“ เฮ่อ~ ไม่อยากเชื่อเลยจริงจริ๊งว่างานสุดท้ายภายในแดนศักสิทธิ์ของนักผจญภัย จะเป็นการตามล้างตามเช็ดก้นให้คุณหนูที่ร้องงอแงเอ็ดตะโรขี้มูกโป่งหยั่งเงี้ย หนำซ้ำยังจะเป็นงานสกปรกโคตรไร้เหตุผลที่เมินเฉยต่อผลลัพธ์การประลองด้วยอีกตะหากนะ ”
ยามดึก
มีกลุ่มคนกำลังเคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง อยู่ภายในความมืดยามค่ำที่ไม่ว่าใครก็ผล็อยหลับกันหมดแล้ว
กลุ่ม <<แอสซาซิน>> ซึ่งมีฝีมือดีขนาดถูกว่าจ้างมาคุ้มกันภัยให้กับคนของตระกูลขุนนางเลยนั่นเอง
ผู้นำหน่วยลอบสังหารที่ประกอบไปด้วย <<แอสซาซินระดับสูง>> กว่าหลายสิบคน, ก็คือชายเผ่าฮิวแมนที่มีอายุราว 40 ปีได้
“ เอ้อ แต่เงินมัดจำกับรางวัลในยามที่ทำหน้าที่สำเร็จนั้นก็มากพอจะให้พวกเราอยู่แบบมั่งคั่งกินๆนอนๆได้ไปเป็นเวลานับหลายปีเลยเชียวนะ หากทำงานเสร็จเรียบร้อยก็แค่เผ่นจรลีหนีหายไปให้ไกลซะก็พอ แถมเป้าหมายก็แค่ปาร์ตี้อาชีพระดับสูง นับเป็นงานที่หมูสุดๆไปเลย ”
“ ฐานของเป้าหมายอยู่ทางนี้ค่ะ รีบไปกันเถอะ ”
และพวกเขาก็ได้ <<ธีฟระดับกลาง>> ผมดำซึ่งเป็นลูกน้องภายใต้บังคับบัญชาของกิมเล็ตช่วยนำทางให้ จนมาถึงหน้าอาคารที่เป็นจุดหมายในที่สุด
บ้านไม้สามชั้น ฐานของนักผจญภัยที่พวกปาร์ตี้ฐานะปานกลางมักจะซื้อกัน
แหล่งที่อยู่ของครอส อาราเกาท์ และกลุ่มปาร์ตี้ระดับสูงที่คอยเลี้ยงดูฟูมฟักเขาอยู่นั่นเอง
เหล่าแอสซาซินปลดกลอนกุญแจถูกๆที่ไม่ได้มีการวางมาตรการต่อกรสกิลใดๆลงอย่างไร้เสียง ก่อนจะประดังกันเข้าไปในอาคารอย่างพร้อมเพรียง ทว่า——
“ อะไรกันน่ะ……? ทำไมไม่มีใครเลยล่ะ…… ”
เกิดเป็นความแตกตื่นแผ่กระจายอยู่ภายในหมู่แอสซาซิน
เพราะสภาพภายในอาคารมันอ้างว้างและวังเวงสุดกู่ไปเลยนั่นเอง ไม่มีกระทั่งกลิ่นอายการดำเนินชีวิตของผู้คนเลยด้วยซ้ำ
<<ธีฟระดับกลาง>> ซึ่งเป็นคนนำทางนั้นรู้สึกฉงนคิดว่าตนมาผิดที่รึเปล่า……แต่ตู้รับจดหมายตรงทางเข้าก็มีชื่อ ครอส อาราเกาท์ ถูกสลักเอาไว้เล็กๆอย่างชัดเจนเลย
แม้จะรู้สึกผิดธรรมชาติตรงที่ไม่มีชื่อของกลุ่มปาร์ตี้นักผจญภัยซึ่งเลี้ยงดูเขาอยู่ด้วย แต่เอาเป็นว่านี่แหละคือที่หมายไม่ผิดแน่
และ เป็นในจังหวะที่เหล่าแอสซาซินทำการตระเวนค้นหาภายในห้องด้วยความสับสนนั้นเอง
“ มุ? ”
พอเค้นพลังไปยังสกิลตรวจจับกับดักและสกิลบัฟการมองเห็นในความมืดมากๆเข้า ดวงตาของลีดเดอร์ก็พลันเบิกโพลงขึ้นมา
“ นี่มัน……ทางเดินใต้ดิน……? ”
ที่ปรากฎออกมาในภายหลังจากที่เลิ่กพื้นขึ้น, ก็คือทางเดินลับน่าสงสัย
แถมยังเห็นร่องรอยคนเดินทางเข้าออกแบบถี่ๆได้อย่างชัดเจนเลย แม้จะไม่เข้าใจความหมาย แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่เป้าหมายจะอยู่ลึกเข้าไปข้างในนี้
ถึงจะรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาอย่างประหลาด แต่พวกเขาก็เลือกจะก้าวลึกไปข้างหน้าตามความตระหนักในฐานะมืออาชีพ
พอเปิดใช้สกิลตรวจจับกับดักไว้กันเหนียวและก้าวลึกเข้าไปเป็นระยะทางพอสมควรแล้ว ก็เจอทางขึ้นมาสู่ผืนดินได้อีกครั้งอย่างราบรื่น……ทว่าเป็นตรงนั้นแหละที่พวกเขาถึงกับต้องอึ้งค้างอับจนคำพูด
“ ทะ ที่นี่มันอะไรกันน่ะ……!? คฤหาสน์!? ”
แล้วก็ไม่ใช่แค่คฤหาสน์ธรรมดาด้วย
เรือนหรูใหญ่โตโอฬารที่ตั้งตระหง่านอยู่ในความมืดยามค่ำนั่น มันมีขนาดความใหญ่โตและหรูหราในระดับเดียวกันหรือไม่ก็เหนือมากยิ่งกว่าคฤหาสน์ของกิมเล็ต, บุตรคนโตของตระกูลดยุคซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างซะอีก ต่อให้คิดยังไงก็ไม่มีทางเป็นสินทรัพย์ของกลุ่มปาร์ตี้นักผจญภัยฐานะปานกลางชัดๆแล้ว
หรือว่าเจ้าพวกที่เก็บ <<ไร้อาชีพ>> มาเลี้ยงดูนั่นจะเป็นพ่อค้าฐานะมั่งคั่งหรือขุนนางที่ปกปิดฐานะหรือไง……แม้จะสับสนอลหม่านเช่นนั้น แต่ลีดเดอร์ที่มีความเป็นมืออาชีพก็สามารถทวงคืนความเยือกเย็นกลับมาได้ในทันทีเลย เพราะการลอบสังหารนี่มันต้องเผชิญกับสถานการณ์อันไม่คาดคิดเป็นปกติอยู่แล้วนั่นเอง
“ ก็ไม่รู้หรอกนะว่าอะไรเป็นยังไง……แต่เอาเป็นว่ามีเป้าหมายของเราอยู่ภายในนี้ไม่ผิดแน่ๆล่ะ ”
พอใช้สกิลตรวจจับอันทรงพลังของ <<แอสซาซินระดับสูง>> อยู่หน้าคฤหาสน์อันกว้างใหญ่ ก็พบว่ามีกลิ่นอายลอยปรากฎขึ้นมาอยู่ 4 จุด
จุดนึงคือกลิ่นอายของเด็กน้อยที่แสนอ่อนแอซะจนไม่อยากจะเชื่อ
และที่เหลืออีกสามจุดก็คือกลิ่นอายที่มีความแข็งแกร่งประมาณอาชีพระดับสูง
ถึงจะอึ้งกับขนาดและความหรูหราของคฤหาสน์ แต่ข้อมูลของเป้าหมายนั้นตรงตามที่ได้ยินมาล่วงหน้า คงจะไม่มีอุปสรรคใดที่จะส่งผลให้เกิดเหตุติดขัดต่อหน้าที่หรอก จะต้องทำงานเสร็จสิ้นได้ในชั่วพริบตาเลยเป็นแน่
“ ดีละ ถ้าอย่างงั้นก็จะแบ่งกันไปเป็นสามทีม เริ่มจากทำให้อาชีพระดับสูงทั้งสามคนหมดพิษสงก่อน แล้วจากนั้นค่อยไปเก็บตัวเป้าหมายหลัก ”
ลีดเดอร์ให้คำสั่งอย่างเงียบเชียบ
แม้จะมีความรู้สึกแหม่งๆที่ไม่อาจเมินเฉยเกิดขึ้นมาตรงไหนซักแห่งภายในอก……แต่ก็ตัดใจทิ้งรางวัลมหาศาลในยามที่ทำสำเร็จไม่ได้ พวกเขาจึงก้าวล้ำเข้าไปภายในคฤหาสน์โดยฝากความเชื่อมั่นไว้กับสกิลตรวจจับของพวกตน
“ คฤหาสน์นี่มันอะไรกันน่ะ…… ”
กลุ่มลอบสังหารได้แบ่งออกเป็นสามทีม และซับลีดเดอร์เพศชายที่ชักนำอยู่เหนือหนึ่งในทีมนั้น ก็กำลังก้าวขาอยู่ภายในคฤหาสน์อย่างไร้เสียงพลางเผลอตัวหลุดพึมพำออกมา
ที่ลงทุนทำการอำพรางทางเข้าคฤหาสน์แบบนั้นมันก็แปลกอยู่เหมือนกันหรอก แต่ที่ผิดธรรมชาติมากยิ่งกว่าก็คือบริเวณภายในคฤหาสน์นี่แหละ
มีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับประดาน้อยเกินกว่าจะเป็นคฤหาสน์ของขุนนางหรือพ่อค้ามั่งคั่ง ไม่มีคนใช้หรือยามรักษาความปลอดภัยเลยซักรายเดียว เป็นแบบนั้นแท้ๆแต่ภายในกลับถูกทำความสะอาดดูแลอย่างทั่วถึง ความไม่ลงรอยนี่มันชวนให้รู้สึกขนลุกขึ้นมายังไงชอบกล
ก็ไม่ได้เพิ่งจะเคยบุกรุกเข้ามาในเรือนหรูเป็นครั้งแรกซะหน่อยแท้ๆ แต่ไม่รู้ทำไมหัวใจมันถึงสั่นไปหมด
“ ไม่ดิ จะมัววอกแวกอยู่กับอะไรพรรค์นั้นไม่ได้ อีกฝั่งคืออาชีพระดับสูง ถ้าทำให้สิ้นท่าในเปรี้ยงเดียวไม่ได้แล้วเกิดบานปลายเป็นการต่อสู้ขึ้นมาละก็ตึงมือแน่ ต้องเพ่งสมาธิเข้าไว้ ”
ซับลีดเดอร์กรองคำพูดอยู่ในปากดั่งกับกล่าวเตือนตนเอง แล้วจึงเปิดประตูที่เดินมาจนถึงอย่างไร้เสียง
ห้องนอนที่มีกลิ่นอายของอาชีพระดับสูง
มีเงาคนอยู่เหนือเตียงหรู กำลังปล่อยลมหายใจหลับใหลอยู่อย่างอ่อนละมุน
“ …… ”
ซับลีดเดอร์สบตากับลูกน้องที่มีหลายคน ก่อนจะกระจายตัวกันไปล้อมรอบเตียง
เป้าหมายไม่มีวี่แววว่าจะสังเกตเห็นพวกตนเลย ไม่มีท่าทางเหมือนจะลืมตาตื่นขึ้นมาด้วย
เห็นเหยื่อที่เผยสภาพอย่างไร้การป้องกันอยู่ภายในห้องอันมืดสลัวแล้ว เหล่าแอสซาซินที่เปิดใช้ <<กำจัดกลิ่นอาย>> ก็พลันตั้งดาบขึ้นมาโดยไม่มีกระทั่งเสียงชายเสื้อเสียดสี แล้วจึง
ได้แล้วหนึ่ง——!
แทงดาบคมกริบมากมายหลายเล่มลงไปยังเตียง——มันเป็นในฉับพลันนั้นเอง
“ โธ่~ ตั้งแต่ตะกี้นี้แล้ว ตึงตังตึงตังกันอยู่ได้น่ารำคาญจังเลย น้าา~ ”
“““““ เอ๊ะ? ”””””
มีเสียงหลุดออกมาจากปากของเหล่าแอสซาซิน
แต่ไม่ใช่เพราะได้ยินคำพูดอันเป็นไปไม่ได้ที่ดังว่า “รำคาญ” ออกมาจากภายในเตียง
ที่สำคัญคือพวกเขาไม่มีสติสตางค์มากพอจะรับฟังได้ยินเสียงนั่นซะด้วยซ้ำ
ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะว่าแขนของพวกเขาที่ตั้งท่าพยายามจะแทงดาบลงไป มันได้เริ่มหลอมละลายขึ้นมาอย่างกะทันหันยังไงล่ะ
“““““ อึ้ก!? บย๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!? ”””””
ความเจ็บปวดรวดร้าวที่ทรมานแสนสาหัสมากเกินไปมันทำให้มีเสียงโหยหวนที่ยากจะบรรยายทะลักทะล้นออกมาจากปากของเหล่าแอสซาซิน
ถึงกับล้มลงดิ้นพล่านโดยลืมกระทั่งจะปกปิดกลิ่นอายและเก็บเสียง กรีดร้องร่ำไห้เสียงดังลั่นโดยไม่มีสติจะคิดว่าเกิดอะไรขึ้นเลยด้วยซ้ำ ท่ามกลางแบบนั้น
“ เฮ้ออ~ กะอีแค่ความเจ็บปวดจากพิษร้ายแรงแค่นี้ทำเป็นร้องกันใหญ่โตไปด้ายย~ เอ้าจ้ะ <<พาวเวอร์เอาท์ : เบรค>> ~ ”
“““““ อึ้ก!? ”””””
ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องและเสียงดิ้นพล่านทุรนทุรายของเหล่าแอสซาซินก็พลันหยุดกึก
แต่ไม่ใช่เพราะว่าความเจ็บปวดของพวกเขาหายไป
โดนคำสาปลดกำลังที่ทรงอำนาจมากเกินไปเล่นงานให้กล้ามเนื้อทั่วร่างสิ้นเรี่ยวแรงตายสนิท อย่าว่าแต่ดิ้นพล่านทุรนทุรายเลย ขนาดจะแผดเสียงกรีดร้องออกมาก็ยังจะไม่มีแรง
ดีไม่ดีแล้ว เนื่องจากถูกผนึกการเคลื่อนไหวเพื่อผ่อนระบายความเจ็บปวดทุกรูปแบบ ความเจ็บแสบที่แขนสองข้างหลอมละลายก็เลยถาโถมคุกคามเข้าใส่สภาพจิตของเหล่าแอสซาซินเพิ่มเป็นหลายต่อหลายเท่า
หนำซ้ำกะบังลมยังหยุดทำงานไปด้วย จะหายใจให้เต็มปอดก็ยังไม่มีปัญญา
กลายเป็นทำได้แค่ลืมตาโตสั่นหงึกๆอยู่กับพื้น และผู้ที่จับจ้องมองลงมาหาพวกเขาเหล่านั้นจากเหนือเตียง ก็คือบุคคลปริศนาแสนน่าหวาดผวาที่กำลังแสยะปากขึ้นมายิ้มเป็นทรงจันทร์เสี้ยว
“ หื~ม <<แอสซาซินระดับสูง>> โผล่มาอยู่ในคฤหาสน์ 18 คนเหรออ~ ถ้าจะจ้องเอาชีวิตของพวกฉัน ก็ต้องไปเตรียมจำนวนคนมาเพิ่มอีกซัก 4-5 หลักน้าา~ ”
“ เกอะ……เกิดอะไร……!? ”
นี่มันบ้าอะไรกัน……!?
แม้ซับลีดเดอร์จะเค้นเสียงกล่าวออกมาได้แบบเกือบๆ……แต่แล้วสติของเขาก็ขาดห้วงดับวูบไปด้วยพิษของความเจ็บปวดรวดร้าวและสภาวะหายใจไม่ออก
“““““ ……อึ้ก!? ”””””
การเคลื่อนไหวของหน่วยลอบสังหารทีมที่สองซึ่งมีซับลีดเดอร์อีกคนเป็นผู้นำได้หยุดกึกแน่นิ่งโดยสมบูรณ์อยู่กับที่
ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะว่าทางเดินคฤหาสน์ที่พวกเขากำลังย่ำเท้าก้าวตามไปโดยเชื่อมั่นสุดใจว่าปลอดภัยแห่งนั้น มันได้ก่อตัวกลายเป็นน้ำแข็งขึ้นมาอย่างกะทันหันเลยยังไงล่ะ
บรรยากาศหนาวเย็นยะเยือกสุดขั้วได้โถมเข้ากลืนกินเหล่าแอสซาซินเข้าไปในชั่วอึดใจ คอที่ถูกแช่แข็งนั้นไม่อาจจะแผดเสียงกรีดร้องออกมาได้เลยด้วยซ้ำ
(เวทน้ำแข็งจองจำที่ทรงพลังเป็นบ้าเป็นหลังนี่มันอะไรกันน่ะ!? มะ ไม่สิที่สำคัญกว่านั้น……ทำไมถึงรู้ตำแหน่งของพวกเราได้……!?)
ตำแหน่งของเป้าหมายที่เหมือนจะเป็นอาชีพเวทมนตร์มันน่าจะยังอยู่ห่างออกไปมากเลยนี่นา
การตรวจจับกลิ่นอายของ <<แอสซาซินระดับสูง>> ได้จากระยะห่างนี้ ต่อให้เป็นมือสังหารที่มีความเป็นเลิศในด้านตรวจจับเหมือนกันก็ไม่มีทางทำได้หรอก เป็นแบบนั้นแท้ๆแต่ทำไมถึง!?
และ ในระหว่างที่ซับลีดเดอร์ของทีมที่สองกำลังสับสนอลหม่าน
“ ฮื่ม ไม่จำเป็นต้องถามให้มากความก็พอจะเดาได้อยู่หรอก แต่ก็จะถามเผื่อเอาไว้แล้วกัน ใครส่งพวกแกมา? ”
“ อึ้ก!? ”
มันเกิดขึ้นเร็วมาก
สาวงามล่มเมืองลอดตัวผ่านการตรวจจับกลิ่นอายของ <<แอสซาซินระดับสูง>> ได้ราวกับเป็นเรื่องปกติสมควร แล้วจึงปรากฎเผยโฉมออกมาให้เห็นเด่นอยู่เบื้องหน้า
ภาพเหตุการณ์มันสุดจะเหลือเชื่อมากซะจนเหล่าแอสซาซินไม่อาจตอบสนองใดๆได้ทั้งสิ้น และแล้ว
“ ปิดปากเงียบหรือ แต่ถ้าเป็นกลุ่มลอบสังหารมืออาชีพแล้วก็สมควรละนะ ถ้าอย่างนั้นลองเจอแบบนี้ดูหน่อยเป็นไร ”
เป๊าะ!
“ ——เห๊ะ? ”
เสียงที่จู่ๆก็ดังขึ้นมาจากร่างกายตนเอง บีบให้เหล่าแอสซาซินต้องเปล่งเสียงแหบแห้งออกมา
หันมองไปแล้วก็พบว่า แขนที่ถูกแช่แข็งของพวกเขาได้แตกกระจายประหนึ่งเป็นลูกกวาดที่เปราะบางเลยก็มิปาน
“““““ ~~~~~อึ้ก!? ”””””
แขนที่ถูกแช่แข็งไปถึงแก่นนั้นไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด
แต่ความช็อคจากการที่สูญเสียแขนของตนไปก็มหาศาลท่วมท้นอย่างมากยิ่ง บีบให้ต้องแผดร้องโหยหวนที่ไม่กลายเป็นเสียงออกมาจากลำคอที่โดนแช่แข็ง
หญิงงามผมทองจับจ้องมองพวกเขาเหล่านั้นด้วยแววตาที่ปราศจากไร้ซึ่งอารมณ์ ก่อนจะปั้นรอยยิ้มเริงร่าขึ้นมา
“ วางใจเถอะ ฮีลเลอร์ของพวกเราเก่งกาจมากเสียจนน่าชิงชังเลยเชียวล่ะ บาดแผลเล็กๆกะอีแค่แขนกระจุย นี่สบายมาก ต่อให้ถูกบดขยี้ทำลายทั้งทางกายและใจมากมายซักเท่าไหร่ก็สามารถรักษาให้หายขาดได้อย่างไร้ปัญหา หากทิฐิในฐานะมืออาชีพมันค้ำคอมากเสียจนไม่อยากจะคายข้อมูลของผู้ว่าจ้างออกมาก็ย่อมได้ เชิญอุบเงียบปิดปากไปจนกว่าจะพอใจได้เลย พวกแกจะไม่ตายหรอก แต่นอกเหนือจากนั้นนี่ก็ไม่รู้นะ ”
“““““ ……อึ้ก!? ”””””
ดะ เดี๋ยวก่อน! พูดแล้ว! ยอมพูดแล้ว!
เหล่าแอสซาซินพยายามจะเปล่งเสียงกรีดร้องลั่นออกมาแบบนั้นตามสัญชาติญาณหรอก……แต่ที่หลุดออกมาจากลำคอที่ถูกแช่แข็งก็มีเพียงลมหายใจสีขาวเท่านั้นเอง——
การแผดร้องที่ไม่ดังออกมาเป็นเสียงได้กังวานต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง อยู่ภายในทางเดินเย็นยะเยือกสุดกู่
“ อะไรน่ะ? เสียงกรีดร้อง? ”
เมื่อได้ยินเสียงประหลาดนั่นแล้ว ลีดเดอร์ของหน่วยลอบสังหารที่กำลังก้าวไปตามทางเดินคฤหาสน์ก็พลันหยุดกึกอยู่กับที่
รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงกรีดร้องของพวกลูกน้องดังมาจากทิศทางต่างๆของคฤหาสน์
แต่หลังจากนั้นต่อให้พยายามเงี่ยหูฟังเท่าไหร่คฤหาสน์ก็เงียบกริบอยู่ทั้งอย่างนั้น ไม่มีกลิ่นอายของการต่อสู้เลย
“ คิดไปเองเหรอ……? ”
ว่าแล้ว ลีดเดอร์ก็กำลังจะก้าวเดินไปต่อโดยที่เปิดใช้ตรวจจับกลิ่นอายอยู่ทั้งอย่างนั้น……แต่เป็นตรงนั้นเองที่เขาสังเกตได้ถึงความแปลกประหลาดอย่างหนักหน่วง
กลิ่นอายของพวกลูกน้องที่เจอตัวเป้าหมาย มันไม่ได้ขยับไปจากจุดนั้นเลยแม้แต่ก้าวเดียว
นอกจากจะไม่มีกลิ่นอายของการต่อสู้แล้ว ก็ยังไม่มีท่าทีจะถอยทัพกลับหลังจากทำงานเสร็จสิ้นอีกด้วย
ได้แต่หยุดนิ่งไม่ไหวติงอยู่กับที่ ดั่งกับว่าตายไปแล้วเลยยังไงยังงั้น
เห็นได้ชัดเจนแจ่มแจ้งเลยว่าแปลก
“ ……!? มันยังไงกัน!? ”
หน่วยรบหัวกะทิที่ประกอบไปด้วย <<แอสซาซินระดับสูง>> ไม่มีทางจะย่อยยับตายหมดทั้งกลุ่มอย่างไร้เสียงหรอก
แต่ก็เห็นชัดเจนว่าเจอะกับอุปสรรคอันยิ่งใหญ่ที่ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ และเป็นในนาทีที่ลีดเดอร์เคลื่อนไหวตามสัญชาติญาณเพื่อพยายามจะทำความเข้าใจสถานการณ์นั่นเอง
ที่ ‘อุปสรรคอันยิ่งใหญ่’ ได้เป็นฝ่ายโผล่หน้าถล่มเข้ามาหาพวกเขาด้วยตนเองเลย
“ มาตึงตังตึงตังอะไรกันตอนกลางค่ำกลางคืนฟะมันหนกขูนะเฟ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย! ”
ตู้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!
“ ……ห้ะ? ”
เกิดเสียงสุดเซ่อซ่าที่ไม่น่าเชื่อว่าเป็นแอสซาซินมือฉมังหลุดรั่วออกมาจากปากของลีดเดอร์
เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เนื่องจากกำแพงที่อยู่ข้างหลังเขาได้ระเบิดกระจุยอย่างไม่มีวี่แววบอกกล่าวล่วงหน้า
เหล่าลูกน้องที่ติดตามมาได้ถูกเป่าลอยปลิวกระเด็นออกไปนอกคฤหาสน์ด้วยความเร็วระดับตาไล่มองตามไม่ทัน แล้วจึงแน่นิ่งไม่ดุกดิกอีกเลยยังไงล่ะ
และที่ไม่เข้าใจความหมายมากที่สุดเลยก็คือ……การที่เป้าหมาย (อาชีพระดับสูง) ซึ่งคิดว่าน่าจะอยู่ห่างออกไปอีกไกล ได้ปรากฎตัวออกมาต่อหน้าต่อตาโดยที่สกิลตรวจจับไม่ได้เลยซักนิดนี่แหละ
“ อ๊า……เผลอทำกำแพงพังซะได้ มีหวังถูกนังลูด์มิร่าบ่นจู้จี้จุกจิกไม่เลิกแหงเลยแฮะอีหยั่งเงี้ย โธ่เว้ย เป็นเพราะพวกแกนั่นแหละทะลึ่งบุกเข้ามากันตอนกลางค่ำกลางคืนจนฉันสะกดอารมณ์ไม่อยู่ ถ้าจะมาก็มาตอนกลางวันดิเฮ้ยเดี๋ยวปั๊ดฆ่าทิ้งซะหรอกเอ้อไอ้นี่ ”
“ ห้ะ……!? กะ……!? แกมันเป็นตัวอะไรกันน่ะ……!? ”
เจอกับผู้หญิงผมแดงที่รัวคำพูดเหมือนข้ออ้างที่โคตรไม่มีเหตุผลออกมาแล้ว ใบหน้าของลีดเดอร์ก็ซีดเผือดขึ้นมาทันตาเห็น
เพราะสามารถถล่มทางเดินกระจุยด้วยความเร็วสูงมากขนาดที่ตรวจจับกลิ่นอายของ <<แอสซาซินระดับสูง>> ใช้ไม่ได้ผล และที่สำคัญสุดเลยก็คือ ผู้หญิงซึ่งห่อหุ้มร่างกายไว้ด้วยความน่าเกรงขามที่มากล้นผิดปกติซะจนลีดเดอร์ที่เป็นอาชีพระดับสูงแค่จะประคองตัวให้ยืนอยู่ได้ก็ยังแทบเต็มกลืนคนนั้น มันไม่มีทางจะเป็นแค่อาชีพระดับสูงเฉยๆเด็ดขาดเลยยังไงล่ะ
ความน่าเกรงขามที่มากล้นผิดปกตินี่ พลังเวทมหาศาลที่ไม่น่าจะเป็นเผ่ามานพไปได้นี่
และตัวตนที่นอกจากจะหลอกสกิลตรวจจับกลิ่นอายของ <<แอสซาซินระดับสูง>> ได้แล้วไม่พอ ยังจะสามารถแอบแฝงให้เห็นเหมือนกับว่าตนเป็นอาชีพระดับสูงได้อีกด้วยนี่ มันก็มีที่คิดออกเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
(เดี๋ยว……ก่อนสิ……ถ้างั้นตัวตนแท้จริงของไอ้เจ้าคฤหาสน์ที่ใหญ่บักเอ๊บนี่…… ‘เป้าหมายทั้งสามคนที่คาดว่าเป็นอาชีพระดับสูง’ นี่ก็คือ……!?)
เหงื่อเหนียวไหลหลั่งท่วมออกมาจากทั่วร่าง
เป็นไปไม่ได้
ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด
ผู้ที่เก็บ <<ไร้อาชีพ>> มาเลี้ยงดูก็คือแก๊งสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งสุดในโลกพรรค์นั้น มันโคตรจะบ้าซะจนต่อให้เป็นเรื่องแต่งก็ยังเป็นไปไม่ได้ แต่กลิ่นอายของเจ้าอสูรร้ายที่ตระหง่านอยู่เบื้องหน้านี่ต่อให้คิดยังไงก็เป็นของแท้แน่นอน——
“ ……อุ อุว๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!? ”
ลีดเดอร์สละละทิ้งทั้งศักดิ์ศรีและหลักเหตุผล เอาแต่วิ่งทะยานหนีเพื่อเอาชีวิตรอดไม่ยั้งเพียงอย่างเดียว
ทอดทิ้งลูกน้อง แฝงตัวเข้าไปในเงามืดสุดกำลัง วิ่งพล่านตีนระเบิดซะจนขาแทบจะหลุดออกจากร่าง
ทว่า——ตู้มมมมมมมมมมมม!
“ อ๊ะ? ฉิบหาย ตายโหงไปแล้วเรอะ? ……เอ้อ ช่างแม่ง แค่ตายนิดหน่อยเดี๋ยวนังเทโลเมียร์มันก็จัดการให้เองแหละ ”
ผ่านไปไม่กี่นาทีหลังจากบุกเข้ามา
เหล่าแอสซาซินมือฉมังทุกคนที่ย่างกรายเข้าไปภายในคฤหาสน์ซึ่งอันตรายมากที่สุดภายในโลก ก็ได้รับแผลใจที่หนักหนาสาหัสซะจนทำให้กลับไปทำงานไม่ได้อีกเลยเป็นครั้งที่สอง
“ นะ นี่มันอะไรกันเนี่ย……!? ”
ครอสที่สะดุ้งตื่นเพราะเสียงกระหึ่มที่ดังอยู่ในคฤหาสน์ พลันกระโจนออกไปยังสวนที่มีแสงไฟสว่างไสว แล้วจึงพบภาพอันสุดจะเชื่อแผ่ขยายอยู่ตรงนั้น
กลุ่มชุดดำกำลังถูกบีบให้นั่งคุกเข่าตัวสั่นกักๆอย่างเงียบกริบอยู่ภายในสวน
ลูด์มิร่าสร้างเปลวเพลิงขนาดใหญ่ยักษ์ขึ้นมาฉายส่องแสงประหนึ่งจะสื่อว่า ‘สามารถเผาพวกเขาทิ้งได้ทุกเมื่อ’
หนำซ้ำยังมีเทโลเมียร์ที่ทำท่าทางใช้เวทฟื้นฟูดั่งกับบอกว่า ‘ต่อให้ถูกเผาเป็นเถ้าถ่านแต่ก็จะไม่ตายหรอกน้าา~’ อยู่อีก, ส่วนทางด้านลีโอเน่ก็กำลังกระชากคอเสื้อของกลุ่มชุดดำด้วยท่าทางขู่ขวัญทำลายประสาท
“ เอาดิเฮ้ย พวกแกทุกตัวรีบเอาสเตตัสเพลทออกมาให้ว่องเลย แล้วเปิดแสดงชื่อ เผ่าพันธุ์ อายุ สกิลให้หมดซะ เช้าแล้วจะเอาไปสร้างก๊อปปี้ที่โบสถ์ทั้งหมดเลย อย่าได้คิดว่าจะหนีรอดเชียวล่ะ ”
“ ขะ คับ…… ”
เกิดเป็นเสียงแหบแห้งรั่วหลุดออกมาจากกลุ่มชุดดำที่เหมือนจะใจแตกสลายโดยสมบูรณ์
เป็นตรงนั้นเอง ที่ครอสซึ่งเงิบค้างอยู่ซักระยะพลันอ้าปากพูดออกมาได้ซะที
“ สะ สถานการณ์นี้มันอะไรกันครับเนี่ย!? ให้ว่าแล้วกลุ่มคนชุดดำพวกนี้เขาเป็นใครกันน่ะ……!? ”
“ อ่อ ครอสเองเรอะ เอ้อก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกนะ ไอ้เจ้าขุนนางที่สู้ประลองกับแกมันส่งหน่วยลอบสังหารมาเป็นการล้างแค้นแน่ะ ”
“ เอ๊ะ……!? ”
ครอสที่ได้ยินเรื่องราวอย่างละเอียดจากพวกลีโอเน่นั้นถึงกับเบิกตาโพลงตัวแข็งทื่อ
“ มะ ไม่จริงนะ……!? ถึงจะแพ้การประลองก็เถอะ แต่ถึงกับส่งหน่วยลอบสังหารเข้ามาใส่กันเลยเหรอ……!? ”
ผิดกฎระเบียบโดยสมบูรณ์ หนำซ้ำยังเป็นการกระทำสุดเกินเหตุที่ต่อให้เป็นขุนนางแต่ก็ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงจากบทลงโทษสถานหนักได้
สถานการณ์ที่บังเกิดขึ้นจากการกระทำสุดสะเพร่าของตนเองที่เข้าไปท้าชนกับขุนนางลำดับสูงนั่น ทำให้ครอสหน้าขาวซีดเผือดขึ้นมา
อย่าว่าแต่ตอบแทนบุญคุณที่ช่วยเก็บมาเลี้ยงเลย นี่ตัวเองกลายเป็นต้นเหตุสร้างความวุ่นวายให้กับพวกอาจารย์มากถึงขนาดนี้เลยเหรอ……!
“ เอ้าจ้าา หยุดรู้สึกผิดไว้แค่นั้นแหละน้าา~ ”
“ เอ๊ะ ”
เทโลเมียร์ตบไหล่ของครอสที่อับจนคำพูดอย่างอ่อนโยน
ในจังหวะเดียวกัน ลีโอเน่ที่กำลังทำการล่าสเตตัสเพลทก็ยิ้มขึ้นมาอย่างดุร้าย
“ เอ้อ เท่านี้ก็รู้ซึ้งแล้วใช่มั้ยอะว่าโลกเราเนี่ยมันมีไอ้พวกขยะที่พร้อมจะใช้วิธีการสุดจะเชื่อเข้ามากันเยอะแยะไปหมดน่ะ กล่าวคือตั้งแต่ครั้งหน้าไปก็จะมีบทเรียนให้สามารถเคลื่อนไหวโดยคาดการณ์ถึงกรณีเลวร้ายสุดได้แล้วแหละนะ ”
แล้วคราวนี้ ลูด์มิร่าก็พูดเช่นนี้ออกมาด้วยท่าทางประหนึ่งเป็นอสูรซึ่งกำลังใช้เหยื่อตัวที่อ่อนแอเพื่อสอนวิธีการล่าให้กับลูกน้อย
“ อืม จากนี้ไปก็คงจะมีพวกที่ไม่อภิรมย์กับเธอซึ่งสร้างวีรกรรมอันแสนโดดเด่น แล้วจ้องเพ่งเล็งหมายหัวด้วยวิธีการทีเผลอแบบคราวนี้เพิ่มขึ้นมาอีกเป็นแน่ เครื่องมือการสอนคุณภาพดีเหนือกว่าที่คาดอุตส่าห์ถ่อเข้ามาหาด้วยตนเองเลยนี่นะ ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเรามาใช้ไอ้เจ้า <<แอสซาซินระดับสูง>> พวกนี้เพื่อตั้งเป้าไปยังการเรียนสกิลสายธีฟ (จอมโจร) เช่นปิดกั้นกลิ่นอายหรือตรวจจับกลิ่นอายกันดีกว่า ”
“ ขะ เครื่องมือการสอนที่เหนือคาด……? ”
ครอสอึ้งกับวาจาคำพูดของลูด์มิร่า
ยะ อย่าบอกนะว่าคนพวกนี้ เค้าคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าอาจจะมีการลอบโจมตีทีเผลอ แล้วก็ปล่อยเอาไว้แบบนั้นเพราะกะจะนำมาใช้ให้เกิดผลในการฝึกของผม งั้นเหรอ……?
(กะ ก่อนหน้านี้ก็มีคิดนิดๆอยู่เหมือนกันหรอก……แต่นี่ผม เข้ามาเป็นลูกศิษย์ของกลุ่มคนที่สุดจะอันตรายมากๆเข้าให้แล้วรึเปล่าเนี่ย……?)
และ เป็นในจังหวะที่ครอสเริ่มจะสังเกตเห็นความอันตรายของพวกอาจารย์ขึ้นมานิดๆนั่นเอง——ที่จู่ๆ บรรยากาศซึ่งห่อหุ้มรอบตัวพวกลีโอเน่ก็พลันเปลี่ยนแปลงไป
“ แต่ว่านา ถึงจะพอเดาได้อยู่บ้างแล้วก็เหอะ แต่ถึงกับเล่นส่งหน่วยลอบสังหารเข้ามาถึงนี่เลยเชียวเรอะเนี่ยเฮ้ย อีหยั่งเงี้ย แสดงว่ากะจะฆ่าหรือไม่ก็ทำให้ครอสหมดสภาพไปตลอดชีวิตเลยไม่ใช่เรอะ ”
“ นั่นสิเน้ออ ถึงกับใช้เงินพ่อเงินแม่เพื่อทำการลอบจู่โจมนอกสนามเข้ามาแบบนี้ด้วยเลยนี่น้าา งั้นฝั่งพวกเราก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องออมมือไว้หน้าแล้วเน้ออ~ ”
“ อืม มันเหิมเกริมมากถึงระดับที่เมินผลการประลองแล้วริอ่านจะทำร้ายลูกศิษย์ของฉันเลยเชียว ไอ้ระยำหน้าไม่อายพวกนี้มันสมควรต้องได้รับบทลงทัณฑ์ที่สาสมเสียหน่อยแล้ว ”
“ เอ๊ะ? ทุกคนครับ……? นั่นคิดจะทำอะไรเหรอครับ? ดะ เดี๋ยวสิ!? ”
ที่อยู่เบื้องหน้าครอสซึ่งตกตะลึง——ปรี๊ดปรี๊ดปรี๊ด
ก็คือสุดแกร่งของโลกทั้งสามคนที่กำลังแย้มยิ้มอย่างเงียบเชียบโดยที่มีเส้นเลือดปูดขึ้นมาเหนือหน้าผาก