“ เอ๊ะ……จอมมารนี่ หมายถึงจอมมารจริงๆเลยน่ะเหรอครับ!? ”
ผมแผดเสียงอย่างตกตะลึงโดยที่ยังคงสับสนอลหม่านขั้นหนักอยู่ดังเดิม
ก็ลองคิดดูสิ จอมมารนี่คือคำสรรพนามซึ่งใช้เรียกขานมหันตภัยที่จะถาโถมเข้าทำร้ายเผ่ามานพเลยเชียวนะ
และหากดูกันจากจุดเริ่มแล้ว จะพบว่าเทพมารที่เคยทำให้เผ่ามานพเกือบต้องล่มสลายในอดีตกาลนั่นก็คือตัวตนที่ถูกเรียกว่าเป็นจอมมารซึ่งแข็งแกร่งที่สุดภายในประวัติศาสตร์ด้วย หากพูดถึงจอมมารแล้วโดยหลักก็จะถือเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเผ่ามานพนี่ล่ะ
เป็นมหันตภัยสุดแข็งแกร่งทรงพลังระดับที่ต้องให้เหล่านักผจญภัยระดับ S จับปาร์ตี้ร่วมกันสู้เลยนั่นแหละถึงจะพอทัดเทียมได้มั่ง……ซึ่งต่อให้คิดยังไง เด็กหญิงผิวสีคล้ำแสนน่ารักที่อยู่ตรงหน้านี่ก็ไม่เห็นจะตรงกับภาพลักษณ์ใดๆที่ว่ามาเลยซักนิด
เอิ่มแต่ก็นะ อย่างน้อยก็สมกับที่กล้าเรียกตนเองว่าเป็นจอมมาร สัมผัสถึงพลังอำนาจอันมหาศาลได้จากตัวเค้าอยู่เหมือนกันหรอก
พอเห็นผมที่ตีสีหน้าสับสนพลางตัวสั่นนิดๆแล้ว คุณซอลตี้ก็พยักหน้าอย่างอารมณ์ดียังไงชอบกล
“ อืมอืม อยู่ต่อหน้าจอมมารผู้สูงศักดิ์แล้วก็สมควรต้องหวาดหวั่นยำเกรงเช่นนั้นแลจึงจะถูกต้อง นับว่าเจ้าเก็บแต้มได้ค่าความชอบของเราไปมากมายเลยทีเดียวเชียวเน่อ เจ้าหนูชาวมนุษย์เอ๋ย ”
เหมือนจะปลื้มเรื่องอะไรซักอย่างรึไง คุณซอลตี้ก็เลยปั้นรอยยิ้มขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ
คุณลีโอเน่เปล่งเสียงอย่างเพลียๆเข้าไปหาคุณซอลตี้ที่ยิ้มแฉ่งอยู่แบบนั้น
“ จอมมารผู้สูงศักดิ์บ้าบออะไรกันเฮ้ย เป็นจอมมารแบบครึ่งๆกลางๆที่ขนาดพวกมารอสูรลูกกะจ๊อกก็ยังพากันเมินไม่เห็นหัวต่างหากสิไม่ว่า ”
“ อุก!? ”
คุณซอลตี้แผดเสียงครวญครางออกมาราวกับถูกจี้ใจดำ
แต่แล้วในนาทีถัดมาก็กระทืบเท้างอแงพลางเริ่มเปล่งเสียงโต้แย้งสุดฤทธิ์
“ หนกขูหนกขู! ที่เราต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้ มันก็เป็นเพราะเผ่ามานพอย่างพวกเจ้าไม่ยอมลงดาบปลิดชีพเทพมารให้ได้อย่างสมบูรณ์เสียทีต่างหากเล่า! อย่าได้มาปรักปรำว่ากลายเป็นจอมมารแบบครึ่งๆกลางๆเพราะเรากระจอกเองเด็ดขาดเลยเน่อ! ”
“ อะ อะหวาหวาหวาหวา ”
แม้จะหวาดหวั่นขวัญเสียกับการกระทืบเท้างอแงที่แทบทำเอาแผ่นดินแยกไปพลาง แต่ผมที่จับต้นชนปลายไม่ถูกก็เอ่ยถามกับพวกอาจารย์เข้าอีกรอบ
“ อะ เอ่อ แล้ว สรุปว่าคุณซอลตี้เค้าเป็นอะไรกันแน่เหรอครับ? จอมมารแบบครึ่งๆกลางๆนี่มันคืออะไร…… ”
“ อืม เรื่องอาจจะยาวหน่อย แต่ก็จะไล่อธิบายเป็นลำดับไปก็แล้วกัน ”
ได้ยินคำถามของผมแล้ว คุณลูด์มิร่าก็อ้าปากกล่าวขึ้นอย่างเงียบสงบ
“ จอมมารซึ่งเป็นจุดสูงสุดของมอนสเตอร์นั้นจะมีเงื่อนไขในการปรากฎตัวอยู่ ถึงแม้จะไม่อาจทราบว่ามีหลักการเช่นไหนอย่างไร แต่เมื่อจอมมารรุ่นก่อนตายจนเวลาผ่านไปได้หลายปี หลายสิบปีแล้ว มอนสเตอร์หรือเผ่ามารที่แข็งแกร่งทรงพลังมากที่สุดภายในโลกก็จะ ‘กลาย’ เป็นตัวตนซึ่งถูกเรียกว่าจอมมารไปโดยอัตโนมัติน่ะ ประหนึ่งกับภายในฝูงปลาซึ่งมีแต่ตัวผู้ จะมีเพียงตัวที่ใหญ่สุดกลายเป็นตัวเมียไปแทนน่ะ ”
“ แต่ในกรณีของไอ้เจ้าซอลตี้เนี่ย สถานการณ์มันจะต่างออกไปหน่อยนึงอะนะ เขาก็พูดกันอยู่ใช่มั้ยอะว่าดวงวิญญาณของเทพมารยังไม่ได้สลายหายไปโดยสมบูรณ์น่ะ? เพราะแบบนั้นแหละ ทำให้ถึงแม้ว่าไอ้เจ้านี่จะกลายเป็นจอมมารไป แต่ก็อยู่ในสภาวะไม่สมประกอบดีอะนะ นั่นไง เขาหงิกงอเพียงข้างเดียวนั่นแหละคือหลักฐาน ตามปกติแล้วจอมมารนี่จะมีเขาหงิกงออยู่บนหัวสองข้างแหละ ”
“ ……ขึก ”
คำชี้แจงของคุณลีโอเน่ที่รับช่วงอธิบายต่อนั้น ทำเอาคุณซอลตี้ถึงกับปกปิดใบหน้าด้วยท่าทางอับอายไปเลย
“ ปะ เป็นจอมมารจริงๆเลยสินะครับเนี่ย ”
ได้ยินคำอธิบายของพวกอาจารย์แล้ว ก็พอจะเข้าใจในตัวตนของคุณซอลตี้ได้ระดับนึง
แต่ถ้าอย่างงั้นแล้ว……แม้จะไม่สมประกอบดี ทว่าให้จอมมารของแท้ทำรังอาศัยอยู่ภายใน <<ผืนป่าเบื้องลึก>> ซึ่งเคยตกเป็นอาณาเขตของเทพมารมาก่อนแบบนี้มันจะไม่อันตรายเหรอ? ชักกังวลขึ้นมาแล้ว
ราวกับคาดเดาได้ถึงข้อสงสัยแบบนั้นของผม พวกคุณเทโลเมียร์พลันกล่าวคำพูดเพิ่มเติมออกมาอีก
“ จอมมารจะตั้งตนเป็นศัตรูกับเผ่ามานพมากถึงขนาดไหนนี่ แท้จริงแล้วจะมีความแตกต่างกันพอสมควรตามแต่ละตัวแหละน้าา~ ซอลตี้จังก็ไม่ได้ฆ่าคนแบบมั่วซั่วด้วย และถึงจะปราบไปได้ แต่ผ่านไปซักระยะเดี๋ยวก็จะมีตัวอื่นกลายเป็นจอมมารขึ้นมาอีกอยู่ดี ว่าตามตรงแล้วมีความเสี่ยงมากกว่าซะอีก ดังนั้นก็เลยปล่อยผ่านเอาไว้เฉยๆแบบนี้ยังไงล่าา~ ”
“ ดีไม่ดีแล้วยังจะสามารถตรวจวัดสัญญาณบอกเหตุถึงการสูญสลายหรือฟื้นคืนชีพของเทพมารได้จากสภาพของซอลตี้ด้วยอีกต่างหาก ทางประเทศและกิลด์จึงจะคอยพกของบรรณาการติดไม้ติดมือมาเฝ้าสังเกตการณ์เป็นช่วงๆเลยด้วยซ้ำไป เรียกได้ว่ามีความสัมพันธ์กับเผ่ามานพอย่างกลมเกลียวเลยเชียวล่ะ ”
“ เอ้อ ให้บรรยายถึงสถานะแล้วก็คงประมาณจอมมารที่ถูกเลี้ยงจนเชื่องหมดพิษสงละมั้งนะ ”
“ อะ เอิ่ม…… ”
ผมตะลึงงันกับคำพูดสรุปที่ตรงแหน่วไม่มีอ้อมค้อมของคุณลีโอเน่
ไม่อยากเชื่อเลยว่าทางประเทศกับกิลด์จะรับทราบถึงตัวตนของจอมมารและเลือกที่จะอาศัยอยู่ร่วมกันแบบนี้ ไม่เห็นเคยได้ยินซักนิด
……อ้าว? ให้ว่าแล้วเดี๋ยวก่อนนะ
ทั้งเรื่องที่ทางประเทศกับกิลด์แอบมีติดต่อพบหน้ากับจอมมารก็ดี หลักขั้นตอนตรวจสอบสภาวะการฟื้นคืนชีพของเทพมารถูกกำหนดเอาไว้อย่างดิบดีเลยก็ดี ทั้งหมดนี่เป็นข้อมูลปกปิดระดับสูงพอสมควรเลยรึเปล่าเนี่ย……!?
คนน้ำหน้าอย่างผมเผอิญมารู้เข้าแบบนี้มันจะดีจริงๆน่ะเหรอ!? คิดแล้วก็หวั่นใจตัวสั่นในคนละความหมายกับตอนที่เจอะจอมมาร
พอผมกำลังเลิ่กลั่กอยู่แบบนั้น ก็พลันมีพลังเวทมหาศาลพองตัวขยายใหญ่ขึ้นมาอยู่เคียงข้างอย่างกะทันหัน อะไรอีก!?
“ นว๊าาาาาาาาา! พวกเจ้าว่าใครเป็นจอมมารหมดพิษสงกัน ริอาจมาดูหมิ่นกันด๊ายยยยยยยยย! ”
“ คุณซอลตี้ครับ!? ”
พอหันไปมอง ก็พบกับคุณซอลตี้ที่โดนคำวิจารณ์แบบเสียๆหายๆของพวกอาจารย์เข้าไปจนโมโหสติหลุด เอ๋!?
“ เทียบกับคราวที่พวกเจ้ามายังผืนป่าแห่งนี้ครั้งก่อนแล้ว เราเองก็พาวเวอร์อัพขึ้นมาด้วยเช่นกันนะ! จงเฝ้าดูให้ดีเสียเถอะ! สกิล <<เขี้ยวมรณาแหวกอ้า>> ! ”
ในพริบตาที่คุณซอลตี้แผดเสียงคำรามพร้อมปลดปล่อยก้อนมวลพลังเวท
“ ——ฮึก!? อุว๊าาาาาาาาาาาาาาา!? ”
เสียงกัมปนาทและเสียงแผ่นดินสั่นสะเทือนเลือนลั่นดังสนั่นจนลืมตาไม่ขึ้น ผมแผดเสียงกรีดร้องไปพลางก้มตัวหมอบลงกับพื้น
ผ่านไปได้ซักพักแล้วจึงเงยหน้ามองขึ้นมา——ก่อนจะพบว่าป่าบริเวณโดยรอบถูกเป่ากระจุยหายไป
“ ……ขึก!? ”
ไม่อาจรู้ได้เลยว่ามีเนื้อที่ซึ่งโดนเป่ากระจุยกว้างมากถึงขนาดไหน
แต่อย่างน้อยที่สุด เนื้อที่ซึ่งกว้างมากพอจะบรรจุเขตฟื้นฟูปรับสภาพเมืองของบัสเคิลเบียร์ได้ทั้งดุ้นอย่างสบายๆก็ถูกแปรสภาพกลายเป็นพื้นที่โล่งว่างไปเรียบร้อย มองเห็นได้กว้างไกลจนคิดไม่ถึงเลยว่ากำลังอยู่กลางป่า นะ นี่มันอะไรกันน่ะ……!?
“ วะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ไงล่ะ! นี่ล่ะคือพลังของเราซึ่งเป็นจอมมารรุ่นปัจจุบัน! ต่อให้เป็นนักผจญภัยระดับ S ก็ตามทีเถอะ แต่ถ้ายังดูหมิ่นกันไม่เลิกละก็ซักวันจะได้เจอ—— ”
“ เวทน้ำแข็งจองจำแห่งสวรรค์ <<แอปโซลูทซีโร่ : ดิแซสเตอร์>> ”
“ สกิลนักรบชำนาญสิบทิศแห่งสวรรค์ <<บัฟกำลังแขนขั้นสุดขีด>> , <<หมัดมรณะแห่งเทพยุทธ์>> ”
ตู้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!
ราวกับเป็นการขัดเสียงหัวเราะแหลมสูงของคุณซอลตี้ที่แย้มยิ้มอย่างพึงพอใจหลังจากที่เห็นผมตัวสั่นขวัญเสีย——พวกอาจารย์เค้าปลดปล่อยพลังออกมา
พริบตานั้น——ผืนป่าก็พลัน ถูกเป่าแหลกกระจายหายลับไม่เหลือแม้แต่ซากไปจนถึงเส้นขอบฟ้าสุดลูกหูลูกตา
“ อะ อะบะ อะบะบะบะบะบะบะบะบะบะบะ ”
คุณซอลตี้ฟุบลงกับพื้นพร้อมปล่อยศักดิ์ศรีให้ไหลจ้อกออกมาจากกายท่อนล่าง
“ นะ นี่น่ะเหรอคือโหมดเอาจริงของนักผจญภัยระดับ S……!? ”
‘การข่มขู่’ ที่รุนแรงเกินเหตุของพวกอาจารย์นั่น ทำเอาผมได้แต่เปล่งเสียงตะลึงงันออกมาอีกรอบสถานเดียว
แล้วหลังจากนั้นอีกซักระยะ
“ ให้ตายซี เพราะมีอิทธิพลจากพลังเวทที่เหลือค้างก็เลยฟื้นสภาพกลับมาเป็นดังเดิมได้ในทันทีหรอก แต่เล่นถล่มให้ผืนป่าเละเทะมากขนาดนั้นได้เสียที่ไหนกันเล่า ……แล้วไง? มีธุระอะไรกับเราผู้นี้งั้นหรือ ”
คุณซอลตี้ที่สงบสติลงมาในระดับที่พอจะพูดคุยกันรู้เรื่องได้ซะทีเค้าหรี่ดวงตาจ้องเขม็งตรงไปทางพวกอาจารย์ เสื้อผ้าที่เปียกเปรอะเพราะเผลอปล่อยศักดิ์ศรีราดออกมาได้ถูกเวทลม น้ำ และไฟของคุณลูด์มิร่าช่วยจัดการจนกลับมาสะอาดดังเดิมแล้ว
“ อย่าทำหน้าเคร่งงั้นดิเอ้อ แค่อยากให้ช่วยหารูให้หน่อยก็เท่านั้นแหละ อยากจะเอามาใช้ในการฝึกสอนลูกศิษย์อะนะ ”
“ ลูกศิษย์? ”
คำพูดของคุณลีโอเน่ ทำเอาคุณซอลตี้ลืมตาโตอย่างแปลกใจสุดขีด
“ อะไรกัน ก็นึกว่าเป็นเหยื่อเพื่อล่อให้เราออกมาเสียอีก นี่พวกเจ้ารับศิษย์มาดูแลงั้นหรือ ไหนดูซิ ลูกศิษย์ที่ถูกเลือกโดยอ้ายพวกอสูรร้ายแสนหยิ่งยโสไม่เกรงใจใครพวกนี้มันจะเป็นตัวแบบไหนอย่างไร ”
“ หวา……!? ”
จู่ๆใบหน้าแสนน่ารักของคุณซอลตี้ก็กระชั้นชิดใกล้เข้าจนผมตัวแข็งทื่อ
และแล้ว คุณซอลตี้ที่จับจ้องมองผมตาเป็นมันก็พลันร้อง “อื๋อ?” พร้อมเอียงหัวอย่างฉงน จากนั้นจึงขยับเอาหน้าที่งามได้รูปให้เข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น——แล้วซุกหน้าลงไปกับต้นคอผมเฉยเลย!?
“ อุฮย้าา!? ”
สัมผัสของริมฝีปากที่อ่อนนุ่มนิ่มจนน่าตกใจกับแก้มที่ร้อนอุ่นๆทำเอาไหล่สะดุ้งโหยง
ผมเผลอทำหน้าแดงแป๊ดไปพลางบิดตัวพยายามจะหนีหรอก——แต่แรงช้างสารนี่มันอะไรกันน่ะ!?
หนีจากจอมมารไม่ได้!?
หัวใจเต้นตูมๆจนจะฉีกขาดอยู่แล้ว แต่คุณซอลตี้กลับใช้ร่างกายเล็กๆอย่างเต็มที่เพื่อรัดเอาร่างกายติดแนบชิดกับตัวผมเอาไว้
เค้าไล่ดมต้นคอผมถี่ๆดัง ‘ฟุดฟุด’ ทุกครั้งที่พ่นลมหายใจอุ่นๆลงมารดบริเวณส่วนที่อ่อนไหว ขนทั่วร่างก็จะลุกซู่ชูชันไปหมด ยะ หยุดทีเถ้อออ
“ อื๋อ? อื๋ออ? คิดไปเองรึเปล่าเน่อ? นี่เจ้า เป็นชาวมนุษย์แท้ๆแต่เหตุไฉนจึงจับได้กลิ่นอายประหลาดอย่างไรชอบกล—— ”
“ อีนังนี่หล่อนทำบ้าอะไรน่ะเฮ้ยไอ้เจ้าจอมมารเฮงซวยหื่นไม่ดูที่ดูทางเอ๊ยยยยยยยย! ”
“ มิกย๊าาาาาาาาาาาาาา!? ”
“ คุณซอลตี้ครับ!? ”
จู่ๆ คุณซอลตี้ก็ถูกกระชากตัวออกห่างไปจากผมอย่างรุนแรงสุดกู่ไปเลย
และในพริบตาให้หลัง พวกอาจารย์ก็ได้เข้ารุมล้อมรอบตัวคุณซอลตี้ไว้แล้ว
“ ริอาจทำการแต๊ะอั๋งว่าที่สามี——ลูกศิษย์ของฉันเลยเชียวหรือนับว่าแกกล้ามากจะเผาให้ตายเป็นเศษขี้เถ้าเลยเชียว ”
“ มีเวทฟื้นฟูขั้นสุดขีดอยู่ด้วยนี่เน้ออ ถ้าแค่นิดหน่อยละก็ต่อให้ฆ่าทิ้งไปเลยแต่ก็รักษาได้ไม่มีปัญหาน้าา~ ”
“ อะบะบะ อะบะบะบะบะบะบะบะบะบะบะบะ (จ้อกซ่าาาาา!) ”
“ เอ๊ะ ช่วยรอเดี๋ยวก่อนครับทุกคน! ผมไม่เป็นไรครับ! ไม่ได้ถูกเค้าโจมตีใส่เลยซักนิดครับ! ”
ถึงจะเป็นมิตร แต่พวกอาจารย์ก็คงจะระแวงคุณซอลตี้ที่ก็ยังเป็นจอมมารอยู่ดีละมั้ง
ผมจึงแหวกเข้าไปขวางพวกอาจารย์ที่ตั้งท่าเตรียมพร้อมรบ แล้วพูดหาทางให้พวกเค้าหยุดการโจมตีใส่คุณซอลตี้ได้ไปแบบหวุดหวิด
——ก็ ถึงแม้จะมีเรื่องให้ต้องวุ่นวายปั่นป่วนกันมากมายเลยก็ตามที
“ อะไรกัน! ไอ้เรารึก็คิดอยู่ว่าได้กลิ่นหอมๆ ที่แท้มีเตรียมของตอบแทนมาให้อยู่ด้วยเหมือนกันนี่! หัดพูดให้มันเร็วๆหน่อยซี! กะอีแค่ค้นหารูซึ่งเหมาะสมกับการฝึกของลูกศิษย์แค่นี้สบายมากอย่าห่วง! ”
คุณซอลตี้ที่สังเกตเห็นข้าวของมากมายที่ผมแบกมา——ซึ่งล้วนเป็นขนมหวานจากบัสเคิลเบียร์นั้นพลันแสดงท่าทางลันล้าดีใจจนลืมเรื่องที่ตนเองฉี่ราดไปเลย
แถมยังตกลงจะช่วยหารูตามที่พวกอาจารย์ไหว้วานให้อย่างยินดีเลยด้วย
และแล้ว ซักพักหลังจากที่คุณซอลตี้เดินนำพวกผมลึกเข้าไปในผืนป่าด้วยท่วงท่าเหมือนตรวจจับกลิ่นอายของอะไรบางอย่าง——พวกผมก็เดินทางมาถึงถ้ำที่ปลดปล่อยบรรยากาศที่ดูพิศวง
หรือว่า นี่จะเป็น……!?
“ อื้ออื้อ ถึงจะมีเขาเดียวแต่ก็สมกับเป็นจอมมารจริงๆน้าา ความแข็งแกร่งและประเภทของมอนสเตอร์ที่ปรากฎขึ้นมาล้วนตรงเป๊ะตามเงื่อนไขหมดเลย ถ้าเป็น ‘รู’ นี้ละก็เหมาะจะใช้เป็นแหล่งฝึกวิชาของครอสคุงมากๆเลยล่าา~ ”
คุณเทโลเมียร์ที่นำเข้าไปดูลาดเลาภายในถ้ำก่อนล่วงหน้า เค้าว่าแบบนั้นด้วยรอยยิ้มเบิกบาน
และแล้ว อาจารย์ผู้เป็นสุดแกร่งของโลกก็จับมือผมเชื้อเชิญให้มุ่งไปยังถ้ำ พร้อมกับพูดแบบนี้ออกมาด้วยท่าทางเหมือนเป็นเรื่องปกติ
“ นี่แหละคือการฝึกขั้นที่สองเพื่อให้สามารถรับมือกับ <<นักดาบประกายแสงระดับสูง>> ——ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะให้ครอสคุงทำการพิชิต ‘ดันเจี้ยน’ นี้ให้ได้ด้วยตัวคนเดียวน้าา ”