แวนส์ส์กระพริบตาหลายครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเจมม่าอยู่ตรงหน้าเขาจริงๆ ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงไปทุกที่ที่เขาไป? เขาพบว่ามันเป็นเรื่องที่ดีในตอนแรกที่มีคนดูแลคนแปลกหน้าอย่างเขา แต่ตอนนี้มันค่อนข้างน่าขนลุก การที่เขาได้พบกับเจมม่ามากกว่าสองครั้งในสถาบันซึ่งใหญ่กว่าสุสานของเก่าที่เขาเคยอยู่เกือบสองเท่า มันเป็นโชคชะตาของเขารึไงกันนะ
“นาธาน!” เจมม่าเดินเข้าหาแวนส์ นิ้วของเธอเกือบจะแตะจมูกของแวนส์
“ไม่มีผู้สอนชื่อมิสมอริอาร์ตีในสถาบัน!”
“โอ้…” แวนส์วางมือบนคางของเขา
“ไม่มีงั้นเหรอ?”
“นาธานหรอ?” ชาร์ตเปล่งเสียงออกมา
“เขาชื่ออีแวนส์นะเจมม่า”
“อีแวนส์!?” ดวงตาของเจมม่าเบิกกว้างด้วยความตกใจ ขณะที่เขามองไปที่ชาร์ตก่อนที่จะจ้องมองแวนส์ตรงๆอีกครั้ง
“นายโกหกฉันสองครั้งแล้วนะ!?”
“อืม … ” แวนส์ถอยห่างออกไปเล็กน้อยขณะยกมือขึ้น
“แค่ครั้งเดียว แต่ในเวลาเดียวกันต่างหาก”
“นั่นหมายความว่ายังไง!” เจมม่าอยากจะดึงผมของเธอออกด้วยความหงุดหงิด แต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเธอก็หายใจเข้าลึกๆ
“ใจเย็นๆเจมม่าที่นี่คือสถานที่หลบภัยของเธอ” เธอพูดกับตัวเองขณะที่ค่อยๆโบกฝ่ามือของเธอลงไปบนใบหน้าของเธอ
“นายก็เป็นประเภทระบบเอกลักษณ์เฉพาะตัวงั้นหรอ?” เจมม่าถามขณะที่เธอยังคงสงบลมหายใจ
แวนส์พยักหน้าตอบ
“เธอก็ด้วยเหรอ?”
“ไม่ ฉันแค่มานอนที่นี่เพราะปกติไม่มีใครอยู่ที่นี่” เจมม่าตอบ
“ฉัน…เห็นอยู่…” แวนส์หรี่ตา ทุกคนใช้ห้องเรียนของคลาสเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการเป็นบ้านพักผ่อน แต่มันก็สมเหตุสมผลเพราะที่นี่มันดูเหมือนบ้าน นอกจากนี้ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่เงียบที่สุดในสถาบัน
“แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ฉันมาที่นี่ในวันนี้” เจมม่าถอนหายใจก่อนจะชี้ไปที่นักเรียนหญิงที่อยู่กับเธอ
“ฉันพานักเรียนที่หลงทางมา”
ตอนนี้แวนส์มองดูนักเรียนหญิงคนนั้น ซึ่งเขาคุ้นหน้าเธออยู่เล็กน้อย
ผมตรงสีน้ำตาลที่เคลื่อนไหวราวกับเส้นไหม ดวงตาที่หลับใหลของเธอไม่มีอารมณ์ใดๆ เธอเป็นคนที่นั่งข้างๆเขาในชั้นเรียน เธอเป็นคนเดียวที่ไม่ได้เข้าร่วมการประลองในวันแรก และเธอเป็นนักเรียนที่มิสเตอร์จาค็อบส์และอาจารย์คนอื่นๆดูเหมือนจะหลีกเลี่ยง
‘งั้นเธอก็เป็นนักเรียนใหม่ที่อาจารย์คนอื่นบอกว่าเป็นประเภทเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยงั้นเหรอ?’ แวนส์เบิกตากว้างอย่างช่วยไม่ได้ ใครจะคิดว่ามีนักเรียนใหม่อีกคนที่เป็นระบบประเภทเดียวกับเขาในชั้นเรียนเดียวกับเขา? เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ
“นี่คือใบสมัครของเธอ”
ในขณะที่แวนส์กำลังหลงอยู่ในความคิดของตัวเอง เจมม่าก็ยื่นกระดาษให้มิสเอลตันก่อนที่จะยืนข้างแวนส์
“งั้น…นายชื่ออีแวนส์สินะ” เธอกระซิบขณะโน้มตัวเข้าไปใกล้แวนส์เล็กน้อย
ในทางกลับกันแวนส์มองเธอ
“…เธอแอบชอบฉันรึไงกัน?” แวนส์พึมพำ
“!!!” เจมม่าถอยห่างออกไปเพียงไม่กี่ฟุต เมื่อเธอได้ยินคำพูดของแวนส์
“ไม่!” เธอตะโกน
“ยะ…อย่าเข้าใจผิด ฉันเป็นส่วนหนึ่งของสภานักเรียน เป้าหมายของฉันคือเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีความยุติธรรมทุกๆที่ในสถาบัน!” เจมม่าวางมือบนหน้าอกของเธอ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
“ฉันเข้าใจแล้ว” แวนส์ถอนหายใจขณะที่เขาส่ายหัว
“ฉันคิดว่าเธอแอบชอบฉันซะอีก น่าเสียดายจัง”
“…เอ๋?” เจมม่าอดไม่ได้ที่จะหน้าแดงเล็กน้อยจากคำพูดที่กะทันหันของแวนส์
“หมายถึงอะไรกัน!” เธอถามแวนส์ทันทีแต่แวนส์ไม่ตอบสนองต่อเธอ
“…”
“วิคตอเรีย เกตส์?”
เจมม่ากำลังจะพูดมากกว่านี้ แต่เธอก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงของมิสเอลตัน
“!!!” เมื่อได้ยินสิ่งที่มิสเอลตันพูดคนอื่นๆก็ตัวแข็งขึ้นทันที ขณะที่พวกเขาทั้งหมดมองหน้ากัน เจมม่าซึ่งก่อนหน้านี้เต็มไปด้วยพลังก็อำลาแวนส์อย่างกะทันหัน
“ฉันไปก่อนนะ พอดีมีอะไรต้องทำ” เธอพูดขณะที่รีบวิ่งผ่านประตู
“ฉันจะไม่ปล่อยให้นายไปหรอก จนกว่านายจะบอกว่าเกิดอะไรขึ้น! ฉันจำกลิ่นของนายได้แล้วตอนนี้ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะหนีฉันไปได้!” จากนั้นเธอก็รีบวิ่งหนีไปหลังจากปิดประตูอย่างกะทันหัน
“…” แวนส์อดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆชาร์ตและเฟร็ดดูเหมือนจะยังคงแข็งอยู่ตรงนั้น พวกเขาไม่ได้ส่งเสียงเลยแม้แต่น้อย
ความเงียบถูกทำลายโดยคำถามของมิสเอลตัน
“เธอคงไม่ได้เป็นหลานสาวของชาร์ล็อตต์หรอกนะ?”
“…ใช่ ฉันเป็น” นักเรียนชื่อวิคตอเรียกระพริบตาสองสามครั้งก่อนตอบ
“อ๊าก ฉันว่าแล้ว!” มิสเอลตันเย้ยหยัน ขณะที่เธอมองไปที่วิกตอเรีย
“เธอมีใบหน้าคล้ายกับยัยแก่คนนั้นเลย”
“…อาจารย์!” ชาร์ตอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกเมื่อได้ยินคำพูดของมิสเอลตัน แม้แต่เฟร็ดที่เงียบตลอดเวลาก็ยังดูตกใจเมื่อได้ยินที่มิสเอลตันพูด
เมื่อมองสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นแวนส์ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย ไม่ใช่แค่ตัวตนของวิกตอเรียเท่านั้น แต่เป็นเพราะความคิดที่เข้ามาในใจของเขา ผู้ควบคุมระบบเอกลักษณ์เฉพาะตัวทุกคนล้วนมีลักษณะคล้ายๆกัน
‘พวกเขาทั้งหมดดูง่วงนอนราวกับไม่เคยนอน’ แวนส์กระซิบในใจ เขาจะเป็นแบบนี้ในอนาคตหรือเปล่านะ?
“ยัยแก่นั้นเป็นยังไงบ้าง?”
ความคิดของแวนส์ถูกขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงร่าเริงของมิสเอลตัน ซึ่งนั่นเป็นเสียงที่ห่างไกลจากน้ำเสียงเบื่อหน่ายตามปกติของเธอ
“เธอ…สบายดี” วิกตอเรียพูดด้วยน้ำเสียงสงบๆ
“เข้าใจแล้ว…นั่นค่อนข้างแย่” มิสเอลตันถอนหายใจ
“มากับฉัน ฉันจะทดสอบพลังของเธอ ส่วนแวนส์ ไว้มาเจอกับฉันในสัปดาห์หน้า” จากนั้นมิสเอลตันก็คว้าข้อมือวิคตอเรียไว้และลากเธอออกไป
“ดี…ไปกันเถอะ” ชาร์ตและเฟร็ดรีบเก็บของ และเริ่มเดินไปที่ประตู
“…อะไรกัน?” แวนส์รู้สึกสับสนไปหมด ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลยที่เขามาถึงที่นี่ และชั้นเรียนก็จบลงแล้วงั้นหรอ? เดี๋ยวก่อนนะมันมีชั้นเรียนนี้ตั้งแต่แรกจริงมั้ยเนี่ย?
“คุณยายของเธอมีชื่อเสียงงั้นหรอ” แวนส์อดไม่ได้ที่จะถาม ขณะที่เขาเดินตามทั้งสองออกไปข้างนอก
“แน่นอน!” ชาร์ตตอบทันที
“ยายของเธอเป็นหนึ่งในนักสำรวจระดับแพลตตินัมเพียงไม่กี่คนบนโลก และเป็นคนเดียวในประเทศของเรา! นายไม่รู้เรื่องนี้เลยงั้นหรอ!?”
ชาร์ตและเฟร็ดมองแวนส์ราวกับว่าเขาเป็นมนุษย์ถ้ำ
“เธอมีข่าวลือว่าเป็นผู้ควบคุมระบบประเภทเพิ่มประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกด้วย! นายรู้จักคนที่พวกเขากล่าวถึงระหว่างพิธีเปิดมั้ย” น้ำเสียงของชาร์ตเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ผู้ควบคุมระบบประเภทเพิ่มประสิทธิภาพที่สามารถทำลายภูเขาได้ด้วยหมัดของเธอ? นั่นเธองั้นหรอ!”
“แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือเธออารมณ์ร้ายอย่างมาก… ” ชาร์ตเริ่มลดเสียงลง
“มีครั้งหนึ่งที่เธอทำลายกิลด์ที่เต็มไปด้วยนักสำรวจระดับโกลด์เพียงเพราะพวกเขาพยายามดึงลูกชายของเธอไปเป็นสมาชิกเมื่อหลายปีก่อน!”
“…อะไรนะ” แวนส์อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยงั้นหรอ?
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมิสเตอร์จาค็อบส์ยังกลัวที่จะพูดคุยกับวิคตอเรีย แม้ว่าเธอจะอยู่ในชั้นเรียนของเขาก็ตาม? แวนส์อดไม่ได้ที่จะมองย้อนกลับไปที่คลาสเรียนเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ตลอดเวลาที่เขาอยู่ในสถาบัน เขาได้รับรู้แล้วว่าระบบของเขาพิเศษแค่ไหน…แต่เมื่อได้เห็นมิสเอลตันและได้ยินเรื่องยายของวิคตอเรีย เขาก็นึกย้อนกลับไปอีกครั้ง
โลกใบนี้…เต็มไปด้วยผู้คนที่จะสามารถขยี้เขาได้ด้วยใช้นิ้วเพียงนิ้วเดียว