หลังจากที่ก้าวข้ามกำแพงโดยการกำราบสปริงฮอปเปอร์
วันวานแห่งการเข้าท้าชนเพื่อหวังพิชิตดันเจี้ยนก็ดำเนินสืบเนื่อง โดยที่ทำการฝึกสร้างมาตรการรับมือความเร็วกับพวกอาจารย์แต่ละคนควบคู่กันไปด้วย
มีศูนย์กลางอยู่กับการให้คุณเทโลเมียร์ช่วยสอนแนะนำวิธีใช้สกิลสายมาร เสริมด้วยการสู้ประลองฝีมือความเร็วสูงกับคุณลีโอเน่ และฝึกฝนสกิลที่ได้รับถ่ายทอดมาจากคุณลูด์มิร่า หากทำทั้งหมดครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว ก็จะพุ่งเข้าไปท้าชนกับดันเจี้ยนรัวๆเพื่อเป็นการตรวจสอบผลลัพธ์ที่ได้จากการฝึกตลอดทั้งวัน
“ ย่าาาาาาาาา! ”
“ กิ๊วววววววว!? ”
ใช้ก้อนหินเพื่อล่อนำวิถี เสแสร้งทำเป็นหนีเพื่อควบคุมทิศทางและจังหวะการโจมตี
วางแผนสารพัดรูปแบบแล้วล่าเหล่ามอนสเตอร์ที่เก่งกาจด้านความเร็วไปทีละตัวๆ
ในกรณีที่มีสปริงฮอปเปอร์โผล่ออกมาพร้อมกันสองตัว ก็จะเพ่งเน้นกำจัดทิ้งให้ได้ตัวนึงก่อนอย่างแน่นอน
ในกรณีที่ประสานงานกับมอนสเตอร์แบบอื่นเข้ามาโจมตี ก็จะใช้ท่วงท่าการเคลื่อนไหวสำหรับล่อให้ศัตรูตีกันเอง แล้วจึงกระแทกกระทั้นอัด <<สปีดเอาท์>> เข้าไปในจังหวะที่อีกฝั่งมึนงงสับสน
ยิ่งก้าวลึกเข้าไปเรื่อยๆ ดันเจี้ยนก็จะยิ่งยกระดับความเป็นอันตรายสูงมากขึ้น จนเกิดเป็นสถานการณ์ที่จำเป็นต้องใช้เวทฟื้นฟูบ่อยมากกว่าเดิมหรอก แต่ก็แทบจะไม่มีติดแหงกอยู่กับที่แบบในตอนวันแรกอีกต่อไปแล้ว
การฝึกสร้างมาตรการรับมือความเร็วของพวกคุณเทโลเมียร์ที่ถูกดำเนินอย่างสม่ำเสมอทุกวัน พัฒนาคิดค้นเทคนิคและแผนการเพื่อต่อกรกับศัตรูที่เร็วยิ่งกว่าตนมากมายหลายเท่า สกิลที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆจากการเล่นซ้ำคำสอนของพวกอาจารย์พลางสั่งสมประสบการณ์ต่อสู้จริง
ทั้งหมดนั่นมันลงล็อคกัน ทำให้พอจะถูไถฝ่าดันเจี้ยนเข้าไปด้วยตัวเองเพียงคนเดียวได้อยู่
และเป็นภายหลังจากที่ล่า ล่า และล่าเหล่ามอนสเตอร์ที่เป็นเลิศในด้านความเร็วไม่ยั้ง รวมทั้งใช้เวทฟื้นฟูเยียวยาบาดแผลตัวเองเป็นไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบนั่นเอง——ที่ในที่สุดผมก็เดินทางมาถึง
“ ที่นี่คือ…… ”
ที่ปรากฎขึ้นมาอยู่เบื้องหน้าทางลาดชันลงต่ำ ก็คือห้องขนาดใหญ่ซึ่งส่องประกายแสงริบหรี่เนื่องจากอิทธิพลของพลังเวทที่ควบแน่นมากเกินไป
และที่อยู่ตรงหน้าก็คือประตูทางเข้าห้องดังกล่าว
ไม่มีกลิ่นอายมอนสเตอร์อยู่โดยรอบ สัมผัสได้กระทั่งบรรยากาศอันสงบเงียบยังไงชอบกล
ชั้นล่างสุดของดันเจี้ยน เส้นชัยของการฝึกสร้างมาตรการรับมือความเร็วขั้นที่สอง
“ สะ สำเร็จแล้วววว~~~! ”
เละยับเยินไปทั่วทั้งร่าง แถมยังต้องให้คุณเทโลเมียร์ช่วยถ่ายโอนพลังเวทให้ตรงกลางทางอีกต่างหาก ฉะนั้นก็เลยเรียกว่าเป็นการเคลียร์แบบโซโล่ได้ไม่เต็มปากแหละ แต่เส้นชัยที่กว่าจะมาถึงได้ก็ต้องใช้เวลานานร่วมสองอาทิตย์ตั้งแต่เริ่มต้นบุกพิชิตดันเจี้ยนนั่น ก็ทำเอาผมเผลอตัวแผดเสียงร้องเฮลั่นออกมาเฉยเลย
“ สำเร็จแล้วนะครอสคุง~! สุดยอดไปเลยล่าา พิชิตดันเจี้ยนได้เร็วมากกว่าที่คิดไว้ซะอีกน้าา ”
“ เหวอ!? คุณเทโลเมียร์ครับ!? ”
คุณเทโลเมียร์ที่คอยเฝ้าดูท่าทางการพิชิตดันเจี้ยนของผมมาตลอดจากข้างหลัง เค้ากระโดดออกมาโอบกอดผมเต็มเหนี่ยว ทำเอาผมหน้าแดงแจ๋กับสัมผัสอันอ่อนนุ่ม
มะ ไม่กอดแรงเกินไปแล้วเหรอครับเนี่ย!? ……ก็มีแตกตื่นแบบนั้นอยู่หรอกนะ ทว่า
“ สุดยอดไปเลยนะครอสคุง~ สุดยอดมากๆเลย! ถ้าไปได้สวยมากขนาดนี้ สกิลก็น่าจะเติบโตขึ้นมาพอตัวเลยเหมือนกันละมั้งเนี่ยย ”
“ ! ”
ถูกรบเร้าโดยคำพูดของคุณเทโลเมียร์ที่เยียวยาผมด้วยสกิลฟื้นฟูสารพัดประเภท ผมรีบหยิบเอาสเตตัสเพลทออกมาในสภาพที่ถูกโอบกอดอยู่ทั้งอย่างนั้น
ที่แสดงออกมา ก็คือหลักฐานแห่งการเติบโตอันจับต้องได้ที่ถูกสานสร้างขึ้นผ่านการพิชิตดันเจี้ยนอย่างบ้าระห่ำตลอดสองอาทิตย์นี้
ประวัติการเติบโตของสกิลในระยะนี้
<<เสริมป้องกัน II Lv1 (+94)>> ——-> <<เสริมป้องกัน II Lv2 (+113)>>
<<เสริมความว่องไว II Lv5 (+124)>> ——-> <<เสริมความว่องไว II Lv8 (+148)>>
<<เสริมพลังเวทพิเศษ Lv7 (+57) ——-> <<เสริมพลังเวทพิเศษ II Lv1 (+89)>>
<<บัฟกำลังดาบระดับกลาง Lv2>> ——-> <<บัฟกำลังดาบระดับกลาง Lv3>>
<<บัฟสมรรถภาพร่างกาย (กลาง) Lv5>> ——-> <<บัฟสมรรถภาพร่างกาย (กลาง) Lv6>>
<<เคลือบแข็งร่างกาย (กลาง) Lv1>> ——-> <<เคลือบแข็งร่างกาย (กลาง) Lv2>>
<<หลบหลีกฉุกเฉิน II Lv3>> ——-> <<หลบหลีกฉุกเฉิน II Lv5>>
<<สปีดเอาท์ Lv1>> ——-> <<สปีดเอาท์ Lv9>>
<<แคร์ฮีล Lv3>> ——-> <<แคร์ฮีล Lv8>>
<<ควบคุมพลังเวทในร่าง Lv6>> ——-> <<ควบคุมพลังเวทในร่าง Lv7>>
<<ตรวจจับพลังเวทในร่าง Lv6>> ——-> <<ตรวจจับพลังเวทในร่าง Lv7>>
“ ……ฮึก! ”
หากพิจารณาจากที่ Lv สูงสุดของสกิลระดับกลางคือ 20 แล้ว ก็จะเห็นว่ายังมีความต่างชั้นกับกิมเล็ตที่เป็นอาชีพระดับสูงอยู่อีกมาก กระนั้นแล้วนี่ก็ถือเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดที่สามารถพูดได้เต็มปากว่ากำลังย่นระยะห่างเข้าไปใกล้ได้อย่างชัดเจนภายในเวลาสองสัปดาห์
นอกจากนี้ก็มีสกิลใหม่ที่ได้รับมาจากคุณลีโอเน่และคุณลูด์มิร่าอยู่ด้วย ยิ่งทำให้ความรู้สึกที่ตื่นตัวจากการพิชิตดันเจี้ยนพุ่งสูงมากขึ้นไปอีก
“ อื้มอื้ม วิธีการต่อสู้กับผู้เหนือกว่าขั้นพื้นฐานก็เป็นไปได้สวย การเติบโตของสกิลก็เป๊ะมากก~ เท่านี้การฝึกขั้นที่สองก็เป็นอันเสร็จสิ้น ยินดีด้วยน้าาครอสคุง~! ”
คุณเทโลเมียร์ที่ส่องเข้ามาดูสเตตัสเพลทร่วมไปกับผม เค้าปลื้มดีใจให้ดั่งกับเป็นเรื่องของตนเองเลยก็มิปาน
แต่ว่า——ไม่นานบรรยากาศนั่นก็เปลี่ยนแปลงดูจริงจังขึ้นมา
“ ถ้างั้นก็……ไปยังการฝึกขั้นสุดท้ายกันเลยดีกว่าเน้ออ~ ”
ว่าแล้ว คุณเทโลเมียร์ก็ก้าวเดินตรงไปหาห้องขนาดใหญ่ที่อยู่ลึกเข้าไป โดยที่ยังคงโอบกอดผมจากเบื้องหลังอยู่ทั้งอย่างนั้น
“ เอ๊ะ เดี๋ยว คุณเทโลเมียร์ครับ!? ขั้นสุดท้ายนี่อย่าบอกนะว่า—— ”
แม้ผมจะส่งเสียงขึ้นมาอย่างตื่นตกใจ แต่เท้าของคุณเทโลเมียร์ก็ไม่ยอมหยุด
และในพริบตาที่พวกผมก้าวเท้าเข้าไปภายในห้องขนาดใหญ่——บรรยากาศเงียบสงบที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณก็ได้เปลี่ยนแปลงไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ
“ ——ฮึก! ”
ลึกเข้าไปในห้องใหญ่
ที่ตั้งสถิตอยู่ตรงนั้น ก็คืออัญมณีที่มีขนาดใหญ่เท่าหัวคน——ดันเจี้ยนคอร์นั่นเอง
ในจังหวะเดียวกับที่ก้อนกลมซึ่งเป็นแกนกลางประกอบสร้างดันเจี้ยนส่องแสงสว่างเจิดจ้า พลังเวทที่หนาแน่นสุดขั้วก็พลันรวมตัวกันขึ้นมาตรงบริเวณใจกลางห้อง
ผมได้เรียนมาในคาบเล็คเชอร์ ปรากฎการณ์เหนือธรรมชาติตรงหน้าที่ดูราวกับว่าดันเจี้ยนกำลังพยายามป้องกันตัวเองนั่นก็คือ
——การสร้างบอสประจำดันเจี้ยน!
“ ถ้างั้นก็ ลองพยายามดูก่อนก็แล้วกันน้าา ครอสคุง ”
มือของคุณเทโลเมียร์ที่โอบกอดผมไว้พลันห่างออกไป
แล้วจึงทำแบบเดียวกับที่คอยเฝ้าดูการพิชิตดันเจี้ยนของผมมาตลอดจนตอนนี้ คุณเทโลเมียร์เค้าหลบซ่อนตัวเข้าไปในความมืดมิดของดันเจี้ยนแล้วลบกลิ่นอายเสร็จสรรพ
ที่หลงเหลืออยู่ภายในดันเจี้ยน มีแค่ผม กับกลิ่นอายของบอสประจำดันเจี้ยนที่กำลังจะปรากฎขึ้นมาอยู่แล้วเท่านั้น
(การฝึกขั้นสุดท้าย……กล่าวคือต้องใช้ทุกอย่างที่สานสร้างมาจนตอนนี้ปราบบอสให้ได้งั้นเหรอ!)
ผมที่คาดเดาเช่นนั้นพลันกำดาบแน่นหนา
ทำการร่าย <<สปีดเอาท์>> ไว้ล่วงหน้า เตรียมตัวพร้อมครบถ้วนแล้ว
และแล้ว พลังเวทก็หลอมรวมกันโดยสมบูรณ์อยู่ต่อหน้าของผม
“ กรรร…… ”
“ ……ขึก! ”
ที่ปรากฎขึ้นมา ก็คือมอนสเตอร์ที่ทำให้นึกถึงจิ้งจอกที่เดินสองขา
ทว่า เค้าโครงนั่นมีความแตกต่างไปจากจิ้งจอกพอสมควร
กายท่อนล่างที่กำยำล่ำสันและหุ่นทรวดทรงที่ผอมเพรียว สองแขนอันเรียวเล็ก แม้จะมีความสูงระดับพอๆกันกับผมซึ่งถือว่าตัวเล็กมากในฐานะมอนสเตอร์ แต่เพราะพลังเวทและพลังชีวิตที่เอ้อล้นออกมา ก็เลยทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าตัวใหญ่กว่าตาเห็นเยอะ
(ไอ้เจ้านี่คือ……มอนสเตอร์ ริสก์ 5 ที่เทียบเท่าเลเวล 42, สปริงไฟเตอร์เหรอ……!)
พันธุ์ระดับสูงเต็มรูปแบบของสปริงฮอปเปอร์
เป็นมอนสเตอร์ตัวอันตรายซึ่งโดดเด่นในด้านความเร็วและศึกระยะประชิด ที่ตามเดิมแล้วสมควรจะต้องให้อาชีพระดับสูงเป็นผู้ปราบ
ศัตรูแกร่งเหนือกว่าเอาเรื่องเลย……แต่ถ้าชนะเจ้านี่ไม่ได้ การจะคว้าชัยในการประลองก็คงเป็นได้แค่ฝันในฝัน
ผมถูกแรงกดดันเข้าข่มจนเหงื่อแตกพลั่กไปพลาง กำดาบสั้นเอาไว้อย่างแน่นหนา
(คุณเทโลเมียร์ช่วยให้ร่างกายพร้อมสมบูรณ์แล้ว ก็ไม่คิดว่าจะชนะได้ตั้งแต่ครั้งแรกหรอก แต่ตัวผมในปัจจุบันนี้จะรับมือได้ถึงไหน——)
เป็นในจังหวะ ที่ทำเสียงในลำคอแล้วทำท่าจะเป็นฝ่ายเริ่มต้นเปิดเข้าใส่นั่นเอง
ที่ร่างกายซึ่งรกรุงรักไปด้วยขนนั่น พลันปรากฎตัวขึ้นมาจ่ออยู่ตรงปลายจมูกของผมอย่างกะทันหัน
“ ห้ะ——!? ”
รีบตั้งดาบใหม่ทันที
พริบตานั้น ดาบก็พลันปลิวกระเด็นไปพร้อมกับแรงกระแทกอย่างหนักหน่วง
ตั้งท่าป้องกันแล้วแท้ๆแต่แรงกระแทกกลับแล่นทะลวงร่างกาย ความเจ็บปวดทำให้คำร่ายสกิลสายมารขาดห้วงไป
“ เกิดอะไร——!? ”
พอบอสประจำดันเจี้ยนปรากฎตัวออกมาแล้ว มันก็เปิดฉากฟาดการโจมตีเข้ามาใส่แบบไม่มีพูดพร่ำทำเพลง——ในตอนที่สมองเพิ่งจะรับรู้แบบนั้นได้อย่างแสนล่าช้าเหลือหลาย ร่างกายของผมก็ได้เสียสมดุลไปอย่างยิ่งใหญ่ ไม่มีโอกาสให้ตีโต้กลับเลย
(นะ นี่มันอะไรกันน่ะ!? เร็วกว่าที่คาดเอาไว้สุดๆไปเลย……ต่อให้โดดเด่นในด้านความเร็วก็เถอะ แต่มันก็สมควรต้องมีขอบเขตกันบ้างสิ!?)
ความรวดเร็วที่เหนือล้ำจนเกินไปของสปริงไฟเตอร์ มันทำให้ขาแข็งทื่อไม่ยอมขยับ
ไม่สิแต่ว่า แบบนี้แหละเหมาะเหม็งเข้าทางเลย
เพราะความเร็วผิดมนุษย์ที่คุณลีโอเน่แสดงให้ดูอยู่ทุกวัน ก็เลยพอจะตอบสนองต่อการลอบจู่โจมของบอสได้อย่างหวุดหวิด อีกฝั่งกำลังคิดว่าผมเผยช่องโหว่อยู่โดยสมบูรณ์ (ซึ่งก็มีช่องโหว่เต็มไปหมดจริงๆเลยนั่นแหละ)
ถ้าชิงร่าย <<สปีดเอาท์>> เข้าใส่ในจังหวะที่สปริงไฟเตอร์จะโจมตีเผด็จศึกละก็——ผมเค้นสมองอาศัยความเจ้าเล่ห์แกมโกงสุดกำลังเต็มพิกัด แต่แล้วก็ต้องหมดคำพูดในพริบตาถัดมา
“ ขึก!? หายไปไหน——!? ”
เพราะร่างของสปริงไฟเตอร์ ได้เลือนหายไปจากทัศนวิสัยอย่างฉับพลันเลยนั่นเอง
ทั้งที่ผมเพ่งสายตาจดจ่ออยู่ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้พลาดการเคลื่อนไหวใดๆไว้แล้วแท้ๆ!
“ ฮึก! ”
พริบตานั้น สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอยู่เบื้องหลังจึงรีบหันขวับไปทันที
นี่แหละเป็นการตอบสนองที่เร็วมากที่สุดแล้วตั้งแต่เริ่มต้นพิชิตดันเจี้ยนมา
ทว่า
“ ——ขึก!? ”
การมองเห็นของผมที่น่าจะเลือกเคลื่อนไหวได้ดีที่สุดแล้ว กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยหมัดขนรุงรังที่แล่นทะยานเข้ามาหมายจะกระแทกทำลายกระโหลกของผมให้แหลกกระจุย——
(อีแบบนี้ ต่อให้ใช้เล่ห์กลให้ตายยังไงก็ไม่มีทางจะชนะได้เลย——!?)
ในฉับพลันที่เกิดเสียงกรีดร้องดังลั่นขึ้นมาภายในหัวดั่งกับภาพติดตา
“ สต๊อปจ้าา~ ”
“ กรรร!? ”
เสียงที่ลากยาวของคุณเทโลเมียร์ดังกังวาน และหมัดของสปริงไฟเตอร์ก็หยุดกึกแน่นิ่งอยู่ต่อหน้าผมเลย
ฟู่มม! ในจังหวะเดียวกับที่สายลมซึ่งเกิดจากหมัดพัดเข้าใส่หน้าผม สปริงไฟเตอร์ก็เปล่งเสียงแผ่วแล้วฟุบลงกับพื้น สภาพของบอสมอนสเตอร์ที่ตัวชาน้ำลายฟูมปาก ทำให้ผมรับรู้ในที่สุดว่าคุณเทโลเมียร์ได้เข้ามาช่วยเอาไว้
“ แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก……! ”
ถ้าคุณเทโลเมียร์ไม่ได้เข้ามาหยุดละก็คงตายไปเรียบร้อยแล้วแน่นอน
กลิ่นอายของความตายที่เพิ่งจะมาสัมผัสได้สายเอาป่านนี้ ทำเอาเหงื่อแตกพลั่กออกมาจากทั่วร่าง
แล้วจากนั้น ภายหลังจากที่หายใจดังฟืดฟาดซ้ำเข้าหลายต่อหลายครั้งจนสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ผมก็แผดเสียงตะโกนลั่นออกมาเต็มกำลังเหมือนกับในวันแรกที่เริ่มต้นพิชิตดันเจี้ยน
“ ทะ ทำยังไงดีครับคุณเทโลเมียร์! ถ้าอีกฝั่งเร็วมากเกินไปแล้ว ต่อให้ใช้เล่ห์กลเล็กๆน้อยๆอย่างเดียวไปก็เทียบชั้นไม่ติดอยู่ดีนะครับ!? ให้ว่าแล้ว ไม่มีเวลาให้ได้ใช้เล่ห์กลเลยด้วยซ้ำเนี่ย! ”
“ อื้ออื้อ ลองให้ทำดูเพราะคิดว่าถ้าให้สัมผัสด้วยตัวเองแล้วน่าจะเข้าใจได้เร็วยิ่งกว่าอธิบายให้ฟังน่ะ ครอสคุงนี่หัวไวเข้าใจอะไรได้ง่ายมากเลยจริงๆด้วยน้าา~ ”
คุณเทโลเมียร์ส่งรอยยิ้มเริงร่าตอบเสียงตะโกนของผม
“ ถูกอย่างที่ว่ามาแหละจ้าา~ ถ้าความสามารถต่างชั้นกับศัตรูมากเกินไปละก็ ต่อให้ใช้ท่วงท่าการเคลื่อนไหวหรือเล่ห์กลโกงให้ตายยังไงก็สู้ไม่ได้หรอกน้าา~ ”
ดังนั้นแหละ——
คุณเทโลเมียร์ลูบหัวผมที่บ่นตัดพ้อออกมาไปพลาง กล่าวขึ้นต่อ
“ ในการฝึกขั้นสุดท้ายนี้ เราจะตั้งเป้าเอาไว้ที่การเรียนสกิลสำหรับใช้กระแทกกระทั้นอัดการโจมตีครั้งแรกสุดเข้าใส่คู่ต่อสู้ที่แกร่งเหนือกว่าอย่างท่วมท้นแหละจ้าา~ และตัวแปรสำคัญสำหรับการทำให้ได้แบบนั้น ก็คือ สกิลฟื้นฟู ที่ครอสคุงฝึกปรืออย่างขมักเขม้นตลอดมาจนตอนนี้นั่นแหละน้าา~ ”
“ ……? สกิลฟื้นฟูน่ะเหรอ คือกุญแจสำหรับใช้ต่อกรกับผู้แกร่งเหนือกว่า……? ”
“ อื้อ ”
เวทฟื้นฟูจะกลายเป็นตัวแปรหลักสำหรับการพิชิตคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่าได้ยังไงกันน่ะ? พอผมมึนงงอยู่แบบนั้น คุณเทโลเมียร์ก็พยักหน้าให้ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
และด้วยเหตุนั้น อาจารย์—— <<ดาร์คพรีสไฮเอนด์>> ผู้แข็งแกร่งมากประสบการณ์จึงได้แย้มยิ้มออกมาอย่างสนุกสนานสำราญใจ
ยกมุมปากขึ้นแสยะเป็นทรงจันทร์เสี้ยว ส่องประกายแสงออกจากดวงตาอย่างน่าพิศวงไปพลาง
“ ท่วงท่าการเคลื่อนไหวของ <<ผู้ประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์สายมาร>> และการยกระดับ Lv ของสกิลต่างๆที่จะเป็นฐานให้นำไปต่อยอดพัฒนา……การพิชิตดันเจี้ยนตลอดมาจนวันนี้ทำให้สามารถเก็บพื้นฐานได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์แบบแล้ว ถ้าอย่างงั้นก็จะสอนให้เลยแล้วกันน้าา~ สกิลไพ่ตาย (สไตล์การต่อสู้) ของโนไลฟ์คิงที่ถูกเรียกขานว่าเป็นเผ่าพันธุ์ทหารรับจ้างฆ่ามนุษย์ที่มีชีวิตอยู่โดยการซดเลือดสดๆน่ะ~ ”
“ ……ฮึก! ”
ถูกฉุดมือโดยสุดแกร่งของโลกซึ่งปั้นรอยยิ้มอย่างเป็นที่สุด—–ส่งให้การฝึกยิ่งเร่งทวีความเร็วมากขึ้นอีก