“…”
ทั้งสนามเงียบลงทันที เมื่อพวกเขาจ้องไปที่นักเรียนที่ตัวเล็กที่สุด แวนส์ยังคงชูนิ้วกลางทั้งสองข้างขึ้น และชี้ไปที่ชั้นเรียนอื่นๆ
“นี่ … “
คนในชั้นเรียนอื่นๆพูดไม่ออกกับคำหยาบคายที่ถูกโยนใส่พวกเขาอย่างกะทันหัน อย่างไรก็ตามชั้นเรียนของแวนส์เริ่มส่งเสียงโวยวาย และตะโกนเหมือนลิงด้วยความตื่นเต้นหลังจากนั้นไม่กี่วินาที
“ไปเลย กลับไปเลียตูดแม่แกนู้น ไอ้กระจอก”
“ฮ่าๆ! กระจอกจริงๆ”
ในไม่ช้านักเรียนทุกคนจากชั้นเรียนของแวนส์ก็ชูนิ้วกลางไปที่ชั้นเรียนอื่นๆ บางคนถึงกับถุยน้ำลายลงบนพื้นหญ้า ชั้นเรียนที่เคยสงบ…ตอนนี้เต็มไปด้วยพวกอันธพาลในทันที
“กลับบ้านไปหาแม่แกซะ เจ้าหนูน้อย!”
“อะไรกัน…”
นักเรียนในชั้นเรียนอื่นๆอดไม่ได้ที่จะถอยห่างออกไปอย่างช้าๆ เนื่องจากบรรยากาศที่เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง คู่ต่อสู้ของพวกเขา…เป็นบ้าหรือเปล่า?
“ซ่ามากนักหรอ เจอหมัดหน่อยเป็นไง!?”
ทันใดนั้นเด็กผู้ชายผมแดงจากชั้นเรียนอื่นๆ ก็วิ่งเข้ามาพร้อมกับหมัดของเขา
“ได้! เข้ามาเลย!?”
นักเรียนจากชั้นเรียนของแวนส์โต้ตอบการยั่วยุของเขา และก้าวไปข้างหน้าเช่นกัน
แต่ก่อนที่การทะเลาะจะกลายเป็นการจลาจล ทันใดนั้นพื้นก็สั่นสะเทือนทำให้นักเรียนทั้งสองคนนั้นล้มลงทันที
“พอแล้ว!”
ชายคนหนึ่งที่หลับตาค่อยๆเดินไปที่ตรงกลางของกลุ่ม
“มิสเตอร์หลาง!”
นักเรียนของชั้นเรียนคนอื่นๆรีบโค้งเข้าหาชายคนนั้น
แวนส์ที่ถือก้อนหินก็ทิ้งมันลงที่พื้นอย่างช้าๆ ก่อนที่ใครจะสังเกตเห็นเขา
“ไม่อายกันบ้างหรอ!”
มิสเตอร์หลางกระทืบเท้า
“ตอนนี้มีคนจากกิลด์นักสำรวจเฝ้าดูพวกคุณอยู่”
เขาพูดขณะที่ชี้ไปที่ที่นั่งด้านข้างซึ่งมีคนจำนวนมากกำลังสังเกตพวกเขา
“แล้วคุณล่ะ!”
จากนั้นมิสเตอร์หลางก็ชี้ไปที่มิสเตอร์จาค็อบส์
“คุณห้ามนักเรียนไม่ให้แสดงตัวเป็นอันธพานไม่ได้รึไง!“
“คุณเข้าข้างนักเรียกตัวเองเกินไป นักเรียนชั้นสูงพวกนั้นเป็นคนเริ่มก่อนนี่”
มิสเตอร์จาค็อบส์ส่งเสียงดัง ขณะที่เขาเดินเข้าไปใกล้มิสเตอร์หลางจมูกของพวกเขาแทบจะติดกัน
“มีปัญหาอะไรงั้นหรอ!?”
มิสเตอร์หลางและมิสเตอร์จาค็อบส์ จ้องหน้ากัน ตาของพวกเขาที่อยู่ห่างจากกันเพียงไม่กี่นิ้ว
ความจริงก็คือการประลองครั้งนี้ไม่ได้เป็นเหตุการณ์ของโรงเรียนแต่อย่างใด มันไม่ได้เป็นกิจกรรมอย่างเป็นทางการ มันเป็นเพียงความบาดหมางส่วนตัวระหว่างจาค็อบส์และหลางที่เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว
ผู้คนจากกิลด์นักสำรวจต่างๆที่เฝ้ามองจากด้านข้างไม่สามารถเข้ามาช่วยได้ แต่เผยให้เห็นใบหน้าที่มีความสุข
“ปีนี้คึกคักจัง”
เบลลิกมองไปที่ซาร่าห์ ขณะที่เขาหัวเราะ
“เธอไม่คิดอย่างนั้นเหรอซาร่าห์”
อย่างไรก็ตามซาร่าห์เพิกเฉยต่อเบลลิกอีกครั้ง ในขณะที่เธอมุ่งความสนใจไปที่นักเรียนคนหนึ่ง ‘แวนส์’
‘ดูเหมือนว่าเขาจะทำได้ดีขึ้นแล้ว’ เธอคิดในขณะที่เธอจำการแสดงออกที่ดูหดหู่ของแวนส์ ตอนที่เขาอยู่ในโรงพยาบาลได้ดี
แน่นอนว่าเธอมาที่นี่เพื่อที่จะดูแวนส์ นอกจากองครักษ์ที่เธอไว้ใจที่สุดแล้ว เธอเป็นคนเดียวที่รู้ว่าแวนส์ฆ่าพ่อของเขาแน่นอน
คำถามเดียวที่เธอต้องการคำตอบในตอนนี้คือ แวนส์มีทักษะและระบบแบบไหน เพื่อให้เธอสามารถป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่ดีได้อีก แต่เมื่อพิจารณาแล้วเขาน่าจะเป็นแค่ระดับ 1
ขณะที่เธอจ้องมองแวนส์จากระยะไกล เบลลิคกำลังจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด เขาอยากรู้ว่าใครกันแน่ที่ซาร่าห์ให้ความสนใจเป็นพิเศษ
ไม่ใช่แค่เขาคนเดียว ตัวแทนที่เหลือจากกิลด์นักสำรวจคนอื่นๆก็มองมาที่เธอเช่นกัน
ทุกคนต่างสงสัยว่าทำไมคนในตำแหน่งพิเศษอย่างซาร่าห์ถึงมาอยู่ที่นี่?
“ไปรวมตัวกัน เร็ว!”
ใช้เวลาไม่กี่นาที แต่ดูเหมือนว่าทุกคนจะสงบลงในที่สุด เมื่อนักเรียนจากทั้งสองชั้นเรียนเรียงแถวกัน
“ตอนนี้ จงตั้งใจฟัง!”
เสียงดังของมิสเตอร์จาค็อบส์ดังเข้าหูนักเรียน
“การประลองจะประกอบด้วยสามเกมไตรกีฬา”
“หอกขว้าง…”
มิสเตอร์จาคอบส์พูดต่อในขณะที่เขาแสดงท่าทางไปยังจุดต่างๆ ที่จะมีการแข่งขันเกม
“…การแข่งขัน และแน่นอนว่าฉันชอบมากที่สุด”
“ศิลปะการต่อสู้แบบแพนเครชัน?” *แพนเครชันเป็นการต่อสู้ในสมัยก่อนเปรียบเหมือนมวยปล้ำยุคโบราณ*
แวนส์อดไม่ได้ที่จะเอียงศีรษะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำนั้น
“มันเป็นคำที่แปลกใหม่สำหรับคนสองคนที่ตีกัน”
เบียทริซกระซิบข้างหูเขา
“…ฉันเข้าใจ” แวนส์พยักหน้า
“ขอบคุณ”
“ตอนนี้พวกนายแต่ละคนอาจจะสงสัยว่าจะเข้าร่วมเกมอะไร”
คราวนี้เป็นมิสเตอร์หลางที่ก้าวไปข้างหน้า
“คำตอบคือ…ทั้งหมดทุกเกม”
“อะไรนะ!?”
“นั่นมันไม่ยุติธรรมเลย!”
“เห็นได้ชัดว่าเกมเหล่านี้เป็นของถนัดสำหรับผู้ควบคุมระบบแบบเพิ่มประสิทธิภาพ!”
เมื่อได้ยินคำบ่นของนักเรียน มิสเตอร์หลางก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ในขณะที่เขาเดินไปหากลุ่มหอกที่อยู่ด้านข้าง
ในขณะที่เขากำลังเดินกองหินก็ค่อยๆ คืบคลานขึ้นไปที่แขนขวาของเขาครอบคลุมตั้งแต่ปลายนิ้วจนถึงหน้าอกขวาของเขา
“ฉันเป็นผู้ควบคุมระบบประเภทนักเวทย์”
มิสเตอร์หลางหยิบหอกขึ้นมาด้วยแขนของเขาที่ปกคลุมไปด้วยหินอย่างนุ่มนวล
“นายคิดว่ามิโนทอร์จะสนใจระบบที่นายมีเมื่อนายอยู่ภายในประตูมิติงั้นหรอ?”
“นายคิดว่าฮาร์ปี้ หรือครอกกาไทรส์จะสู้กับนายบนพื้นดินงั้นหรอ?”
มิสเตอร์หลางพูดขณะที่ก้อนหินที่พันนิ้วของเขาเริ่มหมุน
และในไม่ช้าก้อนหินก็หมุนในอัตราที่ทำให้เกิดเสียงดังก้องขึ้นในอากาศ
“นั่นมันเป็นไปไม่ได้!”
มิสเตอร์หลางกำมือของเขาแน่นขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียงดังทะลุหูของนักเรียน ขณะที่ประกายไฟเต้นอยู่ในมือของมิสเตอร์หลาง
จากนั้นด้วยเสียงระเบิดดังๆ หอกในมือของเขาก็บินจากไป มันถูกยิงด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อทั่วทั้งสนาม นักเรียนทุกคนอ้าปากค้าง ขณะที่พวกเขาจ้องมองไปที่หอกที่เจาะเข้าไปในกำแพง
“ขีดจำกัดระบบของพวกนาย จะขึ้นอยู่กับนาย”
มิสเตอร์หลางกล่าว ขณะที่เขากลับไปที่ตรงกลางอีกครั้ง
“จงใช้มันอย่างชาญฉลาด”
“เชอะ”
มิสเตอร์จาค็อบส์อดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทางของเขา ขณะที่เขามองไปที่มิสเตอร์หลางที่อยู่ข้างๆ
“…อวดดีเสมอ”
นักเรียนยังคงมองดูมิสเตอร์หลาง และการแสดงที่น่าประทับใจของเขาด้วยความหวาดกลัว มือของเบียทริซสั่นด้วยความตื่นเต้น ขณะที่เธอจ้องมองไปที่พื้น
“เธอ…โอเคไหม”
เมื่อเห็นการแสดงออกของเบียทริซ แวนส์ก็อดเป็นห่วงเธอไม่ได้
เบียทริซพยักหน้าตอบรับอย่างรวดเร็ว
“ฉันจะต้องชนะ”
เธอกล่าว
“ฉันฝึกฝนอย่างหนักมาตลอดชีวิตเพื่อสิ่งนี้…ฉันจะต้องอยู่ในจุดสูงสุด!”
“โอ…โอเค”
แวนส์ยังคงจ้องไปที่เบียทริซ เขาคุ้นเคยกับการแสดงออกของเบียทริซ เกือบทุกคนในชั้นเรียนของเขามีท่าทางแบบนี้
“อย่ากดดันตัวเองมากเกินไปล่ะ”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง
“นายก็ด้วย”
เบียทริซพยักหน้ามือของเธอยังคงสั่น
“ฉันด้วย!”
ทันใดนั้นฮาร์วีย์ก็กระโดดขึ้นมาตรงหน้าพวกเขา ในขณะที่เขาชูหมัดขึ้นไปในอากาศ
ทั้งสองอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆขณะที่พวกเขามองไปที่ฮาร์วีย์
“มาทำให้ดีที่สุดกันเถอะทุกคน”
“ตอนนี้พวกเราจะเริ่มการแข่งขันเกมแรก…”
นักเรียนเงียบลงเมื่อมิสเตอร์หลางพูดอีกครั้ง
‘ต้องแข่งแล้วงั้นหรอ!?’ แวนส์อดไม่ได้ที่จะเหงื่อตก เมื่อได้ยินคำพูดของมิสเตอร์หลาง เขาไม่สามารถใช้ความเร็วขนาดนั้นได้อีกตั้งแต่ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาล
แน่นอนว่าเขาสามารถชะลอการรับรู้เวลาได้ด้วยการใช้ [การรับรู้เวลา] แต่มันก็ไร้ประโยชน์ ถ้าตัวเขาเองช้า
…เขาสามารถใช้ความเร็วระดับนั้นในตอนนี้ได้อีกไหมนะ?
แวนส์ตบแก้มตัวเองเบาๆเขาต้องใช้มัน ผู้คนจากกิลด์นักสำรวจกำลังเฝ้าดูอยู่
เขาต้องได้รับสปอนเซอร์เพื่อให้เขามีกำลังและมีเงิน!
ด้วยความคิดนั้นแวนส์ก็ปล่อยลมหายใจเฮือกใหญ่ ในขณะที่เขากระซิบกับตัวเองเบาๆว่า
“มาเริ่มกัน!“