“ฉันรู้แล้ว นายเป็นนักเรียนที่นี่งั้นหรอ!”
ทั้งสามคนมองไปที่นักเรียนหญิงผมแดงที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“นายรู้จักเธอหรอ?”
เมื่อสังเกตเห็นว่านักเรียนหญิงกำลังชี้ไปที่แวนส์อย่างก้าวร้าว เบียทริซก็ก้าวไปข้างหน้าเขาทันที โดยแสดงท่าทางขณะที่เธอเผชิญหน้ากับนักเรียนหญิง
ด้วยเหตุผลบางอย่างบางทีอาจเป็นเพราะรูปร่างที่เล็กของแวนส์ร่างกายของเบียทริซจึงเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณราวกับว่าเธอต้องการปกป้องเขาจากอันตราย
“ใช่ คุณต้องการอะไรกับเพื่อนของเรา!”
ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและน้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ ในขณะที่เขาจ้องมองไปที่นักเรียนหญิงคนนั้น
ในทางกลับกันนักเรียนหญิงผมแดงเจมม่ากลับรู้สึกว่าภาพนี้เธอเคยเห็นมาแล้ว เธอก็เป็นแบบนี้เหมือนกันตอนที่ยังเป็นนักเรียนใหม่
“ฉันแค่อยากถามเด็กคนนั้นว่าเป็นยังไงบ้าง!”
เจมม่าผลักใบหน้าของฮาร์วีย์ไปด้านข้างเพราะเขายืนอยู่หน้าสุด ขณะที่เธอเดินไปหาแวนส์ ซึ่งตอนนี้เบียทริซขวางอยู่ด้านหน้า
“นายสบายดีไหม?”
เจมม่าเหล่ตาขณะที่เธอพยายามสแกนแวนส์ตั้งแต่หัวจรดเท้า
“นาย…นายจำฉันได้ไหมเจมม่า?”
‘เขาเป็นเด็กคนเดียวกับเมื่อวันก่อนจริงๆหรอ?’ เธอคิดในใจ เพราะเด็กคนนั้นถูกทุบตีในสนามประลองจนเขาแทบจะไม่สามารถเดินได้
ดังนั้นเด็กคนนี้อาจจะไม่ใช่เขา?
แต่ถึงแม้ว่าตอนนี้เด็กชายที่อยู่ตรงหน้าของเธอจะมีสุขภาพดีขึ้นมาก แต่กลิ่นของเขา ขนาด และรูปร่างของเขา เป็นเหมือนกับเด็กคนนั้นไม่ผิดแน่ๆ
เธอมั่นใจ เด็กชายคนนี้เป็นคนเดียวกับคนที่อยู่ในลานประลองวันนั้น
แวนส์ก็มองเธอด้วยสายตาสงสัยเสียงของหญิงสาวฟังดูคุ้นเคย ราวกับว่าเคยพบเขาที่ไหนมาก่อน
“อ๊ะ!”
ในที่สุดหลังจากนั้นไม่กี่วินาทีแวนส์ก็ปรบมือของเขา ขณะที่เขาจำนักเรียนหญิงได้ จากนั้นเขาก็หยิบของจากกระเป๋าและยื่นให้นักเรียนหญิง
“นี่คือ…”
เจมม่าเอียงศีรษะด้วยความสับสน ขณะที่เธอมองไปที่สิ่งของในมือของแวนส์
“เธอ…ทิ้งไว้เมื่อวันก่อน”
แวนส์พูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
มันเป็นรองเท้าบูทของเจมม่าที่หล่นอยู่ที่พื้น เนื่องจากเธอเกือบจะลื่นเลือดของแวนส์
“อ๊ะ!”
เจมม่ารีบคว้ารองเท้าบูทคู่นั้นมาทันที
“ฉันตามหามันอยู่ตั้งนาน!”
“…ขอโทษนะ ฉันใช้มันโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเธอ”
แวนส์พูดขณะที่เขาโค้งคำนับ เมื่อเห็นว่าทั้งสองดูเหมือนจะรู้จักกันเบียทริซจึงตัดสินใจวางท่าทางของเธอและก้าวออกไปด้านข้าง แน่นอนว่าเธอยังคงเฝ้าดูเจมม่าอย่างใกล้ชิด
“หืม…”
เจมม่าทำเสียงด้วยความพึงพอใจ ขณะที่เธอแขวนรองเท้าบูทไว้ที่ไหล่ แต่แล้วสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างจริงจัง ในขณะที่เธอจับไหล่เล็กของแวนส์
“เดี๋ยวก่อน!”
เธอพูดเสียงดัง
“เรื่องนั้นมันไม่สำคัญ วันนั้นฉันเห็นนายถูกทุบตีอยู่!”
“อะไร!?”
“เป็นเรื่องจริงเหรอ!?”
ทันทีที่เบียทริซและฮาร์วีย์ได้ยินคำพูดของเจมม่า พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะคว้าแขนของแวนส์ไว้คนละข้าง ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวล
“ใครทำนาย”
เจมม่ามองไปที่แวนส์ตรงตาของเธอเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เป็นนักเรียนที่นี่เหรอ!?”
“…อืม”
แวนส์มองไปด้านข้างอย่างเชื่องช้าใน ขณะที่เขาไม่คุ้นเคยกับการแสดงความกังวลมากขนาดนี้เขาไม่รู้จริงๆว่าควรรู้สึกอย่างไร
“ฉัน…ฉันแค่ลื่น”
“อะไรนะ!? นายคิดว่าจะให้ฉันเชื่อแบบนั้นงั้นหรอ!?”
เจมม่าโน้มตัวเข้าไปใกล้แวนส์
“วันนั้น คุณแทบไม่หายใจเลยด้วยซ้ำ!”
“เอ่อ…นั่น…”
แวนส์หลับตาลง เขาไม่อยากให้ใครรู้จริงๆว่าเขาถูกเจอรัลด์และกลุ่มอันธพาลทุบตีจนเกือบตาย เขาต้องการเริ่มต้นใหม่ในสถาบันการศึกษา ถ้ามีคนรู้ว่าเขาถูกเจอรัลด์ทุบตี และเจอรัลด์รู้เข้า ชีวิตของเขาจะต้องลำบากอย่างแน่นอนนับจากนี้
‘อย่างน้อยก็จนกว่าฉันจะมีพละกำลังเพียงพอที่จะต่อสู้กลับ ฉันต้องเก็บเงียบไว้ก่อน’ แวนส์ถอนหายใจ และเมื่อเขาทำได้…เขาจะส่งพวกนั้นไปสู่ชีวิตหลังความตายพร้อมกับพ่อของเขาอย่างแน่นอน
โดยที่เขาไม่รู้ตัว อยู่ๆแวนส์ก็ยิ้มออกมาพร้อมกับความคิดที่ว่าเขาได้ส่งพวกเขาทั้งคู่ไปทรมานในลานแห่งการลงโทษ
“อะไรกัน…ทำไมจู่ๆนายถึงยิ้ม”
เจมม่าอดไม่ได้ที่จะถอยห่างออกไป เด็กผู้ชายคนนี้เป็นโรคจิตหรอ?
“…ขอโทษ”
แวนส์ส่ายหัวอย่างรวดเร็วเพื่อขับไล่ความคิดแปลกๆของเขา
“ฉัน…ฉันแค่มีความสุขที่ฉันได้รับความห่วงใยจากเธอหนะ”
จากนั้นเขาก็ยิ้มให้เจมม่า
“ขอบคุณนะ”
เป็นอีกครั้งที่เจมม่าไม่สามารถทำอะไรได้ เธอถอยห่างออกไป แต่คราวนี้เธอกลับมีอาการหน้าแดงเล็กน้อย ราวกับว่าเธอกำลังมองดูลูกสุนัขตัวเล็กๆ เธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่ลูบหัวของมัน
ในที่สุดหลังจากพยายามอย่างมากเธอก็ส่ายหัว เธอควรให้ความสำคัญกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอแน่ใจในเรื่องนี้มีนักเรียนคนหนึ่งทำแบบนั้นกับแวนส์ และจะปล่อยให้เขาตายไปในที่เกิดเหตุ
“ใครทำนาย…”
* ดิ๊ง! *
เจมม่ากำลังจะถามอีกครั้ง แต่เสียงระฆังของโรงเรียนทำให้เธอหยุดชะงัก
“ไม่!”
เบียทริซตะโกนขณะที่เธอดึงมือของแวนส์อย่างรวดเร็ว
จากนั้นเบียทริซลากแวนส์อย่างแรง ขณะที่เธอวิ่งพร้อมกับฮาร์วีย์ที่จับมืออีกข้างของแวนส์
…เธอเป็นผู้ถือระบบประเภทผู้นักเวทย์จริงๆหรือ? แวนส์และฮาร์วีย์คิดในขณะที่พวกเขารู้สึกว่าอากาศพุ่งผ่านหน้าพวกเขาขณะที่พวกเขาถูกเบียทริซลากไปในอากาศทั่วบริเวณสถาบันการศึกษา
“นะ…นี่…”
เจมม่ากระพริบตาสองสามครั้ง ขณะที่เธอมองดูหลังของทั้งสามคนที่หายไปในระยะไกล พวกเขาทิ้งจะเธอไปแบบนี้จริงๆเหรอ?
เจมม่าอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ…
‘ฉันจะค้นหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาย!’ เธอปล่อยลมหายใจออกมา ขณะมองไปที่รองเท้าบูทของเธอ
…
เธอลืมถามชื่อเขา!
***
“เราทำได้!”
เบียทริซหอบหนักขณะเข้าห้องเรียนใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความพึงพอใจ และความภาคภูมิใจ ในทางกลับกันฮาร์วีย์และแวนส์รู้สึกเหมือนว่าพวกเขาเห็นผี เนื่องจากรูปร่างหน้าตาของเขาตอนนี้ดูไม่ได้เลยทีเดียว
“เธอมีระบบประเภทนักเวทย์จริงๆหรือ?”
ฮาร์วีย์พูดขณะที่เขาพยายามจัดทรงผมของเขา
“ฉันรู้สึกเหมือนฉันถูกกอริลลาเหวี่ยงขึ้นไปในอากาศ”
เขาพูดขณะโบกมือขึ้นไปในอากาศ บอกสถานการณ์ของพวกเขาก่อนหน้านี้
แวนส์หัวเราะเบาๆขณะที่เขาตบเครื่องแบบหลวมๆของเขา
“กะ…กอริลาหรอ!”
เบียทริซกำลังจะดุด่า แต่แล้วเธอก็สังเกตเห็นว่าทุกคนมองมาที่พวกเขา ดังนั้นเธอก็แค่กระแอมในลำคอและนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างเปล่าอย่างเชื่องช้า
แวนส์และฮาร์วีย์ก็ทำเช่นเดียวกัน
น่าเศร้าที่พวกเขาทั้งหมดถูกแยกออกจากกัน อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่ได้หยุดเบียทริซจากการจ้องมองฮาร์วีย์อย่างดุเดือด
แวนส์นั่งที่ว่างซึ่งอยู่มุมที่ไกลที่สุดข้างหน้าต่างอย่างเงียบๆ นักเรียนหญิงผมสีน้ำตาลที่นั่งอยู่ข้างๆเขาคว่ำหน้าลงกับโต๊ะ ดังนั้นแวนส์จึงไม่อยากรบกวนเธอมากนักด้วยการสร้างเสียงดัง
แต่ไม่นานก็มีเสียงดังรบกวนทั้งห้องเรียน
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ตามมาด้วยเสียงหัวเราะที่ดังจนแทบจะกลบหูของนักเรียน แวนส์อดไม่ได้ที่จะสะดุ้ง ขณะที่เขาปิดหู จากนั้นเขาก็มองไปที่นักเรียนหญิงที่นอนหลับอยู่ข้างๆเพื่อดูว่าเธอเป็นอย่างไร แต่ที่น่าแปลกใจคือนักเรียนหญิงยังคงนอนหลับอยู่
‘…เธอยังไม่ตายใช่ไหม?’ แวนส์ทำหน้ากังวล มีหลายกรณีเช่นนี้ในบ้านของเขาผู้คนล้มตายเพราะความหิวโหย
แวนส์กำลังจะแหย่เธอด้วยนิ้วของเขา
แต่โชคดีที่หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีนักเรียนหญิงก็กระตุก ขณะที่เธอค่อยๆลุกขึ้นนั่ง มีรอยแดงทั่วใบหน้าเนื่องจากก้มหน้านานเกินไป แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนใจด้วยซ้ำ เพราะเธอจ้องไปที่ผู้ชายที่เพิ่งเข้ามาในห้องเรียนโดยไม่มีแม้แต่ร่องรอยของการแสดงออกบนใบหน้าของเธอ
“ฉันจะเป็นที่ปรึกษาให้ชั้นเรียนของพวกเธอ!”
อีกครั้งเสียงชายคนนั้นดังไปทั่วทั้งห้อง
“พวกเธอสามารถเรียกฉันว่ามิสเตอร์จาค็อบส์”
เขาพูดพร้อมกับเกร็งกล้ามเนื้อที่แทบจะหลุดออกจากเสื้อผ้า เผยให้เห็นรอยสักบางส่วนที่เกลื่อนร่างกายของเขา
แวนส์พูดไม่ออก นี่เป็นครูจริงๆเหรอ?
ทุกคนที่เขาเคยพบในสถาบันจนถึงตอนนี้เต็มไปด้วยสีสันซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่เขาคุ้นเคยอย่างแท้จริง
“ตอนนี้…”
น้ำเสียงของมิสเตอร์จาค็อบส์เปลี่ยนไปอย่างจริงจัง
“พวกคุณออกไปให้หมด!”
เขาตะโกนขณะชี้ไปที่ประตู
“…อะไร?”
นักเรียนทุกคนเริ่มกระซิบกระซาบกันทันทีที่มิสเตอร์จาค็อบส์พูดแบบนั้น พวกเขาเพิ่งเข้าไปในห้องเรียน แล้วทำไมตอนนี้จึงถูกขอให้ออกไปข้างนอกล่ะ?
อย่างไรก็ตามคำถามของพวกเขาได้รับคำตอบอย่างรวดเร็วด้วยคำพูดถัดไปของที่ปรึกษา
“พวกเราจะมีการประลองเล็กๆน้อยๆกับคลาสถัดไป” มิสเตอร์จาค็อบส์หัวเราะอีกครั้ง
“อย่าทำให้ฉันผิดหวังนะเด็กๆ!”
พวกเขาส่วนใหญ่ได้ยินมาว่าสถาบันการศึกษาระบบสามารถสอนแบบเข้มข้นได้
แต่…การประลอง?”
ในวันแรกของการเปิดเทอมเนี่ยนะ!?