“ ……เฮ้อ เมื่อวานลำบากสุดๆไปเลยนะ ไม่คิดฝันเลยว่ากระทั่งพวกคุณลีโอเน่ก็ยังจะพยายามฉุดเอามือผมให้ล้วงเข้าไปในเสื้อด้วย…… ”
วันถัดมาหลังจากที่เริ่มต้นการฝึกให้ได้สกิลฟื้นฟู
ผมที่มาเข้าฟังเล็คเชอร์ในโรงเรียนนักผจญภัยจนจบคาบนั้น พลันหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานแล้วจึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
หลังจากตอนนั้น
ผมก็หาทางพูดโน้มน้าวพวกคุณลีโอเน่ที่ทวงคืนได้สติสตางค์กลับมา แล้วจึงตัดสินตกลงกันได้ว่าจะทำการฝึกสกิลฟื้นฟูแบบตัวต่อตัวกับคุณเทโลเมียร์แค่เพียงคนเดียว
แต่ถึงอย่างนั้น การฝึกสุดจะบรรยายที่ต้องสัมผัสลูบไล้ผิวกายของผู้หญิงมันก็ไม่ได้หายไปไหน และความน่าอายสุดเหลือล้นนั่นก็ทำเอาผมเหนื่อยล้ากายใจอย่างไม่อาจเลี่ยง
“ ทุกวันต่างเปี่ยมล้นไปด้วยสีสันก็จริงหรอก แต่บางครั้งบางคราวการฝึกก็หนักหน่วงไปในทิศทางแปลกๆขึ้นมาจนทำเอาผมย่ำแย่เลย…… ”
ลำพังแค่ตามเดิมพวกอาจารย์เค้าก็เป็นคนสวยหยาดเยิ้มกันถ้วนหน้า แค่อาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกันแค่นั้นก็ชวนให้ใจเต้นตึ๊กตั๊กมากพอแล้วแท้ๆ
แต่ถ้าการฝึกสกิลฟื้นฟูยังคงดำเนินต่อเนื่องไปแบบนี้เรื่อยๆละก็ ผมจะฝืนอดทนได้ไปซักกี่น้ำกันนะ
และ เป็นในจังหวะที่กำลังกลัดกลุ้มอยู่กับปัญหาที่ดูฟุ่มเฟือยเหลือเกินในแง่นึง
“ อ๋า? เป็นอะไรของแกวะน่ะครอส ไหงถึงถอนหายใจงั้นเล่า ”
“ อ๊ะ จิเซล ”
ผู้ที่ส่งเสียงทักเข้ามาราวสับสนกับท่าทางของผม ก็คือเด็กผู้หญิงที่มาเข้ารับฟังเล็คเชอร์ด้วยกัน
จิเซล สตริงก์ ซึ่งเป็นหัวหน้าของกลุ่มสถานกำพร้านั่นเอง
ผมมีความสัมพันธ์ที่ออกจะอึมครึมกับจิเซลอยู่ระยะนึงก็จริง แต่หลังจากที่ผ่านการปะทะกับ ริสก์ 4 และเปิดศึกประลองกับขุนนาง บรรยากาศชวนอึดอัดระหว่างพวกเราก็เริ่มจะเลือนหายไปแล้วในช่วงนี้
กระนั้นแล้วก็ยังคงมีระยะห่างแบบแปลกๆหลงเหลืออยู่นิดหน่อย จิเซลเบือนหน้าหนีห่างจากผมหน่อยๆแล้วจึงพูดต่อออกมา
“ ระหว่างเล็คเชอร์ก็ดูแกจะเหม่อลอยแบบแปลกๆด้วยนี่หว่า กลุ้มเรื่องอะไรอยู่เรอะไง ”
“ อ่า เปล่าหรอก เรียกว่ากลุ้มนี่คงไม่ถูกทีเดียวละมั้ง พอดีว่าการฝึกมันค่อนข้างลำบากหน่อยในหลายๆความหมาย…… ”
จิเซลเป็นเกือบๆบุคคลเดียวที่ล่วงรู้ว่าผมกำลังได้เหล่านักผจญภัยระดับ S คอยช่วยดูแลอยู่
ดังนั้นผมจึงระบายเกี่ยวกับเรื่องที่หนักอกออกมานิดหน่อย
เท่านั้นแหละจิเซลพลันร้อง “อ๋า?” พร้อมทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
“ ลำบากนี่……แกคงไม่ได้ถูกไอ้เจ้าเหล่าสัตว์ประหลาดพวกนั้นมันบังคับให้ทำการฝึกแบบโหดนรกแตกหรอกใช่มั้ยเฮ้ย เห็นเค้าว่านักผจญภัยระดับ S มันมีแต่พวกสัตว์ประหลาดที่หลักสามัญสำนึกใช้ด้วยไม่ได้ผลกันหมดเลยนี่ ไหวแน่รึเปล่าน่ะ ”
“ เอ๊ะ? เปล่าๆ ไม่มีอะไรต้องห่วงหรอกนะเรื่องนั้น! พวกอาจารย์เค้าใจดีกันมากๆเลยล่ะ จนผมเนี่ยเคยออกปากขอให้เค้าช่วยฝึกแบบโหดๆมากยิ่งขึ้นเลยด้วยซ้ำนะ ……แต่ก็แบบว่า มันมีเรื่องน่าลำบากในความหมายอื่นที่ไม่ใช่โหดอยู่น่ะสิ…… ”
เหมือนจิเซลจะเกือบเข้าใจพวกอาจารย์ผิดไป ผมก็เลยกล่าวอธิบายแก้ไขให้อย่างแตกตื่น
ถึงอย่างนั้น……จะให้พูดว่า ‘เหมือนการฝึกจะหนักหน่วงไปในเชิงลามกสุดสยิวยังไงชอบกลจนใจผมเต้นถี่ระรัวแทบระเบิดอยู่แล้ว’ แบบนั้นออกมาอย่างเถรตรงได้ซะที่ไหน ผมจึงพึมพำๆกลบเกลื่อนด้วยใบหน้าที่แดงแจ๋ แต่เท่านั้นแหละ
“ ……เห~ ลำบากในความหมายอื่นเนอะ ”
ไหงจิเซลถึงหรี่ตาจ้องเขม็งเข้ามาใส่ผมเฉยเลยซะงั้น
“ ……ก็มีแอบสงสัยมาตั้งแต่ก่อนหน้าแล้วหรอกนะเว้ย แกน่ะถูกเลี้ยงดูอยู่โดยไอ้เจ้าพวกคนสวยสุดเลิศนั่นละสินะ โดยนักผจญภัยระดับ S ทั้งสามคนที่ถ้ากะอีแค่ประเทศเล็กๆละก็สามารถถล่มให้ล่มสลายได้อย่างแสนง่ายดายเลยนั่นน่ะ คิดว่าไอ้เจ้าพวกระดับนั้นมันจะช่วยฝึกวิชาให้เด็กตัวกะเปี๊ยกอย่างแกโดยไม่มีเหตุผลอะไรเลยจริงๆน่ะเรอะ? ”
“ เอ๊ะ? ”
ผมเอียงหัวไม่เข้าใจว่าจิเซลอยากจะสื่ออะไร
แล้วทีนี้จิเซลก็พูดติดๆขัดๆประมาณ “อ่า ก็แบบ ไอ้นั่นไง” ด้วยท่าทางราวกับลังเลไม่รู้ควรจะพูดดีหรือไม่ดี แต่ในท้ายที่สุดพอเบือนหน้าหนีไปจากผมสุดเหวี่ยงแล้ว จิเซลก็อ้าปากกล่าวออกมาราวกับตัดสินใจได้เด็ดขาด
“ ……แกคง ไม่ได้ถูกไอ้เจ้าสัตว์ประหลาดพวกนั้นทำอะไรแปลกๆใส่หรอกใช่มั้ย? ”
“ ? อะไรแปลกๆ? ”
“ ……ขึก อย่ามาทำเป็นตีหน้าซื่อนะเว้ย! ถึงไม่พูดชัดๆก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอวะ!? ก็นั่นไงให้พูดแล้วก็คือ……จะถามว่าแกถูกจับทำเป็น ผะ ผัวเก็บของไอ้เจ้าพวกสัตว์ประหลาดนั่นไปแล้วรึเปล่าเงี้ย! ”
“ ผัว……!? ”
คำพูดอันสุดจะแรงที่พุ่งออกมาจากปากของจิเซลนั่นเล่นทำเอาผมเบิกตาโตเลย
ผัวเก็บ
พูดแบบง่ายก็คือ ผู้ชายที่จะคอยรับใช้ทำเรื่องลามกอย่างว่าให้กับผู้หญิง หรืออาจเรียกว่าชู้รักก็ได้
“ จะ จะไปเป็นแบบนั้นได้ยังไงเล่า!? พวกอาจารย์เค้ารับผมมาเป็นศิษย์ด้วยความเมตตากรุณาต่างหากนะ แถมให้ว่ากันแล้วพวกอาจารย์ที่ทั้งสวยทั้งเก่งระดับนั้นเค้าไม่มีทางคิดอะไรแบบนั้นกับเด็กกะโปโลอย่างผมหรอก! ”
ผมปฏิเสธข้อสงสัยอันสุดจะบ้าของจิเซลด้วยใบหน้าแดงก่ำ
ก็เคยมีครั้งที่การฝึกหนักหน่วงไปในทิศทางแปลกๆแบบเมื่อวานอยู่เหมือนกันหรอก……
แต่นั่นคือสิ่งที่จำเป็นต้องทำเพื่อให้แข็งแกร่งได้มากขึ้นอย่างเต็มประสิทธิภาพต่างหาก
“ ที่สำคัญ ถ้าใช้ชีวิตแบบเหลวแหลกอย่างนั้นจริงก็คงไม่ได้เป็นอันฝึกกันพอดีสิ แล้ว <<ไร้อาชีพ>> ก็คงไม่มีทางจะเติบโตขึ้นมาได้ถึงขนาดนี้ด้วยนะ!? ”
“ อะ เอ้อว่าไปแล้วก็จริงอยู่นะ…… ”
พอผมร่ายรัวเถียงตอกกลับไปสุดชีวิต จิเซลก็พยักหน้ายอมรับด้วยท่าทางเหมือนเสียขวัญ
“ ว่าตามตรงแล้วก็ยังไม่ได้หายสงสัยโดยสมบูรณ์ซะทีเดียวหรอก……เอ้อแต่ดูจากปฏิกิริยาตอบสนองแล้ว อย่างน้อยก็น่าจะยังไม่ได้ข้ามเส้นสินะ…… ”
จิเซลถอนลมหายใจเหมือนกับโล่งอกเรื่องอะไรซักอย่าง
ก็ไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่หรอก……แต่เหมือนว่าจะแก้ข้อสงสัยพิลึกๆไปได้แล้วสินะ
“ อ่า งั้นเอาเป็นว่าเกี่ยวกับเรื่องนั้นนี่ช่างแม่มมันไปก่อนละกันเว้ย แกถึงกับขนาดถอนหายใจเลยนี่ แสดงว่าคงจะลำบากกับการฝึกจริงๆว่างั้น? ”
“ เอ๊ะ? อือ ก็นะ ”
“ ถ้างั้นก็……อ่า คือว่า ไอ้นั่นไง ”
ไม่รู้ทำไมจิเซลถึงทำสายตาเลิ่กลั่กอยู่ไม่นิ่ง ก่อนจะพูดอุบอิบออกมาอย่างติดขัดยิ่งกว่าตะกี้อีก
แก้มก็เหมือนจะแดงเรื่อนิดๆด้วย
ปะ เป็นอะไรของเค้าน่ะ คงไม่ใช่ว่าจะพูดอะไรแปลกๆออกมาอีกใช่มั้ย……พอผมเตรียมใจรับอยู่แบบนั้น จิเซลก็พลันกล่าวข้อเสนอที่ผิดคาดออกมา
“ ถือซะว่าพักผ่อนจากการฝึกอะเว้ย สนจะไปร้านค้าอาวุธด้วยกันตอนนี้เลยมั้ยอะ? ”
“ เอ๊ะ? ร้านค้าอาวุธ? ”
คำเชิญชวนอย่างเหนือคาดหมายนั่นทำเอาผมถึงกับงงเต๊ก
และจิเซลก็พูดต่อออกมาแบบถี่เป็นชุด
“ ลืมไปแล้วเรอะไง ที่แกเข้าร่วมการแข่งปราบปราบสไลม์ปุกปุยนั่นก็เพราะว่าจำเป็นต้องหาเงินเพื่อซื้อเปลี่ยนอาวุธไม่ใช่เรอะ ก็เลยว่าจะแนะนำร้านเด็ดๆให้รู้ไว้น่ะ ฉันเองก็กำลังอยากได้อาวุธใหม่อยู่พอดีเลยด้วยอะนะ ”
“ อ๊ะ ”
จะว่าไปก็ใช่จริงด้วย
ถึงแม้ว่าสาเหตุที่ทำให้ถังแตกจะเป็นเพราะหมดตังค์ไปกับการเที่ยวเดินกินกับคุณเอลิเซียก็เถอะ แต่ผมเองก็มีคิดอยากจะรีบเปลี่ยนอาวุธใหม่ให้ได้แต่โดยเร็วอยู่เหมือนกัน
ถ้าจิเซลจะช่วยแนะนำร้านให้นี่ก็เข้าทางเลย
“ ขอบคุณนะ ช่วยได้มากเลยล่ะ แต่จิเซลก็จะซื้ออาวุธใหม่ด้วยเหรอ ไหงถึงกะหันทันจังเลยล่ะ? ”
“ อ๋า? ก็ไม่เห็นจะกะทันหันห่าเหวตรงไหนเลยนี่หว่า ”
จิเซลมองกลับมาหาผมแบบเพลียๆ
“ ก็วันมะรืนกับวันมะเรื่องที่จะถึงนี้มันคือ ‘เทศกาลวิวาท’ อันเป็นของขึ้นชื่อประจำบัสเคิลเบียร์เลยนะเว้ย ต้องเตรียมตัวให้พร้อมไว้แหงอยู่แล้วดิ ”
“ อ๊ะ……จริงสิ จะว่าไปแล้ว ”
เพราะมัวนึกถึงแต่เรื่องการฝึกอันสุดจะหนักหน่วง ก็เลยเผลอลืมไปสนิทเลย
พอได้ยินแบบนั้นจากจิเซลที่ปั้นรอยยิ้มอย่างกระหายศึกขึ้นมา ผมก็เพิ่งจะนึกถึงงานเทศกาลอันสุดแสนจะป่าเถื่อนนั่นขึ้นมาได้