เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย – ตอนที่ 59 เทศกาลวิวาท (3)

เทศกาลวิวาท

นั่นคือนามที่สื่อถึงเทศกาลแข่งขันแบบอิสระที่จะถูกจัดขึ้นภายในบัสเคิลเบียร์ปีละหลายครั้ง โดยมีช่วงจัดงานเป็นเวลาสองวันเต็ม

แม้จะจำกัดอยู่แค่ภายในเขตพื้นที่ซึ่งถูกกำหนดไว้ แต่ก็จะมีการอนุมัติยินยอมให้เหล่าอาชีพระยะประชิดสามารถหาเรื่องต่อยตีกันกลางเมืองได้อย่างเต็มรูปแบบ นับเป็นงานเทศกาลตามประเพณีของเหล่านักผจญภัยที่ออกจะป่าเถื่อนนิดๆน่ะ

ต่อสู้กับคู่ต่อสู้มากหน้าหลายตาเพื่อหวังยกระดับสกิล, ประชันทดสอบฝีมือ, สร้างเส้นสาย หรือไม่ก็เปิดพื้นที่ให้เหล่านักผจญภัยหนุ่มสาวผู้เลือดร้อนได้ปลดปล่อยระบายความเครียด……เรียกได้ว่าเป็นเทศกาลที่มีเป้าประสงค์หลากหลายแบบเลย

โดยเฉพาะสำหรับนักผจญภัยหน้าใหม่อย่างเช่นพวกผมแล้ว เทศกาลนี้ดูจะมีเชิงคล้ายมากไปในทางพิธีกรรมเปลี่ยนผ่านแบบรุนแรงที่จะมีโอกาสได้เห็นและศึกษาจากฝีมือของนักผจญภัยรุ่นพี่ กลุ่มเด็กกำพร้าที่มีจิเซลเป็นใจกลางก็เลยกระเหี้ยนกระหือรือกะจะเข้าร่วมด้วยเต็มที่เหมือนกัน

 

“ เพราะปีนี้มีทั่นผู้สืบสายเลือดผู้กล้ามาเข้าเรียน ก็เลยเกิดอิทธิพลทำให้สเกลของเทศกาลใหญ่โตขึ้นมาแบบที่ปีก่อนหน้าเทียบชั้นด้วยไม่ติดเลยไง แถมช่วงนี้พวกเราก็กำลังเด่นเป็นที่จับตามองอยู่ด้วย ฉะนั้นจำนวนครั้งที่ถูกหาเรื่องก็จะเพิ่มขึ้นมาเองอย่างเป็นธรรมชาติเลย ถ้าไม่เตรียมตัวให้พร้อมแล้วอาละวาดเอาให้อลังการงานสร้างไปเลยละก็มีหวังถูกไอ้พวกปัญญานิ่มมันมาดูหมิ่นเอาอีกแหงแก๋ ”

“ แบบนี้เอง……ถ้าไม่ทำผลงานดีๆก็อาจจะถูกหาเรื่องแบบคราวคุณแคทลียาอีกสินะ ”

 

เพราะการประลองกับคุณแคทลียาไม่ได้ถูกแพร่ภาพให้เห็นถึงตาประชาชน ก็เลยยังมีคนที่ดูหมิ่นกลุ่มเด็กกำพร้าอยู่เยอะผิดคาด เป้าหมายของจิเซลที่อยากจะอาศัยเทศกาลวิวาทในคราวนี้เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงนี่จึงดูสมเหตุสมผลสุดๆเลย

ด้วยเหตุนี้เอง ผมจึงถูกจิเซลที่กำลังใจเต็มเปี่ยมลากตัวมุ่งหน้ามาจนถึงร้านค้าอาวุธแนะนำ

 

“ ว้าว……ก็ไม่ใช่ร้านที่ใหญ่มากมายอะไรหรอก แต่คุณภาพสินค้าดูดีมากๆเลยเนอะ ”

 

ที่แห่งนั้นก็คือร้านค้าขนาดเล็กซึ่งตั้งอยู่ภายในตรอกซอกซอย

แต่อาวุธที่ถูกวางเรียงอยู่หน้าร้านกลับมีคุณภาพสูงขนาดที่มือสมัครเล่นมองก็ยังดูรู้ แถมยังมีราคาย่อมเยาด้วยอีกต่างหาก

สมกับที่มีเส้นสายรู้จักผู้คนมากมาย จิเซลนี่รอบรู้เรื่องร้านดีๆจริงเลยนะ……พอผมกำลังประทับใจอยู่แบบนั้น ก็มีเสียงดังลั่นเอะอะก้องขึ้นมาจากข้างหลัง

 

“ เดี๋ยวสิจิเซล!? ไหงเธอถึงได้เรียกตัวพวกเรากลุ่มเด็กกำพร้ามาด้วยล่ะ!? อุตส่าห์ชวนครอสมาเดทได้แล้วแท้ๆนะ!? ”

“ ฮึก!? พูดบ้าพูดบออะไรของแกวะ! ฉันไม่ได้กะทำแบบนั้นซักติ๊ด—— ”

“ โอ๊ยปวดหัว! กว่าจะชวนมาร้านค้าอาวุธได้นี่ก็เล่นตัวอยู่ตั้งหลายวัน แล้วยังจะมาพูดแบบนี้อีก—— ”

 

มะ มีอะไรกันน่ะ?

เอรินที่เป็น <<เรนเจอร์>> กับจิเซลกำลังเถียงเรื่องอะไรกันอยู่ไม่รู้ ผมที่รู้สึกกังวลเลยหันขวับไปดู

เท่านั้นแหละทั้งสองคนพลันเงียบกริบหยุดเถียงกันเฉยเลยซะงั้น

 

“ มองอะไรของแกวะครอส! ระ รีบๆเข้าไปข้างในร้านกันได้แล้ว! ”

“ อะ อื้อ!? ”

 

เสียงคำรามอย่างโกรธๆที่เหมือนพยายามกลบเกลื่อนอะไรซักอย่างของจิเซลนั่น ทำเอาผมพยักหน้ายินยอมให้ไปพลางก้าวเข้าไปภายในร้านค้าอาวุธ

 

 

 

“ โย่วจิเซล วันนี้ก็ยกก๊วนกันมาอีกแล้วนะ ”

 

ผู้ที่เข้ามาต้อนรับพวกผมภายในร้าน ก็คือผู้หญิงเผ่าดวอร์ฟ (คนแคระ) ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน

เป็นคุณพี่สาวสวยที่ถือว่ากล้ามแขนใหญ่เป็นมัดๆเกินไปนิดสำหรับผู้หญิง มีผิวสีคล้ำที่ดูเด่นเป็นเอกลักษณ์ บวกกับเพราะสวมชุดเผยเนื้อหนังมังสามากพอตัวก็เลยรู้สึกหวั่นใจมองลำบากนิดหน่อยเลย

 

(แต่เป็นร้านค้าอาวุธของดวอร์ฟนี่เอง คุณภาพของอาวุธหน้าร้านจะสูงก็สมควรแล้วละนะ)

 

ดวอร์ฟถือเป็นส่วนหนึ่งในเผ่ามานพ และถูกล่ำรือกันว่ามีคุณสมบัติด้านความเหมาะสมกับ <<คลาส>> สายระยะประชิดและสายแปรรูปสูง

เพราะแบบนั้นจึงทำให้เหล่าช่างตีอาวุธฝีมือดีต่างก็ประกอบไปด้วยดวอร์ฟเป็นจำนวนมาก ระดับที่ทำให้ประเทศของพวกเขาทำการส่งออกอาวุธให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่สุดเลยเชียวล่ะ

จิเซลก้มหัวนิดๆให้กับคุณเจ้าของร้านหญิงเผ่าดวอร์ฟคนนั้น

 

“ วันนี้กะจะมาเตรียมอาวุธใหม่อะค่ะ แล้วก็อยากจะให้ช่วยหาอาวุธดีๆให้ไอ้เจ้าหน้าใหม่คนนี้ด้วย ”

“ อ๊ะ เอ่อ ผมชื่อครอส อาราเกาท์ครับ ขอฝากตัวด้วยนะครับ ”

 

พอถูกจิเซลแนะนำปุ๊บ ผมก็รีบก้มหัวให้กับคุณเจ้าของร้านหญิงอย่างแตกตื่น

แล้วทีนี้คุณเจ้าของร้านหญิงเผ่าดวอร์ฟเค้าก็ร้อง “โอ้วว!” พร้อมรอยยิ้มเริงร่า

 

“ ได้ยินเรื่องราวมาแล้วล่ะ แกคือขวัญใจของจิเซลที่มีส่วนช่วยเหลือในการซัดเบ้าหน้าขุนนางที่เล่นเอาเปรียบแบบสุดจะไร้เหตุผลนั่นเรอะ เห็นทำยัยจิเซลหลงหัวปักหัวปำได้ ไอ้ฉันก็เลยสงสัยว่าจะเป็นผู้ชายหุ่นล่ำบึ๊กแบบไหนซะอีก……หน้าตาน่ารักหน่อมแน้มจริงเลยนะ! ”

“ เอ้ย พูดมั่วซั่วบ้าบออะไรเนี่ยเฮ้ย วันๆหลอนเห็นทุกอย่างเป็นเรื่องรักๆไปหมดเลยเรอะไงวะไอ้เจ้าของร้านงี่เง่านี่! ”

“ จิเซล!? ”

 

จู่ๆจิเซลก็พุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อของคุณเจ้าของร้านหญิงอย่างกะทันหัน เล่นทำเอาต้องรีบเข้าไปหยุดไว้อย่างตะลีตะลานเลย

แล้วทีนี้จิเซลก็โวย “อ๊าาาาา!? อย่ามาแตะนะเว้ยไอ้เบื๊อก!” พร้อมกระโดดถอยตัวออกห่างแล้วส่งสายตาจ้องเขม่นเต็มเหนี่ยวอัดเข้ามาใส่ผมไปพลาง

 

“ เฮ้ยอย่าได้เข้าใจผิดไปเชียวนะเว้ยครอส! ถึงไอ้เจ้าของร้านหัวหลอนความรักมันจะพูดอะไรมั่วซั่วเป็นตุเป็นตะ แต่ฉันแค่บอกกับมันล่วงหน้าไว้แค่มีคนที่กำลังอยากได้อาวุธเฉยๆแค่นั้นเองนะ!? ”

“ ฮ้า~น ยังเขินอยู่อีกเรอะ ใสซื่อจริงจริ๊งแม่คุณ ”

“ ยิ้มหึหึทำแป๊ะอะไรวะเจ้าของร้านแก๊! รีบไปหาอาวุธมาให้พวกเราเลยไป๊! ”

“ จ้าจ้า แล้ว มีงบเท่าไหร่? ”

 

พอคุณเจ้าของร้านหญิงยักไหล่รับเสียงตะคอกของจิเซลได้หน้าตาเฉยปุ๊บ เค้าก็ขยับมาเข้าประเด็นเรื่องราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นล่ะ

ตะ ตกลงมันยังไงกันหว่า……

 

 

 

เพราะแบบนี้ ผมก็เลยได้คุณเจ้าของร้านเผ่าดวอร์ฟมาช่วยเลือกอาวุธให้หรอกนะ แต่แล้วก็ต้องประจันหน้าเจอเข้ากับปัญหาใหญ่หลวงเข้าให้ นั่นก็คือ

 

“ จะ จะเล่มไหนก็มีคุณภาพในฐานะอาวุธสูงลิ่วจนเลือกไม่ถูกเลย……! ”

 

ดาบสั้นที่คุณเจ้าของร้านหญิงนำเอามาให้ตามปริมาณงบที่ผมมีนั่นล้วนต่างเป็นดาบคมกริบระดับสูงพอตัวทั้งนั้น เป็นของดีมีคุณภาพจนแยกไม่ออกเลยเชียวล่ะว่าเล่มไหนดีเล่มไหนด้อย

ถึงอย่างนั้นแต่ก็ลองเหวี่ยงตรวจสอบสัมผัสจนตัดชอยส์ลงมาเหลือแค่สองเล่มได้หรอก……ประเด็นคือจะเล่มไหนก็จับถนัดมือจนเลือกไม่ได้เลย

ผมที่กลัดกลุ้มจนถึงขีดสุด จึงตัดสินใจใช้วิธีสุดท้าย

 

“ นี่จิเซล คิดว่าเล่มไหนดีกว่าเหรอ? ”

“ ห้ะ? อะ อะไรของแกวะจู่ๆก็ ของพรรค์นั้นก็เลือกเอาเองดิเฮ้ย ”

 

จิเซลที่กำลังเลือกบัสตาร์ดซอร์ดพลันกล่าวออกมาอย่างสับสนตกใจ

ผมเองก็รู้สึกละอายกับความไม่เด็ดขาดของตัวเองไปพลาง

 

“ อ่าแต่ว่า พอมาจนถึงตรงนี้แล้วก็รู้สึกเหมือนว่าเหมาะมือทั้งสองเล่มเลยน่ะ เป็นร้านที่จิเซลแนะนำมาให้ด้วย ไหนๆแล้วเลยคิดว่าถ้าให้จิเซลช่วยเลือกเป็นคนสุดท้ายก็น่าจะไม่เสียใจภายหลังน่ะสิ ”

“ ……ฮึก ”

 

จิเซลทำท่าเหมือนอยากพูดอะไรอยู่เหมือนกันหรอก แต่แล้วเค้าก็ส่งสายตาไปยังดาบสั้นเล่มนึงที่ผมถืออยู่ในมือ แล้วจึงพึมพำเบาๆออกมาว่าแบบนี้

 

“ ……งะ งั้นก็เล่มฝั่งนี้ ……ดีไซน์ของด้ามดาบดูเหมาะกับแกดี ”

 

ที่จิเซลเลือกให้ ก็คือดาบซึ่งมีลวดลายที่ดูเก๋ไก๋นิดๆถูกสลักเอาไว้กับด้าม

เท่านั้นแหละดั่งกับว่าที่กลัดกลุ้มตลอดมาจนถึงเมื่อกี้เป็นเรื่องโกหก ชักจะรู้สึกขึ้นมาว่าเล่มนี้แหละเหมาะกับตัวเองมากกว่า ก็มีคิดว่าตัวเองนี่ชักยังไงอยู่เหมือนกันหรอก แต่เท่านี้ก็น่าจะเหวี่ยงดาบเล่มใหม่ได้อย่างไร้ความลังเลแล้วล่ะ

 

 

“ ขอบคุณนะจิเซล ผมจะหมั่นรักษาไว้อย่างดีเลยล่ะ ”

“ ~~~~ ขะ คราวหน้าไปก็เอาให้เลือกด้วยตัวเองได้ซะนะเว้ย! ”

 

จิเซลพูดในสิ่งที่ถูกที่สุดออกมา แล้วจึงหันหลังให้ผมตั้งหน้าตั้งตาเลือกอาวุธต่อ

 

“ ……เฮ้ย ไอ้เจ้าเด็กนั่นมันไม่บื้อไปหน่อยเรอะ? ”

“ พูดอีกก็ถูกอีกค่ะ จิเซลก็เป็นซะแบบนั้นอีก ปวดหัวสุดๆเลยแหละค่ะคุณเจ้าของร้าน ”

 

คุณเจ้าของร้านหญิงกับเอรินที่เป็น <<เรนเจอร์>> แอบซุบซิบคุยอะไรซักอย่างอยู่ก็จริงหรอก……แต่เสียงนั่นก็ถูกกลบเลือนหายไปในความครึกครื้นของกลุ่มเด็กกำพร้าที่เลือกอาวุธกันอยู่อย่างเฮฮา ทำให้รับฟังถึงเนื้อหาที่พูดกันไม่ได้เลย

 

 

 

หลังจากที่เลือกอาวุธได้เสร็จสรรพ และคิดเงินกันเรียบร้อยแล้ว

คุณเจ้าของร้านก็หยุดผมที่กล่าวขอบคุณและกำลังจะเดินออกจากร้านเอาไว้

 

“ ช่วยรอเดี๋ยวก่อนนะ คนที่ซื้ออาวุธไปจากร้านฉันน่ะ จะต้องได้ทิปเป็นวิธีการบำรุงรักษาติดตัวกลับบ้านไปด้วยล่ะ ”

 

คุณเจ้าของร้านหญิงเค้าพูดแบบนั้น ก่อนจะไปขนดาบที่ถูกใช้งานจนเก่าและเครื่องมือรักษาสารพัดมาจากมุมร้าน

 

“ การจะบำรุงรักษาอาวุธนี่ ขอแค่มีน้ำมันกับหินลับมีดซะอย่างละก็ต่อให้เป็นมือสมัครเล่นก็น่าจะพอถูไถไปรอดได้หรอก แต่ถ้ารู้มุมในตอนขัดหรือทราบวิธีการใส่พลังเวทเข้าไปให้ถูกหลักแล้วผลลัพธ์ที่ได้ก็จะออกมาต่างกันมากพอตัวเลย แบบนี้น่ะ ”

“ ว้าว! ”

 

ตัวอย่างที่คุณเจ้าของร้านหญิงแสดงให้ดูนั่นทำเอาผมถึงกับลืมตาโต

ทุกครั้งที่คุณเจ้าของร้านซึ่งถูกห่อหุ้มไปด้วยแสงของพลังเวททำการขัดลับคม ดาบที่ทรุดโทรมก็เริ่มจะทวงคืนได้ประกายกลับมาแบบทันตา

 

“ อาชีพระยะประชิดมีสกิลที่ต้องใส่พลังเวทให้แล่นเข้าไปในอาวุธอยู่เยอะเลยใช่มั้ยล่ะ? ใช้ความรู้สึกแบบประคองสัมผัสนั่นเอาไว้ให้ได้นานยิ่งขึ้น แล้วหลั่งพลังเวทให้เข้าไปในหินลับมีดล่ะ แล้วก็ ในตอนที่ขัดนี่ก็มีเคล็ดตรงที่ต้องหลั่งพลังเวทเข้าไปแรงๆในฉับพลันเดียว แล้วพอขัดลงไปรวดเดียวในอึดใจแล้วก็ผ่อนพลังเวทลงในทันที การจับจังหวะตรงนี้แหละสำคัญ อ่า แล้วพอทำซ้ำๆไปแบบนี้ปุ๊บ——ก็จะได้ออกมาเงี้ย ”

“ ว้าว สุดยอดเลยครับ! ”

 

เสียงร้องอย่างตกตะลึงหลุดรั่วออกมาจากปากผมอีกครั้ง

เพราะได้การบำรุงรักษาของคุณเจ้าของร้านหญิงที่ทำไปพร้อมกับกล่าวอธิบายอย่างละเอียดถี่ถ้วน ท้ายที่สุดแล้วดาบเก่าทรุดโทรมก็เลยฟื้นคืนมาเป็นเหมือนดั่งของใหม่แกะกล่อง

 

“ โอ๊ะ สนอกสนใจกันพอตัวเลยนี่หว่าเรา ตะกี้นี้คือวิธีการขัดที่ใช้สกิลช่างตีอาวุธร่วมเข้าไปด้วยหรอก แต่ถ้าลองทำเลียนแบบไปซักระยะแล้วเดี๋ยวก็คงได้สกิลขัดเกลาระดับต่ำมาในฐานะสกิลทั่วไปแล้ว และต่อให้ไม่มีสกิลแต่การคอยบำรุงดูแลอย่างไม่เว้นวันก็จะเป็นตัวช่วยยืดอายุขัยของอาวุธได้ด้วย ไม่มีขาดทุนแน่ๆล่ะ ดังนั้นลองทำตามที่สอนให้ไปให้ดูหน่อยซิ ”

“ ครับ! ”

 

พอถูกยุโดยคุณเจ้าของร้านหญิง ผมก็เอื้อมมือไปหยิบดาบที่เก่าทรุดโทรมและหินลับมีด

 

(จะว่าไปแล้ว คุณลีโอเน่ก็เคยสอนวิธีใช้สกิลขัดเกลาทั่วไปให้แบบเป็นครั้งคราวเหมือนกันหรอก แต่สกิลขัดเกลาของเจ้าของอาชีพมันเป็นแบบนั้นเองเหรอเนี่ย……)

 

คุณเจ้าของร้านหญิงเค้าช่วยแสดงการไหลเวียนของพลังเวทเพื่อให้ผมดูเป็นตัวอย่างได้แบบเข้าใจง่าย

ผมลองนึกภาพตามอย่างรุนแรงพร้อมขัดดาบไปได้หลายทีอยู่——มันเป็นในฉับพลันนั้นเอง

——ชิ้ง!

 

“ ฮึก!? ”

 

ที่สัมผัสได้ถึงผลลัพธ์จากการบำรุงดูแลที่ต่างคนละระดับกันกับตลอดมานี่ พร้อมกับที่ดาบอันทรุดโทรมทวงคืนได้ประกายกลับมาเล็กน้อย

 

“ ห้ะ……? ”

 

คุณเจ้าของร้านหญิงถึงกับนิ่งค้างเหมือนเห็นสิ่งที่ปักใจเชื่อไม่ลง

 

“ ……ฮึก!? ”

 

พวกจิเซลกลุ่มเด็กกำพร้าที่เฝ้าดูอยู่ด้วยก็พากันลืมตาโตพูดอะไรไม่ออก ผมพึมพำ “อย่าบอกนะ” แล้วหยิบสเตตัสเพลทออกมาแสดงเพียงบางส่วน

เท่านั้นแหละไม่ผิดไปจากที่คิด มีสกิลใหม่ปรากฎขึ้นมาจริงๆด้วย

 

 

<<ขัดเกลาพื้นฐาน Lv1>>

<<เสริมพลังเวทแปรรูป Lv1 (+5)>>

 

 

“ ห้ะ……!? ก็ได้ยินมาเหมือนกันหรอกว่าเป็น <<ไร้อาชีพ>> แท้ๆแต่กลับโตเร็ว แต่มันก็น่าจะมีขอบเขตขีดจำกัดบ้างสิ……!? ”

“ เหวอ!? กะ ใกล้ไปแล้วครับ!? ”

 

สะดุ้งกับคุณเจ้าของร้านหญิงที่โผล่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เข้ามาชะเง้อส่องสเตตัสเพลทของผมในระยะที่เกือบหายใจรดชนกัน แต่คุณเจ้าของร้านก็ไม่แยแสแล้วเอาใบหน้าที่งดงามให้เข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น ก่อนจะโพล่งแบบนี้ออกมาอย่างกะทันหันด้วยดวงตาเร่าร้อน

 

“ นะ นี่ไอ้หนู ถ้าไม่รังเกียจละก็สนใจจะมาขัดเกลาพรสวรรค์นั่นในร้านของฉันมั้ย? แค่สอนให้หน่อยเดียวก็ได้สกิลช่างตีอาวุธมาเลยเรอะจะเซนส์ดีไปไหน……ถ้าปล่อยหลุดมือไปคงเสียดายแย่เลย! ”

“ เอ๊ะ!? อะ อ่าก็รู้สึกดีใจอยู่หรอกนะครับ แต่แค่บังเอิญครับ! จริงๆแล้วผมเคยเรียนวิธีใช้สกิลขัดเกลามาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วน่ะ! แล้วก็ได้คุณเจ้าของร้านช่วยแสดงตัวอย่างแบบสุดยอดให้ได้เห็นกับตา ก็เลยบังเอิญปรากฎขึ้นมาพอดิบพอดีเท่านั้นเองครับ! ”

 

อธิบายตาลีตาเหลือกให้กับคุณเจ้าของร้านหญิงที่เหมือนจะเข้าใจผิดไปไกล

 

“ งั้นเรอะ? เอ้ยแต่เพิ่งจะได้รับ <<คลาส>> มาแค่สองเดือนเองนี่? พัฒนาสกิลต่อสู้จนถึงระดับที่โค่นขุนนางได้เลยแท้ๆ แต่ก็ยังจะทำให้มีสกิลแปรรูปปรากฎขึ้นมาได้อีกเนี่ยนะต่อให้จะยังไงมันก็ไม่ปกติแล้ว…… ”

 

ถึงคุณเจ้าของร้านหญิงจะดูเหมือนไม่ค่อยเชื่อยังไงชอบกลก็เถอะ……

แต่ถ้าอธิบายลงลึกไปกว่านี้ ก็จะจำเป็นต้องพูดแตะไปถึงเรื่องของพวกอาจารย์สุดผ่าเหล่าที่ถ่ายทอดสกิลมาให้กับผมด้วย

ผมถึงขอยืมแรงจิเซลทำการฝืนปิดหัวข้อสนทนาไว้เท่านี้ แล้วจึงก้าวฉับๆออกห่างมาจากร้านในทันที

 

 

 

“ ฟู่วว แค่มาหาซื้ออาวุธใหม่เท่านั้นแท้ๆ แต่ไหงถึงกลายเป็นเหตุอลหม่านแปลกๆขึ้นมาได้นะ ”

 

หลังจากที่แยกกับพวกจิเซล

ผมก็ถอนหายใจออกมาเบาๆไปพลางมุ่งหน้าตรงกลับบ้าน

หลังจากตอนนั้น กลุ่มเด็กกำพร้าที่อึ้งกับสกิลที่ปรากฎขึ้นมาของผมก็บุกถล่มกันเข้ามารัวคำถามกันยกใหญ่ จนจิเซลต้องแผดเสียงคำรามดังลั่นเพื่อหยุดเอาไว้ เรียกได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่กันสารพัดเลยเชียวล่ะ

แต่ก็นะ ได้อาวุธระดับเยี่ยมมาแล้ว แถมยังได้สกิลใหม่มาด้วยอีกต่างหาก

สำหรับช่วงพักผ่อนแล้วถือว่าเก็บเกี่ยวได้ผลลัพธ์พอสมควรเลย ต้องขอบคุณจิเซลซ้ำอีกครั้งแล้วล่ะ

 

“ ว่าก็ว่าเถอะ…… ”

 

ผมจ้องมองสเตตัสเพลทอีกครั้งพลางพูดกับตัวเอง

 

“ ขนาดสกิลช่างตีอาวุธที่ฝึกใช้แบบไม่คิดอะไรก็ยังจะโผล่ขึ้นมาเร็วขนาดนี้เลยเชียวเหรอเนี่ย การสั่งสอนวิชาของพวกคุณลีโอเน่มันสุดยอดจริงๆนั่นแหละน้า ”

 

รู้ซึ้งถึงความสามารถในการแนะแนวสั่งสอนของนักผจญภัยระดับ S เข้าอีกครั้งไปพลาง

ผมคาดอาวุธที่ซื้อได้มาใหม่ไว้ใต้เอว แล้วจึงก้าวเดินอย่างอารมณ์ดีกลับไปยังคฤหาสน์ที่มีพวกอาจารย์รอคอยอยู่

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ยกาลครั้งนึงแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเมื่อไหร่ ได้มีวีรสตรี 3 คนที่ถูกกล่าวขานล่ำลือกันว่าเป็นตัวตนผู้แข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุดในโลกอยู่ครับ ความแข็งแกร่งของพวกเธอนั้นเรียกได้ว่าเป็นระดับเหนือมนุษย์เลยเชียว คนนึงสามารถต่อยขุนเขาให้แหลกกระจุยได้ด้วยหมัดเปล่า คนนึงสามารถเป่าร่างของพลทหารนับหมื่นนายให้ลอยปลิวหายไปได้ด้วยการโจมตีจากเวทมนตร์เพียงครั้งเดียว ส่วนอีกคนก็เป็นหญิงพิลึกพิลั่นที่เอาเวทฟื้นฟูกับเวทสนับสนุนมาใช้ฆ่าคนได้ เลยกลายเป็นตัวตนที่ถูกหวาดกลัวไปตามระเบียบ แค่เพียงคนเดียวก็โหดพอจะทำให้ประเทศหนึ่งถึงการล่มสลายได้อย่างง่ายดายแล้ว ยิ่งถ้าเหล่าวีรสตรี 3 คนนั้นมาสุมหัวรวมตัวไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วนี่คงอาจต้องเรียกว่าเป็นภัยพิบัติเดินได้ การหวนคืนชีพของเทพมาร หรือในบางพื้นที่ก็อาจจะระบุตัวตนของพวกเธอเป็นเทพผู้ชั่วร้ายกันเลยก็เป็นได้…..หากอาศัยใช้งานความแข็งแกร่งนั่นซะอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอะไรต่อมิอะไรก็คงบันดาลให้เป็นดั่งที่ใจพวกเธอต้องการได้เกือบทั้งหมดเลยกระมัง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีสิ่งที่แม้แต่สามคนนั้นเอง ก็ยังไม่อาจได้มาครอบครองอยู่ครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset