ก่อนหน้าที่ครอสจะเกิดความมุ่งมั่นครั้งใหม่มาแฝงไว้ภายในใจ
เหล่านักผจญภัยระดับ S ซึ่งก็คือลีโอเน่ ลูด์มิร่า และเทโลเมียร์ ได้ออกมาเดินภายในเมืองอย่างครบครันพร้อมหน้ากันอย่างหาเจอได้ยาก เหตุผลนั้นแสนง่าย เพราะเห็นว่าลูกศิษย์ที่ออกไปดูประกาศชี้แจงที่กระดานข่าวเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมกับโรงเรียนนักผจญภัยซึ่งจะเปิดทำการเรียนการสอนใหม่ในวันพรุ่งนี้นั้นกลับบ้านล่าช้าไปนิดหน่อยนั่นเอง
หากเป็นก่อนหน้านี้ละก็ ต่อให้ลูกศิษย์จะกลับบ้านช้าหน่อย แต่พวกเธอก็คงไม่เป็นกังวลหนักหนาอะไรมากมายหรอก
ทว่าสถานการณ์ที่ห้อมล้อมรอบตัวครอสในปัจจุบันมันได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างยิ่งใหญ่แล้ว
นอกจากจะโค่นขุนนางระดับสูงและฉุดให้มาอยู่ภายใต้บัญชาแล้วไม่พอ ยังถูกร่ำลือว่าก่อตั้งพรรคขุมกำลังขึ้นมาทั้งที่มีฐานะเป็นเพียงสามัญชนอีกด้วย พูดกันอย่างง่ายก็คือเด่นสะดุดตามาก
มากในระดับที่เทียบกันไม่ได้กับเมื่อหลายวันก่อน
สถานการณ์นี้จะมีส่วนช่วยเสริมการเติบโตให้กับครอสได้ก็เลยเป็นที่น่าพอใจอยู่หรอก แต่ในขณะเดียวกันแล้วก็มีโอกาสที่จะเกิดเรื่องยุ่งที่ใหญ่เกินตัวครอสในปัจจุบันด้วยเช่นกัน ดังนั้นพวกเธอก็เลยออกมาดูลาดเลาเผื่อเอาไว้ยังไงล่ะ หากฝากหน้าที่ให้ใครเพียงคนเดียวก็มีเสี่ยงที่จะโดนทำคะแนนแซงหน้าดังนั้นจึงมาพร้อมกันสามคนซะเลย
ด้วยเหตุนี้เอง ภายหลังออกจากคฤหาสน์มาได้ไม่นาน
“ โอ๊ะ อยู่นั่นไง ปัดโธ่เอ๊ย แค่แวะกินข้าวข้างทางเท่านั้นเองหรอกเรอะ ”
เพราะใช้คริสตัลไล่ตามกลิ่นอายของเมจิคไอเท็มระบุตำแหน่งที่แอบติดไว้กับตัวครอส ทำให้พวกลีโอเน่ตามมาพบเห็นศิษย์รักกำลังรับประทานอาหารอยู่ตรงที่นั่งด้านนอกร้านได้อย่างรวดเร็ว เหมือนจะไม่ได้เกิดเหตุคอขาดบาดตายขึ้น สงสัยจะเป็นกังวลมากเกินไปแล้วสิ คิดตำหนิตนเองเช่นนั้นไปพลางก้าวเข้าไปจะส่งเสียงทัก…..ทว่ามันเป็นในทันใดนั้นเอง
“““ …..อื๋อ? ”””
ที่ทั้งสามซึ่งมีเพียงครอสอยู่ภายในสายตา พลันสังเกตเห็นตัวตนของผู้ที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย
บุคคลที่สวมผ้าคลุมปกปิดใบหน้า…..เพศสภาพคือผู้หญิง
รูปโฉมนั้นดูเลือนลาง ไม่ว่าใครก็มองออกไม่ชัดว่าหน้าตาเป็นยังไง
อำนาจของเมจิคไอเท็มระดับสูงที่มีเอฟเฟคยับยั้งการรับรู้สินะ
ทว่า…..สำหรับเหล่านักผจญภัยระดับ S ที่มีค่าความชำนาญของสกิลตรวจจับสามัญสูงยิ่งกว่า <<ธีฟระดับสูง>> หรือ <<เรนเจอร์ระดับสูง>> มากมายหลายเท่าแล้ว ลูกไม้ตื้นๆ แค่นี้ไม่พอจะหลอกตาได้หรอก
พริบตาที่ทั้งสามคนรีดเร้นพลังเวทด้วยความรู้สึกประหลาดใจ—ภาพที่ทะลุผ่านเอฟเฟคของเสื้อคลุมและแล่นเข้ามาในสายตาก็คือ ความงามประหนึ่งดาบเลอค่าที่ถูกขัดเกลาจนถึงขีดสุด เส้นผมสีขาวส่องประกาย
ภาพของผู้สืบสายเลือดผู้กล้า, เอลิเซีย ราฟาแกลิออนที่กำลังรับประทานอาหารอยู่กับศิษย์รักอย่างสนิทสนมนั่นเอง
“““ ห้ะ…..? ”””
ภาพอันสุดจะเชื่อมากจนเกินไปทำให้พวกลีโอเน่ตัวค้างเหมือนเวลาหยุดเดิน
เกิดแรงกระแทกเหมือนโดนเวทมนตร์ทำลายล้างลูกใหญ่เบ้อเร่ออัดเข้ามาใส่จากทิศทางที่ไม่ได้ระวังไว้แม้แต่นิดจนรู้สึกเหมือนหัวจะรวนไม่เป็นท่า
ทว่าสิ่งที่น่าช็อคมากไปยิ่งกว่านั้นก็คือ มู้ดของครอสกับเอลิเซียที่กำลังรับประทานอาหารอยู่ตรงที่นั่งภายนอกร้าน รอยยิ้มอ่อนหวานของเอลิเซีย บรรยากาศแสนหวานชื่น แถมจากที่ใช้ประสาทการได้ยินของนักผจญภัยระดับ S ลองเงี่ยหูแอบฟังบทสนทนาดูแล้วพบว่าการแอบเจอกันเช่นนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว ท่าทางของทั้งสองก็บ่งบอกว่ารู้ใจของกันและกันดี หนำซ้ำพอเห็นว่าอยู่ดีๆ เอลิเซียก็หัวเราะออกมาเหมือนกับหลุดขำแล้ว จู่ๆ ทั้งคู่ก็มองสบตากันด้วยท่าทางเหมือนมีใจให้กันเลยด้วยนี่นา!
“ หะ เฮ้ยนี่มันยังไงกันนั่นน่ะเฮ้ย!? ”
“ ทะ ทำไมครอสคุงถึงไปอยู่กับแม่หนูผู้สืบสายเลือดผู้กล้า…..ตั้งแต่เมื่อไหร่ง่าาา…..!? ”
ลีโอเน่กับเทโลเมียร์แฝงตัวหลบอยู่หลังเงาตึกไปพลางเปล่งเสียงออกมาอย่างร้อนรน
ออกอาการร้อนรนหนักมากยิ่งกว่าตอนที่ริสก์ 9 บุกเข้ามาถล่มบัสเคิลเบียร์ซะอีก ทั้งสองคนต่างก็สับสนเกินเหตุจนเผลอตัวบีบกำแพงด้านนอกของตึกที่ใช้หลบซ่อนตัวจนแหลกกระจุยเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเลยเชียว
“ สงบอารมณ์เสียหน่อยนังพวกบ้า ”
ลูด์มิร่าพลันอ้าปากเล็กๆ กล่าวขึ้นราวกับปรามทั้งสองคน
“ เราก็คาดการณ์เอาไว้แล้วไม่ใช่หรือ หากครอสสร้างชื่อเป็นใหญ่ในเมืองนี้แล้วก็แน่นอนว่าจะต้องมีฝูง แมลงพิษ บินเข้ามาไต่มาตอม หึถึงจะไม่ได้คิดว่านังผู้สืบสายเลือดผู้กล้ามันจะกำลังจ้องใช้ เขี้ยวพิษ งับเข้ามาใส่ครอส ของฉัน ก็ตามทีเถอะนะ…..แต่ <<ไร้อาชีพ>> กับสายเลือดผู้กล้าย่อมไม่มีทางได้สมสู่กัน ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องร้อนรนไปเลยแม้แต่น้อยนิดเดียว ”
ว่าแล้วลูด์มิร่าก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายไปพลาง บีบอัดพลังเวทระดับแช่แข็งเมืองได้ทั้งเมืองแล้วเพ่งฝ่ามือเล็งไปทางเอลิเซียด้วยแววตาของฆาตกร
“ เฮ้ยนั่นทำแป๊ะอะไรของหล่อนน่ะยัยเอลฟ์งี่เง่า!? ”
“ เดี๋ยวสิ ลูด์มิร่าจังใจเย็นจ้าใจเย๊นนน~! ”
“ พูดอะไรของพวกแกก็เห็นกันอยู่ว่าฉันสุขุมใจเย็นที่สุดแล้ว …..มุ? อะไรกัน? มือมันกำลังเล็งเวทน้ำแข็งจองจำแห่งสวรรค์ตรงไปทางผู้สืบสายเลือดผู้กล้า….. ”
“ นังนี่หึงแรงมากยิ่งกว่าที่คิดไว้อีกนี่หว่า!? แล้วก็หยุดได้แล้วเฟ้ยเดี๋ยวครอสก็รู้ตัวหรอกเอ้อ! ถ้าเป็นหล่อนคนเดียวก็ยังพอทำเนา แต่ถ้าฉันโดน เข้าใจผิด ว่าเป็นผู้หญิงจิตป่วยที่ย่องมาทำตัวเหมือนสตอล์คเกอร์แบบนี้ตามไปด้วยแล้วจะทำยังไงกันเล่า! เฮ้ยเทโลเมียร์! รีบดูดพลังเวทยัยเพิ้งนี่ด่วนเลย! ”
“ รับทราบแล้วจ้าา~! ”
ลีโอเน่รีบกดตัวลูด์มิร่าที่หวิดจะฆ่าผู้สืบสายเลือดผู้กล้าโดยไม่ได้ตั้งใจเอาไว้ และเทโลเมียร์ก็ดำเนินการดูดกลืนพลังเวทที่กระจายไปรอบๆ จากนั้นทั้งสามจึงพยายามกลบเกลื่อนตีเนียนโดยการใช้สกิลสูญสิ้นกลิ่นอายสามัญของนักผจญภัยระดับ S ที่หลบพ้นได้แม้กระทั่งการตรวจจับของเอลิเซียที่ไต่เต้าไปจนถึงอาชีพสูงสุด
พอตีเนียนแบบนั้นไปซักระยะ พวกครอสก็จากลากันโดยไม่มีอะไรเป็นพิเศษ พวกลีโอเน่จึงถอนหายใจโล่งอกออกมาได้เปลาะนึง ทว่า—
(((ทะ ท่าไม่ดีแล้ว…..!)))
เป็นตรงนั้นเองที่ทั้งสามซึ่งกลับมาเยือกเย็นได้ซะที พลันรับรู้ถึงสถานการณ์ที่พวกตนกำลังเจออยู่ในตอนนี้ได้อย่างชัดเจน
(พลาดไปถนัดเลย…..! พวกเราดันคิดไปว่าอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่สุดก็คือกันและกัน—)
(จนประเมินความเสี่ยงที่ครอสจะมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพวกนังหนูอายุรุ่นราวคราวเดียวกันน้อยเกินไป!)
(เท่านั้นไม่พอ ยังมีโอกาสที่ครอสคุงจะโดนคาบเอาไปกินในระหว่างที่พวกเรามัวทะเลาะขัดแข้งขัดขากันเองอยู่นี่ด้วยอ่าาา~~!?)
ไม่มีทางที่พวกตนจะมีเสน่ห์ในฐานะผู้หญิงต่ำต้อยกว่าพวกนังหนูเมื่อวานซืนหรอก
ไม่มีทางเลย แต่…..หากยังคงขัดคอกันและกันต่อไปแบบนี้ละก็จะต้องเกิดเรื่องแย่ขึ้นแน่ สัญชาติญาณมันร้องบอกเช่นนั้น
(((ต้องหาทางทำอะไรซักอย่าง…..ด้วยแนวทางที่จะไม่ขัดขวางการฝึกของครอส!)))
ภยันตรายระดับต้นๆ แม้ภายในชีวิตนักผจญภัยอันแสนยาวนาน บีบให้เหล่านักผจญภัยระดับ S ที่แสนชำนาญศึกต้องเค้นสมองที่ค่าประสบการณ์ด้านความรักเป็น 0 กันอย่างสุดใจขาดดิ้น