“ผู้ชนะ แวนส์!”
นักเรียนทุกคนที่นั่นยังไม่ได้ส่งเสียงเพื่อเชียร์ใครคนใดคนหนึ่งหรืออาจจะดีกว่าถ้าบอกว่าพวกเขาไม่มีโอกาสได้เชียร์ พวกเขาจ้องไปที่มือของแวนส์ที่มิสเตอร์จาค็อบส์ชูขึ้นมาในอากาศ
ต่างจากครั้งแรกที่พวกเขาเห็นอย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น และนั่นทำให้พวกเขาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการต่อสู้กันอย่างมากมาย…แต่ในครั้งนี้ทุกอย่างเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที ดังนั้นพวกเขาทำได้เพียงนิ่งเฉย
มิสเตอร์จาค็อบส์อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจขณะที่เขามองไปที่แวนส์ ระดับพลังของเขาเขาหยุดแวนส์ได้อย่างง่ายดายก่อนที่นิ้วของเขาจะไปถึงตาของเบียทริซ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น เขาไม่สามารถทำอะไรได้ หรือแม้แต่จะตอบสนองการเคลื่อนไหวของแวนส์เขาก็ทำไม่ได้เลยสักนิดเดียว
ตอนที่แวนส์วิ่งในการแข่งขันรอบแรก มันนานพอที่สายตาของเขาจะปรับเข้ากับความเร็วของแวนส์ได้ แต่คราวนี้เนื่องจากพื้นที่มีขนาดเล็กลงมากสิ่งที่เขาเห็นคือแสงสีทองที่พร่าเลือนไปทั่วเวที
‘นี่…มันบ้ามาก’ มิสเตอร์จาคอบส์อดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อย ขณะที่หยดเหงื่อผุดขึ้นจากใบหน้าของเขา
แน่นอนคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากสิ่งที่เกิดขึ้นคือเบียทริซ เธอกระพริบตาสองสามครั้งขณะจ้องมองไปที่เพดานของสนาม คอของเธอวางอยู่บนมือของแวนส์ขณะที่เขายังคงจับคอเสื้อของเธออยู่
“…โอ้ขอโทษนะ” เมื่อสังเกตเห็นการแสดงออกที่ตะลึงงันของเบียทริซ แวนส์ดันตัวขึ้นเล็กน้อยและปล่อยคอเสื้อเครื่องแบบของเธอ
“เธอโอเคไหม” เขาถาม
“…โอเค” เบียทริซตอบได้เพียงเบาๆในขณะที่เธอยังค่อนข้างเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอเพิ่งจะแพ้? แต่เธอยังไม่มีโอกาสได้ทำอะไรเลย
…ความแตกต่างมันมากขนาดนั้นเลยเหรอ? เธอมีชะตากรรมที่จะเป็นเพียงหมายเลข 2 เพราะการมีอยู่ของแวนส์งั้นหรอ? แล้วที่เธอฝึกมาตลอดล่ะ?
‘ฉัน…ไร้ประโยชน์’ เธอคิดขณะที่มองไปที่พื้น
ก่อนที่ความคิดที่ขุ่นมัวจะเข้ามาในใจเธออีกต่อไปมิสเตอร์จาค็อบส์ก็ปรบมือดังๆ
“และนั่นคือบทสรุปของการประลองสำหรับปีนี้!” มิสเตอร์จาค็อบส์ยกมือขึ้นเพื่อชัยชนะขณะที่เขาร้องโหยหวนด้วยความดีใจ
“และตามที่คาดไว้ ฉันชนะอีกครั้งในปีนี้ มิสเตอร์หลาง!” จากนั้นเขาก็ชี้นิ้วพร้อมกับมองลงไปที่มิสเตอร์หลาง
มิสเตอร์หลางชูนิ้วกลางขึ้นมาเท่านั้น ลานต่อสู้ขยับลงสู่พื้นดินตามปกติ ทำให้สนามกลับสู่สภาพเดิม ยกเว้นที่ที่มิสเตอร์จาค็อบส์ยืนอยู่ ส่วนนั้นของสนามก็ลอยขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้มิสเตอร์จาค็อบส์พุ่งขึ้นไปในอากาศ
มิสเตอร์จาค็อบส์ลงมาข้างอาจารย์หญิงที่ควรจะใช้สนามนี้ในวันนี้ และแน่นอนสิ่งที่เขาได้รับจากอาจารย์หญิงคือ เสียงบ่นจู้จี้
“ออกไป! นักเรียนของฉันรอมาเกือบชั่วโมงแล้ว!” อาจารย์หญิงพูดขณะชี้มือออกไปนอกสนาม
“โอเค โอเค” มิสเตอร์จาค็อบส์ยกมือขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยความพ่ายแพ้
“ไปรับรางวัลของพวกคุณกันเถอะ!” จากนั้นเขาก็วิ่งไปหานักเรียนของเขา และเริ่มผลักพวกเขาออกจากสนาม และไปยังทางออกที่ตัวแทนกิลด์นักสำรวจกำลังรออยู่แล้ว
“เฮ้พวก” ฮาร์วีย์โบกมืออย่างเชื่องช้า ขณะที่แวนส์และเบียทริซเดินผ่านเขา
“มะมะ… มันเป็นการแข่งขันที่เยี่ยมมาก” เขาพูดติดอ่าง
เขามองไปที่เบียทริซซึ่งตอนนี้กำลังมองไปที่พื้น จากนั้นเขาก็มองไปที่แวนส์ด้วยสีหน้าซับซ้อน
แน่นอนว่าเขาเป็นคนแรกที่บอกให้แวนส์ไม่ต้องออมมือ แต่เขาไม่ได้บอกว่าให้ชนะเธออย่างรวดเร็วขนาดนั้น นั่นอาจทำให้เธอเสียความภาคภูมิใจไป
แต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เบียทริซก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับหายใจเข้าลึกๆจากนั้นเธอก็มองไปที่แวนส์ตรงๆและพูดว่า
“ครั้งหน้าฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ที่ 1!”
เพื่อตอบสนองต่อสิ่งนี้แวนส์เพียงแต่พยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้าของเขา
“สวัสดี สวัสดี!”
“เรามาจากกิลด์ กริฟฟอนหกหัว!”
“บางทีเธออาจสนใจที่จะเข้าร่วม…”
ทันทีที่นักเรียนเดินผ่านประตูออกไป ตัวแทนของกิลด์ก็ยื่นมือเข้ามาเพื่อพยายามสรรหาสมาชิกกิลด์ที่มีศักยภาพ
กิลด์เล็กๆไม่ได้เข้าใกล้แวนส์และเบียทริซด้วยซ้ำ เพราะพวกเขารู้ว่ากิลด์ใหญ่ๆก็มองมาที่พวกแวนส์และเบียทริซเช่นกัน เพราะถึงพวกเขาจะเสียทรัพยากรในการแย่งชิงพวกเขาก็ไม่มีทางชนะกิลด์ใหญ่ๆได้อยู่ดี
ไม่มีโอกาสที่พวกเขาจะได้รับเบียทิซหรือแวนส์เป็นสมาชิก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่สามารถรับสมัครเพื่อนของเขาได้
“เธออยากลองเข้าร่วมกิลด์ของเราไหม?”
“เรามีสิ่งต่างๆให้เธอมากมาย!”
“เธอสามารถมีของพวกนี้ได้ เพียงแค่ไปที่กิลด์ของเรา!”
ตอนนี้ฮาร์วีย์กำลังถูกกระหน่ำด้วยข้อเสนอ และของขวัญมากมาย แต่เขาปฏิเสธสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด
“ฉันมีเป็นพันๆ” ฮาร์วีย์พูดอย่างเมินเฉย ขณะมองไปที่คริสตัลที่อยู่ในมือของผู้แทน
เบียทริซและแวนส์คิดว่าเขาเป็นเด็กที่ร่ำรวยตามความคาดหมาย
คริสตัลมีหลายประเภท แบ่งออกเป็น เขียว เหลือง น้ำเงิน ม่วง แล้วดำ ค่าของพวกมันจะเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณเมื่อมีการควบแน่นมากขึ้น โดยคริสตัลสีใสเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยที่สุด และสามารถดรอปได้จากมอนสเตอร์ทั่วไปในประตูมิติ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีค่าต่อผู้ควบคุมระบบ
ดังนั้นการที่ฮาร์วีย์ปฏิเสธพวกเขา ถือเป็นข้อพิสูจน์ว่าครอบครัวของเขาร่ำรวยเพียงใด
กิลด์เล็กๆ หนึ่งหรือสองกิลด์พยายามเข้าใกล้เบียทริซเช่นกัน แต่พวกเขาถูกปฏิเสธทันที พ่อแม่ของเธอเป็นเจ้าของกิลด์เล็กๆอยู่แล้ว และเธอสัญญากับตัวเองว่าเธอจะสร้างชื่อให้เป็นที่รู้จักเมื่อเธอกลายเป็นนักสำรวจ
อย่างไรก็ตามแวนส์เป็นคนที่ยอมรับทุกอย่างที่เบียทริซ และฮาร์วีย์ปฏิเสธ เขาบอกว่าจะลองเอาไปคิดดูทีหลัง แน่นอนว่ากิลด์ที่เล็กกว่านั้นมอบข้อเสนอให้กับแวนส์อย่างมีความสุข นี่เป็นโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับเขาด้วย
และจากนั้นกิลด์ใหญ่ก็มาถึง พวกเขายื่นกระดาษให้แวนส์พร้อมข้อเสนอ และผลประโยชน์ที่แวนส์จะได้รับหากเข้าร่วมกิลด์
“…” แวนส์ได้แต่มองไปที่เศษกระดาษพร้อมกับขมวดคิ้ว
ตัวแทนที่เห็นการแสดงออกของแวนส์ก็ตื่นตระหนกอย่างรวดเร็ว
“แน่นอนว่าต่อรองได้แน่นอน!” พวกเขาพูด
“…เมื่อเราคุยกับหัวหน้ากิลด์ของเรา ฉันแน่ใจว่าเราสามารถเสนออะไรได้มากกว่านี้!”
ถ้าพวกเขารู้ว่าสาเหตุที่แวนส์ขมวดคิ้วคือเขาไม่รู้วิธีอ่านแล้วละก็
แต่ถ้าเขาสามารถอ่านสิ่งที่เขียนในกระดาษที่ถูกยื่นมาได้ เขาอาจจะยอมรับกิลด์แรกที่เข้าหาเขาทันที แต่โชคชะตาไม่ได้อยู่กับพวกเขาที่จะได้แวนส์ไปเป็นสมาชิก
และในขณะที่ตัวแทนคนอื่นๆกำลังตื่นตระหนก เบลลิกก็เข้ามามีบทบาท เขาส่งคริสตัลสีเหลือง 3 อันให้แวนส์อย่างรวดเร็ว
“!!!”
ดวงตาของแวนส์เบิกกว้างอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ ขณะที่มือของเขาจับคริสตัลทั้ง 3 โดยสัญชาตญาณ และใส่เข้าไปในกระเป๋าของเขา เขายังมองไปรอบๆพยายามดูว่ามีใครบางคนกำลังมองมาที่เขา และต้องการที่จะฉกคริสตัลของเขาไปรึเปล่า
การกระทำของเขาเป็นที่เข้าใจได้ คริสตัลสีเหลืองเพียงก้อนเดียวก็เพียงพอที่จะเลี้ยงประชากรทั้งหมดของสุสานของเก่าได้เป็นเวลาหนึ่งเดือน
“ฉันชื่อแบรนดอน เบลลิก” เบลลิกพูดขณะที่เขาโค้งคำนับเล็กน้อย
“นั่นเป็นของขวัญจากกิลด์มิโนทอร์ทองคำของเรา ขอให้เธอจำชื่อกิลด์ของเราไว้ และพิจารณาเกี่ยวกับการเข้าร่วมกิลด์ของเราเมื่อเธอต้องการ”
จากนั้นเบลลิกโบกมือลา ขณะที่เขาจากไปอย่างรวดเร็ว นี่เป็นหนึ่งในเทคนิคที่เขาได้เรียนรู้เมื่อทำการชักจูงนักเรียนที่เขาต้องการ เขามักจะจู่โจมอย่างรวดเร็วด้วยวิธีนี้ ด้วยวิธีนี้จะทำให้เกิดความประทับใจกับนักเรียนที่เขาต้องการอย่างไม่รู้ลืม
และแน่นอนว่ามันได้ผลกับแวนส์ ขณะที่เขาพยักหน้า แต่สิ่งที่เขาจำได้และใส่ใจอยู่นั้นกลับเป็นเพียงแค่คริสตัลสีเหลือง 3 อันที่กำลังอยู่ในมือสั่นๆของเขา เขาไม่ได้ยินสิ่งที่เบลลิกพูดไว้หลังจากนั้นเลย
‘ควร…ฉันควรส่งไปให้แอนเดรียนาดีไหม?’
‘ตอนนี้ฉันรวยแล้วหรือยัง?’
‘ฉันควรขายทั้งหมดหรือใช้มัน?’
‘บางทีถ้าฉันส่งบางส่วนไปที่สุสานของเก่า พวกเขาก็สามารถนำมันไปขายและแจกจ่ายให้กันได้’
ความคิดมากมายแล่นเข้ามาในจิตใจของแวนส์ ขณะที่มือของเขายังคงสั่น
“…อีแวนส์”
แวนส์เพิ่งตื่นจากอาการมึนงง เมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยเดินเข้ามาหาเขา
“โอ้…คุณซาร่าห์!”