เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย – ตอนที่ 64 ทิฐิของลูกผู้ชาย (1)

บุคคลที่ปรากฎเข้ามาอย่างกะทันหันผู้นั้นได้แสดงออร่าความมีตัวตนออกมาให้เห็นอย่างสุดขั้ว

ฮิวแมนที่แก่กว่าผมหรือคุณแคทลียา ประมาณแล้วน่าจะมีอายุอยู่ช่วงประมาณเกือบๆ 20 ปีได้

โฉมหน้าที่หล่อเหลาระดับที่เรียกว่ารูปงามก็ยังไม่เกินจริง และเครื่องแต่งกายที่แม้แต่ผมก็ยังดูออกว่าเป็นของคุณภาพระดับสูงเลิศนั่นล้วนเปี่ยมไปด้วยความน่าเกรงขามจนทำเอาผู้คนโดยรอบหวาดหวั่น

ไม่สิ ไม่ใช่รูปทรงภายนอกอย่างเดียว กลิ่นอายที่ห่อหุ้มอยู่รอบตัวก็แตกต่างไปอย่างชัดเจนอีกด้วยเหมือนกัน

ทั้งที่เป็นคนรูปงามร่างผอม แต่กลับชวนให้รู้สึกถึงแรงกดดันอย่างหนักอึ้งมากยิ่งกว่าคุณดวอร์ฟที่ใช้สกิล <<กดดัน>> อยู่เมื่อกี้นี้ซะอีก

และที่กลิ่นอายหุ้มตัวแตกต่างออกไปก็นับรวมถึงเหล่าข้ารับใช้ที่คอยเฝ้าติดตามอยู่เบื้องหลังเขาด้วย

โดยเฉพาะ ผู้หญิงผมดำที่คลุมร่างกายเอาไว้ด้วยชุดดำนี่เค้ากำลังส่องสายตาอย่างเฉียบคมไปรอบบริเวณ ไม่มีช่องโหว่เลยแม้แต่นิดเดียว

เป็นชนชั้นระดับสูงอย่างชัดเจน แล้วก็ทราบได้ในพริบตาเดียวเลยด้วยว่าต้องมียศอยู่เหนือมากยิ่งกว่าขุนนางระดับกลางอย่างพวกคุณแคทลียาซะอีก

ไม่สิ ที่สำคัญกว่านั้นแล้ว……

 

(ถ้าจำไม่ผิดแล้วพรรคดิออสเกรฟ คือพรรคที่คุณแคทลียาซึ่งถูกพวกผมโค่นลงไปเขาสังกัดอยู่ภายในนี่……!?)

 

กล่าวคือ เป็นคนจากพรรคที่ถูกดูหมิ่นหัวเราะเยาะอย่างยับเยินเพราะผลลัพธ์การประลองนั่นเอง

ต่อให้คิดยังไงแต่ก็เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเขาต้องไม่มีทางรู้สึกดีๆกับพวกผมแน่นอน

 

“ เฮ้ย ตะกี้มันพูดว่าอันดับ 4 ของพรรคดิออสเกรฟงั้นเรอะ ”

“ จะว่าไปแล้ว วอลเดรียนี่เหมือนจะเคยอ่านในบทความว่าเป็นตระกูลดยุคที่เป็นเครือญาติกับแคทลียา……กับตระกูลเอิร์ลริชมอนด์ด้วยหรือไงนี่แหละ…… ”

“ ตระกูลดยุค!? ตำแหน่งสูงสุดในศักดินาของขุนนางเลยไม่ใช่เรอะ! ไหงตัวใหญ่แบบนั้นถึงได้มาอยู่ที่นี่…… ”

 

ขุนนางที่คงจะต้องคิดร้ายต่อพวกเราอย่างรุนแรง

หนำซ้ำยังเป็นขุนนางลำดับต้นๆที่เหมือนจะมีตำแหน่งสูงมากพอตัวเลยด้วยอีกต่างหาก การปรากฎตัวของเขาทำให้เหล่ากลุ่มเด็กกำพร้าแสดงท่วงท่าหวาดระแวงอย่างหนักหน่วงกันขึ้นมาโดยพลัน บรรยากาศตึงเครียดยิ่งกว่าตอนที่ขุนนางระดับกลางทั้งสองคนก้าวเข้ามาหาแบบเทียบชั้นกันไม่ได้เลย

 

“ เจ้านายของแคทลียามันมาทำห่าอะไรวะ……? ”

 

จิเซลเองก็แสดงท่วงท่าระแวงอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับส่งสายตามองไปยังขุนนางลำดับสูงที่ถูกเรียกว่ากิมเล็ต

ในระหว่างนั้น ผมก็ได้แต่อ้ำอึ้งมึนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันฉุกละหุกเกินไปอยู่ท่าเดียวหรอก……ทว่าเป็นในฉับพลันให้หลังนั่นเอง

 

 

ที่แววตาเฉียบคมราวกับทิ่มแทงของคุณกิมเล็ต ถูกหันตรงเข้ามาใส่ผมแบบเต็มๆ

 

 

“ ฮึก!? ”

 

ไม่ใช่ตาสบกันโดยบังเอิญ

พอคุณกิมเล็ตมองเห็นผมแล้ว เขาก็ก้าวตรงดิ่งใกล้เข้ามาทางนี้เลย

ผมนี่ไม่ต้องพูดถึง ขนาดจิเซลที่ยืนอยู่เคียงข้างก็ยังถึงกับเบิกตาโพลงอย่างตกใจไปด้วย

แต่คุณกิมเล็ตกลับไม่ได้สนใจปฏิกิริยาแบบนั้นของพวกผมเลยแม้แต่น้อย

เขาผลักกลุ่มขุนนางระดับกลางที่คุยต่อรองเรื่องการเข้าร่วมใต้สังกัดอยู่จนถึงเมื่อกี้ให้กระเด็นออกไป และพอก้าวเข้ามายืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าผมแล้ว ก็อ้าปากกล่าวออกมาพร้อมกับจ้องมองต่ำลงมาใส่ผมไปด้วย

 

“ <<ไร้อาชีพ>> ที่โค่นแคทลียาลงได้นั่นคือเธอใช่ไหม? ”

“ เอ่อ ขะ ครับ ก็ใช่หรอกนะครับ……? ”

“ หึ ไม่จำเป็นต้องหวาดระแวงถึงเพียงนั้นหรอก ฉันคืออันดับ 4 ของพรรคดิออสเกรฟ, กิมเล็ต วอลเดรีย แค่มีเรื่องอยากจะคุยกับเธอนิดหน่อยก็เท่านั้นล่ะ ”

“ ขะ ครับผม ”

 

จะเป็นเรื่องแบบไหนกันนะ

ธุระของขุนนางซึ่งถูกผลการประลองทำพิษจนพรรคที่สังกัดต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงพอสมควรนั่น ต่อให้คิดยังไงก็คงไม่มีทางเป็นเรื่องดีต่อพวกผมแน่อยู่แล้ว

คงไม่พอใจกับผลการประลอง หรือไม่ก็มากล่าวหาว่าพวกผมต้องใช้ลูกไม้ตุกติกเพื่อโกงการประลองเป็นแน่อะไรแบบนี้รึเปล่า ที่คิดออกมีแต่ประมาณนี้ทั้งนั้นเลย

ไม่แน่แล้วอาจจะถูกท้าประลองเพื่อเป็นการชำระแค้นให้กับคุณแคทลียารึเปล่า……ผมครุ่นคิดอะไรต่อมิอะไรอยู่ภายในหัวแบบนี้หรอกนะ——

ทว่าในพริบตาให้หลัง คุณกิมเล็ตก็ได้กล่าวสิ่งที่ปักใจเชื่อไม่ลงออกมา

 

 

“ พูดตามตรงเลยก็แล้วกัน ครอส อาราเกาท์ เธอสนใจจะมาทำงานให้กับฉันไหม? ”

 

 

“ ……เอ๊ะ? ”

 

พริบตานั้น ไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าอีกฝั่งพูดอะไรจนเผลอปล่อยเสียงแปลกๆหลุดออกมา

แต่คุณกิมเล็ตก็ไม่มีทีท่าจะสนใจเลยแม้แต่นิดเดียว เขากล่าวต่อพร้อมกับปั้นรอยยิ้มขึ้นมาเหนือใบหน้าอันหล่อเหลาซะด้วยซ้ำ

 

“ ก็มีรู้สึกเคืองโกรธเธอที่เป็นคนทำให้แคทลียาญาติฉันต้องอับอายขายหน้าอยู่เหมือนกัน ทว่า รูปโฉมของเธอที่แม้เป็นเพียง <<ไร้อาชีพ>> แต่ก็ยังสำแดงอำนาจโค่นล้มขุนนางได้ในฐานะกำลังรบหลักของเหล่าเด็กกำพร้านั่นก็ช่างต้องใจฉันได้อย่างมากยิ่งเหลือเกิน ฉันประเมินเธอเอาไว้สูงมากเลยทีเดียว ดังนั้นจึงคิดว่าเรื่องที่จบแล้วก็ให้มันจบไป แล้วอยากได้เธอมาเป็นกำลังให้กับพรรคดิออสเกรฟของเราทีน่ะ ”

“ เอ๊ะ……!? ”

 

ข้อเสนอที่เกินความคาดหมายสุดขีดนั่น ทำเอาผมลืมตาโตไปพลางส่งเสียงถามกลับไป

 

“ ที่พูดนั่นหมายความว่า อยากให้เข้ามาอยู่ภายใต้สังกัดของพรรคดิออสเกรฟ เหรอครับ……? ”

“ ใช่แล้วล่ะ แล้วก็แน่นอน หากเธอตกลงยอมรับแล้วละก็ จะขอสัญญาไว้เลยว่าจะให้จิเซล สตริงก์และเหล่าเด็กกำพร้าที่เป็นพวกพ้องของเธอได้เข้าร่วมใต้สังกัดและได้รับสวัสดิการอย่างดีที่สุดไปด้วยเลย ”

“ ……ขึก ”

 

คุณกิมเล็ตที่พยักหน้าให้อย่างชัดเจนนั่นทำเอาผมชักจะตกใจขึ้นมาจริงๆแล้ว

แต่ก็มีผู้คนโดยรอบนี่แหละตกใจกันมากกว่าผมซะอีก

 

“ ขุนนางลำดับสูงที่มีตำแหน่งเป็นอันดับ 4 ภายในพรรคถึงกับออกมาชักชวนด้วยตัวเองเลย……!? ”

“ แุถมคนที่ชวนยังเป็นสามัญชนที่สร้างความอับอายให้กับขุนนางในพรรคดิออสเกรฟด้วยกันอีก!? ”

“ ได้ยินว่าเป็นพรรคหัวรุนแรงที่มีพวกเลือดร้อนคลั่งการใช้กำลังอยู่เยอะก็จริงหรอก แต่ก็ดูท่าจะมีคนใจกว้างอยู่บ้างเหมือนกันสินะเนี่ย…… ”

 

เหล่านักผจญภัยและชาวเมืองที่อยู่โดยรอบต่างก็ส่งเสียงฮือฮากันดังลั่น

 

“ ท่านกิมเล็ตคนนั้นน่ะหรือแสดงท่าทางเป็นมิตรกับผู้ที่ทำญาติพี่น้องต้องเสียหน้า……? ”

 

พวกคุณขุนนางระดับกลางที่พยายามชักชวนพวกผมอย่างกระตือรือร้นมาจนถึงเมื่อกี้ก็แผดเสียงออกมาอย่างตะลึงงันเลยด้วยเช่นกัน

ในระหว่างนั้น——

 

“ ช่วยรอเดี๋ยวก่อนดิคะ ”

 

ราวกับเป็นการปกป้องผม จิเซลพลันแหวกเข้ามาขวางกลางระหว่างผมกับคุณกิมเล็ต

 

“ ไอ้เจ้านี่มันเป็นคนที่เก่งสุดในหมู่พวกเราก็จริงหรอกค่ะ แต่พวกเรื่องการต่อรองอะไรนี่มันไม่ได้รู้ประสีประสาอะไรเลย ถ้าจะคุยเรื่องเข้าร่วมใต้สังกัดแล้วละก็ฉันจะรับช่วง—— ”

“ ……จิเซล สตริงก์หรือ ”

 

แต่แล้ว คำพูดของจิเซลก็ได้ถูกตัดขาดห้วงโดยน้ำเสียงอันเย็นยะเยือกของคุณกิมเล็ต

 

“ ตอนนี้ฉันกำลังคุยกับเขาอยู่ อย่าได้สะเออะคิดว่าน้ำหน้าหน้าอย่างเด็กกำพร้าสามัญชนจะมีสิทธิเข้ามาพูดขัด และสั่งการใดๆกับฉันผู้นี้ได้เชียวนะ ไปให้ห่างซะ ขัดหูขัดตาจริงๆ ”

“ ……ฮึก!? แกว่าไงนะเฮ้ย……!? ”

“ หะ เฮ้ยจิเซล!? ถึงที่นี่จะเป็นเมืองของนักผจญภัยแต่จะไปเปรี้ยวใส่ตระกูลดยุคแบบนั้นมันอันตรายนะ! ”

 

กลุ่มเด็กกำพร้าตาลีตาเหลือกช่วยกันรัดตัวหยุดจิเซลที่ทำท่าปล่อยบรรยากาศน่าหวั่นใจออกมา

ก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีหรอก——แต่เพราะแบบนั้น เลยบังเกิดเป็นสถานการณ์ที่ผมต้องประจันหน้ากับคุณกิมเล็ตแบบตัวต่อตัวไปโดยไม่อาจเลี่ยง

 

“ ถูกขัดจังหวะเข้าซะได้นะ ……แล้วว่าอย่างไรล่ะ? ตามที่ได้กล่าวไว้เมื่อครู่ ฉันประเมินเธอเอาไว้สูงมากเลยทีเดียว การที่ตัวฉันซึ่งเป็นขุนนางลำดับสูงผู้นี้ถึงกับลงทุนถ่อมาที่นี่ด้วยตนเองนั่นล่ะคือหลักฐานแสดงความจริงใจ หากให้กล่าวแล้วก็อยากจะขอรับฟังคำตอบในทันทีตอนนี้เลยเพื่อไม่ให้ถูกขุมกำลังอื่นแย่งเอาตัวไปซะด้วยซ้ำ……พอจะได้ไหม? ”

“ อะ เอ่อ…… ”

 

การต่อรองที่ไม่คุ้นเคย

หนำซ้ำยังเป็นข้อเสนออย่างกะทันหันสุดขีดจากตระกูลดยุคโดยตรงอีกต่างหาก เล่นเอาผมสับสนอลหม่านจับจิตไปเลย

ก็จริงอยู่ การที่ขุนนางลำดับสูงถึงกับออกมาชักชวนด้วยตัวเองนี่ก็หมายความว่าเขาประเมินเอาไว้สูงมากขนาดนั้นจริงๆ และถ้าตกลงจะปล่อยให้เรื่องที่จบแล้วมันจบไปงั้นก็น่าจะคาดหวังเรื่องสวัสดิการได้พอควรเลยเหมือนกัน กลุ่มเด็กกำพร้าทุกคนก็คงจะได้ผลประโยชน์ที่คู่ควรเหมือนกันนั่นล่ะ ทว่า——

 

(ท่าทางที่ทำใส่จิเซลเมื่อกี้……)

 

รู้สึกไม่ชอบใจยังไงชอบกลจนให้คำตอบออกมาไม่ได้ซะที

แล้วทีนี้คุณกิมเล็ตที่เฝ้าจ้องมองผมก็พลันเอียงหัว พร้อมกับกล่าวสิ่งที่น่าประหลาดใจออกมา

 

“ ฮื่ม นึกว่าจะตอบตกลงในทันทีซะอีกนะ……คงจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจเรื่องแคทลียาที่พูดจาดูหมิ่นดูแคลนพวกเธอเอาไว้มากมายจริงๆด้วยใช่ไหม? ”

“ เอ๊ะ? ”

“ ก็จริงอยู่ ถ้าต้องกลายเป็นพวกพ้องกับคนที่เอาแต่พูดจาดูแคลนใส่มาตลอดโดยไม่มีโอกาสได้สะสางความแค้นเลยนี่มันก็คงจะตัดสินใจลำบากอยู่เหมือนกัน หากจะชวนให้เข้ามาอยู่ใต้สังกัดอย่างถูกหลักการแล้ว ก็สมควรจะต้องเคลียร์เรื่องนี้ให้กระจ่างก่อนสินะ ”

 

??

ทำไมจู่ๆถึงมีชื่อคุณแคทลียาโผล่ออกมาเฉยเลยล่ะ?

ชักรู้สึกแปลกๆกับคุณกิมเล็ตที่กล่าวออกมาด้วยท่วงท่าเหมือนกับว่ารับทราบเรื่อง

และ ในระหว่างที่ส่งรอยยิ้มให้ผมอยู่ทั้งอย่างนั้น——คุณกิมเล็ตก็ได้กล่าวสิ่งที่ทำเอาฉงนสงสัยหูตัวเองต่อออกมา

 

“ แต่ถ้าเป็นเรื่องแคทลียาละก็วางใจเถอะ ฉันได้มอบการลงทัณฑ์เพื่อเป็นค่าตอบแทนสำหรับการพ่ายแพ้ให้กับนังนั่นไปแล้ว การลงทัณฑ์อย่างหนักหน่วงระดับที่คงจะก้าวออกมานอกคฤหาสน์ไม่ไหวไปพักใหญ่ๆเลยน่ะนะ ขอรับรองไว้ในที่นี้เลยว่าหลังจากที่พวกเธอเข้ามาอยู่ใต้สังกัดแล้ว จะไม่ต้องเห็นหน้านังนั่นไปซักระยะเลยเชียว ”

 

เอ๊ะ……?

 

“ แต่นี่ก็เป็นเพียงสิ่งที่ฉันทำด้วยตนเอง กะอีแค่นั้นคงไม่เพียงพอจะทำให้เธอหายแค้นได้หรอกใช่ไหมล่ะ นอกจากจะทำการสั่งสอนดัดนิสัยเอาให้ว่านอนสอนง่ายต่อเธอแล้ว หากเธอต้องการละก็จะลากเอานังแคทลียาออกมาให้ก้มหัวกราบขอโทษต่อหน้าธารกำนัลเลยก็ได้ ”

“ ห้ะ……!? ”

 

พูดอะไร……พูดอะไรกันน่ะ คนคนนี้……?

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสังเกตเห็นผมที่กำลังตกตะลึงอยู่นี่รึเปล่า คุณกิมเล็ตยังจะกล่าวต่อออกมาอีก

 

“ ถ้ายังไม่สาแก่ใจอีกก็ไม่จำเป็นต้องหยุดอยู่แค่ให้ก้มหัวกราบ จะจัดสถานที่ให้เธอสามารถลงทัณฑ์แคทลียาด้วยมือตนเองเลยก็ย่อมได้ เชิญลงมือเฆี่ยนทำร้ายทารุณอย่างถี่ถ้วนให้ ไอ้ตัวพรรค์นั่น ไม่อาจต่อต้านเธออีกเป็นครั้งที่สองได้เล—— ”

“ คุณกิมเล็ตครับ ”

 

ผมเอ่ยขึ้นขัดคำพูดของคุณกิมเล็ตที่ราวกับกำลังกล่าวยก ข้อดี ของการเข้าร่วมใต้สังกัด

ดังกับว่าความลังเลตลอดมาจนถึงเมื่อกี้เป็นเรื่องโกหก ผมให้คำขาดออกไปด้วยเสียงดังฟังชัดเลย

 

 

“ ผมจะ ไม่ยอมทำงานให้กับคุณเด็ดขาดครับ ”

 

 

——แซ่ด!

 

“ เฮ้ยไอ้เจ้าเด็กนั่น มันปฎิเสธคำชวนของขุนนางลำดับสูงดังฉับอย่างซึ่งหน้าเลยนะเว้ยน่ะ!? ”

“ ใจมันต้องแข็งขนาดไหนเลยวะน่ะ!? หรือว่าแค่เซ่อซ่าไม่รู้เรื่องรู้ราวเรอะ!? ”

 

เกิดเป็นเสียงตกตะลึงดังขึ้นมาจากรอบทิศ

แต่คำตอบของผมที่หันหน้าเข้าเผชิญอยู่กับคุณกิมเล็ตก็ไม่ได้หวั่นไหวเลยแม้แต่นิด

 

“ โฮ่ ”

 

คุณกิมเล็ตที่ได้ยินคำตอบของผมพลันหรี่ตาให้เล็กลง

 

“ มีตรงไหนที่ไม่ถูกใจกัน หากไม่พอใจหรือกังวลเรื่องสวัสดิการละก็……นั่นสินะ จะเพิ่มเงื่อนไขอย่างเช่น ‘หากต้านทานการโจมตีของฉันภายในการประลองได้เป็นเวลา 1 นาทีแล้ว จะมีสิทธิสามารถปฎิเสธคำสั่งได้’ หรืออะไรทำนองนี้ให้ไว้ด้วยก็ย่อมได้นะ? อย่าว่าแต่นักผจญภัยเลย แม้กระทั่งขุนนางเองก็จำต้องยอมรับผลการประลองอย่างเป็นที่สุดด้วยเช่นกัน รับรองว่าต้องได้สวัสดิการที่ดียิ่งกว่าสัญญาปากเปล่าแน่นอนเชียว ”

“ ไม่ครับ ไม่ใช่อะไรแบบนั้น ผมแค่คิดว่าพรรคของคุณคงจะไม่เหมาะกับผมก็เท่านั้น ”

 

เห็นคุณกิมเล็ตกล่าวเพิ่มออกมาแล้ว ผมก็ให้คำขาดออกไปอีกรอบ

คุณแคทลียาเป็นคนที่ผมไม่ถูกโฉลกด้วยจริงนั่นแหละ

เค้าทั้งดูหมิ่นดูแคลนพวกจิเซล หัวเราะเยาะเย้ย เข้ามาหาเรื่องกันอย่างแสนจะไร้เหตุผล

แต่การกระทำเหล่านั้น ก็น่าจะเป็นสิ่งที่เค้าทำลงไปเพื่อผลประโยชน์ของพรรคล้วนๆเลย

ถึงแม้จะได้ผลออกมาเป็นพ่ายแพ้จนสร้างความเสื่อมเสียให้แก่พรรคแทน แต่เธอคนนั้นจะต้องลงมือเคลื่อนไหวเพื่อพวกคุณกิมเล็ตแน่ๆล่ะ

จะถูกลงทัณฑ์บ้างก็คงช่วยไม่ได้

แต่จะต้องไม่ถึงกับระดับที่สมควรถูกทารุณดังที่คุณกิมเล็ตพูดเอาไว้นั่นแน่นอน ไม่มีทางเด็ดขาดเลย

แล้วก็จะพาพวกจิเซลไปยังพรรคที่ปล่อยผ่านให้เกิดเรื่องแบบนั้นเป็นปกติไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้นแหละ

 

“ รู้สึกขอบคุณจริงๆครับที่ได้ทราบว่าพวกคุณมีความเมตตากรุณาช่วยประเมินพวกเราเอาไว้มาก แต่ว่า จะท่าทางที่ทำต่อจิเซลเมื่อกี้ก็ดี ทั้งการปฏิบัติที่คุณทำแก่คุณแคทลียานั่นก็ดี ทั้งหมดมันเป็นตัวทำให้ผมคิดว่าตนเองคงไม่อาจทำงานให้กับคุณอย่างราบรื่นได้แน่ ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งนะครับ แต่ผมขอปฎิเสธการชักชวนเข้าร่วมในสังกัดของคุณไว้ ณ ที่นี่ตรงนี้เลยก็แล้วกันครับ ”

“ ……แบบนี้นี่เอง ดูท่าคงจะไม่ยอมเปลี่ยนใจง่ายๆสินะ น่าเสียดาย ”

 

คุณกิมเล็ตที่ได้ยินคำตอบรับของผมนั้นยอมถอยให้อย่างง่ายผิดคาด

 

“ แต่ขอพูดทิ้งท้ายเอาไว้อย่างหนึ่งก็แล้วกัน ”

 

ว่าแล้ว คุณกิมเล็ตก็กระชั้นชิดเข้ามาใกล้ผมอย่างกะทันหัน ก่อนจะส่งเสียงกระซิบเคียงข้างหู

 

“ เรื่องที่ปฎิเสธคำชวนของฉันนี่ ถ้าไม่เสียใจภายหลังก็คงดีนะ ”

“ เอ๊ะ ”

 

เสียงอันเย็นยะเยือกนั่นทำเอาถึงกับสะดุ้ง

แต่คุณกิมเล็ตก็ผละถอยออกห่างจากผมในทันที ปั้นรอยยิ้มบางๆขึ้นมาอีกรอบ พร้อม

 

“ หากถูกปฎิเสธเสียงแข็งเช่นนี้แล้วก็คงช่วยไม่ได้ จะถอยกลับก็แล้วกัน ……อ๋อ แต่ถ้าเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็เชิญมาหากันได้ทุกเมื่อเลยนะ ช่วงนี้ฉันมักจะอยู่ในห้องนั่งเล่นสำหรับขุนนางที่ตั้งอยู่ในโรงเรียน จะนั่งจิบชาสบายๆรอเธออยู่ภายในนั้นก็แล้วกัน ”

 

ถ้าเช่นนั้นแล้วก็ขอตัวก่อน——คุณกิมเล็ตกล่าวทิ้งท้ายไว้แบบนั้น ก่อนจะเดินแหวกฝูงคนมุงจากไป

โดยทิ้งคำพูดเป็นลางเอาไว้ ให้กับผมเพียงคนเดียว

 

“ เมื่อกี้คืออะไรกันน่ะ…… ”

 

และ พอผมกำลังรู้สึกหวั่นใจกับกับคำพูดของคุณกิมเล็ตอยู่

 

“ เฮ้ยแกครอสไอ้บ้าห้าร้อย! ”

“ โอ๊ยยย!? เอ๊ะ เดี๋ยว อะไรเหรอจิเซล!? ”

 

หันหน้าทั้งน้ำตาไปหาจิเซลที่จู่ๆก็ฟาดมะเหงกใส่หัวผมเฉย

เท่านั้นแหละจิเซลโวย “อะไรเหรอบ้านเตี่ยแกดิวะ!” พร้อมกระชากคอเสื้อผมแผดเสียงอย่างเกรี้ยวกราด

 

“ แกมันปัญญานิ่มเรอะ! ไหงถึงได้ปฎิเสธคำชวนของคนจากตระกูลดยุคซะห้วนๆดังฉับแบบนั้นเล่า! ”

 

จิเซลเขย่าๆตัวผมโดยที่ยังคงกระชากคอเสื้อไว้อยู่อย่างนั้น

 

“ ไอ้แบบนั้นน่ะต้องพูดหลบว่า ‘จะขอไว้พิจารณา’ เพื่อไม่ให้เป็นการทำอีกฝั่งเสียหน้า แล้วไว้ค่อยปฎิเสธอย่างสุภาพในภายหลังต่างหากเว้ย! เป็นแบบนั้นแท้ๆแต่กลับเล่นปฎิเสธซะหน้าแหกกลางสายตาธารกำนัลเฉยเลย! แกถูกมันจ้องหมายหัวโดยสมบูรณ์เลยนะเว้ยนั่นน่ะ! ”

“ เอ๊ะ!? ”

 

จะ จริงด้วยจะว่าไปแล้ว ไอ้การบอกปัดห้วนๆนั่นก็อาจจะดูเสียมารยาทพอควรเลยรึเปล่า……?

 

“ มะ ไม่สิแต่ว่า เขาบอกว่าอยากได้คำตอบทันทีตอนนี้เลยนี่นา แถมคาบเรียนสอนมารยาทสังคมนี่ผมก็ไม่ได้ลงไว้ด้วยเพราะคิดว่าเดี๋ยวไว้ค่อยเรียนทีหลัง…… ”

“ โอ๊ยยเพราะงี้ไงฉันถึงได้พยายามจะเข้าไปแทรกไว้……! ”

 

พอเห็นผมแตกตื่นลนลานอย่างหนักเข้าแล้ว จิเซลก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

 

“ ……เอ้อแต่ว่า แกก็คิดถูกแล้วแหละนะที่ไม่ได้ตกลงเข้าร่วมสังกัดไป ”

 

จิเซลทำสายตาเพลียๆไปพลาง กล่าวยืนยันเห็นพ้องกับสิ่งที่ผมเลือก

 

“ ไอ้หอกนั่นถึงปากจะพูดว่ารับรองได้สวัสดิการดี แต่หากทำพลาดขึ้นมาละก็ขนาดแคทลียาที่เป็นเครือญาติก็ยังถูกปฏิบัติซะแบบนั้นเลย เดาไม่ถูกเลยว่าถ้าเป็นพวกเราที่ถล่มชื่อเสียงเรียงนามของพรรคจนย่อยยับแล้วละก็จะโดนอะไรมั่ง ”

“ เป็นแบบนั้นจริงๆด้วยสินะ…… ”

 

คำพูดของจิเซลที่กล่าวความคิดเดียวกันกับผมออกมา ทำให้รู้สึกโล่งอกว่าการตัดสินใจของตนเองไม่ได้ผิดพลาดไปจริงนั่นแหละ

แต่แล้วจิเซลก็ชี้นิ้วตรงเข้ามาใส่ผม พร้อมกับกล่าวต่อว่า “แต่ว่านะ” ดั่งกับเป็นการแจ้งเตือน

 

“ อย่างที่ว่าไปตะกี้นี้แหละ แกถูกมันหมายหัวโดยสมบูรณ์เข้าแล้วนะเว้ย! ให้ว่าแล้วออกจะดูเหมือนกับว่ามันสนใจแค่แกคนเดียวมาตั้งแต่แรกแล้วด้วย……ชักได้กลิ่นตุๆยังไงชอบกลว่ะ ถึงจะมีกฎห้ามไม่ให้เอาคืนไว้แต่ก็ไม่รู้เลยว่าต่อจากนี้ไปจะโดนมันทำอะไรเอา ระวังตัวเอาไว้ให้ดีๆเชียวล่ะ ”

“ เอ๊ะ ”

 

สีหน้าของจิเซลที่ดูเคร่งเครียดของแท้มันทำเอาแก้มผมถึงกับกระตุกขึ้นมาเลย

ดะ เดี๋ยวก่อนนะ?

หรือว่าคำพูด “ถ้าไม่เสียใจภายหลังก็คงดีนะ” ที่คุณกิมเล็ตทิ้งเอาไว้เมื่อกี้จะมีความหมายแบบนั้นเองเหรอ……?

เป็นไปได้ หากลองนึกถึงการปฏิบัติที่คุณแคทลียาได้รับแล้วละก็……

 

“ ทะ ทำยังไงดีล่ะ…… ”

 

เนื่องจากคุณกิมเล็ตจากไปแล้ว บรรยากาศโดยรอบจึงเริ่มกลับมาเป็นดังเดิมอีกครั้ง

ส่วนผมก็กำลังกลุ้มอับจนหนทางอยู่เบื้องหน้าปัญหาหนักอกเรื่องใหม่นี่ล่ะ  

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ยกาลครั้งนึงแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเมื่อไหร่ ได้มีวีรสตรี 3 คนที่ถูกกล่าวขานล่ำลือกันว่าเป็นตัวตนผู้แข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุดในโลกอยู่ครับ ความแข็งแกร่งของพวกเธอนั้นเรียกได้ว่าเป็นระดับเหนือมนุษย์เลยเชียว คนนึงสามารถต่อยขุนเขาให้แหลกกระจุยได้ด้วยหมัดเปล่า คนนึงสามารถเป่าร่างของพลทหารนับหมื่นนายให้ลอยปลิวหายไปได้ด้วยการโจมตีจากเวทมนตร์เพียงครั้งเดียว ส่วนอีกคนก็เป็นหญิงพิลึกพิลั่นที่เอาเวทฟื้นฟูกับเวทสนับสนุนมาใช้ฆ่าคนได้ เลยกลายเป็นตัวตนที่ถูกหวาดกลัวไปตามระเบียบ แค่เพียงคนเดียวก็โหดพอจะทำให้ประเทศหนึ่งถึงการล่มสลายได้อย่างง่ายดายแล้ว ยิ่งถ้าเหล่าวีรสตรี 3 คนนั้นมาสุมหัวรวมตัวไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วนี่คงอาจต้องเรียกว่าเป็นภัยพิบัติเดินได้ การหวนคืนชีพของเทพมาร หรือในบางพื้นที่ก็อาจจะระบุตัวตนของพวกเธอเป็นเทพผู้ชั่วร้ายกันเลยก็เป็นได้…..หากอาศัยใช้งานความแข็งแกร่งนั่นซะอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอะไรต่อมิอะไรก็คงบันดาลให้เป็นดั่งที่ใจพวกเธอต้องการได้เกือบทั้งหมดเลยกระมัง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีสิ่งที่แม้แต่สามคนนั้นเอง ก็ยังไม่อาจได้มาครอบครองอยู่ครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset