่ะใครก็ได้บอกทีสิ!? ”

 

พบเห็นสภาพอันย่อยยับที่สมาชิกปาร์ตี้ค่อยๆโดนเด็ดหัวไปทีละคนแล้ว แคทลียาก็ถึงกับต่อมน้ำตาแตกส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน

และความหวาดผวานั่นก็กระจายไปถึงสมาชิกปาร์ตี้ด้วย อยู่ในสภาพการณ์ที่มีผลกระทบถึงขวัญกำลังใจอย่างแน่นอน

 

“ ขุ่ก ช่วยไม่ได้ เราจะทำการแบ่งทัพออกเป็นสองกลุ่ม! กำจัดจอมขมังเวทที่แอบซ่อนตัวอยู่ภายในป่าซะ! ”

 

พาฟลอฟแผดเสียง สั่งการให้ <<อัศวิน>> เลเวล 20 สองคนที่ยังคงรอดชีวิตอยู่ และ <<เรนเจอร์ระดับกลาง>> ซึ่งเป็นพลตรวจจับ แยกตัวออกไปจากทัพหลัก

ตามเดิมแล้วควรจะส่งดาเรียสไม่ก็พาฟลอฟร่วมไปด้วยเพื่อจะได้สำแดงกำลังได้เต็มที่ก็จริง แต่พวกเขานั้นคือปาร์ตี้ขุนนาง จะยอมผ่อนปรนลดระดับแนวป้องกันที่ใช้ปกป้องแคทลียาผู้เป็นนายไม่ได้โดยเด็ดขาด

พาฟลอฟและดาเรียสทำการซ่อนแคทลียาและอาชีพเวทมนตร์ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ 2 คนไว้ข้างหลังพวกตน ก่อนจะทุ่มสมาธิทั้งมวลไปกับการเฝ้าระวังรอบทิศ

แต่เป็นในพริบตาให้หลังจากที่ <<เรนเจอร์ระดับกลาง>> และ <<อัศวิน>> ทั้งสองคนแหวกแมกไม้พุ่งเข้าไปในป่านั่นเอง

 

 

แซ่กแซ่กแซ่กแซ่กแซ่กแซ่กแซ่กแซ่กแซ่กแซ่กแซ่กแซ่ก! ตุบ!

 

 

“ เอ๊ะ……..? ”

 

ราวกับหัวเราะเยาะว่าการเฝ้าระวังรอบทิศ แนวราบ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี——–เงาสีม่วงอ่อนที่ ทะยานแหวกฟ้า ข้ามเหนือหัวพวกดาเรียสมานั่น พลันลงมาเหยียบพื้นโดยมีสายลมห่อหุ้มรอบกายต่อหน้าต่อตาของแคทลียาพอดิบพอดี  

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ยกาลครั้งนึงแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเมื่อไหร่ ได้มีวีรสตรี 3 คนที่ถูกกล่าวขานล่ำลือกันว่าเป็นตัวตนผู้แข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุดในโลกอยู่ครับ ความแข็งแกร่งของพวกเธอนั้นเรียกได้ว่าเป็นระดับเหนือมนุษย์เลยเชียว คนนึงสามารถต่อยขุนเขาให้แหลกกระจุยได้ด้วยหมัดเปล่า คนนึงสามารถเป่าร่างของพลทหารนับหมื่นนายให้ลอยปลิวหายไปได้ด้วยการโจมตีจากเวทมนตร์เพียงครั้งเดียว ส่วนอีกคนก็เป็นหญิงพิลึกพิลั่นที่เอาเวทฟื้นฟูกับเวทสนับสนุนมาใช้ฆ่าคนได้ เลยกลายเป็นตัวตนที่ถูกหวาดกลัวไปตามระเบียบ แค่เพียงคนเดียวก็โหดพอจะทำให้ประเทศหนึ่งถึงการล่มสลายได้อย่างง่ายดายแล้ว ยิ่งถ้าเหล่าวีรสตรี 3 คนนั้นมาสุมหัวรวมตัวไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วนี่คงอาจต้องเรียกว่าเป็นภัยพิบัติเดินได้ การหวนคืนชีพของเทพมาร หรือในบางพื้นที่ก็อาจจะระบุตัวตนของพวกเธอเป็นเทพผู้ชั่วร้ายกันเลยก็เป็นได้…..หากอาศัยใช้งานความแข็งแกร่งนั่นซะอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอะไรต่อมิอะไรก็คงบันดาลให้เป็นดั่งที่ใจพวกเธอต้องการได้เกือบทั้งหมดเลยกระมัง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีสิ่งที่แม้แต่สามคนนั้นเอง ก็ยังไม่อาจได้มาครอบครองอยู่ครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset