หนาว
แวนส์พบว่าตัวเองกำลังถูกล้อมรอบไปด้วยความมืดอีกครั้ง ความมืดนี้แทบจะอยู่กับเขาตลอดไป มันเป็นเพราะสงครามที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่แวนส์ฝันถึงเรื่องนี้ซ้ำๆ
เขามองไปที่ชายร่างมหึมาอีกครั้งซึ่งขณะนี้ทั้งร่างกำลังแหลกเหลวและถูกกลืนกินโดยชายมีปีกจำนวนนับไม่ถ้วนที่กัดกินร่างกายของเขา เขาสะบัดตัว แต่ชายมีปีกก็ยังคงกัดร่างนั้นอยู่ไม่หลุดไปไหน
แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อดวงตาของชายร่างยักษ์สว่างเป็นสีทอง ร่างกายของเขาเริ่มสั่นไหว…ราวกับการกระเพื่อมของภาพสะท้อนบนผืนน้ำ
ชายมีปีกที่ยังคงเกาะเกี่ยวกับเขาเริ่มล้มลงทีละคน ใบหน้าของพวกเขาฉีกขาดและพิการ แต่ชายร่างมหึมายังคงกัดฟันของเขาขณะที่เขามองไปที่ชายมีปีกที่มีจำนวนนับไม่ถ้วนในความมืด
และในไม่ช้าเขาก็เริ่มวิ่ง เขาวิ่งผ่านชายมีปีกนับล้านเหลือทิ้งไว้เพียงร่องรอยแห่งแสงและชิ้นส่วนที่แหลกเหลวของชายมีปีกที่โชคร้ายอยู่บนเส้นทางของเขา
วินาที
ชั่วโมง
อาจจะเป็นปีด้วยซ้ำ
มันให้ความรู้สึกราวกับว่าแวนส์เฝ้าดูชายคนนี้ที่สู้กับชายมีปีกมาหลายปีแล้ว และไม่มีสักครั้งเดียวที่เขาจะหยุดการต่อสู้
แต่แล้ว…
…ก็มีแสงสว่างปรากฏขึ้น มันมาพร้อมกับชาย 7 คนที่มีปีก 6 ปีกที่หลัง
แสงนั้นสว่างขึ้นทำให้แวนส์ไม่มีทางเลือกนอกจากหลับตา และเมื่อเขาลืมตาอีกครั้งพวกมันทั้งหมดก็หายไป ทิ้งแวนส์ไว้ในห้องแสนสบายที่คุ้นเคยโดยมีแสงแดดส่องบนใบหน้าของเขา
แวนส์กระพริบตาสองสามครั้งขณะที่เขามองไปที่เพดานที่คุ้นเคย เขาถอนหายใจก่อนจะกระโดดลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว
“ฝันแปลกๆอีกแล้ว…” แวนส์พึมพำขณะเดินไปห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ เขากำลังจะกลับไปที่สุสานของเก่าในวันนี้เพื่อเชิญแอนเดรียมาอยู่ด้วยกันกับเขา
หลังจากอาบน้ำเสร็จ แวนส์ก็ยืดตัวเล็กน้อยโดยสวมเสื้อผ้าที่ซาร่าห์จัดให้ ดูเหมือนว่าเธอจะคิดทุกอย่างไว้หมดแล้ว แม้กระทั่งจัดหาชุดลำลองให้แวนส์
แวนส์แน่ใจว่าได้ล็อกประตูบ้านของเขาขณะที่เขาเดินออกไปข้างนอก เขาหายใจเข้าลึกๆขณะที่เขามองไปยังระยะไกล นี่จะเป็นเวลาที่ยาวนานที่สุดที่เขาจะใช้ระบบของเขา
แน่นอนว่าเขาเคยเดินทางไปที่สุสานของเก่าแล้วในตอนที่เขาปลดล็อกระบบของเขาเป็นครั้งแรก แต่ในตอนนั้นเขาเหนื่อยเกินกว่าจะจำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่เขาเดินทางมาไกลขนาดนั้นและตอนนั้นเขาแทบจะไม่มีสติเลยด้วยซ้ำ
ตอนนี้การใช้ทักษะสำหรับเขามันง่ายมากขึ้น จากการเพิ่มเลเวลทำให้พลังงานของเขาเพิ่มขึ้นจาก 28 เป็น 36 นั่นทำให้เขาสามารถใช้ [การรับรู้เวลา] ได้อย่างน้อย 30 วินาทีโดยไม่รู้สึกเหมือนกำลังจะตาย แวนส์อดคิดไม่ได้ว่าครั้งแรกที่เขาปลดล็อคระบบ เขากลับบ้านได้อย่างไรกัน
แต่นั่นไม่สำคัญสำหรับตอนนี้ สิ่งที่สำคัญคือเขาสามารถใช้ทักษะของเขาได้อย่างที่ต้องการ เขาสามารถออกจากเมืองได้โดยที่เขาไม่ต้องอยู่ในสภาพใกล้ตายอีกแล้ว
แวนส์หายใจเข้าลึกๆในขณะที่เขาเปิดใช้งานความเร็วของเขาและทิ้งไว้เพียงร่องรอยของแสงสีทองพร้อมกับหายตัวไปจากหน้าบ้าน
การมองเห็นของแวนส์ชัดเจนเป็นอย่างมากเมื่อเขาเปิดใช้งาน [การรับรู้เวลา] ในตอนที่เขาเลี้ยวหรือมีบางอย่างขยับผ่านหน้าเขาไป มันทำให้เขารู้สึกขนลุกในช่วงแรกๆที่เขาใช้ แต่หลังจากนั้นไม่นานร่างกายและสายตาของเขาก็เริ่มปรับให้เข้ากับความเร็วและการเปลี่ยนแปลงรอบๆตัวเขาได้
ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาได้คิดไว้ เมื่อเขาออกจากเมืองก็ไม่มีอะไรขวางเส้นทางของเขาอีกต่อไป สุสานของเก่าของเขาอยู่ในดินแดนแห่งความตาย ดินแดนแห่งความตายเป็นดินแดนรกร้างที่ทอดยาวหลายร้อยไมล์ ว่ากกันว่าผู้คนในโลกเก่าทิ้งระเบิดและจุดไฟเผาดินแดนทิ้งเพื่อกำจัดสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่ออกมาจากประตูมิติ แต่ความพยายามของพวกเขากลับเปล่าประโยชน์ และสิ่งเดียวที่ถูกกำจัดจากการทิ้งระเบิดนั้นคือมนุษย์เอง
ดินแดนแห่งความตายไม่ใช่พื้นที่ส่วนตัวหรือถูกจำกัดไว้ ทุกๆคนมีอิสระที่จะเดินเตร่และใช้เส้นทางได้ แต่เนื่องจากสิ่งมีสิ่งมีชีวิตที่หลุดออกมาจากประตูมิติ และบางครั้งก็มีโจร ดังนั่นผู้คนมักจะใช้เฉพาะถนนสายหลักเท่านั้น แต่ไม่ใช่สำหรับคนอย่างแวนส์
เมื่อมองไปที่ขอบฟ้า แวนส์ก็หายใจเข้าลึกๆอีกครั้ง ขณะที่เขาคุกเข่าลงบนพื้น
“ไปกันเถอะ…” เขากระซิบก่อนจะดันตัวเองขึ้นจากพื้นแล้ววิ่งไป สายลมทำให้เขาหลับตาลงชั่วขณะ แต่ไม่นานมันก็หายไป และสิ่งเดียวที่แวนส์รู้สึกได้คือความตื่นเต้นและความเร่งรีบที่เขารู้สึกได้ในขณะที่วิสัยทัศน์ของเขาเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
การได้รับอนุญาตให้วิ่งแบบนี้ทำให้เขารู้สึกถึงความหมายของการเป็นผู้ควบคุมระบบ ความเป็นอิสระอย่างแท้จริง
รอยยิ้มก็ค่อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาขณะที่เขาวิ่ง และในไม่ช้าเสียงหัวเราะของเขาก็ดังก้องไปทั่วดินแดนแห่งความตายพร้อมกับน้ำตาของเขา ความรู้สึกนี้มันเกือบจะสงบเกินไป…
ตู้ม!…
แต่แล้วเสียงระเบิดดังสนั่นก็เข้ามาในหูของเขา เขาเปิดใช้งานสกิล [การรับรู้เวลา] โดยสัญชาตญาณ เขาชะลอความเร็ว และรีบวิ่งไปยังหลุมที่ใกล้ที่สุดที่เขาจะพบ เขาย่อตัวลงพยายามค้นหาว่าเสียงระเบิดดังมาจากไหน
สายตาของเขาสอดส่องไปทุกทิศทาง แต่แม้จะผ่านไป 30 วินาทีแล้วก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
เขามองออกไปพร้อมกับที่เขายืนขึ้นและยังคงพยายามมองไปรอบๆเพื่อหาสิ่งที่ผิดปกติ แต่มันไม่มีอะไรเลย
“…แปลกจัง” เขาพึมพำก่อนจะวิ่งอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาระวังตัวมากขึ้น
และในไม่ช้าซากสิ่งของที่กองเป็นภูเขาก็ปรากฏขึ้นข้างหน้าเขา
และเป็นอีกครั้งที่เขาได้กลับมาในสถานที่ที่เขาเคยเรียกว่าบ้าน
“…ฉันกลับมาแล้ว”