เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย – ตอนที่ 58 เทศกาลวิวาท (2)

“ ……เฮ้อ เมื่อวานลำบากสุดๆไปเลยนะ ไม่คิดฝันเลยว่ากระทั่งพวกคุณลีโอเน่ก็ยังจะพยายามฉุดเอามือผมให้ล้วงเข้าไปในเสื้อด้วย…… ”

 

วันถัดมาหลังจากที่เริ่มต้นการฝึกให้ได้สกิลฟื้นฟู

ผมที่มาเข้าฟังเล็คเชอร์ในโรงเรียนนักผจญภัยจนจบคาบนั้น พลันหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานแล้วจึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

หลังจากตอนนั้น

ผมก็หาทางพูดโน้มน้าวพวกคุณลีโอเน่ที่ทวงคืนได้สติสตางค์กลับมา แล้วจึงตัดสินตกลงกันได้ว่าจะทำการฝึกสกิลฟื้นฟูแบบตัวต่อตัวกับคุณเทโลเมียร์แค่เพียงคนเดียว

แต่ถึงอย่างนั้น การฝึกสุดจะบรรยายที่ต้องสัมผัสลูบไล้ผิวกายของผู้หญิงมันก็ไม่ได้หายไปไหน และความน่าอายสุดเหลือล้นนั่นก็ทำเอาผมเหนื่อยล้ากายใจอย่างไม่อาจเลี่ยง

 

“ ทุกวันต่างเปี่ยมล้นไปด้วยสีสันก็จริงหรอก แต่บางครั้งบางคราวการฝึกก็หนักหน่วงไปในทิศทางแปลกๆขึ้นมาจนทำเอาผมย่ำแย่เลย…… ”

 

ลำพังแค่ตามเดิมพวกอาจารย์เค้าก็เป็นคนสวยหยาดเยิ้มกันถ้วนหน้า แค่อาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกันแค่นั้นก็ชวนให้ใจเต้นตึ๊กตั๊กมากพอแล้วแท้ๆ

แต่ถ้าการฝึกสกิลฟื้นฟูยังคงดำเนินต่อเนื่องไปแบบนี้เรื่อยๆละก็ ผมจะฝืนอดทนได้ไปซักกี่น้ำกันนะ

และ เป็นในจังหวะที่กำลังกลัดกลุ้มอยู่กับปัญหาที่ดูฟุ่มเฟือยเหลือเกินในแง่นึง

 

“ อ๋า? เป็นอะไรของแกวะน่ะครอส ไหงถึงถอนหายใจงั้นเล่า ”

“ อ๊ะ จิเซล ”

 

ผู้ที่ส่งเสียงทักเข้ามาราวสับสนกับท่าทางของผม ก็คือเด็กผู้หญิงที่มาเข้ารับฟังเล็คเชอร์ด้วยกัน

จิเซล สตริงก์ ซึ่งเป็นหัวหน้าของกลุ่มสถานกำพร้านั่นเอง

ผมมีความสัมพันธ์ที่ออกจะอึมครึมกับจิเซลอยู่ระยะนึงก็จริง แต่หลังจากที่ผ่านการปะทะกับ ริสก์ 4 และเปิดศึกประลองกับขุนนาง บรรยากาศชวนอึดอัดระหว่างพวกเราก็เริ่มจะเลือนหายไปแล้วในช่วงนี้

กระนั้นแล้วก็ยังคงมีระยะห่างแบบแปลกๆหลงเหลืออยู่นิดหน่อย จิเซลเบือนหน้าหนีห่างจากผมหน่อยๆแล้วจึงพูดต่อออกมา

 

“ ระหว่างเล็คเชอร์ก็ดูแกจะเหม่อลอยแบบแปลกๆด้วยนี่หว่า กลุ้มเรื่องอะไรอยู่เรอะไง ”

“ อ่า เปล่าหรอก เรียกว่ากลุ้มนี่คงไม่ถูกทีเดียวละมั้ง พอดีว่าการฝึกมันค่อนข้างลำบากหน่อยในหลายๆความหมาย…… ”

 

จิเซลเป็นเกือบๆบุคคลเดียวที่ล่วงรู้ว่าผมกำลังได้เหล่านักผจญภัยระดับ S คอยช่วยดูแลอยู่

ดังนั้นผมจึงระบายเกี่ยวกับเรื่องที่หนักอกออกมานิดหน่อย

เท่านั้นแหละจิเซลพลันร้อง “อ๋า?” พร้อมทำหน้านิ่วคิ้วขมวด

 

“ ลำบากนี่……แกคงไม่ได้ถูกไอ้เจ้าเหล่าสัตว์ประหลาดพวกนั้นมันบังคับให้ทำการฝึกแบบโหดนรกแตกหรอกใช่มั้ยเฮ้ย เห็นเค้าว่านักผจญภัยระดับ S มันมีแต่พวกสัตว์ประหลาดที่หลักสามัญสำนึกใช้ด้วยไม่ได้ผลกันหมดเลยนี่ ไหวแน่รึเปล่าน่ะ ”

“ เอ๊ะ? เปล่าๆ ไม่มีอะไรต้องห่วงหรอกนะเรื่องนั้น! พวกอาจารย์เค้าใจดีกันมากๆเลยล่ะ จนผมเนี่ยเคยออกปากขอให้เค้าช่วยฝึกแบบโหดๆมากยิ่งขึ้นเลยด้วยซ้ำนะ ……แต่ก็แบบว่า มันมีเรื่องน่าลำบากในความหมายอื่นที่ไม่ใช่โหดอยู่น่ะสิ…… ”

 

เหมือนจิเซลจะเกือบเข้าใจพวกอาจารย์ผิดไป ผมก็เลยกล่าวอธิบายแก้ไขให้อย่างแตกตื่น

ถึงอย่างนั้น……จะให้พูดว่า ‘เหมือนการฝึกจะหนักหน่วงไปในเชิงลามกสุดสยิวยังไงชอบกลจนใจผมเต้นถี่ระรัวแทบระเบิดอยู่แล้ว’ แบบนั้นออกมาอย่างเถรตรงได้ซะที่ไหน ผมจึงพึมพำๆกลบเกลื่อนด้วยใบหน้าที่แดงแจ๋ แต่เท่านั้นแหละ

 

“ ……เห~ ลำบากในความหมายอื่นเนอะ ”

 

ไหงจิเซลถึงหรี่ตาจ้องเขม็งเข้ามาใส่ผมเฉยเลยซะงั้น

 

“ ……ก็มีแอบสงสัยมาตั้งแต่ก่อนหน้าแล้วหรอกนะเว้ย แกน่ะถูกเลี้ยงดูอยู่โดยไอ้เจ้าพวกคนสวยสุดเลิศนั่นละสินะ โดยนักผจญภัยระดับ S ทั้งสามคนที่ถ้ากะอีแค่ประเทศเล็กๆละก็สามารถถล่มให้ล่มสลายได้อย่างแสนง่ายดายเลยนั่นน่ะ คิดว่าไอ้เจ้าพวกระดับนั้นมันจะช่วยฝึกวิชาให้เด็กตัวกะเปี๊ยกอย่างแกโดยไม่มีเหตุผลอะไรเลยจริงๆน่ะเรอะ? ”

“ เอ๊ะ? ”

 

ผมเอียงหัวไม่เข้าใจว่าจิเซลอยากจะสื่ออะไร

แล้วทีนี้จิเซลก็พูดติดๆขัดๆประมาณ “อ่า ก็แบบ ไอ้นั่นไง” ด้วยท่าทางราวกับลังเลไม่รู้ควรจะพูดดีหรือไม่ดี แต่ในท้ายที่สุดพอเบือนหน้าหนีไปจากผมสุดเหวี่ยงแล้ว จิเซลก็อ้าปากกล่าวออกมาราวกับตัดสินใจได้เด็ดขาด

 

“ ……แกคง ไม่ได้ถูกไอ้เจ้าสัตว์ประหลาดพวกนั้นทำอะไรแปลกๆใส่หรอกใช่มั้ย? ”

“ ? อะไรแปลกๆ? ”

“ ……ขึก อย่ามาทำเป็นตีหน้าซื่อนะเว้ย! ถึงไม่พูดชัดๆก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอวะ!? ก็นั่นไงให้พูดแล้วก็คือ……จะถามว่าแกถูกจับทำเป็น ผะ ผัวเก็บของไอ้เจ้าพวกสัตว์ประหลาดนั่นไปแล้วรึเปล่าเงี้ย! ”

“ ผัว……!? ”

 

คำพูดอันสุดจะแรงที่พุ่งออกมาจากปากของจิเซลนั่นเล่นทำเอาผมเบิกตาโตเลย

ผัวเก็บ

พูดแบบง่ายก็คือ ผู้ชายที่จะคอยรับใช้ทำเรื่องลามกอย่างว่าให้กับผู้หญิง หรืออาจเรียกว่าชู้รักก็ได้

 

“ จะ จะไปเป็นแบบนั้นได้ยังไงเล่า!? พวกอาจารย์เค้ารับผมมาเป็นศิษย์ด้วยความเมตตากรุณาต่างหากนะ แถมให้ว่ากันแล้วพวกอาจารย์ที่ทั้งสวยทั้งเก่งระดับนั้นเค้าไม่มีทางคิดอะไรแบบนั้นกับเด็กกะโปโลอย่างผมหรอก! ”

 

ผมปฏิเสธข้อสงสัยอันสุดจะบ้าของจิเซลด้วยใบหน้าแดงก่ำ

ก็เคยมีครั้งที่การฝึกหนักหน่วงไปในทิศทางแปลกๆแบบเมื่อวานอยู่เหมือนกันหรอก……

แต่นั่นคือสิ่งที่จำเป็นต้องทำเพื่อให้แข็งแกร่งได้มากขึ้นอย่างเต็มประสิทธิภาพต่างหาก

 

“ ที่สำคัญ ถ้าใช้ชีวิตแบบเหลวแหลกอย่างนั้นจริงก็คงไม่ได้เป็นอันฝึกกันพอดีสิ แล้ว <<ไร้อาชีพ>> ก็คงไม่มีทางจะเติบโตขึ้นมาได้ถึงขนาดนี้ด้วยนะ!? ”

“ อะ เอ้อว่าไปแล้วก็จริงอยู่นะ…… ”

 

พอผมร่ายรัวเถียงตอกกลับไปสุดชีวิต จิเซลก็พยักหน้ายอมรับด้วยท่าทางเหมือนเสียขวัญ

 

“ ว่าตามตรงแล้วก็ยังไม่ได้หายสงสัยโดยสมบูรณ์ซะทีเดียวหรอก……เอ้อแต่ดูจากปฏิกิริยาตอบสนองแล้ว อย่างน้อยก็น่าจะยังไม่ได้ข้ามเส้นสินะ…… ”

 

จิเซลถอนลมหายใจเหมือนกับโล่งอกเรื่องอะไรซักอย่าง

ก็ไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่หรอก……แต่เหมือนว่าจะแก้ข้อสงสัยพิลึกๆไปได้แล้วสินะ

 

“ อ่า งั้นเอาเป็นว่าเกี่ยวกับเรื่องนั้นนี่ช่างแม่มมันไปก่อนละกันเว้ย แกถึงกับขนาดถอนหายใจเลยนี่ แสดงว่าคงจะลำบากกับการฝึกจริงๆว่างั้น? ”

“ เอ๊ะ? อือ ก็นะ ”

“ ถ้างั้นก็……อ่า คือว่า ไอ้นั่นไง ”

 

ไม่รู้ทำไมจิเซลถึงทำสายตาเลิ่กลั่กอยู่ไม่นิ่ง ก่อนจะพูดอุบอิบออกมาอย่างติดขัดยิ่งกว่าตะกี้อีก

แก้มก็เหมือนจะแดงเรื่อนิดๆด้วย

ปะ เป็นอะไรของเค้าน่ะ คงไม่ใช่ว่าจะพูดอะไรแปลกๆออกมาอีกใช่มั้ย……พอผมเตรียมใจรับอยู่แบบนั้น จิเซลก็พลันกล่าวข้อเสนอที่ผิดคาดออกมา

 

“ ถือซะว่าพักผ่อนจากการฝึกอะเว้ย สนจะไปร้านค้าอาวุธด้วยกันตอนนี้เลยมั้ยอะ? ”  

“ เอ๊ะ? ร้านค้าอาวุธ? ”

 

คำเชิญชวนอย่างเหนือคาดหมายนั่นทำเอาผมถึงกับงงเต๊ก

และจิเซลก็พูดต่อออกมาแบบถี่เป็นชุด

 

“ ลืมไปแล้วเรอะไง ที่แกเข้าร่วมการแข่งปราบปราบสไลม์ปุกปุยนั่นก็เพราะว่าจำเป็นต้องหาเงินเพื่อซื้อเปลี่ยนอาวุธไม่ใช่เรอะ ก็เลยว่าจะแนะนำร้านเด็ดๆให้รู้ไว้น่ะ ฉันเองก็กำลังอยากได้อาวุธใหม่อยู่พอดีเลยด้วยอะนะ ”

“ อ๊ะ ”

 

จะว่าไปก็ใช่จริงด้วย

ถึงแม้ว่าสาเหตุที่ทำให้ถังแตกจะเป็นเพราะหมดตังค์ไปกับการเที่ยวเดินกินกับคุณเอลิเซียก็เถอะ แต่ผมเองก็มีคิดอยากจะรีบเปลี่ยนอาวุธใหม่ให้ได้แต่โดยเร็วอยู่เหมือนกัน

ถ้าจิเซลจะช่วยแนะนำร้านให้นี่ก็เข้าทางเลย

 

“ ขอบคุณนะ ช่วยได้มากเลยล่ะ แต่จิเซลก็จะซื้ออาวุธใหม่ด้วยเหรอ ไหงถึงกะหันทันจังเลยล่ะ? ”

“ อ๋า? ก็ไม่เห็นจะกะทันหันห่าเหวตรงไหนเลยนี่หว่า ”

 

จิเซลมองกลับมาหาผมแบบเพลียๆ

 

“ ก็วันมะรืนกับวันมะเรื่องที่จะถึงนี้มันคือ ‘เทศกาลวิวาท’ อันเป็นของขึ้นชื่อประจำบัสเคิลเบียร์เลยนะเว้ย ต้องเตรียมตัวให้พร้อมไว้แหงอยู่แล้วดิ ”

“ อ๊ะ……จริงสิ จะว่าไปแล้ว ”

 

เพราะมัวนึกถึงแต่เรื่องการฝึกอันสุดจะหนักหน่วง ก็เลยเผลอลืมไปสนิทเลย

พอได้ยินแบบนั้นจากจิเซลที่ปั้นรอยยิ้มอย่างกระหายศึกขึ้นมา ผมก็เพิ่งจะนึกถึงงานเทศกาลอันสุดแสนจะป่าเถื่อนนั่นขึ้นมาได้  

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ยกาลครั้งนึงแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเมื่อไหร่ ได้มีวีรสตรี 3 คนที่ถูกกล่าวขานล่ำลือกันว่าเป็นตัวตนผู้แข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุดในโลกอยู่ครับ ความแข็งแกร่งของพวกเธอนั้นเรียกได้ว่าเป็นระดับเหนือมนุษย์เลยเชียว คนนึงสามารถต่อยขุนเขาให้แหลกกระจุยได้ด้วยหมัดเปล่า คนนึงสามารถเป่าร่างของพลทหารนับหมื่นนายให้ลอยปลิวหายไปได้ด้วยการโจมตีจากเวทมนตร์เพียงครั้งเดียว ส่วนอีกคนก็เป็นหญิงพิลึกพิลั่นที่เอาเวทฟื้นฟูกับเวทสนับสนุนมาใช้ฆ่าคนได้ เลยกลายเป็นตัวตนที่ถูกหวาดกลัวไปตามระเบียบ แค่เพียงคนเดียวก็โหดพอจะทำให้ประเทศหนึ่งถึงการล่มสลายได้อย่างง่ายดายแล้ว ยิ่งถ้าเหล่าวีรสตรี 3 คนนั้นมาสุมหัวรวมตัวไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วนี่คงอาจต้องเรียกว่าเป็นภัยพิบัติเดินได้ การหวนคืนชีพของเทพมาร หรือในบางพื้นที่ก็อาจจะระบุตัวตนของพวกเธอเป็นเทพผู้ชั่วร้ายกันเลยก็เป็นได้…..หากอาศัยใช้งานความแข็งแกร่งนั่นซะอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอะไรต่อมิอะไรก็คงบันดาลให้เป็นดั่งที่ใจพวกเธอต้องการได้เกือบทั้งหมดเลยกระมัง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีสิ่งที่แม้แต่สามคนนั้นเอง ก็ยังไม่อาจได้มาครอบครองอยู่ครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset