เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย – ตอนที่ 69 มาตรการรับมือความเร็วกับจ้าวแห่งผืนป่า (2)

หลังจากที่การฝึกเริ่มต้นแบบนั้นไปได้เป็นเวลาสองวัน

 

“ ——<<สปีดเอาท์>> ! ”

 

หมอกสีดำถูกปล่อยพวยพุ่งออกมาจากฝ่ามือของผมที่กล่าวคำร่ายเสร็จสิ้น

 

“ กุก๊ะ!? ”

 

มอนสเตอร์ใน <<ผืนป่าเบื้องลึก>> ที่โดนอาบด้วยหมอกสีดำเข้าไปเต็มๆนั่นพลันแผดเสียงกรีดร้อง การเคลื่อนไหวหน่วงช้าอืดอาดขึ้นมานิดหน่อย และพอผมทะยานอ้อมเข้าไปจากด้านข้างพร้อมฟาดฟันคมดาบลงไปกลางบริเวณจุดอ่อนปุ๊บ การปราบปรามก็เสร็จสิ้นลงได้ภายในชั่วอึดใจเดียวเลย

ผมถึงกับเผลอตัวกำหมัดอย่างยินดี

 

“ สำเร็จ! ”

“ เยี่ยมไปเล้ยยครอสคุง เรียนสกิลลดความเร็วได้สำเร็จแล้วล่ะดีใจด้วยย~ ยังคงเรียนรู้ได้เร็วเหมือนเคยสุดยอดไปเลยน้าา ”

“ หวา คุณเทโลเมียร์ครับ!? ”

 

ทำหน้าแดงให้กับคุณเทโลเมียร์ที่เข้ามาลูบๆโอ๋ๆเต็มที่เต็มเหนี่ยวด้วยท่าทางราวกับว่าโอบกอดรอบหัวผมไปพลาง ตอบกลับว่า “เป็นเพราะได้อาจารย์ช่วยแท้ๆเลยครับ!” ไปด้วยรอยยิ้ม

และคุณเทโลเมียร์ก็กล่าวต่อโดยที่ยังคงกอดผมเอาไว้อยู่แบบนั้น

 

“ เพราะว่าคู่ต่อสู้ในคราวนี้แข็งแกร่งกว่ามาก ก็เลยมีกำหนดการณ์จะแบ่งการฝึกวิชาออกเป็นขั้นๆแล้วค่อยเคลียร์ไปทีละขั้นหรอก แต่เท่านี้ก็เคลียร์ขั้นแรกได้เรียบร้อยแล้วล่าา ดังนั้นก็รีบเข้าสู่ขั้นที่สองกันเล้ยย……เนี่ยอยากจะพูดแบบนั้นอยู่หรอกน้าา ”

“ ? ”

 

เห็นแสดงท่าทางยินดีกับการได้สกิลของผมอยู่ไม่ทันไร คุณเทโลเมียร์ก็พลันเว้นช่วงคำพูดเอาไว้อย่างกลุ้มๆเฉยเลยซะงั้น

และในฉับพลันเดียวกัน ก็มีบุคคลผู้นึงร่วงลงมาจากท้องฟ้า

คุณลูด์มิร่าที่พอทำการฝึกกลั้นหน่วงเวทมนตร์จบแล้ว ก็มักจะแว้บหายตัวไปที่ไหนซักแห่งอยู่เรื่อยนั่นเอง

 

“ เป็นไงบ้างง~ ลูด์มิร่าจัง ทางฝั่งฉันนี่ครอสคุงเขาฝึกจนได้สกิลมาอย่างเรียบร้อยเร็วไวแล้วนะ แล้วทางนั้นล่ะหา ‘รู’ ดีๆเจอแล้วรึยังเอ่ยย~? ”

“ ไม่ไหว ฉันที่เป็น <<คลาส>> สายจอมขมังเวทนี่มีขีดจำกัดในด้านการค้นหาจริงๆนั่นล่ะ ผืนป่าช่างกว้างใหญ่ไพศาลมากเหลือเกิน หา ‘รู’ ในอุดมคติไม่ได้เลย ”

“ อื~มม จะยอมผ่อนปรนลดมาตรฐานให้ต่ำลงมาหน่อยก็อาจจะได้หรอก แต่คราวนี้เราก็อยากจะทำให้ได้เต็มที่น่ะน้าา ”

 

ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนคำพูดกันดั่งกับว่าเคร่งเครียดปรึกษาหารือเรื่องอะไรซักอย่าง

พอฉงนสงสัยว่ามีอะไรแล้วลองถามออกไปดู ก็ได้คำตอบอันผิดคาดลอยกลับมา

 

“ คือว่าน้าา~ ในการฝึกขั้นที่สองนี่ กะว่าจะให้ครอสคุงได้ฝึกแบบเน้นไปยังการต่อสู้จริงซะที แต่ยังตามหาสถานที่ฝึกที่เหมาะสมกับความสามารถของครอสคุงในตอนนี้ไม่เจอเลยน่ะซี้~ ”

 

คุณเทโลเมียร์เอานิ้วของสองมือประสานกันด้วยท่าทางรู้สึกผิด

 

“ ถ้าสั่งสมประสบการณ์ต่อสู้จริงที่มีคุณภาพได้มากๆแล้ว ก็จะทำให้ชินกับการต่อสู้ที่ต้องใช้ <<สปีดเอาท์>> ได้เร็วมากยิ่งขึ้น และความเร็วการเติบโตของ สกิลLV ก็จะพุ่งสูงแตกต่างออกไปจากตลอดมานี้เลยเชียวล่าา~ ในเมื่อเหลือเวลาจนกว่าจะถึงการประลองอยู่ไม่มาก ก็เลยอยากจะหาสถานที่ฝึกที่ยอดเยี่ยมที่สุดให้ได้น่ะน้าา~ ”

“ เป็นแบบนั้นเองเหรอครับ…… ”

 

อุตส่าห์ลงทุนทำถึงขนาดนั้นเพื่อให้ผมได้ฝึกเลยเหรอ……คิดแล้วก็ชักจะรู้สึกผิดขึ้นมายังไงชอบกล

แต่ก็แปลกๆอยู่แฮะ

ถ้าจะให้ต่อสู้จริงแล้วละก็ แค่ถลำเข้าไปใน <<ผืนป่าเบื้องลึก>> อันเป็นรังของเหล่ามอนสเตอร์แห่งนี้ในระดับที่พอดีซะก็พอแล้วนี่นา? แถมว่ากันแต่แรกเริ่มเดิมทีแล้ว ‘รู’ ที่เค้าว่านั่นมันหมายถึงอะไรกันน่ะ? ——พอผมเอียงหัวอย่างฉงนสงสัยอยู่แบบนั้น คุณลีโอเน่ก็พลันเอามือตบเข่าดังฉาดแล้วกระโดดลุกขึ้น

 

“ ช่วยไม่ได้นะ ไล่หาแบบมั่วซั่วไปก็มีแต่จะเสียเวลาเปล่าด้วย ไปพบหน้าไอ้เจ้านั่นที่เป็นเซียนผู้รอบรู้เรื่องผืนป่ากันเหอะ ”

 

เจ้านั่นที่เป็นเซียนผู้รอบรู้เรื่องผืนป่า……?

 

“ แต่เอ้อ การจะพบหน้ากับไอ้เจ้านั่นมันก็ค่อนข้างจะลำบากอยู่นิดหน่อยเหมือนกัน ดังนั้นแหละ—— ”

 

ตุบ……พอทุบไหล่ผมแล้ว คุณลีโอเน่ก็ปั้นรอยยิ้มดุร้ายขึ้นมาพลางกล่าวว่าแบบนี้

 

“ ครอส โทษทีนะแต่คงต้องให้แกช่วยนิดหน่อยแล้วล่ะ ”

“ เอ๊ะ? อ๊ะ ครับ ได้แน่นอนครับ! ”

 

คนที่เป็นเซียนรอบรู้เรื่องผืนป่านี่คือใครกันหว่า……มีคำถามใหม่ๆแล่นปรากฎขึ้นมาหรอก

แต่ถ้าจะช่วยให้สามารถลดภาระของพวกอาจารย์ที่วางแผนการฝึกให้อย่างเต็มที่ลงมาได้ซักนิดแล้วละก็……ผมที่คิดเช่นนั้นจึงพยักหน้าตกลงในทันทีไม่มีโอ้เอ้

 

 

 

 

ด้วยเหตุนั้น ผมที่อาสาจะช่วยงานพวกอาจารย์อย่างยินดี ก็เลยถูกบีบให้ต้องเดินย่ำต๊อกอยู่กลาง <<ผืนป่าเบื้องลึก>> ในสภาพแบกข้าวของเยอะแยะพะรุงพะรัง

 

“ ——เอ้ย นี่มันเป็นการช่วยงานแบบไหนกันเนี่ย!? ”

 

ผ่านมาได้ซักระยะแล้วหลังจากที่เริ่มเดินไปมาภายในป่าดังที่พวกอาจารย์บอก……แต่กลับไม่เห็นจะเข้าใจความหมายเลยซักนิด

เห็นเค้าว่าจะไปพบหน้ากับผู้รอบรู้? เกี่ยวกับผืนป่า เพื่อตามหาสถานที่ทำการฝึกต่อสู้จริงซึ่งอยู่ในระดับพอเหมาะแท้ๆ แต่ที่ผมกำลังทำอยู่นี่ก็มีแค่เดินเรื่อยเปื่อยวนอยู่ภายในบริเวณทิศตะวันตกของผืนป่าเท่านั้นเอง

แถมข้าวของมากมายที่ผมกำลังแบกพะรุงพะรังอยู่นี่ ก็ยังเป็นขนมหวานที่ซื้อมาจากบัสเคิลเบียร์ทั้งหมดเลยอีกต่างหาก

ชักจะมึนไม่เข้าใจความหมายกันไปใหญ่แล้ว

 

“ เห็นว่าพวกคุณเทโลเมียร์เค้าจะซ่อนกลิ่นอายแล้วคอยตามอยู่ข้างหลังผมหรอก แต่แบบนี้ก็เหมือนว่าเอาผมเป็นเหยื่อเพื่อล่อให้มอนสเตอร์ออกมาเลยนี่นา…… ”

 

พอคิดแบบนั้นแล้วก็พลันสังเกตขึ้นมา

 

“ อ้าว? จะว่าไปแล้ว เหมือนว่าจะไม่เจอมอนสเตอร์เลย…… ”

 

ทั้งที่เดินวนไปมาอยู่เป็นเวลานานพอสมควรเลยแท้ๆ แต่กลับไม่เจอะเข้ากับศัตรูเลยซักครั้งเดียว……ผมสังเกตถึงความแปลกประหลาดเช่นนั้นแล้วรู้สึกหนาวไปจนถึงไขสันหลัง

<<ผืนป่าเบื้องลึก>> คือแหล่งสั่งสมพลังเวทที่มีอยู่เพียงไม่กี่ที่ภายในโลกใบนี้

ดินแดนมารที่ต่อให้จะปราบปรามซักเท่าไหร่ แต่พลังเวทที่เหลือตกค้างอยู่ภายในก็จะก่อผลกระทบทำให้มีมอนสเตอร์ถือกำเนิดออกมาเป็นจำนวนนึงอยู่เสมอ

เป็นแบบนั้นแท้ๆแต่กลับไม่เจอมอนสเตอร์เลยเนี่ยนะ ดั่งกับว่าพวกมอนสเตอร์จงใจหลีกเลี่ยงไม่เข้ามาใกล้แถวบริเวณนี้เลยงั้นแหละ——และเป็นในฉับพลันที่คิดไปถึงจุดนั้นเอง

 

 

ครืนครืนครืนครืน——!

 

 

“ ฮึก!? ”

 

ที่กังวานขึ้นมาเป็นอย่างแรกสุด ก็คือเสียงหมู่ไม้ถูกกวาดกระจุยล้มลง

ที่ทำให้ขนทั่วร่างลุกชันขึ้นมาต่อ ก็คือพลังเวทที่ยิ่งใหญ่ซะจนน่าสยดสยองเหลือเกิน

และสิ่งที่ทะยานเข้ามาภายในดวงตาของผมที่อึ้งตะลึงงัน ก็คือเงาขนาดยักษ์ใหญ่

 

“ ห้ะ——!? ”

 

ไอ้เจ้านี่มันอะไรกันน่ะ!?

เจ้าสิ่งนั้นที่ปรากฎกายออกมาอย่างกะทันหัน มันทำเอาผมถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปเลย

มังกรดำ

มอนสเตอร์ขนาดยักษ์ใหญ่ที่ถือครองศักยภาพเป็นระดับสูงที่สุดภายในบรรดามอนสเตอร์ มันกำลังยืนตระหง่านปิดกั้นเส้นทางอยู่เบื้องหน้าผม

มีขนาดใหญ่กว่าร็อกลิซาร์ด วอริเออร์กว่าหลายเท่าตัว อาจจะไม่ถือว่าใหญ่มากเท่าไหร่ในฐานะมังกร แต่ถึงอย่างนั้นก็เห็นได้ชัดเจนเลยว่าพลังวิญญาณที่ห่อหุ้มร่างกายนั่นเอาไว้มันช่างทรงพลังผ่าเหล่ามากมายเหลือเกิน

ระดับที่น้ำหน้าอย่างผมไม่อาจจะวัดความแข็งแกร่งได้อย่างถูกต้องด้วยซ้ำ

ออร่าความน่าเกรงขามช่างเหนือล้นท่วมท้น แรงกดดันที่ทัดเทียมได้กับพ๊อยซั่นสไลม์ฮีโดร่า ซึ่งเป็น ริสก์ 9 ที่เคยถล่มเข้ามาโจมตีบัสเคิลเบียร์นั่นเล่นทำเอาผมแทบลืมหายใจ

แต่ทว่า——เหตุการณ์ที่ทำให้ผมช็อคมากจนลืมหายใจอย่างแท้จริงเลยนั่น มันกำลังจะบังเกิดขึ้นในพริบตาให้หลังต่างหาก

 

[มันอะไรกันเน่อ ได้กลิ่นหอมหวานก็เลยออกมาดู แต่ไม่คิดฝันเลยเชียวว่าจะมีเด็กชาวมนุษย์มาเดินอยู่ตัวคนเดียวในที่เช่นนี้ เจ้าหลงทางมางั้นหรือ?]

“ ……ฮึก!? ”

 

พะ พูดได้!?

เอ๊ะ ตะกี้ มังกรดำตัวนี้พูดออกมาเหรอ!?

ฉงนสงสัยในหูตัวเองเพราะคิดว่าต่อให้ยังไงแต่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้หรอก——

 

[อ้าวเป็นเช่นใดไปเล่า ไม่ตอบหรือ……ไม่ซี ดีไม่ดีแล้วแค่สามารถประคองสติอยู่เบื้องหน้าเราผู้นี้ได้แค่นั้นก็นับว่าเก่งใช้ได้แล้วรึเปล่าเน่อ]

“ ……ขึก! ”

 

มะ ไม่ผิดแน่

มังกรดำตัวนี้มองตาผม แผดเสียงออกจากลำคอ แล้วพูดเป็นภาษาออกมาจริงๆเลย

ความจริงเรื่องนั้นเล่นเอาผมช็อคซะจนมึนงงทำอะไรไม่ถูก

ก็ลองคิดดูสิ มอนสเตอร์ที่เข้าใจภาษามนุษย์นี่ หากเป็นตามปกติแล้วละก็ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก

เคสที่พอจะเป็นไปได้ก็คือ มอนสเตอร์แบบพิเศษที่มีชีวิตอยู่เป็นเวลานานจนได้มาซึ่งพลังอำนาจอันแข็งแกร่งและสติปัญญา หรือไม่ก็——เผ่าพันธุ์ระดับสูงของมอนสเตอร์

ศัตรูคู่ฟ้าของเผ่ามานพ——เผ่ามารนั่นเอง

เท่านั้นแหละ เหงื่อเย็นเฉียบปริมาณมหาศาลพลันแตกพลั่กออกมาท่วมไปทั่วทั้งร่าง

ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีอสูรร้ายแบบนี้ซ่อนตัวแฝงเร้นอยู่ภายใน <<ผืนป่าเบื้องลึก>> ที่ไม่มีเทพมารอยู่อีกแล้ว——และ ในพริบตาให้หลังจากที่หัวผมกลายเป็นสีขาวโพลน

 

“ โอ้ว มาติดกับแล้ววุ้ยมาติดกับแล้ววุ้ย ”

“ คิดถูกจริงๆเน้อที่ฝากให้ครอสคุงช่วยจัดการ~ ”

“ หากพวกเราออกไปด้วยตนเอง มันก็คงจะระแวงไม่ยอมโผล่หัวออกมาด้วยละนะ นับว่าเป็นงานดีๆที่มีเพียงครอสเท่านั้นจึงจะทำได้โดยแท้เลย ”

 

ขั้วตรงข้ามกับผมที่ประหม่าจนถึงขั้นเตรียมใจพร้อมจะตาย พลันมีเสียงใสเริงร่าดังกังวานขึ้นมาจากเบื้องหลัง  

อ๊ะ จะว่าไปแล้วพวกอาจารย์เค้าก็คอยตามดูอยู่จากข้างหลังด้วยนี่นะ……เป็นในฉับพลันให้หลังจากที่ผมนึกออกเช่นนั้นได้ซะที

 

[กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด!? ใยพวกเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่ด๊ายยยยยยยยยย!?]

 

จู่ๆ มังกรดำที่สังเกตเห็นการปรากฎตัวของพวกอาจารย์ก็แผดเสียงกรีดร้องดังสนั่น

แล้วร่างกายนั้นก็หดเล็กลงมาอย่างรวดเร็วสุดขีด ก่อนจะ——

 

“ พะ พวกเจ้ามาทำอะไรกันมิทราบ!? ห้ะ อย่าบอกนะว่าเจ้าเด็กน้อยหลงทางตรงนั้นคือกับดักเพื่อใช้ล่อให้เราออกมางั้นหรือ!? ”

 

เด็กหญิงผิวสีคล้ำที่มีเขางอกออกมาเพียงข้างเดียว พลันปรากฎตัวขึ้นมา ณ จุดที่มังกรดำเคยอยู่เมื่อตะกี้นี้

มันยังไงกันน่ะ!?

 

“ เดี๋ยวสิ อาจารย์ครับ!? เด็กผู้หญิงน่ารักคนนี้เค้าเป็นตัวอะไรกันครับ!? ”

 

ผมรุกไล่เข้าไปหาพวกอาจารย์โดยที่ยังตกตะลึงและสับสนจนจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกเลย

แล้วทีนี้ คุณลีโอเน่ก็เกาหัวแกรกๆเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โตไปพลาง,

 

“ อ่อ ไอ้เจ้าเนี่ยมันคือเซียนเรื่องผืนป่าที่พวกเรากำลังตามหาอยู่ไงล่ะ ”

“ เซียนเรื่องผืนป่านี่……ไม่สิแต่ว่า เมื่อกี้เห็นเหมือนกับว่าแปลงจากร่างมังกรดำมาเป็นแบบนี้นี่ เค้าเป็นคนแบบไหนกันครับเนี่ย!? ”

“ งืมม .เอ้อพูดแบบง่ายๆแล้วก็คือ เป็นตัวที่คล้ายๆกับจอมมารนั่นแหละนะ ”

“ จอมมะ……!? ”

 

คำพูดของอาจารย์ที่หลุดออกมาได้อย่างสบายใจเฉิบเหลือเกินนั่น ทำเอาผมสับสนเกินขีดจนตัวแข็งทื่อไปเลย

 

“ ไม่ใช่คล้ายๆเสียหน่อย! ”

 

และราวกับเป็นการยกระดับความสับสนของผมให้เพิ่มมากเข้าไปอีก เด็กหญิงเขาเดียวพลันตะโกนออกมาในสภาพน้ำตาคลอเบ้า

 

“ เราผู้นี้ล่ะคือจอมมารตัวจริงเสียงจริงซึ่งเป็นนายเหนือหัวของเหล่าอสูรมารทั้งปวง, ซอลตี้ บัสคาเดีย ยังไงละเน่อ! ”

 

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย

เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย
Status: Ongoing
อ่านนิยายเหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ยกาลครั้งนึงแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเมื่อไหร่ ได้มีวีรสตรี 3 คนที่ถูกกล่าวขานล่ำลือกันว่าเป็นตัวตนผู้แข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุดในโลกอยู่ครับ ความแข็งแกร่งของพวกเธอนั้นเรียกได้ว่าเป็นระดับเหนือมนุษย์เลยเชียว คนนึงสามารถต่อยขุนเขาให้แหลกกระจุยได้ด้วยหมัดเปล่า คนนึงสามารถเป่าร่างของพลทหารนับหมื่นนายให้ลอยปลิวหายไปได้ด้วยการโจมตีจากเวทมนตร์เพียงครั้งเดียว ส่วนอีกคนก็เป็นหญิงพิลึกพิลั่นที่เอาเวทฟื้นฟูกับเวทสนับสนุนมาใช้ฆ่าคนได้ เลยกลายเป็นตัวตนที่ถูกหวาดกลัวไปตามระเบียบ แค่เพียงคนเดียวก็โหดพอจะทำให้ประเทศหนึ่งถึงการล่มสลายได้อย่างง่ายดายแล้ว ยิ่งถ้าเหล่าวีรสตรี 3 คนนั้นมาสุมหัวรวมตัวไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วนี่คงอาจต้องเรียกว่าเป็นภัยพิบัติเดินได้ การหวนคืนชีพของเทพมาร หรือในบางพื้นที่ก็อาจจะระบุตัวตนของพวกเธอเป็นเทพผู้ชั่วร้ายกันเลยก็เป็นได้…..หากอาศัยใช้งานความแข็งแกร่งนั่นซะอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอะไรต่อมิอะไรก็คงบันดาลให้เป็นดั่งที่ใจพวกเธอต้องการได้เกือบทั้งหมดเลยกระมัง แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีสิ่งที่แม้แต่สามคนนั้นเอง ก็ยังไม่อาจได้มาครอบครองอยู่ครับ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset