แวนส์ฟังในชั้นเรียนอย่างตั้งใจ และเป็นครั้งแรกที่เขาสามารถเข้าใจทุกอย่างได้ในที่สุด แน่นอนว่ายังมีบางอย่างที่ทำให้เขาสับสน เช่น ตอนที่ผู้สอนเริ่มคูณตัวเลข แต่แวนส์ก็ไม่ได้คำนึงถึงมันมากนัก เพราะตอนนี้ก็เพียงพอแล้วที่เขาสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ฮาร์วีย์และเบียทริซกำลังฟังอยู่ในชั้นเรียน พวกเขาสามารถทักทายกันได้เฉพาะเมื่อมิสเตอร์จาค็อบส์เข้ามาคุยกันก่อนเวลา เบียทริซยังคงกังวลเกี่ยวกับฮาร์วีย์เล็กน้อย เนื่องจากครั้งสุดท้ายที่พวกเขาแยกทางกันดูเหมือนว่าเขาจะรับข่าวเกี่ยวกับพี่ของเขาและมันส่งผลต่อเขาอย่างหนัก
ตอนจบชั้นเรียน แวนส์กำลังจะออกจากห้องเรียนโดยไม่ได้พูดอะไรกับทั้งสองคน แต่ก่อนที่เขาจะก้าวออกไปนอกชั้นเรียน คำพูดของฮาร์วีย์ก็ดังเข้ามาที่หูของเขา
อันที่จริงมันดังเข้าหูของทุกคน ในขณะที่เสียงของเขาดังก้องอยู่นอกโถงทางเดิน
“รอพวกเราด้วย!” เขาตะโกน
“หืม?” แวนส์อดไม่ได้ที่จะกระพริบตาสองสามครั้ง ขณะที่เขาหันไปมองฮาร์วีย์ นอกจากนี้เขายังมองไปที่เบียทริซซึ่งเธอทำได้เพียงแค่ยักไหล่ ขณะที่เธอเดินเข้ามาหาแวนส์ทั้งสองได้แต่มองหน้ากันเพราะทั้งคู่คิดว่าฮาร์วีย์ต้องใช้เวลาอยู่คนเดียว แต่ดูเหมือนว่า…เขาสบายดีอยู่แล้ว?
“ทำไมนายถึงออกมาคนเดียว!?” ฮาร์วีย์ปล่อยลมหายใจดังๆขณะที่เขาเดาะลิ้นของเขาหลายครั้ง
“เกี่ยวกับเรื่องนั้น…”
“ฉันเดาว่าเราไม่สามารถหยุดสอนนายได้ในตอนนี้ เมื่อนายพัฒนาอย่างรวดเร็ว”
แวนส์กำลังจะบอกว่าเขาไม่จำเป็นต้องเรียนการรู้การอ่านหรือเขียนหนังสืออีกต่อไป แต่ก่อนที่เขาจะทำได้เบียทริซก็ปรบมือดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
แวนส์ทำได้แต่ถอนหายใจและทั้งสามคนก็เริ่มเดินไปที่บ้านของแวนส์ ขณะที่พวกเขาออกจากประตูของสถาบัน เจอรัลด์และกลุ่มของเขาอยู่ที่มุมถนนและมองพวกเขาจากระยะไกล คิ้วของเจอรัลด์ลดลงอย่างมาก ขณะที่เขายังคงจ้องมองไปที่แผ่นหลังของน้องชายเขา
แวนส์และคนอื่นๆเดินไปยังละแวกนั้น และฮาร์วีย์ไม่ได้ปิดปากของเขาตั้งแต่พวกเขาออกจากสถาบัน แต่เขาไม่เคยพูดถึงอะไรเกี่ยวกับพี่ชายของเขาเลยสักครั้ง ตอนนี้เขาจะสบายดีหรือเปล่าหรือเขาแค่ซ่อนความเจ็บปวดไว้? เบียทริซอดไม่ได้ที่จะจับแว่นตาของเธอขณะที่เธอจ้องไปที่ฮาร์วีย์
ในที่สุดหลังจากฟังการพูดอย่างไม่รู้จบของฮาร์วีย์อีกสองสามนาทีพวกเขาก็มาถึงหน้าบ้านของแวนส์ แวนส์กำลังจะเปิดประตู แต่แล้วเขาก็หันหน้าไปทางเบียทริซและฮาร์วีย์แล้วพูดว่า
“เออใช่…” เขากระซิบ
“ฉันลืมบอกพวกนายว่า…”
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะแวนส์!”
ก่อนที่แวนส์จะพูดจบเสียงก็ดังก้องไปทั่วบ้านและประตูก็ถูกเปิดออกจากด้านใน จากนั้นเสียงปรบมือก็ตามมาและเสียงนั้นหยุดทันทีที่ประตูเปิดจนสุด
“…”
“…เอ๊ะ”
“มีคนอื่นอยู่ในบ้าน” แวนส์ได้แต่ถอนหายใจขณะที่เขามองไปที่แอนเดรียที่ถูกแช่แข็งจากความลำบากใจ
“…ใครกันน่ะ!?” ฮาร์วีย์อดไม่ได้ที่จะถอยห่างออกไปเล็กน้อย
“นี่ใคร!? แฟนของนายหรอ!?” จู่ๆฮาร์วีย์ก็คว้าไหล่ของแวนส์
“ไม่ใช่” แวนส์แทบสำลักน้ำลายจากคำพูดของฮาร์วีย์ แต่ถึงกระนั้นคำถามของฮาร์วีย์ก็เป็นคำถามที่ถูกต้องใช่มั้ย? แอนเดรียเป็นอะไรกับเขา?
แวนส์ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี แต่หลังจากนั้นเขาก็บอกไปว่า
“เธอเป็นเหมือนพี่สาวของฉัน”
“…พวกเขาคือใครหรอ?” หลังจากได้ยินคำพูดของแวนส์แอนเดรียก็ตื่นขึ้นจากอาการมึนงงขณะที่เธอเดินเข้าไปหาแวนส์อย่างช้าๆ
“สวัสดี” เบียทริซรีบยื่นแขนไปทางแอนเดรีย
“ฉันคือเบียทริซเพื่อนของแวนส์”
“โอ้ฉัน…” แอนเดรียพึมพำขณะที่เธอจับมือเบียทริซ
“ไม่จำเป็นต้องเป็นทางการมากนักก็ได้” เธอกล่าว หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาทีทันทีที่ฮาร์วีย์ได้ยินเสียงของเธอ เขาก็คุกเข่าลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว และจับมือข้างที่ว่างของแอนเดรียอย่างเบามือ
“ฉันคือฮาร์วีย์” เขาพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ จากนั้นเขาก็มองไปที่แวนส์ในขณะที่ยังจับมือของแอนเดรีย
“แวนส์นายอาจต้องเรียกฉันว่าพี่เขยเร็วๆนี้”
“อ๋อ?” แอนเดรียอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ
“น่าเศร้า นายไม่ใช่แบบที่ฉันชอบ” เธอค่อยๆเอามือออก
“นายมีเพื่อนที่มีชีวิตชีวาดีนี่หน่าแวนส์” จากนั้นเธอก็พูดขณะที่มองไปทางแวนส์
“ดีเลย ฉันทำอาหารไว้เยอะมาก”
เมื่อได้ยินคำพูดของแอนเดรีย แวนส์ก็รีบหันหน้าไปมองที่โต๊ะ และที่แปลกใจคือจานแทบจะใส่ไม่ได้
“เธอ…ทำอาหารหรอ? เธอทำได้ยังไงกัน”
“โอ้ซาร่าห์มาที่นี่” แอนเดรียพูดอย่างสบายๆขณะที่เธอทำท่าให้ฮาร์วีย์และเบียทริซเข้ามาข้างใน
“เราซื้อของจากตลาด”
“ดูสิเตานี้ใช้พลังงานจากคริสตัล!” เธอชี้ไปที่…อุปกรณ์ใหม่ในบ้านของพวกเขาอย่างภาคภูมิใจ
“ซาร่าห์…”
“อาหารจะเย็นแล้วมากินกันก่อนเถอะ!”
ก่อนที่แวนส์จะได้สอบถามเพิ่มเติมแอนเดรียก็ปรบมือ จากนั้นฮาร์วีย์รีบดึงที่นั่งให้แอนเดรีย
“นั่งเลยครับ” เขาโค้งคำนับเล็กน้อย
“โอ้ ขอบคุณ” แอนเดรียหัวเราะเบาๆอีกครั้งขณะที่เธอนั่งลง
ซาร่าห์อยู่ที่นี่รึเปล่า? แวนส์อดไม่ได้ที่จะมองไปที่แอนเดรียอย่างสงสัย เกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่?
อย่างไรก็ตามแอนเดรียไม่ได้พูดอะไรอีก เธอสัมผัสแก้มของเธอด้วยความยินดีขณะที่อาหารละลายในปากของเธอ เช่นเดียวกับแวนส์เป็นเวลาหลายปีแล้วที่เขาไม่ได้กินอาหารที่เหมาะสม และครั้งสุดท้ายที่เขาได้กินของดีๆสิ่งนั้นยังน่าสนใจน้อยกว่านี้มาก
เบียทริซและฮาร์วีย์เริ่มถามคำถามมากมายเกี่ยวกับแวนส์ แวนส์ไม่อยากพูดคุยชีวิตของเขาภายในสถาบันการศึกษามากขนาดนั้น แต่เขาก็ทำอะไรไม่ถูกในขณะที่แอนเดรียเริ่มเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเขาในพวกฮาร์วีย์และเบียทริซฟัง
หลังจากอาหารหมดลงบทสนทนาของพวกเขาก็จบลงเช่นกัน และแอนเดรียก็เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่จริงจังมากขึ้น
“พวกเธอสองคนรู้จักสถานที่ทำงานที่ฉันสามารถทำได้ใกล้ๆที่นี่ไหม?” แอนเดรียถามขณะที่เธอจิบกาแฟ
“หืม” เบียทริซวางมือบนคางของเธอ
“ก่อนหน้านี้เธอเคยทำงานอะไรมาบ้าง”
“อืม…” แอนเดรียพูดขณะที่เธอเอียงศีรษะ
“ทุกอย่าง” จากนั้นเธอก็พูดขณะที่เธอยิ้ม
เบียทริซกำลังจะถามรายละเอียดเพิ่มเติม แต่แล้วเธอก็รู้ว่าแอนเดรียหมายถึงอะไรจากคำพูดของเธอและปิดปาก
ฮาร์วีย์ก็เงียบเช่นกัน แต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเขาก็ปรบมือ
“เรามีร้านค้ามากมายในตลาดใกล้ๆนี่ ฉันอาจถามผู้จัดการที่นั่นว่าพวกเขามีงานให้คุณไหม”
“โอ้จริงเหรอ” แอนเดรียยิ้ม
“ขอบคุณล่วงหน้าแล้วกันนะ”
“ได้เสมอสำหรับคุณ…คุณแอนเดรีย” ทันใดนั้นฮาร์วีย์ก็ลุกขึ้นยืน ในขณะที่เขาเกร็งกล้ามเนื้อโดยบังเอิญทำแก้วน้ำหกใส่เครื่องแบบของเบียทริซ
“…”
“ฮ…ฮาร์วีย์!”
กลุ่มนี้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งเมื่อเบียทริซเริ่มไล่ตามฮาร์วีย์ไปรอบๆบ้าน ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาทั้งสองตัดสินใจออกไปเพราะมันสายเกินไปแล้ว ดูเหมือนว่ากับแอนเดรียตอนนี้พวกเขามีเรื่องต้องคุยกันมากขึ้น
“นายมี…เพื่อนบางคนที่ซับซ้อนนะ” แอนเดรียพูดขณะที่เธอเฝ้าดูทั้งสองคนออกไป
เมื่อได้ยินคำพูดของแอนเดรีย แวนส์ก็ปล่อยลมหายใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรรอดพ้นสายตาของแอนเดรียได้
“…เธอก็คิดเหมือนกันเหรอ?”
วันเวลาผ่านไป ในท้ายที่สุดแอนเดรียก็ปรับตัวเข้ากับพื้นที่ใกล้เคียงได้อย่างง่ายดาย เธอได้งานในตำแหน่งพนักงานขายในตลาดอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเธออาศัยอยู่ในย่านที่เป็นที่รู้จักเธอจึงไม่ได้หางานยากเลย
และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เธอเกิด…
…ที่ชีวิตของเธอไม่ได้เกี่ยวกับการเอาชีวิตรอด