“แล้วมีไอเดียอะไรที่จะทำให้พวกเราเป็นที่รู้จักของทั้งสถาบันบ้าง”
ตอนนี้แวนส์นั่งอยู่ที่โต๊ะรูปตัวยูและมีนักเรียนอีกสี่คนนั่งอยู่กับเขาและนั่นรวมถึงทั้งเจมม่าด้วย เขาสังเกตเห็นนักเรียนผมดำที่นั่งกลางโต๊ะ เธอเป็นหนึ่งในคนที่พูดระหว่างพิธีเปิด
แวนส์ไม่รู้จริงๆว่าเขามาทำอะไรที่นี่ ดังนั้นเขาจึงเงียบไป พวกเขาไม่ได้บอกแวนส์จริงๆว่าจุดประสงค์ของสภานักเรียนคืออะไร เขาได้รับฟังการบรรยายสรุปจากเจมม่าเกี่ยวกับบางสิ่งที่พวกเขาทำ แต่จากมุมมองของแวนส์…พวกเขาก็แค่เล่นกันเท่านั้น
“ชิ” เสียงเย้ยหยันดังก้องไปทั่วห้องเล็กๆและขัดจังหวะความคิดของแวนส์อย่างรวดเร็ว แวนส์พยายามหลีกเลี่ยงการดำรงอยู่ของเขานับตั้งแต่ที่เขามาที่นี่ แต่…มันยากมากเมื่อเจอรัลด์ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากจ้องมองเขาตลอดเวลาขณะที่นั่งพิงกำแพง
“ทำไมเราไม่เริ่มด้วยการไล่ขอทานออกจากสถาบันล่ะ” เขาพูดพร้อมกับเอื้อมมือออกไป
อย่างไรก็ตามแวนส์เพียงมองไปที่เขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
“นาย!”
“พอแล้ว!” ประธานสภานักเรียนตบฝ่ามือของเธอบนโต๊ะ ก่อนจะมองตรงเข้าไปในดวงตาของเจมม่า
“เธอสร้างปัญหาให้พวกเราจริงๆเจมม่า” เธอกล่าว
“…ขอโทษนะ” เจมม่าเกาหัวของเธอพลางหัวเราะเบาๆ
“ฉันไม่คิดว่าอาจารย์ใหญ่จะเป็นคนโรคจิตด้วย”
เมื่อได้ยินคำพูดเยาะเย้ยของเจมม่า เจอรัลด์ก็อดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้นของเขาอีกครั้ง ขณะที่มองเจมม่าอย่างข่มขู่ แน่นอนเจมม่าไม่ได้กลัวเลย และเธอยังมองกลับไปที่เจอรัลด์ด้วย ดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและดุร้าย
ประธานสภานักเรียนทำได้เพียงถอนหายใจยาวๆ ขณะที่เธอส่ายหัว
“แล้วนายล่ะ น้องใหม่” เธอมองมาที่แวนส์
“มีข้อเสนออะไรบ้างไหม?”
“…ไม่มี” แวนส์ตอบอย่างรวดเร็ว เขาลืมไปแล้วว่าพวกเขากำลังพูดถึงอะไร
“เอาจริงนะ!?” ประธานอดไม่ได้ที่จะคร่ำครวญด้วยความหงุดหงิด
“ไม่มีใครมีความคิดอะไรเลย!?”
“อืม…ฮันนาห์?” หนึ่งในสมาชิกยกมือขึ้นอย่างตื่นเต้น ผมสั้นสีชมพูของเธอกระเด้งบนไหล่ขณะที่เธอทำเช่นนั้น
ประธานฮันนาห์กระตุกตาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าใครยกมือขึ้น แต่หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็แค่ถอนหายใจและชี้มาที่เธอ
“เกรตา?”
“ถ้าพวกเรากลายเป็นไอดอลล่ะ?” เธอกล่าว
“หือ?” ฮันนาห์อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว
“ไอดอลเหรอ?”
“อืม” เกรตาพยักหน้า
“ฉันได้ยินมาว่ามีไอดอลในสมัยก่อนด้วย ผู้หญิงและผู้ชายก็ร้องเพลงและเต้นรำไปทั่วโลก และพวกเขาก็ค่อนข้างโด่งดังเลยนะ” เธอกล่าวดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยความรัก
“เธอไปได้ยินมาจากไหน”
“…จากหนังสือเล่มหนึ่งของพ่อ”
“พ่อ?” ฮันนาห์อดไม่ได้ที่จะถอนใจอีกครั้ง
“เขาเองไม่ใช่หรอที่บอกว่าคนในโลกเก่ากลัวการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในสภาพแวดล้อม และนั่นก็เป็นจุดจบของมวลมนุษยชาติ?”
“ใช่…ใช่!” ดวงตาของเกรตาเป็นประกายยิ่งขึ้นไปอีก
“เธออ่านหนังสือของเขาด้วยหรอ!?”
“ใช่” ฮันนาห์พูดอย่างโผงผาง ทำให้เกรตากลับมานั่งบนที่นั่งของเธอ
“แต่ถ้าเราจะเป็นไอดอลแล้วมีใครในกลุ่มของพวกเราที่สามารถร้องเพลงและเต้นได้บ้างล่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของประธานสภานักเรียน คนในห้องเกือบทุกคนก็มองไปด้านข้างหลีกเลี่ยงการสบตาของเธอทันที อย่างไรก็ตามมีคนหนึ่งที่ยกมือขึ้นชั่วขณะ และนั่นเป็นหนึ่งในสมาชิกเก่าที่เงียบตลอดเวลา แต่เมื่อเห็นว่าเธอเป็นคนเดียวที่ยกมือ เธอจึงรีบชักมือกลับมา
เจอรัลด์ที่ไม่สามารถควบคุมความอดทนได้อีกต่อไปก็บ่นด้วยความหงุดหงิดขณะที่เขาออกจากการพิงกำแพงว่า
“ทำไมไม่จัดงานเทศกาลของสถาบันและติดป้ายประกาศให้ทั่วล่ะ” เขากล่าว
“นี่มันโง่จริงๆ” เจอรัลด์กล่าวต่อ
“ไม่มีใครรู้ว่ามีสภานักเรียนอยู่ก็เพราะพวกเธอไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากแนะนำกฏของนักเรียน ที่สถาบันโตเกียวมีการจัดเทศกาลทุกปี”
“…นายเคยไปญี่ปุ่นมาด้วยหรอเจอรัลด์!?” เกรตายืนขึ้นด้วยความตื่นเต้นเมื่อเธอมองไปที่เจอรัลด์
อย่างไรก็ตามเจอรัลด์ทำได้เพียงกลอกตา เดิมทีเขาจะไปเรียนที่นั่นเพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีกว่า แต่เมื่อฮาร์วีย์บอกว่าเขาต้องการมาที่สถาบันนี้เนื่องจากมันอยู่ใกล้กว่า เขาจึงเลือกที่จะอยู่ต่อ
ดวงตาของเจอรัลด์กลายเป็นจริงจังเมื่อเขามองลงไปที่แวนส์ซึ่งนั่งที่โต๊ะอย่างสงบ
“และพวกเขาก็มีงานหลักด้วย…” เขากล่าว
“พวกเขาจัดการแข่งขันที่นักเรียนทุกระดับสามารถเข้าร่วมได้”
เมื่อรู้ว่าเจอรัลด์กำลังจะทำให้งานเทศกาลไปในทิศทางไหนตามคำแนะนำของเขา แวนส์ก็ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ขณะที่เขามองไปที่เจอรัลด์ จมูกของพวกเขากระตุกเมื่อพวกเขาจ้องตากัน
“เป็นความคิดที่ดีนี่!” ก่อนที่ทั้งสองคนจะปะทะกัน ประธานฮันนาห์ก็ปรบมือ และยืนขึ้น
“และเราจะนำความคิดของเกรตามาร่วมด้วย แล้วเจนิสละ ฉันเห็นเธอยกมือก่อนหน้านี้”
“!!!” เจนิสอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง เธอคิดว่าไม่มีใครเห็นเธอ
“เอาล่ะ ฉันจะคุยกับอาจารย์ใหญ่เกี่ยวกับเรื่องนี้!” ฮันนาห์พูดก่อนจะวิ่งไปที่ประตู
“ไปกัน!” เธอตะโกนและเสียงของเธอก็ค่อยๆหายไปผ่านโถงทางเดิน
“โอ้” เจมม่าเย้ยหยัน
“ทำได้ดีมาก เจ้าโรคจิต”
“เรียกฉันว่าโรคจิตอีกครั้งสิ แล้วฉันจะทำให้แน่ใจว่า…”
“ว่าอะไรหรอ แล้วแต่นายสิ” เจมม่าโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ
“ชิ” เจอรัลด์ทำได้แค่เดาะลิ้นขณะที่เขาเดินออกจากห้องด้วยความโมโห และไม่ทันได้สบตากับแวนส์เป็นครั้งสุดท้าย
“โธ่เว้ย” เจมม่าถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ไอ้โรคจิตนั่นมีปัญหากับนายจริงๆ ไม่ต้องห่วงมันเป็นหน้าที่ของเราที่จะปกป้องน้องใหม่จากสัตว์ประหลาดแบบนั้น”
“ยังไงก็เถอะ…” เจมม่าพูดต่อ
“วันแรกของนายที่นี่เป็นยังไงบ้าง?”
“อืม เจมม่า เธอกำลังพูดกับใครอยู่งั้นหรอ?” เจนิสเอียงศีรษะและหรี่ตาลง
เจมม่ารีบหันไปหาแวนส์ แต่เธอก็ต้องแปลกใจที่เขาไม่อยู่ที่นั่นแล้ว
“…”
***
“ขอโทษที ฉันมาช้าไปหน่อย”
แวนส์วิ่งตรงไปที่ประตูสถาบันทันทีที่การประชุมสิ้นสุดลง ฮาร์วีย์และเบียทริซกำลังรอเขาอยู่พร้อมกับวิคตอเรียด้วย
“โย่ นักการเมืองตัวน้อยของเราเป็นอย่างไรบ้าง” ฮาร์วีย์หัวเราะเบาๆ
แวนส์ทำได้แค่เพียงขยี้ตา นับตั้งแต่ฮาร์วีย์และเบียทริซรู้ว่าแวนส์จะเข้าร่วมสภานักเรียน พวกเขาก็ล้อเลียนเขาไม่หยุด
“หืม…” เบียทริซจับแว่นของเธอ
“อย่ารบกวนเขาฮาร์วีย์…ในตอนนี้เขาเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่สำคัญแล้ว”
“เห้อ”
ฮาร์วีย์และเบียทริซอดที่จะหุบปากไม่ได้ เสียงหัวเราะที่อู้อี้ของพวกเขากระทบหูที่หงุดหงิดของแวนส์
“หืม?” อย่างไรก็ตาม วิคตอเรียทำได้เพียงเอียงศีรษะของเธอ
“อ่า ใช่แล้ว!” ฮาร์วีย์สังเกตเห็นแววตาอยากรู้อยากเห็นของวิคตอเรียเขาจึงอธิบายว่า
“ตอนนี้แวนส์เป็นส่วนหนึ่งของสภานักเรียนแล้ว!”
“…เรามีของแบบนั้นด้วยเหรอ?” วิคตอเรียกระพริบตาสองสามครั้ง
ทันทีที่เบียทริซและฮาร์วีย์ได้ยินคำตอบของวิคตอเรีย เสียงหัวเราะที่อู้อี้ของทั้งคู่ก็กลายเป็นเสียงหัวเราะที่เต็มเปี่ยม ใช้เวลาหนึ่งนาทีก่อนที่ทั้งสองจะสงบสติอารมณ์ลงได้
“…เราควรไปตอนนี้เลยไหม” แวนส์รีบพูดทันทีที่ทั้งสองหัวเราะจบ
“เราจะไปที่นั่นกันเลยไหม”
“ไม่” วิคตอเรียส่ายหัวอย่างรวดเร็วขณะมองขึ้นไปบนฟ้า
“หืม?” แวนส์ก็ลอกเลียนแบบวิคตอเรียตามสัญชาตญาณและเงยหน้าของเขาขึ้น เขามองไปและเห็นจุดเล็กๆที่กำลังขยายใหญ่ขึ้นบนท้องฟ้า
“!!!”
ทันที่ที่มันลงมาที่หน้าประตู ตัวแวนส์ก็ถูกผลักจากลมกระโชกแรงที่กระทบกับร่างกายของเขา
“…อะไรน่ะ?”
แวนส์กระพริบตาสองสามครั้ง ในขณะที่เขามองไปที่วัตถุขนาดใหญ่ มันคือรถม้า…ไม่สิ เรียกว่ารถโดยสารน่าจะเหมาะกว่า แต่ละมุมมีกริฟฟอนสี่ตัว ถ้ามองดีๆจะเห็นได้ว่าพวกมันถูกใช้เพื่อขับรถโดยสารนี้ขึ้นไปในอากาศ
แวนส์รู้สึกทึ่งเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นอะไรแบบนี้ แต่เมื่อเห็นการแสดงออกอย่างไม่ใส่ใจของฮาร์วีย์และเบียทริซ ดูเหมือนว่านี่มันจะไม่ใช่อะไรที่พิเศษ
ผู้ชายที่มีหนวดโค้งงอกระโดดออกจากตู้โดยสาร และเปิดประตูรถโค้ชอย่างรวดเร็ว
“คุณหญิงวิคตอเรีย” เขาโค้งคำนับด้วยความเคารพ
“แล้ว…นี่เพื่อนคุณหนูงั้นเหรอ” เขาพูดขณะมองดูแวนส์และคนอื่นๆ
“สวัสดี ในที่สุดก็ได้เจอทุกคนแล้ว”
“โอ้!” หลังจากนั้นชายหนุ่มจึงสบตากับแวนส์
“คุณหนูมีเพื่อนที่เป็นเด็กประถมด้วยหรอ สวัสดี”
“อย่าหยาบคาย อัลเบิร์ต” วิคตอเรียโบกมืออย่างรวดเร็วขณะก้าวขึ้นรถม้า
“เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉัน”
“จะ…จริงเหรอ!?” อัลเบิร์ตกระแอมในลำคอทันที ขณะที่ก้มหัวใส่แวนส์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ฉันขอโทษจริงๆ!”
“…เชิญ” เขาตะกุกตะกักขณะโบกมือให้แวนส์ เพราะคนอื่นๆก้าวเข้าไปในรถแล้ว
แวนส์ทำได้เพียงถอนหายใจ ในขณะที่เขาก้าวเข้าไปในรถม้า ไม่ใช่ความผิดของเขาที่เขายังตัวเล็ก เขาเชื่อมั่นในตัวเอง รถม้าบินขึ้นไปในอากาศทันทีที่ทุกคนอยู่ข้างใน มันทำให้แวนส์เวียนหัวเล็กน้อย แต่หลังจากหายใจถี่ๆเพื่อสงบสติอารมณ์ ในที่สุดเขาก็ผ่อนคลายได้แต่เขากำมือจับประตูไว้แน่นเช่นเดิม
“รู้ไหม แวนส์…” เบียทริซจับแว่นของเธอ
“ฉันว่าเราไม่เคยถามนายจริงๆเลยว่านายอายุเท่าไหร่” เธอพูดต่อ
“และเราเป็นเพื่อนกันมาเดือนนึงแล้ว”
“…16” แวนส์พูดพร้อมกับถอนหายใจเล็กน้อย
“ฉัน…เข้าใจแล้ว” เบียทริซพยักหน้า แต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เธอก็ลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ ทำให้หัวของเธอกระแทกบนเพดานของรถม้า ทำให้กริฟฟอนตื่นตระหนกเล็กน้อยเนื่องจากรถม้าสั่นอย่างรุนแรงในทันใด
“นะ…นายอายุมากกว่าฉันหรอ!?”