“ มาเว้ย ต่อไปเป็นฉันนี่! แกคงยังไม่หมดแรงข้าวต้มใช่มั้ยห้ะไอ้หนู <<ไร้อาชีพ>> !? ”
“ ครับ ขอฝากตัวด้วยครับ! ”
ผมส่งเสียงขานรับต่อผู้ท้าชิงรายใหม่ที่ปรากฎออกมาจากกลุ่มคนมุง ด้วยคำพูดซึ่งไม่รู้ว่ากล่าวออกมาเป็นครั้งเท่าไหร่แล้วในวันนี้
เท่านั้นแหละผู้คนโดยรอบพากันส่งเสียงเฮดังสนั่นขึ้นมาอีกครั้ง กลุ่มคนมุงที่มาชมการต่อสู้ยิ่งเพิ่มจำนวนหนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ
(เอ่อ นี่เป็นศึกรอบที่เท่าไหร่แล้วหว่า……?)
แม้จะลองพยายามนับนิ้วดู แต่ก็ชักงงๆไม่รู้อีกแล้วว่าเท่าไหร่แน่
ภายหลังจากที่โค่นคุณดวอร์ฟลงไปได้ ก็มีคนมากหน้าหลายตาแห่แหนถล่มเข้ามาท้าผมต่อยตีเต็มไปหมดเลยน่ะ
คนที่อยากจะประมือกับ <<ไร้อาชีพ>> ที่ถือครองเซ็ตสกิลผสมผสานซึ่งไม่น่าเป็นไปได้
คนที่หมั่นไส้เลยมาท้าหมายจะตบให้หงาย
คนที่อยากประชันกับผู้ชนะต่อเนื่อง และอีก ฯลฯ
พอเป็นที่สนใจขึ้นมาทีนึงแล้วก็จะถูกจ้องหมายหัวโดยผู้คนมากมาย ทำให้ผมถูกคุกคามโดยการทำศึกแบบต่อเนื่องไม่มีขาดสายเลยทีเดียว
แต่คนที่กำลังทำศึกต่อเนื่องอยู่แบบนั้นก็ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว
“ เอาว้อยยยยยยย! คนถัดไปมาเลยเว้ยคนถัดไป——! ”
เสียงร้องได้ชัยอันเปี่ยมล้นไปด้วยความป่าเถื่อนของจิเซลพลันกังวานขึ้นมาจากกลุ่มคนมุงใกล้ๆ
“ หะ เฮ้ยๆ……ไอ้เจ้า <<ไร้อาชีพ>> มันชนะรวดทีเดียว 10 ครั้งแล้วไม่พอ ฝั่งจิเซล สตริงก์เองก็ตบร่วงไปแล้ว 6 คนเหมือนกันนะเว้ย!? ”
“ เพราะแพ้ให้กับ <<ไร้อาชีพ>> ในการสอบชิงสิทธิก็เลยถูกคนเค้าคิดว่าเป็นแค่พวกกระจอกก็จริงหรอก แต่โคตรจะเก่งเลยนี่หว่า! ”
“ ไอ้เจ้าพวกนี้มันตัวอะไรกันน่ะ!? เป็นเด็กกำพร้าที่เพิ่งจะได้รับ <<คลาส>> มาหมาดๆในปีนี้จริงน่ะเรอะ!? ”
เหมือนว่าจิเซลก็กำลังอาละวาดอย่างเต็มเหนี่ยวไม่น้อยหน้าไปกว่าผมเลย บรรยากาศที่เหมือนราวดูหมิ่นดูแคลนกลุ่มเด็กกำพร้าจึงเริ่มจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด ตรงตามเป้าหมายแรกเริ่มของจิเซลเป๊ะเลย
(ดีละ……ผมก็พยายามให้มากขึ้นดีกว่า!)
ทุกครั้งที่เอาชนะได้ เหล่าผู้คนที่คิดดูแคลนกลุ่มเด็กกำพร้าก็จะค่อยๆถดถอยหายไป พอเห็นแบบนั้นแล้วก็รู้สึกดีใจมากเหลือเกิน ส่งให้มีสมาธิจดจ่อกับการต่อสู้เพิ่มมากขึ้นไปอีก
จิเซลเองก็น่าจะเหมือนกัน เราก็เลยพุ่งเข้าทำการต่อยตีวิวาทเต็มที่เต็มเหนี่ยวไปเลยหรอก——แต่ก็แน่นอน จะให้ต่อสู้ไปเรื่อยตลอดเวลามันก็ไม่ได้
“ โอเช เอาเป็นว่าเท่านี้ก็ชนะได้ผลงานมาเกินพอแล้ว เฮ้ยครอส หาจังหวะพักผ่อนกันได้แล้ว ”
“ อื้อ นั่นสิเนอะ ”
ผมกับจิเซลหาจังหวะเหมาะๆยุติการวิวาท แล้วจึงลี้ภัยหลบมายังขอบถนนใหญ่กันชั่วคราว
ถือว่าเป็นพักกลางวันที่ออกจะเร็วหน่อยไปด้วย เพื่อฟื้นฟูร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลน่ะ
“ ฟู่ว พอเจอกับคนที่เลเวลเหนือกว่า 30 แล้วก็เอาชนะไม่ได้ง่ายๆจริงด้วยล่ะ แล้วก็มีครั้งที่ได้กฎของเทศกาลช่วยจนเหมือนชนะได้ด้วยคะแนนอยู่เหมือนกันอีก มีคนเก่งๆอยู่มากมายเลยจริงด้วยเนอะ ผมสะบักสะบอมไปทั่วร่างเลยล่ะ ”
“ เฮอะ ทำเป็นพูดแบบนั้นแต่สุดท้ายไอ้เจ้า <<ไร้อาชีพ>> แถวนี้ก็ชนะรวดต่อเนื่อง 13 ครั้งติดเลยนี่หว่า ปกติแล้วทำการฝึกฝนแบบไหนยังไงของแกกันน่ะ ”
พอพวกผมกำลังพูดคุยกันอยู่แบบนั้น กลุ่มเด็กกำพร้าที่คอยเฝ้ารับชมการต่อสู้ก็วิ่งตรงรี่เข้ามาใกล้
“ คงเหนื่อยแย่เลยนะทั้งสองคน! ”
“ พวกเอ็งสองคนสุดยอดไปเลย! ครอสนี่ดูแปลกพิสดารในหลายๆแบบอยู่หรอก แต่จิเซลก็ตบน่วมไปได้ทั้ง 8 คนแน่ะ เด่นสะดุดตาโคตรๆไปเลยนะเว้ย! ”
“ พวกเราอาชีพระดับต่ำไม่ได้มีผลงานเด่นเป็นเอกลักษณ์อะไรก็เลยหยุดสู้แต่เนิ่นๆแล้วมาร่วมแจมกับทางนี้น่ะ แต่ถ้าพวกนายสองคนเล่นอาละวาดให้ซะขนาดนี้แล้วก็คงมากพอเหลือแหล่เนอะ! ”
คงจะไปซื้อรวบรวมมาจากแผงลอยในระหว่างที่พวกผมกำลังต่อสู้อยู่ละมั้ง
กลุ่มเด็กกำพร้าจึงตั้งข้าวปลาอาหารและโพชั่นปริมาณมหาศาลไปพลางเปล่งเสียงพูดออกมากันอย่างเฮฮาตื่นเต้น
“ เตรียมมาให้ซะดิบดีเลยนี่หว่า ถ้างั้นก็กระเดือกมันทั้งโพชั่นฟื้นฟูและโพชั่นพลังเวท แล้วพักให้พร้อมรับการวิวาทต่อก็แล้วกัน ”
“ อ๊ะ ช่วยรอเดี๋ยวสิจิเซล ”
ผมรีบหยุดจิเซลที่กำลังจะดื่มโพชั่นฟื้นฟูเอาไว้
และพอจิเซลตีหน้ามึนดัง อ๋า? ปุ๊บ ผมก็เกาหัวแกรกๆไปพลางกล่าวต่อออกมา
“ พอดีลืมบอกไป จริงๆแล้วผม เรียนได้สกิลฟื้นฟูมาแล้วน่ะ ”
“ ……ห้ะ? ”
“ ดูนะ ”
ผมเอามือแตะอกตัวเองอยู่เบื้องหน้าพวกจิเซลที่ถึงกับเบิกตากลม
แล้วจึงขับขานคำร่ายใหม่ที่ได้รับมาพลางรู้สึกเขินอาย
“ ชีพจรเอยจงตื่นขึ้น ลมหายใจแห่งชีวา อำนาจที่ไหลเวียนจักเป็นตัวค้ำจุนการเยียวยา ——เวทฟื้นฟูระดับต่ำ <<แคร์ฮีล>> ”
พริบตานั้น ไอร้อนก็พลันแล่นจากฝ่ามือซึมเข้ามา ทำให้บาดแผลทั่วร่างค่อยๆหายไปทีละนิดทีละหน่อย
เนื่องจากคำร่ายสั้น ความเร็วการฟื้นฟูก็เลยช้า
แต่พอแผลสมานแล้วความอ่อนเพลียก็บรรเทาลงไปพอสมควร ทำให้ขยับเขยื้อนร่างกายได้อย่างเบาหวิวเลย
“ ยังเป็นสกิล Lv1 ก็จริงหรอก แต่ถ้าใช้เวลาซักพักแล้วละก็จะรักษาได้ไปจนถึงแผลกระดูกร้าวเลยเชียวล่ะ ดื่มโพชั่นมากเกินไปมันจะไม่ดีต่อร่างกายนะ ให้ผมทำการฟื้นฟูให้เองเถอะ ”
“ ห้ะ!? เดี๋ยวนะ เฮ้ยๆ นี่เอ็งเรียนได้ไปยันสกิลฟื้นฟูเลยจริงๆเรอะครอส!? ”
“ ชักจะโหดมั่วซั่วไปกันใหญ่แล้วนะนายเนี่ย…… ”
สกิลฟื้นฟูที่ผมแสดงออกมานั่น ทำเอาเหล่ากลุ่มเด็กกำพร้าพากันลืมตาโตอย่างตะลึงงัน
ผมหัวเราะ “อะ อะฮะฮะ” เป็นการกลบเกลื่อนไปพลาง หันหน้าตรงเข้าไปหาคนที่มีแผลท่วมเป็นอันดับหนึ่งในสถานที่แห่งนี้
“ อื้ม ถ้างั้นก็เริ่มจากจิเซลก่อนเลย ”
“ โอะ โอ้ว ”
จิเซลทำหน้าตาสับสน พร้อมยื่นแขนที่มีแผลฉีกขาดมาให้
และผมก็ทำการเอ่ยคำร่าย ก่อนจะแตะลงไปยังผิวของจิเซลอย่างแผ่วเบา เท่านั้นแหละ
“ อ๊าาา!? เอ้ย นั่นทำเบื๊อกอะไรของแกน่ะ!? ”
“ เอ๋!? ”
จู่ๆจิเซลก็กระโจนถอยห่างออกไป พร้อมทำหน้าแดงแจ๋ซะหยั่งกับจะลุกเป็นไฟ
ปะ เป็นอะไรไปเหรอ!? พอผมมึนอยู่แบบนั้น จิเซลก็จ้องเขม่นเข้ามาใส่กันแบบสุดยอดไปเลย
“ ทะ ทำเป็นเนียนบอกว่าจะใช้เวทฟื้นฟูแต่แอบผสมโรงมาแตะเนื้อแตะตัวกันได้ไงวะแก๊! ”
“ เอ๊ะ อ่าแต่ว่า สกิลฟื้นฟูนี่ถ้ายังไม่ใช่ระดับสูงแล้วละก็ หากไม่แตะต้องสัมผัสตัวมันก็จะใช้ไม่ค่อยติดใช่มั้ยล่ะ? ”
“ ……ขึก อะ เออว่ะใช่จริงด้วย……! ”
คำชี้แจงของผมทำเอาจิเซลกริบไปเลย
แล้วพอทำสายตาเลิ่กลั่กเหมือนกลัดกลุ้มคิดหนักเรื่องอะไรซักอย่างปุ๊บ เค้าก็ร้อง “ห้ะ!” ด้วยท่วงท่าเหมือนปิ๊งได้ไอเดียอะไรบางอย่างก่อนจะวิ่งปรี่เข้าไปหากลุ่มเด็กกำพร้าคนนึง เด็กผู้หญิงที่เป็น <<พรีส (ฝึกหัด)>> นั่นเอง
“ แกต้องใช้พลังเวทในการวิวาทหลังจากนี้อีกไม่ใช่เรอะครอส!? ฉันจะให้ยัยนี่มันช่วยรักษาให้แทนดังนั้นแกอย่าได้เข้ามาใกล้เชียวนะเว้ย! ”
“ ขอโต๊~ดจิเซล ฉันดื่มโพชั่นพลังเวทไปหลายขวด แล้วก็รักษาให้พวกอาชีพระดับต่ำไปเรียบร้อยแล้วน่ะ ไม่มีเวทฟื้นฟูจะใช้ให้กับจิเซลแล้วอ่า~ ”
“ อ๊าา!? เฮ้ยนี่แกที่ว่านั่นเรื่องจริงแน่ไม่ได้ตอแหลใช่มั้ย!? ”
“ จีงจีง~ ”
จิเซลกระชากคอเสื้อแล้วเขย่าๆเธอคนนั้นอยู่ซักพักนึงก็จริงหรอก แต่ท้ายที่สุดก็คงตัดสินได้ว่าทำไปก็ไม่มีประโยชน์ละมั้ง เค้าจึงส่งเสียงในคอดัง อุกุกุ พร้อมกับ
“ ระ รักษาด้วยโพชั่นก็ไม่ตายห่าอะไรซะหน่อยเว้ยอย่ามาจุ้นจ้าน! ”
พูดแบบนั้นออกมา……ไม่สิเดี๋ยวๆ
“ เดี๋ยวสิจิเซล เมื่อกี้ก็พูดไปแล้วนี่ ดื่มโพชั่นมากเกินไปมันจะไม่ดีกับร่างกายล่ะ ถ้าจะดื่มโพชั่นพลังเวทแล้ว งั้นก็ฟื้นฟูแผลด้วยสกิลซะจะดีกว่านะ? ”
แม้พยายามโน้มน้าวแต่จิเซลก็เมินท่าเดียว
ไม่รู้ทำไมถึงเอาแต่ดึงดันไม่ยอมรับสกิลฟื้นฟูท่าเดียวจนผมกลุ้มไปเลย และเป็นตอนนั้นเองที่ได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังมาจากเคียงข้าง เอรินที่เป็น <<เรนเจอร์>> น่ะเอง
“ เฮ้อ~ ต้องให้คอยเหนื่อยอยู่เรื่อยเชียว ”
พอเอรินพึมพำแบบนั้น เค้าก็ทำการกระซิบอะไรบางอย่างให้กับโดยรอบ
เท่านั้นแหละ กลุ่มเด็กกำพร้าพลันต่อแถวตอนเรียงหนึ่งขึ้นมาอยู่ต่อหน้าผมทันที
“ ฉันให้ครอสช่วยฟื้นฟูให้ดีกว่า~ เสียดายค่าโพชั่นนี่เนอะ ”
“ เนาะ ได้ฟื้นฟูด้วยสกิลก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน แถมยังจะช่วยให้ครอสยกระดับความชำนาญสกิลได้ด้วยอีกตะหาก ”
“ ฉันด้วยคนๆ ”
และในระหว่างที่ผมเริ่มทำการใช้สกิลฟื้นฟูตามที่ถูกขอร้อง เอรินก็ย่องเข้าไปใกล้จิเซล
“ ดูนั่นซี่~ ทุกคนเข้าไปให้ฟื้นฟูกันพร้อมหน้าหมดแล้วนะ ถ้ามีจิเซลปฎิเสธอยู่คนเดียวละก็เดี๋ยวจะถูกเข้าใจผิดแบบแปลกๆเอาหรอกน้า? ”
“ ห้ะ!? ขุ่ก นี่แก……! ”
กระซิบอะไรให้ฟังกันละนั่น
จิเซลทำหน้านิ่วขมวดคิ้วเหมือนถูกไล่ต้อนจนมุมอยู่ซักพัก แต่ในท้ายที่สุดก็แผดเสียงแข็งทื่อออกมาดังกับว่ายอมจำนน
“ ……ชิ เอ้อถ้าจะทำให้สู้ต่อได้อย่างประหยัดเงินแล้ว จะยอมให้ฟื้นฟูก็ได้เว้ย ”
ว่าแล้ว จิเซลก็รัวคำพูดออกมาเป็นชุดเหมือนกับอ้างไปเรื่อย
“ คนที่จะมาสังเกตประเมินราคาในเทศกาลวันนี้ก็ไม่ได้มีแค่ทั่นผู้สืบสายเลือดผู้กล้าคนเดียวซะหน่อย อะไรที่ใช้ได้ก็ต้องใช้เพื่อยกระดับผลงานให้ได้ทั้งหมดเลยเว้ย ……เพื่อที่จะเรียกร้องเอาสวัสดิการที่ดีสุดเท่าที่จะเรียกได้ด้วย ”
“ เอ๊ะ? ”
สวัสดิการที่ดี?
คำพูดคำจาของจิเซลที่เหมือนกับว่ายังมีเป้าหมายที่สำคัญกว่าการยกระดับชื่อเสียงของกลุ่มเด็กกำพร้าภายในเทศกาลวันนี้
นั่นมันมีความหมายว่ายังไงกันน่ะ……และเป็นในฉับพลัน ที่ผมทำการใช้เวทฟื้นฟูพลางกำลังจะอ้าปากถามออกมาอยู่นั่นเอง
แปะแปะแปะแปะ!
ที่จู่ๆ ก็มีเสียงปรบมือดังกังวานมาจากที่ไหนซักแห่ง
แล้วทีนี้เหล่าคนมุงรอบๆก็แยกตัวสร้างทางขึ้นมาสองทางอย่างพร้อมกัน——
“ แหม่ ช่างเป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมมากเลยล่ะพวกเธอ! ”
“ ครอส อาราเกาท์ แล้วก็จิเซล สตริงก์ จะรายไหนก็เก่งกาจจนไม่อยากเชื่อเลยเชียวล่ะว่าเพิ่งจะได้รับ <<คลาส>> มาหมาดๆในปีนี้น่ะ ”
พลันมีกลุ่มคนที่สวมเครื่องแต่งกายงดงามสองกลุ่มปรากฎออกมาจากทิศทางคนละทิศกัน
และพวกเค้า ก็กำลังส่งสายตาอย่างรุนแรงตรงมายังพวกผมอยู่ทั้งสองฝ่ายเลย